สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิว ทริปกระบี่ สบาย สบาย 3 วัน 2 คืน ในราคาเบาๆ งบประมาณไม่เกิน 5,000 บาทค่ะ
ทริปนี้เราจะเน้นพักผ่อนนะคะ เหนื่อยจากการทำงาน และการใช้ชีวิตในเมืองกรุง เราหนีไปพักผ่อนกันที่กระบี่ดีกว่าค่ะ ทะเลสวยน้ำใส รอเราอยู่แล้วไปกันเลย
เริ่มจากการจองตั๋วเครื่องบิน พร้อมที่พัก เราเลือกจองผ่าน AirAsiaGo อีกแล้ว เพราะว่าเวลาที่มีโปรโมชั่นดีๆเด็ด การจองเป็นแพคเกจจะได้ราคาคุ้มค่ากว่าจองแยกนะคะ

ค่าใช้จ่ายโรงแรม + ตั๋วเครื่องบินเราทริปนี้ คือ ฿2,684.98 บาทต่อคนค่ะ ว้าวๆๆๆ

เดินหาแพคเกจถูกๆงานไทยเที่ยวไทยยังไม่ได้ราคานี้เลยนะคะ
เที่ยวบินของเราที่จองได้สำหรับทริปนี้
ขาไป กรุงเทพฯ (DMK) - กระบี่ (KBV) 10:25 - 11:40
ขากลับ กระบี่ (KBV) - กรุงเทพฯ (DMK) 19:10 - 20:30
ออกเดินทางกันเลยค่ะ

เจ้าหางแดงมารอเราแล้ว ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองเวลา 10.25 ค่ะ พร้อมเดินทาง

ท้องฟ้าใสๆ ทำจิตใจเบิกบาน คิดถึงท้องทะเลสีคราม และฟ้าใสๆ เรามาถึงสนามบินกระบี่เวลา 11.40 คะ
เมื่อเดินทางถึงสนามบินกระบี่เราก็ซื้อตั๋วรถบัสรับ-ส่งสนามบิน โดยเคาท์เตอร์ขายตั๋วจะอยู่บริเวณใกล้ประตูทางออกอาคารสนามบินกระบี่คะ อัตราค่าโดยสาร สนามบิน - อ่าวนางคือ 150 บาทต่อคนต่อเที่ยวคะ เพียงแค่เราบอกชื่อโรงแรม รถบัสก็จะมาส่งเราถึงที่พักเลยค่ะ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง รถบัสจะค่อยๆส่งนักท่องเที่ยวตามโรงแรมต่างๆ โดยแบ่งเป็น รถบัสส่งโรงแรมในเมืองกระบี่ และรถบัสส่งโรงแรมในบริเวณอ่าวนางค่ะ ตอนนี้เราก็มาถึงโรงแรมที่พักเรากันแล้วค่ะ

ที่พักของเราทริปนี้คือ โรงแรมAnanta Burin Resort

เรามาทำการเช็คอินกันเลยค่ะ โรงแรมจะเปิดให้เช็คอินในเวลา 14.00 น. ซึ่งเรามาถึง 13.30 น. แล้วค่ะ ก็ทำการเช็คอินได้เลย พนักงานต้อนรับน่ารักมากๆ บริการ Welcome Drink ชื่นใจค่ะ
บริเวณ Lobby มีเก้าอี้ โซฟา ค่อนข้างเยอะค่ะ และมีบริการ Free WiFi ให้ผู้เข้าพักบริเวณนี้ด้วยค่ะ

ทำการเช็คอินเรียบร้อย เรามาดูห้องพักกันนะคะ ว้าววววววว

เนื่องจากตอนจองเราทำการ Request ขอห้องเตียง Double Bed ซึ่งทางพนักงานก็จัดการให้เราอย่างดีเลยค่ะ

ดูมุมกว้างของห้องอีกหน่อย แอบเห็นของรกๆ ของเราด้วย ซึ่งห้องพักเราได้ห้องแบบ pool access เดินออกมาก็เจอสระว่ายน้ำเลยค่ะ ชั้น 1 และห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำด้วย เริศมากๆ

มาดูด้านนอกห้องพักกันหน่อยค่ะ ออกมาก็เป็นสระว่ายน้ำเลย

ห้องที่ระเบียงเปิดอยู่คือห้องพักเราทริปนี้ค่ะ

หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว ห้องพักติดสระว่ายน้ำขนาดนี้ เราก็ต้องแอบส่องหนุ่มๆว่ายน้ำกัน เอ้ย ไปว่ายน้ำออกกำลังกายกันค่ะ
ว่ายน้ำจนเหนื่อยแล้วเราก็ออกมาเดินบริเวณอ่าวนางจากโรงแรมเดินมาไม่ไกลค่ะ ซึ่งจุดประสงค์เราคือมาหาทัวร์One day trip
สำหรับเที่ยวกระบี่ในวันพรุ่งนี้กันค่ะ
จากที่เราเดินและสอบถามราคาหลายๆเคาท์เตอร์ของบริษัททัวร์ ก็ได้ราคามาประมาณ 450-550 บาทต่อคน สำหรับทัวร์ 4 เกาะ โดยเรือหางยาว จนเราคิดว่าเดินกลับทางโรงแรมดีกว่า และเคาท์เตอร์ ร้านข้างหน้านี้แระ ซื้อเลย เป็นร้านห้องเล็กๆนะคะ ซึ่งเค้าขายเราในราคา 350 บาทต่อคน

ถูกกว่าที่ถามๆมาอีก เราจึงตกลงจ่ายเงินและได้นัดหมายเวลา พร้อมแจ้งเบอร์โทรเรา และโรงแรมที่เราพัก เราก็จะได้ใบเสร็จมา เป็นหลักฐานคะ ซึ่งโบรชัวร์ที่เค้าให้มานั้น เป็นคนละบริษัททัวร์กับที่เค้าขายให้เราไปค่ะ แอบงงๆ
เมื่อเดินจนเหมื่อย + หิวแล้ว ว่ายน้ำก็ใช้พลังงานเยอะ เราเลยเดินเลยซอยโรงแรมมาหน่อย ก็จะถึงร้านขึ้นชื่อของอ่าวนางนั้นเอง

ร้านวังทรายซีฟู๊ด มาถึงแล้วต้องสั่งกระเพราไก่ไข่ดาวซะหน่อย เอ้ยไม่ใช่ต้องลองอาหารทะเลสิคะ มาถึงเมืองทะเลแล้ว
สั่งอาหารกันเลยค่ะ จานแรก หอยนางรมทรงเครื่อง จานนี้ให้ผ่านค่ะ แต่ว่าหอยนางรมตัวเล็กไปหน่อย (แถวปากน้ำสมุทรปราการเราตัวใหญ่กว่า) น้ำจิ้มเราว่าอ่อนไปนิดนะคะ ไม่จัดจ้านมาก

แบบว่าคุณแม่เราทำอร่อยกว่าเยอะเลย

จานถัดไปกุ้งลายเสือ อร่อยเต็มสิบค่ะ กุ้งมาตัวเท่ากำปั้นเราเลย ใหญ่กำลังดี

จานถัดมาคือปูผัดผงกะหรี่ จานนี้เราให้ 8 คะแนน นะคะ เพราะว่าร้านทานจากที่อื่นอร่อยกว่า

จานต่อไปคือปลาหมึกนึ่งมะนาว ตอนนี้ท้องเรารับไม่ไหวแล้วค่ะ จุกกับกุ้ง หอย และปูไปแล้ว ผลคือกินไม่หมดค่ะ แต่รสชาติใช้ได้ค่ะ ได้ไป 8 คะแนนค่ะ

ภาพรวมของอาหารมื้อนี้ค่ะ ค่าเสียหายสำหรับมื้อนี้ 1,500 บาท ค่ะ อิ่มแล้วเดินกลับโรงแรมกันดีกว่า

ก่อนกลับโรงแรมดูวิวจากร้านอาหารวังทรายซีฟู๊ดนะคะพระอาทิตย์กำลังตกดิน
หลังจากกินอิ่มนอนหลังสบายก็เช้าวันที่สองของการเดินทาง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ก็ออกมารอบริษัททัวร์ที่ตัวเองซื้อเอาไว้กันที่ล็อบบี้ของโรงแรมค่ะ เค้าก็มาเรียกชื่อ หรือเบอร์ห้องพักเรา ซึ่งเราก็รอ ทำไมของเรามาช้าจังนะ คนจะหมดล็อบบี้แล้ว
และแล้วรถก็มารับค่ะ ไม่ได้โดนโกงแต่อย่างใด แอบตื่นเต้นเล็กน้อย เป็นรถเหมือนรถสองแถวแต่คันใหญ่มาก วิ่งรับเราและไปรับนักท่องเที่ยวจากโรงแรมอื่นๆอีกคะ เคาท์เตอร์ที่เราซื้อทัวร์เค้าไปส่งต่อให้บริษัท กรีน แพลนเนท ซึ่งเรือเค้าลำใหญ่มาก ทำให้จุนักท่องเที่ยวเยอะ แต่ราคาเลยไม่แพงค่ะ แต่ว่า เจอพี่คนไทยบนเรือคุยกัน เค้าว่าเค้าซื้อได้ราคาถูกมาก คือ 550 บาท เรานี่ไม่กล้าบอกราคาเค้าเลยค่ะ กลัวเค้าเสียใจ

แต่ตอนซื้อเราก็ไม่ได้ต่อราคานะคะ ถามเค้าก็บอกราคามา แค่นั้น
มาถึงท่าขึ้นเรือแล้วค่ะ

เรือจอดเต็มไปหมดเลย

จากนั้นเราก็ปีนขึ่นเรือต้องใช้คำนี้เลยค่ะ เพราะเรือใหญ่และสูงมาก หนักของแถมกล้องอีก หลังจากนี้รูปจะน้อยแล้วค่ะ เพราะกล้องไม่ได้กันน้ำได้

เรือล่องออกไปกลางทะเล เพื่อไปเกาะน้อยใหญ่ ท้องฟ้าและน้ำทะเลสวยงามจริงๆค่ะ

จุดเที่ยวจุดแรกค่ะ อ่าวพระนาง ชื่อคล้ายๆอ่าวนางเลยค่ะ

อีกรูป สวยมากจริงๆค่ะ

อ่าวพระนาง กระบี่ สวยมาก เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้

โดยที่ทางทัวร์จะให้เวลาเราถ่ายรูปเล่นน้ำกันเต็มที่นะคะ จากนั้นก็ออกเดินทางไปยังจุดต่อไปค่ะ

เรามากันที่ จุดชมทะเลแหวกค่ะ แต่ว่าทะเลจะแหวกได้ก็ต้องมีเวลาของเค้านะคะ ซึ่งตอนเราไปมันยังไม่แหวกเลย

เกาะหม้อ ณ ทะเลแหวก วิวเมื่อมองจากเกาะทับค่ะ
จุดนี้ทัวร์จะแจกข้าวกล่องให้เราคนละกล่องพร้อมน้ำค่ะ นั่งรับประทานกันที่นี้เลย

กินข้าวจนเสร็จทะเลก็ไม่แหวกค่ะ แต่คนเดินแหวกทะเลแทน
จากนั้นเรือก็จะพาเรามาตรงจุดดำน้ำ กันค่ะ ก่อนไปดำน้ำก็จอดใกล้ๆเกาะไก่ให้เราถ่ายรูปจากเรือไปที่เกาะค่ะ
หารูปไม่เจอ และตรงจุดดำน้ำเราไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ ลงไปดำแล้ว หอยแม่นเยอะมาก ต้องระวังกันนะคะ พอดีแฟนเราโดยหอยเม่นทิ่มเท้าด้วยเลยหมดสนุกไปนิดๆเลยค่ะ

หนุ่มเกาหลีกำลังช่วยค่ะด้วยการพยายามเอาเข็มมากดให้เข็มของหอยเม่นออกมาซึ่งเป็นวิธีการรักษาพยาบาลเบื้อต้นที่ผิดค่ะ

รูปแบบซูมและตัดให้ดูไม่น่าเกลียดนะคะ จริงๆจะต้องทำการทุบๆ ให้เข็มหอยเม่นเข้าไปในเท้าหรือจุดที่โดนทิ่มให้หมดค่ะ อย่าให้โผล่ออกมา อาจจะปวดนิดหน่อยในวันสองวันแรก แต่ว่า พวกเข็มของหอยเม่นเป็นแคลเซี่ยมธรรมชาติค่ะ เค้าจะสลายไปเอง จากนั้นก็ปวดระบมค่ะ
จุดถัดไปที่จะจอดให้แวะเที่ยวนะคะ คือเกาะปอดะ

ตรงจุดนี้ปลาจะเยอะมากค่ะ ซึ่งเราไม่มีอารมณ์สนุกแล้ว สงสารแฟนโดยพี่เม่นทำร้าย 555 หรือว่าแอบซะใจ
จากนั้นก็จบทัวร์อย่างสวยงาม รถก็จะมารับเราไปส่งโรงแรมค่ะ ถึงโรงแรมประมาณ 4-5 โมงเย็น เราก็สั่งข้าวกินในโรงแรมง่ายๆค่ะ
หลับพักผ่อนเพราะอีกคนเดินไม่ไหวแล้ว อ๋อ แวะซื้อยาแก้ปวดบรรเทาอาการ ใกล้ๆโรงแรมมีร้านขายยาด้วยค่ะ
วันที่สามวันนี้เราต้องบินกลับแล้ว
เราจึงไม่ได้ไปไหนมากนะคะ วันนี้ตื่นสายหน่อย
รับประทานอาหารเช้าของโรงแรม

เที่ยงเราก็เช้คเอ้าท์และฝากของไว้กับโรงแรม เดินมาบริเวณหาดของอ่าวนางค่ะ

ซึ่งหาดอ่าวนาง ทรายนั้นจะไม่ขาวเหมือนหาดตามเกาะนะคะ แต่ก็สงบนี้ไม่มีคนเล่นน้ำเลย

นั่งสักพักก็มีนักท่องเที่ยวจดรถยัสและลงมากระโดดถ่ายรูปกับแบบนี้
แล้วเราก็กลับไปรอรถบัสมารับที่โรงแรมค่ะ โดยโทรไปแจ้งตามตั๋วที่เราซื้อขามา เค้าก็จะมารับโดยนัดเวลากับเราเพื่อไปส่งสนามบินค่ะ
บายๆกระบี่ ทริปนี้ อาจไม่ได้เที่ยวเยอะ เน้นมาพักผ่อนเอาแรงไปสู้กับการทำงานต่อค่ะ
สรุปค่าใช้จ่าย ค่าตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก 2,684.98 + ค่าอาหารมื้อพิเศษ 1,500 บาท ต่อสองคน หารสองก็ 750 บาทค่ะ + อาหารมื้อเย็นวันที่สอง 200 บาท + อาหารกลางวันวันที่สาม 250 บาท + ค่าทัวร์ 4 เกาะ 350 บาท และค่ารถบัส รับ-ส่ง โรงแรมสนามบิน 300 บาท รวมเป็นค่าใช้จ่ายต่อคนสำหรับทริปนี้ 4,535 บาทค่ะ
แล้วเจอกันในรีวิวต่อไปนะคะ
[CR] รีวิวเที่ยวกระบี่ สบายๆ 3 วัน 2 คืนบินAir Asia พักโรงแรม Ananta Burin Resort (งบไม่เกิน5,000 บาทรวมตั๋วบินไป-กลับ)
ทริปนี้เราจะเน้นพักผ่อนนะคะ เหนื่อยจากการทำงาน และการใช้ชีวิตในเมืองกรุง เราหนีไปพักผ่อนกันที่กระบี่ดีกว่าค่ะ ทะเลสวยน้ำใส รอเราอยู่แล้วไปกันเลย
เริ่มจากการจองตั๋วเครื่องบิน พร้อมที่พัก เราเลือกจองผ่าน AirAsiaGo อีกแล้ว เพราะว่าเวลาที่มีโปรโมชั่นดีๆเด็ด การจองเป็นแพคเกจจะได้ราคาคุ้มค่ากว่าจองแยกนะคะ
ค่าใช้จ่ายโรงแรม + ตั๋วเครื่องบินเราทริปนี้ คือ ฿2,684.98 บาทต่อคนค่ะ ว้าวๆๆๆ
เที่ยวบินของเราที่จองได้สำหรับทริปนี้
ขาไป กรุงเทพฯ (DMK) - กระบี่ (KBV) 10:25 - 11:40
ขากลับ กระบี่ (KBV) - กรุงเทพฯ (DMK) 19:10 - 20:30
ออกเดินทางกันเลยค่ะ
เจ้าหางแดงมารอเราแล้ว ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองเวลา 10.25 ค่ะ พร้อมเดินทาง
ท้องฟ้าใสๆ ทำจิตใจเบิกบาน คิดถึงท้องทะเลสีคราม และฟ้าใสๆ เรามาถึงสนามบินกระบี่เวลา 11.40 คะ
เมื่อเดินทางถึงสนามบินกระบี่เราก็ซื้อตั๋วรถบัสรับ-ส่งสนามบิน โดยเคาท์เตอร์ขายตั๋วจะอยู่บริเวณใกล้ประตูทางออกอาคารสนามบินกระบี่คะ อัตราค่าโดยสาร สนามบิน - อ่าวนางคือ 150 บาทต่อคนต่อเที่ยวคะ เพียงแค่เราบอกชื่อโรงแรม รถบัสก็จะมาส่งเราถึงที่พักเลยค่ะ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง รถบัสจะค่อยๆส่งนักท่องเที่ยวตามโรงแรมต่างๆ โดยแบ่งเป็น รถบัสส่งโรงแรมในเมืองกระบี่ และรถบัสส่งโรงแรมในบริเวณอ่าวนางค่ะ ตอนนี้เราก็มาถึงโรงแรมที่พักเรากันแล้วค่ะ
ที่พักของเราทริปนี้คือ โรงแรมAnanta Burin Resort
เรามาทำการเช็คอินกันเลยค่ะ โรงแรมจะเปิดให้เช็คอินในเวลา 14.00 น. ซึ่งเรามาถึง 13.30 น. แล้วค่ะ ก็ทำการเช็คอินได้เลย พนักงานต้อนรับน่ารักมากๆ บริการ Welcome Drink ชื่นใจค่ะ
บริเวณ Lobby มีเก้าอี้ โซฟา ค่อนข้างเยอะค่ะ และมีบริการ Free WiFi ให้ผู้เข้าพักบริเวณนี้ด้วยค่ะ
ทำการเช็คอินเรียบร้อย เรามาดูห้องพักกันนะคะ ว้าววววววว
เนื่องจากตอนจองเราทำการ Request ขอห้องเตียง Double Bed ซึ่งทางพนักงานก็จัดการให้เราอย่างดีเลยค่ะ
ดูมุมกว้างของห้องอีกหน่อย แอบเห็นของรกๆ ของเราด้วย ซึ่งห้องพักเราได้ห้องแบบ pool access เดินออกมาก็เจอสระว่ายน้ำเลยค่ะ ชั้น 1 และห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำด้วย เริศมากๆ
มาดูด้านนอกห้องพักกันหน่อยค่ะ ออกมาก็เป็นสระว่ายน้ำเลย
ห้องที่ระเบียงเปิดอยู่คือห้องพักเราทริปนี้ค่ะ
หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว ห้องพักติดสระว่ายน้ำขนาดนี้ เราก็ต้องแอบส่องหนุ่มๆว่ายน้ำกัน เอ้ย ไปว่ายน้ำออกกำลังกายกันค่ะ
ว่ายน้ำจนเหนื่อยแล้วเราก็ออกมาเดินบริเวณอ่าวนางจากโรงแรมเดินมาไม่ไกลค่ะ ซึ่งจุดประสงค์เราคือมาหาทัวร์One day trip
สำหรับเที่ยวกระบี่ในวันพรุ่งนี้กันค่ะ
จากที่เราเดินและสอบถามราคาหลายๆเคาท์เตอร์ของบริษัททัวร์ ก็ได้ราคามาประมาณ 450-550 บาทต่อคน สำหรับทัวร์ 4 เกาะ โดยเรือหางยาว จนเราคิดว่าเดินกลับทางโรงแรมดีกว่า และเคาท์เตอร์ ร้านข้างหน้านี้แระ ซื้อเลย เป็นร้านห้องเล็กๆนะคะ ซึ่งเค้าขายเราในราคา 350 บาทต่อคน
เมื่อเดินจนเหมื่อย + หิวแล้ว ว่ายน้ำก็ใช้พลังงานเยอะ เราเลยเดินเลยซอยโรงแรมมาหน่อย ก็จะถึงร้านขึ้นชื่อของอ่าวนางนั้นเอง
ร้านวังทรายซีฟู๊ด มาถึงแล้วต้องสั่งกระเพราไก่ไข่ดาวซะหน่อย เอ้ยไม่ใช่ต้องลองอาหารทะเลสิคะ มาถึงเมืองทะเลแล้ว
สั่งอาหารกันเลยค่ะ จานแรก หอยนางรมทรงเครื่อง จานนี้ให้ผ่านค่ะ แต่ว่าหอยนางรมตัวเล็กไปหน่อย (แถวปากน้ำสมุทรปราการเราตัวใหญ่กว่า) น้ำจิ้มเราว่าอ่อนไปนิดนะคะ ไม่จัดจ้านมาก
จานถัดไปกุ้งลายเสือ อร่อยเต็มสิบค่ะ กุ้งมาตัวเท่ากำปั้นเราเลย ใหญ่กำลังดี
จานถัดมาคือปูผัดผงกะหรี่ จานนี้เราให้ 8 คะแนน นะคะ เพราะว่าร้านทานจากที่อื่นอร่อยกว่า
จานต่อไปคือปลาหมึกนึ่งมะนาว ตอนนี้ท้องเรารับไม่ไหวแล้วค่ะ จุกกับกุ้ง หอย และปูไปแล้ว ผลคือกินไม่หมดค่ะ แต่รสชาติใช้ได้ค่ะ ได้ไป 8 คะแนนค่ะ
ภาพรวมของอาหารมื้อนี้ค่ะ ค่าเสียหายสำหรับมื้อนี้ 1,500 บาท ค่ะ อิ่มแล้วเดินกลับโรงแรมกันดีกว่า
ก่อนกลับโรงแรมดูวิวจากร้านอาหารวังทรายซีฟู๊ดนะคะพระอาทิตย์กำลังตกดิน
หลังจากกินอิ่มนอนหลังสบายก็เช้าวันที่สองของการเดินทาง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ก็ออกมารอบริษัททัวร์ที่ตัวเองซื้อเอาไว้กันที่ล็อบบี้ของโรงแรมค่ะ เค้าก็มาเรียกชื่อ หรือเบอร์ห้องพักเรา ซึ่งเราก็รอ ทำไมของเรามาช้าจังนะ คนจะหมดล็อบบี้แล้ว
และแล้วรถก็มารับค่ะ ไม่ได้โดนโกงแต่อย่างใด แอบตื่นเต้นเล็กน้อย เป็นรถเหมือนรถสองแถวแต่คันใหญ่มาก วิ่งรับเราและไปรับนักท่องเที่ยวจากโรงแรมอื่นๆอีกคะ เคาท์เตอร์ที่เราซื้อทัวร์เค้าไปส่งต่อให้บริษัท กรีน แพลนเนท ซึ่งเรือเค้าลำใหญ่มาก ทำให้จุนักท่องเที่ยวเยอะ แต่ราคาเลยไม่แพงค่ะ แต่ว่า เจอพี่คนไทยบนเรือคุยกัน เค้าว่าเค้าซื้อได้ราคาถูกมาก คือ 550 บาท เรานี่ไม่กล้าบอกราคาเค้าเลยค่ะ กลัวเค้าเสียใจ
มาถึงท่าขึ้นเรือแล้วค่ะ
เรือจอดเต็มไปหมดเลย
จากนั้นเราก็ปีนขึ่นเรือต้องใช้คำนี้เลยค่ะ เพราะเรือใหญ่และสูงมาก หนักของแถมกล้องอีก หลังจากนี้รูปจะน้อยแล้วค่ะ เพราะกล้องไม่ได้กันน้ำได้
เรือล่องออกไปกลางทะเล เพื่อไปเกาะน้อยใหญ่ ท้องฟ้าและน้ำทะเลสวยงามจริงๆค่ะ
จุดเที่ยวจุดแรกค่ะ อ่าวพระนาง ชื่อคล้ายๆอ่าวนางเลยค่ะ
อีกรูป สวยมากจริงๆค่ะ
อ่าวพระนาง กระบี่ สวยมาก เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้
โดยที่ทางทัวร์จะให้เวลาเราถ่ายรูปเล่นน้ำกันเต็มที่นะคะ จากนั้นก็ออกเดินทางไปยังจุดต่อไปค่ะ
เรามากันที่ จุดชมทะเลแหวกค่ะ แต่ว่าทะเลจะแหวกได้ก็ต้องมีเวลาของเค้านะคะ ซึ่งตอนเราไปมันยังไม่แหวกเลย
เกาะหม้อ ณ ทะเลแหวก วิวเมื่อมองจากเกาะทับค่ะ
จุดนี้ทัวร์จะแจกข้าวกล่องให้เราคนละกล่องพร้อมน้ำค่ะ นั่งรับประทานกันที่นี้เลย
กินข้าวจนเสร็จทะเลก็ไม่แหวกค่ะ แต่คนเดินแหวกทะเลแทน
จากนั้นเรือก็จะพาเรามาตรงจุดดำน้ำ กันค่ะ ก่อนไปดำน้ำก็จอดใกล้ๆเกาะไก่ให้เราถ่ายรูปจากเรือไปที่เกาะค่ะ
หารูปไม่เจอ และตรงจุดดำน้ำเราไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ ลงไปดำแล้ว หอยแม่นเยอะมาก ต้องระวังกันนะคะ พอดีแฟนเราโดยหอยเม่นทิ่มเท้าด้วยเลยหมดสนุกไปนิดๆเลยค่ะ
หนุ่มเกาหลีกำลังช่วยค่ะด้วยการพยายามเอาเข็มมากดให้เข็มของหอยเม่นออกมาซึ่งเป็นวิธีการรักษาพยาบาลเบื้อต้นที่ผิดค่ะ
รูปแบบซูมและตัดให้ดูไม่น่าเกลียดนะคะ จริงๆจะต้องทำการทุบๆ ให้เข็มหอยเม่นเข้าไปในเท้าหรือจุดที่โดนทิ่มให้หมดค่ะ อย่าให้โผล่ออกมา อาจจะปวดนิดหน่อยในวันสองวันแรก แต่ว่า พวกเข็มของหอยเม่นเป็นแคลเซี่ยมธรรมชาติค่ะ เค้าจะสลายไปเอง จากนั้นก็ปวดระบมค่ะ
จุดถัดไปที่จะจอดให้แวะเที่ยวนะคะ คือเกาะปอดะ
ตรงจุดนี้ปลาจะเยอะมากค่ะ ซึ่งเราไม่มีอารมณ์สนุกแล้ว สงสารแฟนโดยพี่เม่นทำร้าย 555 หรือว่าแอบซะใจ
จากนั้นก็จบทัวร์อย่างสวยงาม รถก็จะมารับเราไปส่งโรงแรมค่ะ ถึงโรงแรมประมาณ 4-5 โมงเย็น เราก็สั่งข้าวกินในโรงแรมง่ายๆค่ะ
หลับพักผ่อนเพราะอีกคนเดินไม่ไหวแล้ว อ๋อ แวะซื้อยาแก้ปวดบรรเทาอาการ ใกล้ๆโรงแรมมีร้านขายยาด้วยค่ะ
วันที่สามวันนี้เราต้องบินกลับแล้ว
เราจึงไม่ได้ไปไหนมากนะคะ วันนี้ตื่นสายหน่อย
รับประทานอาหารเช้าของโรงแรม
เที่ยงเราก็เช้คเอ้าท์และฝากของไว้กับโรงแรม เดินมาบริเวณหาดของอ่าวนางค่ะ
ซึ่งหาดอ่าวนาง ทรายนั้นจะไม่ขาวเหมือนหาดตามเกาะนะคะ แต่ก็สงบนี้ไม่มีคนเล่นน้ำเลย
นั่งสักพักก็มีนักท่องเที่ยวจดรถยัสและลงมากระโดดถ่ายรูปกับแบบนี้
แล้วเราก็กลับไปรอรถบัสมารับที่โรงแรมค่ะ โดยโทรไปแจ้งตามตั๋วที่เราซื้อขามา เค้าก็จะมารับโดยนัดเวลากับเราเพื่อไปส่งสนามบินค่ะ
บายๆกระบี่ ทริปนี้ อาจไม่ได้เที่ยวเยอะ เน้นมาพักผ่อนเอาแรงไปสู้กับการทำงานต่อค่ะ
สรุปค่าใช้จ่าย ค่าตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก 2,684.98 + ค่าอาหารมื้อพิเศษ 1,500 บาท ต่อสองคน หารสองก็ 750 บาทค่ะ + อาหารมื้อเย็นวันที่สอง 200 บาท + อาหารกลางวันวันที่สาม 250 บาท + ค่าทัวร์ 4 เกาะ 350 บาท และค่ารถบัส รับ-ส่ง โรงแรมสนามบิน 300 บาท รวมเป็นค่าใช้จ่ายต่อคนสำหรับทริปนี้ 4,535 บาทค่ะ
แล้วเจอกันในรีวิวต่อไปนะคะ