โรงเรียนอสูรโคลโบลท์ ตอนที่ 2

กระทู้สนทนา
“ตรงนั้นคือห้องทดลองของอาจารย์ใหญ่” เฟฟนิล มังกรครึ่งมนุษย์ของอาจารย์เรนฟอร์ดเอ่ย นางขึ้นไปนั่งอยู่บนชั้นวางของในโรงมังกร กำลังจับตามองดาริอุสกับคาร์ลที่ถูกทำโทษให้ทำความสะอาดโรงมังกรของโรงเรียน “ถ้าเป็นปีสองหรือปีสามยังพอป้องกันตัวได้ คราวก่อนมีแมลงดูดเลือดหลุดออกจากห้องนั้น เด็กปีหนึ่งถูกดูดเลือดเพราะไม่รู้เท่าทัน ดีที่อาจารย์ใหญ่ช่วยเอาไว้ทัน”

    โรงมังกรเป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่อยู่ใกล้กับอาคารหลัก ดาริอุสมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวตลอดเวลาว่าเหตุใดจึงเป็นอาคารไม้ อย่างนี้ตัวโรงมังกรไม่ติดไฟมังกรหรือ หรือพวกอาจารย์สามารถสั่งห้ามมังกรไม่ให้พ่นไฟในโรงมังกรได้ แล้วโรงเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นเป็นเหมือนโรงเลี้ยงทั่วไปเหมือนโรงมังกรนี้หรือไม่

    “โรงเลี้ยงมังกรแบบนี้เขาจะใช้อักขระกันไฟจารึกไว้บนแผ่นไม้เป็นชุดๆไป ประตูและพื้นก็ฝังมนตร์เหล็กกล้าป้องกันเอาไว้ต่างหาก” คาร์ลอธิบายอย่างผู้เชี่ยวชาญ ไม่ทันไรพวกเขาก็ถูกนางมังกรครึ่งมนุษย์ไล่ให้ไปหยิบพลั่วกับรถเข็นเพื่อเก็บกวาดมูลมังกรตามคอกกั้น

    “รับรองได้ว่าคนทำความสะอาดโรงเลี้ยงสัตว์ต้องขอบคุณพวกเจ้าสองคนแน่ๆ ปกติเขาจะมาจัดการโรงมังกรหลังสุดเพราะกลิ่นและสภาพไม่น่ามองของขี้มังกร” นางมังกรครึ่งมนุษย์เฟฟนิลขึ้นไปนั่งบนหิ้งวางของแล้วเริ่มพล่าม ดาริอุสต้องทนกับกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมกับเปิดหูฟังไปด้วย

    นางมังกรครึ่งมนุษย์ผู้นี้งามอย่างที่เขาร่ำลือกันจริงๆ โครงหน้ารับกับดวงตาสีดำคมกริบ เสื้อผ้าไหมหลวมๆสีดำเหมือนสีผมและดวงตานาง เขาเคยอ่านในนิยายว่ามีคนหลงเสน่ห์นางมังกรครึ่งมนุษย์จนตกหลุมพรางแห่งความตาย ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องแต่ง ได้รู้วันนี้เองว่าความงามของเผ่าพันธุ์นี้ไม่ได้ด้อยกว่าที่ผู้เขียนได้บรรยายเอาไว้ ผิวขาวเกลี้ยงเกลา ดวงตาเปี่ยมเสน่ห์ดังฤดูใบไม้ผลิ โครงหน้างดงามดุจเทพธิดา หากไม่เห็นหูที่เหมือนครีบปลาคงไม่รู้ว่าเป็นอมนุษย์ คาร์ลเผลอพูดเปรยๆตอนเคาะพลั่วกับขอบรถเข็นว่า ขอแค่นางยิ้มให้แม้จะต้องมาทำความสะอาดอย่างนี้ทุกวันก็ยอม

    “เร่งมือเข้าหน่อย ยิ่งนานกลิ่นยิ่งติดทน” เฟฟนิลเร่งให้ดาริอุสลากรถเข็นออกไปทิ้งข้างนอกรอการนำไปทำเป็นปุ๋ย “ข้ายอมรับในความกล้าของพวกเจ้าสองคนจริงๆที่เข้าไปเล่นที่บันไดวน ปกติมีแต่พวกชอบลองของที่เข้าไป เคยมีคู่รักจูเลียกับโอเมคแอบไปนั่งคุยกันเงียบๆ ตอนนั้นอาจารย์ใหญ่ทดลองผิดพลาดจนผิวหนังเต็มไปด้วยขนหยิกหยอยสีชมพูแสบตา มือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเกล็ดปลาจึงออกมาจะไปขอความช่วยเหลือจากคัลวิน ฝ่ายชายคิดว่าเป็นปิศาจร้ายจึงวิ่งหนีโดยทิ้งฝ่ายหญิงเอาไว้ข้างหลัง กลายเป็นที่ร่ำลือว่าเป็นอาณาเขตลองใจว่ารักกันจริงหรือไม่

    “ความจริงแล้วทุกคนสามารถผ่านเข้าออกได้แต่การทดลองของเคน เอ่ออาจารย์ใหญ่ที่มีปัญหา บางครั้งสัตว์ประสมในการทดลองหลุดอย่างเมื่อกี้ บางครั้งเกิดเวทมนตร์แปลกๆสาปคนที่อยู่ใกล้ระเบียงทางเดิน บางครั้งเกิดระเบิดเป่าประตูห้องกระจุย มีอยู่ครั้งหนึ่งภูตจิ๋วดูดพลังชีวิตหลุดจากขวดทดลอง นักเรียนกว่าครึ่งถูกดูดพลังชีวิตเกือบตาย โชคดีที่ไคมีร่าของเอริคช่วยเอาไว้ได้ไม่อย่างนั้นตายยกโรงเรียนแล้ว อาจารย์ของพวกนั้นกล่อมให้ไปทำการทดลองในสนามสอบก็ยังรั้นจะทำที่เก่าอยู่นั่นละ”

    “คอกตรงนั้นเอาไว้ทำอะไรหรือขอรับ” ดาริอุสพักให้คาร์ลตักก้อนแหยะๆสีน้ำตาลเข้มขึ้นรถเข็นบ้าง กลิ่นมูลมังกรกับความร้อนอบอ้าวชวนให้รู้สึกวิงเวียน มังกรในคอกกั้นดูแข็งแกร่งและสวยงาม ตอนนี้เขาสงสัยว่าคอกเล็กๆที่ติดป้ายเอาไว้ว่าปีหนึ่ง ปีสอง และปีสามมีเอาไว้เพื่ออะไร

    “เอาไว้ฝากมังกร” นางมังกรครึ่งมนุษย์กระแอม “นักเรียนวิชาสัตว์ปิศาจวิทยาจะได้รับมังกรเด็กไปเลี้ยงเพื่อบันทึกการเจริญเติบโตส่งทุกเดือน ที่เป็นมังกรเพราะเลี้ยงง่ายตายยาก ต่อให้เป็นทารกก็สามารถอดข้าวอดน้ำได้ถึงสามวัน มังกรวัยรุ่นที่ทนพิษบาดแผลฉกรรจ์นานกว่าสามสัปดาห์ก็มี มังกรโตเต็มวัยนี่ไม่ต้องพูดถึง มีกรณีที่มังกรติดอยู่ในถ้ำถล่มนานกว่าครึ่งเดือนยังไม่เป็นอะไรเลยสักนิด เอาเข้าจริงมังกรก็กินสิ่งของได้ทุกอย่างตั้งแต่ของที่ไม่น่าจะกินได้จนของกินเลิศหรู จะมีก็มังกรครึ่งมนุษย์อย่างข้านี่ละที่เลือกกินไม่เหมือนมังกรธรรมดาตัวอื่นๆ”

    “นี่ข้าไม่ได้ว่านะ มังกรกินขี้ของมังกรด้วยกันได้หรือเปล่าขอรับ” ดาริอุสถามตรงๆ พอเห็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของเฟฟนิลแล้วจึงรีบเปลี่ยนคำถามทันควัน “เอาเป็นว่า มีอะไรที่มังกรกินไม่ได้บ้างดีกว่า”

    “ของเสีย พิษ แล้วก็สิ่งที่ไม่ควรไปกินโดยดูจากรูปร่าง แหล่งที่มา กลิ่น และสรรพคุณ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านางมังกรครึ่งมนุษย์อยากจับเด็กปากเสียตีก้นมากแค่ไหน “จัดการกองนั้นเสร็จก็พอได้ ใกล้เวลาคนทำความสะอาดจะมาแล้ว”

    เวลาสองชั่วโมงที่เสียไปกับการจัดการมูลมังกรไม่เลวร้ายเสียทีเดียว อย่างน้อยๆเขาก็ได้พูดคุยกับมังกรครึ่งมนุษย์ตัวจริง พวกเขาลากขากลับหอพักเสื้อผ้าไม่มีร่องรอยเพราะใช้เสื้อคลุมตามที่เฟฟนิลแนะนำ ปัญหาคือกลิ่นขี้มังกรที่ติดทนแม้ไม่บอกใครคงรู้ว่าเพิ่งไปจัดการอะไรมา คาร์ลชมดาริอุสยกใหญ่ที่กล้าถามเฟฟนิลว่ามังกรกินขี้มังกรได้หรือไม่ เขาขอให้เปลี่ยนเรื่องพูดเพราะไม่อยากคิดถึงมันอีกคาร์ลจึงเล่าเรื่องนิยายที่กำลังอ่านอยู่ให้ฟัง

    “เรื่องผู้กล้าพลังมังกรสนุกมากเลยนะ ตัวเอกเป็นนักดาบร่วมเดินทางกับผู้กล้าเพื่อช่วยเหลือเมืองต่างๆที่ถูกปิศาจกดขี่ข่มเหง” คาร์ลออกมือไม้อธิบายเนื้อเรื่องคร่าวๆทำให้เขาอยากอ่านบ้าง เมื่อก่อนเวลาเขาอ่านนิยายเรื่องใดเป็นต้องบ้าตามนิยายเรื่องนั้นเสียทุกครั้ง “ยิ่งเล่มล่าสุดยิ่งสนุก ผู้กล้าที่เคยหวาดกลัวจนล้มเลิกการเดินทางกลับมาหาพวกพ้องอีกครั้งด้วยพลังที่แข็งแกร่งขึ้น ใช้สายฟ้าแห่งความเที่ยงธรรมใส่พวกปิศาจที่บังคับใช้แรงงานมนุษย์จนตัวกลวงโบ๋เลยละ” ไม่แค่ท่าทาง คราวนี้สายฟ้าสีครามพุ่งจากมือข้างหนึ่งไปยังพื้นดินจนควันขึ้น คาร์ลหยุดพูดแล้วชวนวิ่งกลับหอเกรงว่าจะมีคนเห็น

    พอถึงหอพักคาร์ลก็ยื่นนิยายเล่มหนาสามเล่มให้เขา หน้าปกสีสดเป็นรูปผู้ชายท่าทางห้าวหาญพร้อมเพื่อนพ้อง ตัวหนังสือสีทองสวยเขียนชื่อเรื่องผู้กล้าพลังมังกรเอาไว้ เขารับไว้ด้วยความยินดีก่อนนำสิ่งของที่ซื้อมาออกจากห่อหนัง เพราะยังไม่มีเงินมากจึงทำได้แค่เปลี่ยนเครื่องแบบที่ไม่พอดีตัวเท่านั้น

    “อาบน้ำก่อนดีกว่า คงไม่ได้มีแค่เราแน่ที่ทานอะไรไม่ลง” ดาริอุสให้คาร์ลเข้าไปอาบน้ำล้างกลิ่นสาบมหากาฬออกก่อนไปหาอาหารเที่ยงกิน เขาอยากลองอ่านนิยายเรื่องใหม่ผ่านๆก่อนด้วยความเห่อ พูดถึงเห่อเขายังไม่ได้ติดต่อกับทางบ้านเลยว่าได้เรียนสาขาผู้ใช้สัตว์ปิศาจ

    หากเมื่อเขายืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ข้างตู้เสื้อผ้าเงาเบื้องหน้าก็แปรเปลี่ยน เงาสะท้อนห้องแคบๆกลางแสงตะวันเจิดจ้าถูกระบายทับด้วยความมืด ราวกับกระจกบานนี้เชื่อมต่อกับอีกโลกหนึ่งที่เป็นห้องโถงกว้าง วงไสยเวทย์กลางห้องส่องแสงสีแดงเจิดจ้าดุจเปลวเทียนหลายสิบเล่ม ดาริอุสใช้เวลาหลายวินาทีตั้งสติ เขายังไม่ได้ทำอะไรสักนิดแค่เดินมายืนหน้ากระจกเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่สะกิดใจคือเด็กหญิงชุดขาวกลางวงเวทย์ กลางแสงสีแดงเลือดนก เขาเคยฝันเห็นภาพนี้มากี่ครั้งกัน บางทีความฝันกับภาพในกระจกคงมีอะไรเกี่ยวเนื่องถึงกัน

    “ช่วยด้วย! ได้โปรด” เสียงหวานดังก้องผ่านผิวกระจก เด็กหญิงในกระจกร้องเรียกเขาให้ช่วย “มาหาข้า มอบชื่อให้ข้าด้วย” ยิ่งมองดาริอุสยิ่งคิดว่าเป็นเด็กคนเดียวกับที่เคยเห็นในฝันก่อนหน้า เส้นผมสีดำสลวย ดวงตาสีดำแสนเศร้า เสื้อสีขาวสะอาดคลุมตัวไว้หลวมๆ คิดว่าอายุของนางคงพอๆกับเขานี่ละ

    “ใครกัน ที่นั่นคือที่ใด ชื่อของใคร” ดาริอุสร้องถามโดยไม่ทันคิด

    “ชื่อเดิมข้าถูกแย่งชิง ได้โปรดมอบชื่อให้ข้าด้วย” เด็กหญิงในกระจกกรีดร้อง ภาพในกระจกพร่าเลือนเหมือนมีใครเอามือกวนให้ดินใต้น้ำฟุ้งขึ้นมา สุดท้ายกระจกก็ฉายภาพตัวเขาและห้องโดยไม่บิดเบือนจากความจริงสักนิด

    “มีอะไรหรือ” คาร์ลยังอุตส่าห์แง้มประตูห้องน้ำถามว่าพูดกับใคร ด้วยความประหม่ากลัวจึงตอบว่าเห่อนิยายเรื่องใหม่จนเผลอพูดกับตัวเอง ในใจก็พยายามสลัดภาพเมื่อครู่ทิ้งไปให้หมด มันจะต้องเป็นภาพลวงตาที่เกิดจากเวทมนตร์แปลกๆของใครบางคนแน่ บางทีอาจเป็นการรับน้องใหม่ของที่นี่...


    ร้านอาหารเป็นตึกชั้นเดียวใต้ถุนสูง ร้านอาหารเรียงกันเป็นแถวตั้งแต่อาหารเฉพาะ อย่างเช่นสตูหรือเนื้อย่าง อาหารตามสั่งง่ายๆ ร้านขายขนมหวานต่างๆ ตบท้ายด้วยร้านขายน้ำดื่มที่มีตั้งแต่น้ำคั้นผลไม้ไปจนถึงน้ำหวานใส่สี ความเหนื่อยและความหิวทำให้ทั้งคู่เลือกเนื้อย่างเป็นอาหารกลางวัน ชิ้นเนื้อสีน้ำตาลน่ากินในจานแบพร้อมผักอีกเล็กน้อยวางลงบนโต๊ะแถวเรียงราย ดาริอุสฝากคาร์ลซื้อน้ำหวานสีแดงที่เขาชอบที่สุด เขาเดินไปหยิบมีดและส้อมให้เพื่อนพลางคิดว่ารสชาติจะดีเหมือนหน้าตาหรือไม่

    “แบบนี้เอง” คาร์ลกลืนเนื้อชิ้นใหญ่ลงคอ ดาริอุสเล่าเรื่องที่พบเจอตอนรอเข้าห้องน้ำให้ฟัง “ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นฝีมือคนจริงหรือเปล่า การส่งภาพผ่านกระจกถ้าไม่ใช้อุปกรณ์ช่วยอย่างผงสื่อสารจะต้องใช้พลังเวทมากโข อาจเป็นฝีมือวิญญาณหรือภูตก็ได้ สำนักงานที่พ่อข้าทำงานอยู่จะมีฝ่ายติดต่อเฉพาะสำหรับสื่อสารผ่านกระจกเลยละแครอทนั่นไม่กินใช่ไหม ขอนะ”

    “อย่างนั้นหรือ” ดาริอุสยกแครอทและผักส่วนหนึ่งที่ไม่ชอบกินให้เพื่อนกินแทน “แล้วการส่งภาพเข้าไปในความฝันของคนล่ะ”

    “อย่างนั้นยิ่งยากใหญ่จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้หนาเป็นพันหน้า แต่ทางการจะต้องมีพนักงานด้านนี้อย่างน้อยเมืองละหนึ่งคนสำหรับเป็นสายสืบหรือสอดแนม”

    “สมกับที่อยู่ในครอบครัวผู้วิเศษ” ดาริอุสรวบส้อมกับมีดเพราะทานเสร็จแล้ว “ความจริงข้าฝันอยากเป็นผู้วิเศษตั้งนานแล้ว เพิ่งได้เป็นจริงๆก็ตอนนี้ละ ถึงจะเป็นผู้วิเศษก็ยังเป็นผู้วิเศษฝึกหัดล่ะนะ”

    “ข้าก็อยากเป็นแพทย์ผู้วิเศษเหมือนพ่อข้าด้วยละ ในเมื่อเรียนสาขาผู้ใช้สัตว์ปิศาจก็เป็นหมอรักษาสัตว์วิเศษก็ได้”  

    “มีด้วยหรือ ข้าคิดว่าพวกมันรักษาตัวเองได้เสียอีก” ดาริอุสลุกเอาจานพร้อมแก้วน้ำไปวางบนชั้นรอพนักงานเก็บไปล้างทำความสะอาด

    “ไปร้านขายของกันไหม มีของเล่นน่าสนุกให้ดูเยอะเลยละ”


    อาคารร้านค้าไม่ได้ใหญ่โตนักแต่มีอยู่สามชั้น ชั้นสองเต็มไปด้วยร้านขายของจิปาถะ ต่างกับชั้นล่างที่ขายขนมกินเล่นและชั้นบนสุดซึ่งขายเสื้อผ้า ดาริอุสอยากไปซื้อของใช้ส่วนตัวที่ชั้นสองก่อนแต่คาร์ลอยากแนะของกินให้เขารู้จักก่อนเป็นอันดับแรก ร้านแรกที่พวกเขาเข้าไปคือร้านชื่อวีนแอนด์ทรีทหนึ่งในสามร้านขายของบนชั้นนี้ คนคิดเงินเงยหน้าจากหนังสือมาดูพอให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลสดใสกับเคราหรอมแหลม คาร์ลพาเขาเลี่ยงนักเรียนชายคนหนึ่งไปหาซองขนมสีน้ำตาล

    “ยี่ห้อนีโอบาร์อร่อยสุดๆไปเลย” คาร์ลหยิบซองกระดาษบางเบาให้เขาเห็นตราประทับรูปลูกกวาดกับยี่ห้อ เขาไม่เคยกินของแพงเหมือนครอบครัวผู้วิเศษกินกันจึงรอฟังคำอธิบายต่อ “เป็นที่ชื่นชอบเฉพาะครอบครัวผู้วิเศษข้างในเป็นแผ่นน้ำตาลหลากรส มีของแถมด้วย กลับห้องไปจะให้ดู”

    “ดอกไม้ไฟกินได้ของเวอร์โฟลค์ จุดไฟตรงปลายด้านนี้ พอเปลือกไหม้หมดเนื้อด้านในจะหอมกรอบน่าอร่อย ตอนแรกสวยงามตอนท้ายก็อร่อย ผสมผสานดอกไม้ไฟกับเนื้ออบเอาไว้ด้วยกัน” แค่คาร์ลพูดถึงสรรพคุณดาริอุสก็อยากกินขึ้นมาทันควัน

    แล้วสายตาของเขาก็พบขนมที่กินเป็นประจำ ช็อกโกแลตยี่ห้อแซนดร้า เขาเชื่อแล้วว่าช็อกโกแลตยี่ห้อนี้ดังกระฉ่อนไปหลายแคว้นจริงๆ แม้แต่คาร์ลก็ยังชอบจนเคยซื้อตุนไว้กินเป็นสิบๆแท่ง ห่อช็อกโกแลตสีน้ำตาลดำแปดแท่งถูกโยนไปรวมกับขนมในตะกร้า มีขนมน้ำตาลของคาร์ลสี่แผ่น ขนมดอกไม้ไฟหกอัน ดูฟุ่มเฟือยไปนิดแต่กินได้นาน อย่างน้อยก็เป็นเงินที่เขาจะทำงานแลกมา...

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่