สวัสดีครับ ตอนนี้เพิ่งกลับมาอยู่บ้านเกิดได้ 2 เดือน และว่าจะอยู่ไปอีกซักระยะ อย่างน้อย 1 ปี
ตอนเด็กๆเคยตั้งปณิธานไว้ว่าอยากช่วยพัฒนาสังคมที่อยู่ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง นอกจากความถนัดอย่างที่ทำงานมาแล้วด้าน management ก็จะถนัดอีก 2 เรื่องคือ เทรดหุ้น กับ สุขภาพ ครับ
เรื่องเทรดหุ้น ปกติจะสอนเฉพาะให้กับเพื่อนๆ แต่เคยสอนฟรีให้คนทั่วไปอยู่ครั้งหนึ่ง ดูเหมือนการสอนฟรีจะมีคนตั้งใจเรียนน้อยมาก (จากที่สมัคร 35 เรียนจริงๆไม่ถึง 5-7 คน) อีกอย่างเวลาสอนเหมือนกับเราต้องดีลกับความโลภและความกลัวของคนทำให้จิตใจเราเป็นทุกข์ได้ อีกทั้งบางคนทำผิดและผิดอีก (ทั้งที่มี policy system trade แบบชั้ดเจน) อยากถามความเห็นท่านว่า การทำให้คนหยุดขาดทุน และเริ่มทำกำไร คิดว่าเป็นการช่วยพัฒนาสังคมไหมครับ ?
เรื่องสุขภาพ คือตั้งแต่ไม่ได้ทำงานประจำผมศึกษาเรื่องนี้เยอะพอสมควร แล้วรู้ทั้งการออกกำลัง และคนเราควรกินอะไร หมายถึงไม่ใช่อาหารเสริม แต่เป็นอาหารหรือผลไม้ตามธรรมชาติ ไม่ได้มีกล้ามใหญ่อะไรมากนะครับ แต่แข็งแรงทั้งร่างกายและไม่มีไขมันพร่ำเพรือครับ ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่ต้องเพิ่งยาอะไรจากหมอ (ยกเว้นไปถอนฟัน 555) ครับ จึงคิดว่าอาจจะเป็น personal trainer แบบกลางแจ้งได้จะได้ไม่ต้องเพิ่งยิม เรื่องนี้เคยแนะนำเพื่อนเหมือนกันครับ
ที่แทคห้องศาสนาด้วย เพราะอยากได้ความเห็นด้วยครับ ว่าสอนเทรดหุ้นเค้าเรียกว่าสอนให้คนอยู่กับกิเลสไหมครับ แต่ผมถือว่าการเทรดคือการทำงานครับ ผมเพิ่มเริ่มศึกษาและปฎิบัติธรรมครับ หรือว่าไม่ต้องสอนอะไรใคร แล้วมุ่งไปทางธรรม เลยดีกว่าครับ
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
เปิดสอนเทรดหุ้น หรือ สอนคนออกกำลัง อย่างไหนดีกว่ากันครับ
ตอนเด็กๆเคยตั้งปณิธานไว้ว่าอยากช่วยพัฒนาสังคมที่อยู่ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง นอกจากความถนัดอย่างที่ทำงานมาแล้วด้าน management ก็จะถนัดอีก 2 เรื่องคือ เทรดหุ้น กับ สุขภาพ ครับ
เรื่องเทรดหุ้น ปกติจะสอนเฉพาะให้กับเพื่อนๆ แต่เคยสอนฟรีให้คนทั่วไปอยู่ครั้งหนึ่ง ดูเหมือนการสอนฟรีจะมีคนตั้งใจเรียนน้อยมาก (จากที่สมัคร 35 เรียนจริงๆไม่ถึง 5-7 คน) อีกอย่างเวลาสอนเหมือนกับเราต้องดีลกับความโลภและความกลัวของคนทำให้จิตใจเราเป็นทุกข์ได้ อีกทั้งบางคนทำผิดและผิดอีก (ทั้งที่มี policy system trade แบบชั้ดเจน) อยากถามความเห็นท่านว่า การทำให้คนหยุดขาดทุน และเริ่มทำกำไร คิดว่าเป็นการช่วยพัฒนาสังคมไหมครับ ?
เรื่องสุขภาพ คือตั้งแต่ไม่ได้ทำงานประจำผมศึกษาเรื่องนี้เยอะพอสมควร แล้วรู้ทั้งการออกกำลัง และคนเราควรกินอะไร หมายถึงไม่ใช่อาหารเสริม แต่เป็นอาหารหรือผลไม้ตามธรรมชาติ ไม่ได้มีกล้ามใหญ่อะไรมากนะครับ แต่แข็งแรงทั้งร่างกายและไม่มีไขมันพร่ำเพรือครับ ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่ต้องเพิ่งยาอะไรจากหมอ (ยกเว้นไปถอนฟัน 555) ครับ จึงคิดว่าอาจจะเป็น personal trainer แบบกลางแจ้งได้จะได้ไม่ต้องเพิ่งยิม เรื่องนี้เคยแนะนำเพื่อนเหมือนกันครับ
ที่แทคห้องศาสนาด้วย เพราะอยากได้ความเห็นด้วยครับ ว่าสอนเทรดหุ้นเค้าเรียกว่าสอนให้คนอยู่กับกิเลสไหมครับ แต่ผมถือว่าการเทรดคือการทำงานครับ ผมเพิ่มเริ่มศึกษาและปฎิบัติธรรมครับ หรือว่าไม่ต้องสอนอะไรใคร แล้วมุ่งไปทางธรรม เลยดีกว่าครับ
ขอบคุณทุกความเห็นครับ