เราคบกับแฟนมา 8 ปีแล้ว ตอนนี้เราอายุ 36 แฟนห่างกะเรา 5 ปี แต่อยู่คนละบ้าน แฟนทำงานเป็นกะ เดือนนึงจะเจอกันแค่ 2- 3 ครั้งหรือไม่เจอเลย แต่เราก็ไม่ซีเรียสนะ เพราะตัวเองก็มีงานให้ทำตลอด เลยไม่ติดแฟน ไปไหน มาไหนคนเดียวได้ แต่เวลาเจอกันก็แค่กินข้าว ดูหนัง ปกติ นานๆทีจะได้ไปตจว. เวลาไปก็ต้องบอกแม่ว่าไปกะเพื่อน เพราะถ้าบอกไปกะแฟนแม่ก็ไม่ให้ไปชัวร์ (เราลูกคนเดียว) ซึ่งมันก็ทำให้เราอึดอัดมาตลอด 8 ปี ไม่อยากโกหกแม่ ก็เกริ่นคุยกะเค้าเวลาเจอกันเรื่องแต่งงานเพราะก็คบกันมานานแล้ว เราก็อยากจะแต่งให้ถูกต้องเปิดเผย แม่เราจะได้สบายใจ ไม่ได้ต้องการพิธีอะไรใหญ่โต
จริงๆขอเล่าย้อนหน่อยคือก่อนหน้านี้หลังจากที่คบกันมา 3 ปี เคยจะแต่งงานกันไปรอบนึง กำหนดวัน จองสถานที่ เตรียมของชำร่วย จองแพ็คเกจชุด แต่งหน้า ถ่ายพรีไปเรียบร้อย จ่ายไปเยอะเหมือนกัน แต่เราจ่ายเองนะเพราะตอนนั้นยังอายุไม่เยอะเท่านี้ก็อยากได้งานแต่งสวยฟุ้ง เห็นว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลืองไม่อยากกวนเค้าเลยจ่ายเอง เกริ่นบอกผู้ใหญ่ไปบ้าง แต่พอเดือนนึงก่อนวันแต่ง กลับบอกว่าไม่พร้อม แม่เค้าไม่ค่อยสบาย ซึ่งจริงๆเค้าป่วยมานานแล้ว บอกให้เลื่อนงานไปก่อนอีกซัก 2 ปี ขอเก็บเงินซื้อบ้าน(เค้าเช่าบ้านอยู่ในกทม.ทั้งครอบครัว แต่มีบ้านตจว.) และให้พร้อมกว่านี้ก่อน ตอนแรกช้อกน้ำตาไหล พยายามทำใจ แต่เราเกรงใจแม่เรามาก และจากวันนั้นภาพแฟนเราในสายตาแม่เราติดลบมาก และหลังจากที่บอกเลื่อนงานประมาณ 1 สัปดาห์ แม่แฟนเราเค้าโทรมาที่บ้าน แม่เรารับสายเพราะเราไปทำงาน เค้าพูดประมาณว่าถ้าเราเจอคนที่ดีกว่าลูกเค้า ก็ให้เราเลิกกะลูกเค้าได้ แม่เราก็งงว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น เกิดอาการหวงลูกกระทันหันเหรอ (เราก็บอกแฟนเรานะว่าแม่คุณโทรมาพูดแบบนี้ เค้าบอกอย่าไปใส่ใจเลย แต่ก็ไม่มีคำขอโทษออกมาจากปากใครซักคน)
จริงๆ ก่อนหน้าที่ยังไม่คุยเรื่องแต่งงาน แม่เค้ายังชวนเรากะแม่ไปงานแต่งงานญาติที่ต่างจังหวัดเลย และแนะนำด้วยว่าเราเป็นว่าที่สะใภ้ แต่เอารถเราไปนะ เพราะบ้านเค้าไม่มีรถ ซึ่งตลอดเวลาที่แม่เค้าอยากจะไปไหนจะให้ลูกชายมายืมรถเราตลอด หลังๆเริ่มบ่อยขึ้น จนรู้สึกได้ว่าไม่เกรงกันซักนิดเหรอ อีกอย่างพอรถเสียเราก็ต้องซ่อมเอง ก็เลยมีไม่ให้ยืมบ้าง แต่หลังจากที่ยกเลิกงานแต่งไป ก็ไม่กล้ามายืมรถอีก แต่ก็โทรมาหาแม่เรานะ ว่าไม่เห็นไปเที่ยวบ้านเค้าบ้าง (จะให้ไปยังไงพูดหักหน้ากันขนาดนี้แล้ว)
สุดท้ายเราก็ทำใจรอเค้าตามที่บอก 2 ปี ผ่านไปบ้านยังไม่ซื้อ นี่เข้าปีที่ 8 แล้ว เราก็ถามว่าพร้อมรึยัง น่าจะเริ่มเตรียมงานไปเรื่อยๆนะ ไม่ใช่รอพร้อมแล้วค่อยคุย เพราะอย่างน้อยก็เตรียมไว้จากครั้งก่อนแล้ว เราจัดงานเล็กๆให้ผู้ใหญ่รับรู้ถูกต้องก็พอ จะได้ไม่สิ้นเปลือง แต่คำตอบที่ได้คือ "ไม่นานเกินรอ" และต่อท้ายว่าเก็บเงินอยู่ ตอบแบบนี้ทุกปีที่ถาม เจ็บนิดๆเวลาได้ยินคำตอบ สงสัยเหมือนกันว่า ให้เวลาเตรียมความพร้อมตั้ง8ปีนี่น้อยไปเหรอ จุดที่พร้อมอยู่ตรงไหน เวลาที่ผ่านมาทำอะไรอยู่ บ้านเรามี รถเรามี กิจการเรามี เราไม่ได้ต้องการอะไรมากมายขอแค่คู่ชีวิต ที่ปรึกษาที่ดี แต่งแล้วช่วยกันสร้างครอบครัวสร้างฐานะก็ได้ แค่ขยันช่วยกันยังไงไม่มีวันจนแน่นอน แต่นี่รอพร้อม ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ ไม่เริ่มอะไรซักอย่าง
ตอนนี้ก็เราก็เบื่อจะถามแล้ว มันกลายเป็นว่าความเชื่อมั่นในตัวเค้าเริ่มลดลง ต่างคนต่างทำงาน เราไม่ค่อยเล่าหรือปรึกษาอะไรเค้าแล้ว ก็คบไปเรื่อยๆไม่หวือหวา คุยไลน์บ้างสั้นๆ ไม่ตื่นเต้นยินดี ยินร้ายกะคำพูดเค้าแล้ว เรื่องครอบครัวเค้าเราก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแล้ว เพราะพูดถึงทีไรมันก็นึกถึงเรื่องเดิม ก็เลยเลี่ยงไม่พูดถึง คิดอยู่บ่อยๆว่าจะเลิกดีมั้ย หรือจะให้โอกาสคบไปเรื่อยๆดี แต่ถ้าได้แต่งจริงโอกาสมีลูก ก็น้อยลงหรือไม่มีเลย เหมือนใจมันเริ่มชาๆ ก็ไม่รู้ว่าถ้าเลิกจริงๆจะเสียใจมั้ย
~กระทู้แรกในชีวิต เขียนวกๆวนๆหน่อยนะคะ ขอโทษที ใครเจอสถานการณ์แบบเราก็ เชิญพูดคุยกันนะคะ ขอบคุณค่ะ~
คบมา 8 ปีแล้วแต่พอถามเรื่องแต่งงานบอกไม่พร้อมตลอด
จริงๆขอเล่าย้อนหน่อยคือก่อนหน้านี้หลังจากที่คบกันมา 3 ปี เคยจะแต่งงานกันไปรอบนึง กำหนดวัน จองสถานที่ เตรียมของชำร่วย จองแพ็คเกจชุด แต่งหน้า ถ่ายพรีไปเรียบร้อย จ่ายไปเยอะเหมือนกัน แต่เราจ่ายเองนะเพราะตอนนั้นยังอายุไม่เยอะเท่านี้ก็อยากได้งานแต่งสวยฟุ้ง เห็นว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลืองไม่อยากกวนเค้าเลยจ่ายเอง เกริ่นบอกผู้ใหญ่ไปบ้าง แต่พอเดือนนึงก่อนวันแต่ง กลับบอกว่าไม่พร้อม แม่เค้าไม่ค่อยสบาย ซึ่งจริงๆเค้าป่วยมานานแล้ว บอกให้เลื่อนงานไปก่อนอีกซัก 2 ปี ขอเก็บเงินซื้อบ้าน(เค้าเช่าบ้านอยู่ในกทม.ทั้งครอบครัว แต่มีบ้านตจว.) และให้พร้อมกว่านี้ก่อน ตอนแรกช้อกน้ำตาไหล พยายามทำใจ แต่เราเกรงใจแม่เรามาก และจากวันนั้นภาพแฟนเราในสายตาแม่เราติดลบมาก และหลังจากที่บอกเลื่อนงานประมาณ 1 สัปดาห์ แม่แฟนเราเค้าโทรมาที่บ้าน แม่เรารับสายเพราะเราไปทำงาน เค้าพูดประมาณว่าถ้าเราเจอคนที่ดีกว่าลูกเค้า ก็ให้เราเลิกกะลูกเค้าได้ แม่เราก็งงว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น เกิดอาการหวงลูกกระทันหันเหรอ (เราก็บอกแฟนเรานะว่าแม่คุณโทรมาพูดแบบนี้ เค้าบอกอย่าไปใส่ใจเลย แต่ก็ไม่มีคำขอโทษออกมาจากปากใครซักคน)
จริงๆ ก่อนหน้าที่ยังไม่คุยเรื่องแต่งงาน แม่เค้ายังชวนเรากะแม่ไปงานแต่งงานญาติที่ต่างจังหวัดเลย และแนะนำด้วยว่าเราเป็นว่าที่สะใภ้ แต่เอารถเราไปนะ เพราะบ้านเค้าไม่มีรถ ซึ่งตลอดเวลาที่แม่เค้าอยากจะไปไหนจะให้ลูกชายมายืมรถเราตลอด หลังๆเริ่มบ่อยขึ้น จนรู้สึกได้ว่าไม่เกรงกันซักนิดเหรอ อีกอย่างพอรถเสียเราก็ต้องซ่อมเอง ก็เลยมีไม่ให้ยืมบ้าง แต่หลังจากที่ยกเลิกงานแต่งไป ก็ไม่กล้ามายืมรถอีก แต่ก็โทรมาหาแม่เรานะ ว่าไม่เห็นไปเที่ยวบ้านเค้าบ้าง (จะให้ไปยังไงพูดหักหน้ากันขนาดนี้แล้ว)
สุดท้ายเราก็ทำใจรอเค้าตามที่บอก 2 ปี ผ่านไปบ้านยังไม่ซื้อ นี่เข้าปีที่ 8 แล้ว เราก็ถามว่าพร้อมรึยัง น่าจะเริ่มเตรียมงานไปเรื่อยๆนะ ไม่ใช่รอพร้อมแล้วค่อยคุย เพราะอย่างน้อยก็เตรียมไว้จากครั้งก่อนแล้ว เราจัดงานเล็กๆให้ผู้ใหญ่รับรู้ถูกต้องก็พอ จะได้ไม่สิ้นเปลือง แต่คำตอบที่ได้คือ "ไม่นานเกินรอ" และต่อท้ายว่าเก็บเงินอยู่ ตอบแบบนี้ทุกปีที่ถาม เจ็บนิดๆเวลาได้ยินคำตอบ สงสัยเหมือนกันว่า ให้เวลาเตรียมความพร้อมตั้ง8ปีนี่น้อยไปเหรอ จุดที่พร้อมอยู่ตรงไหน เวลาที่ผ่านมาทำอะไรอยู่ บ้านเรามี รถเรามี กิจการเรามี เราไม่ได้ต้องการอะไรมากมายขอแค่คู่ชีวิต ที่ปรึกษาที่ดี แต่งแล้วช่วยกันสร้างครอบครัวสร้างฐานะก็ได้ แค่ขยันช่วยกันยังไงไม่มีวันจนแน่นอน แต่นี่รอพร้อม ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ ไม่เริ่มอะไรซักอย่าง
ตอนนี้ก็เราก็เบื่อจะถามแล้ว มันกลายเป็นว่าความเชื่อมั่นในตัวเค้าเริ่มลดลง ต่างคนต่างทำงาน เราไม่ค่อยเล่าหรือปรึกษาอะไรเค้าแล้ว ก็คบไปเรื่อยๆไม่หวือหวา คุยไลน์บ้างสั้นๆ ไม่ตื่นเต้นยินดี ยินร้ายกะคำพูดเค้าแล้ว เรื่องครอบครัวเค้าเราก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแล้ว เพราะพูดถึงทีไรมันก็นึกถึงเรื่องเดิม ก็เลยเลี่ยงไม่พูดถึง คิดอยู่บ่อยๆว่าจะเลิกดีมั้ย หรือจะให้โอกาสคบไปเรื่อยๆดี แต่ถ้าได้แต่งจริงโอกาสมีลูก ก็น้อยลงหรือไม่มีเลย เหมือนใจมันเริ่มชาๆ ก็ไม่รู้ว่าถ้าเลิกจริงๆจะเสียใจมั้ย
~กระทู้แรกในชีวิต เขียนวกๆวนๆหน่อยนะคะ ขอโทษที ใครเจอสถานการณ์แบบเราก็ เชิญพูดคุยกันนะคะ ขอบคุณค่ะ~