เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์สลับกันไปมาในงานประกวดสูตรแกงส้ม
ระหว่างเรื่องเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีทางตรงกับเรื่องนิรโทษกรรม
กล่าวถึงเรื่องนิรโทษฯ ที่จุดพลุขึ้นมาโดย นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธาน
คณะอนุกมธ.พิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญ คณะที่ 10 ว่าด้วยการสร้าง
ความปรองดอง ใน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ
หลายคนไม่เห็นด้วยนักต่อการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่าเรื่องนิรโทษฯ
กับการสร้างความปรองดอง เป็นคนละเรื่องกัน
เพราะที่จริงแล้วนิรโทษฯ คือส่วนหนึ่งในการสร้างความปรองดอง
นายวิษณุ เครืองาม เนติบริกรของรัฐบาลคสช. กล่าวถึงการโยนหินถามทางเรื่องนิรโทษฯ
ว่ามี 4 ช่องทางทำได้ ประ กอบด้วย ทางแรก สนช. 20 คนเสนอกฎหมายเอง
ทางที่สอง เสนอมาที่รัฐบาลให้ทำเป็นร่างพระราชบัญญัติ ทางที่สาม เสนอไปยัง
คสช.เพื่อให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 และทางที่สี่ เสนอไปยังรัฐบาลออกเป็น
พระราชกำหนด
แต่ทั้งหลายทั้งปวงต้องคุยกันให้ตกผลึกเสียก่อนว่าการนิรโทษฯ ควรครอบคลุม
ช่วงเวลาใดและใครบ้าง
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเคยใช้เรื่องนี้เป็น "สารตั้งต้น" ร่วมก่อม็อบนกหวีด
โค่นล้มรัฐบาลเพื่อไทย ก็ยังออกมาคัดค้านอีกเช่นเคย ด้วยเกรงจะมีการฉวย
โอกาสผลักดันนิรโทษฯ จน "สุดซอย" เหมือนในอดีต
ทั้งยังอ้างว่าขณะนี้ผู้ชุมนุมต้นซอยพ้นโทษไปหมดแล้ว ส่วนผู้ชุมนุมกลางซอย
ถึงจะมีที่ยังต้องต่อสู้คดีอยู่บ้าง แต่ก็ได้รับการประกันตัว ไม่มีใครอยู่ในคุกแล้ว
การนิรโทษฯ จึงไม่จำเป็น
ซึ่งก็จริงส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ต้องคิดต่อไปก็คือ ไม่ว่าผู้ชุมนุมต้นซอยหรือกลางซอย
ถึงจะพ้นโทษได้ออกจากคุกแล้ว แต่ก็ยังมีประวัติความผิดติดตัว ยังต้องขึ้นโรง
ขึ้นศาลต่อสู้คดี ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุข
ตรงนี้ต่างหากคือจุดมุ่งหมายแท้จริงของกฎหมายนิรโทษฯ
ก็เพื่อให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์และไม่มีเจตนากระทำความผิด เพียงแต่ตกเป็น
เครื่องมือทางการเมืองของคนบางกลุ่มบางพวก ได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
เป็นการคืนความสุขที่รัฐบาล คสช.ทำได้ทันที
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE9ESTNNVFl4Tmc9PQ==§ionid=
ทำได้ทันที ทิ้งหมัดเข้ามุม มันฯ มือเสือ ข่าวสดออนไลน์ ..../sao..เหลือ..noi
ระหว่างเรื่องเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีทางตรงกับเรื่องนิรโทษกรรม
กล่าวถึงเรื่องนิรโทษฯ ที่จุดพลุขึ้นมาโดย นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธาน
คณะอนุกมธ.พิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญ คณะที่ 10 ว่าด้วยการสร้าง
ความปรองดอง ใน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ
หลายคนไม่เห็นด้วยนักต่อการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่าเรื่องนิรโทษฯ
กับการสร้างความปรองดอง เป็นคนละเรื่องกัน
เพราะที่จริงแล้วนิรโทษฯ คือส่วนหนึ่งในการสร้างความปรองดอง
นายวิษณุ เครืองาม เนติบริกรของรัฐบาลคสช. กล่าวถึงการโยนหินถามทางเรื่องนิรโทษฯ
ว่ามี 4 ช่องทางทำได้ ประ กอบด้วย ทางแรก สนช. 20 คนเสนอกฎหมายเอง
ทางที่สอง เสนอมาที่รัฐบาลให้ทำเป็นร่างพระราชบัญญัติ ทางที่สาม เสนอไปยัง
คสช.เพื่อให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 และทางที่สี่ เสนอไปยังรัฐบาลออกเป็น
พระราชกำหนด
แต่ทั้งหลายทั้งปวงต้องคุยกันให้ตกผลึกเสียก่อนว่าการนิรโทษฯ ควรครอบคลุม
ช่วงเวลาใดและใครบ้าง
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเคยใช้เรื่องนี้เป็น "สารตั้งต้น" ร่วมก่อม็อบนกหวีด
โค่นล้มรัฐบาลเพื่อไทย ก็ยังออกมาคัดค้านอีกเช่นเคย ด้วยเกรงจะมีการฉวย
โอกาสผลักดันนิรโทษฯ จน "สุดซอย" เหมือนในอดีต
ทั้งยังอ้างว่าขณะนี้ผู้ชุมนุมต้นซอยพ้นโทษไปหมดแล้ว ส่วนผู้ชุมนุมกลางซอย
ถึงจะมีที่ยังต้องต่อสู้คดีอยู่บ้าง แต่ก็ได้รับการประกันตัว ไม่มีใครอยู่ในคุกแล้ว
การนิรโทษฯ จึงไม่จำเป็น
ซึ่งก็จริงส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ต้องคิดต่อไปก็คือ ไม่ว่าผู้ชุมนุมต้นซอยหรือกลางซอย
ถึงจะพ้นโทษได้ออกจากคุกแล้ว แต่ก็ยังมีประวัติความผิดติดตัว ยังต้องขึ้นโรง
ขึ้นศาลต่อสู้คดี ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุข
ตรงนี้ต่างหากคือจุดมุ่งหมายแท้จริงของกฎหมายนิรโทษฯ
ก็เพื่อให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์และไม่มีเจตนากระทำความผิด เพียงแต่ตกเป็น
เครื่องมือทางการเมืองของคนบางกลุ่มบางพวก ได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
เป็นการคืนความสุขที่รัฐบาล คสช.ทำได้ทันที
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE9ESTNNVFl4Tmc9PQ==§ionid=