ลิขิตแห่งจันทร์ [บทที่ 2]

กระทู้สนทนา
ลิขิตแห่งจันทร์
(โรมานแมนติค-แฟนตาซี)

พลอยลภัสร์ : เขียน
Fanpage : www.facebook.com/ploylapas





<<< ตอนก่อนหน้า : http://pantip.com/topic/32953455




บทที่ 2  (1/4)


          “อะไรนะ!...ผีพราย!”

          ภูผาเบิกตากว้าง กลอกตาไปมาอย่างพยายามระงับอารมณ์ เมื่อได้ยินน้องสาวบอกเล่าอย่างตื่นเต้นว่าผู้ชายที่นอนป่วยอยู่บนเตียงนอนในห้องนั้นเป็นผีพราย ที่เธอพบบริเวณบ่อน้ำหลังบ้าน ซึ่งภาพของผู้ชายตัวโตนอนหายใจสม่ำเสมอบนเตียงนอนนั้น มองอย่างไรก็ห่างไกลกับคำว่าผีพรายโดยสิ้นเชิง ซึ่งน่าจะเป็นแขกสักคนที่คงจะหลงเข้ามายังบริเวณนี้มากกว่า

          แต่จะว่าไป ถ้าผีพรายของน้องสาวเป็นแขกคนหนึ่งของรีสอร์ทจริง เขาก็น่าจะรู้จัก เพราะเขาจำแขกที่เข้ามาพักได้ทุกคน เพราะรีสอร์ทของเขาเป็นเพียงรีสอร์ทขนาดเล็ก ที่มีบ้านพักอยู่เพียงไม่กี่หลังเท่านั้น เมื่อคิดไม่ตก หัวคิ้วของภูผาก็ยิ่งขมวดเป็นปมมากกว่าเดิม สีหน้าก็ดูเคร่งเครียดมากขึ้นไปอีก จนคนเป็นน้องคงจะนึกกลัว ถึงได้รีบเล่าขยายความเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อตอนหัวค่ำให้เขาฟังทันที

          “เขานอนสลบตัวเย็นจัดอยู่ที่ขอบบ่อ ศศิกลัวเขาจะตาย ก็เลยพาเขาเข้ามานอนที่ห้องพี่ภู อาการเขาดูแย่มากเลยนะคะ”

           “ศศิ...” ภูผาครางเรียกน้องสาวออกมาด้วยน้ำเสียงปลงๆ ถ้าเธอยังเป็นเด็กเล็กๆ เขาคงจะจับตัวเธอมาตีก้นสักทีสองที เขารู้ดีว่าน้องสาวคนสวยของเขานั้น เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่เธอก็ควรรู้จักที่จะเลือกช่วยใครไม่ช่วยใครบ้าง ไม่ใช่เห็นใครเดือดร้อนก็เข้าไปช่วยหมดทุกคน โดยที่ไม่คิดถึงอันตรายที่จะตามมาทีหลังเช่นนี้

          ถึงแม้ห่างออกไปจะมีบ้านพักของแขกตั้งกระจายอยู่โดยรอบ และศศิธรก็ไม่ได้อยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้ เพราะยังมี ‘ศมน’ แม่ของพวกเขาอาศัยอยู่ด้วยอีกหนึ่งคน แต่แม่ที่นอนป่วยอยู่ในห้องข้างๆ แม่ที่ขยับตัวไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองก็ยังไม่ได้ จะสามารถช่วยอะไรน้องสาวของเขาได้ ถ้าเกิดผู้ชายที่นอนป่วยอยู่คนนั้น ลุกขึ้นมาทำอะไรมิดีมิร้ายน้องสาวขึ้นมาจริงๆ และดูจากรูปร่างของผู้ชายบนเตียง ศศิธรคงจะเกิดอันตรายก่อนที่จะได้ตะโกนเรียกให้แขกสักคนมาช่วยเป็นแน่

          “ศศิแค่อยากจะช่วยเขา พี่ภูอย่าดุศศิเลยนะ” ศศิธรเอ่ย ก่อนจะขยับตัวเข้ามาประชิดตัวภูผา พร้อมกับก้มหน้าลงซบต้นแขนของพี่ชายแล้วก็ถูไปถูมาเบาๆ

          อาการยอมรับผิด บวกกับอาการออดอ้อนของศศิธร ทำให้ภูผายิ้มและส่ายหน้าออกมาอย่างเอ็นดู แต่ก็ยังไม่วายเอ่ยเตือนออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มเพราะความเป็นห่วง “การช่วยเหลือคนซึ่งเราไม่รู้จัก แล้วยังเป็นผู้ชายอีกด้วย แถมยังกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ ศศิรู้ไหมว่ามันอันตรายมาก แล้วบ้านเราก็อยู่ไกลจากที่พักแขกอีก ถ้าเกิดเขาทำอะไรศศิขึ้นมา ใครที่ไหนจะมาช่วยศศิได้ทัน และอย่าคิดว่าสามารถเอาตัวรอดได้ ผู้ชายตัวโตขนาดนั้น ศศิจะสู้แรงเขาได้อย่างไร”

          ภูผาถอนหายใจยาวอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นอาการซุกหน้านิ่งกับท่อนแขนเขา พร้อมกับเงียบเสียงไปในทันทีของน้องสาว เมื่อฟังประโยคบ่นยาวๆ ด้วยความเป็นห่วงของเขาจบลง “ศศิไปอาบน้ำนอนเถอะ”

          ศศิธรขยับตัวลุกขึ้น แต่ก่อนที่เธอจะทำตามคำสั่งของภูผา เธอก็ยังไม่วายหันกลับไปมองคนป่วยที่นอนหลับนิ่งไม่ไหวติงแต่ลมหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงนอนด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย “แล้วเขาล่ะคะ...”

          ภูผามองตามสายตาของน้องสาวเข้าไปในห้อง ก่อนจะเอ่ยเพื่อให้น้องสาวคลายความกังวลใจเกี่ยวกับผีพรายรูปงามที่นอนสลบตัวร้อนอยู่บนเตียง “ไม่เป็นไร ปล่อยเขานอนอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวพี่ดูเขาเอง”

          “แล้วพี่ภูจะนอนที่ไหนคะ...ให้ศศิไปทำความสะอาดห้องรับแขกอีกห้อง แล้วเราช่วยกันย้ายเขาไปนอนที่ห้องนั้นแทน...ดีไหมคะ” ศศิธรถาม แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ เธอก็เสนอแนะและถามความคิดเห็นจากภูผาออกมาด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

          ภูผาโบกมือปฏิเสธน้องสาวทันที เพราะเขารู้ดีว่าน้องสาวรู้สึกเกรงใจเขามากขนาดไหน เพราะเธอมักจะพูดเสมอว่าเธอกับแม่เป็นเพียงผู้อาศัยเท่านั้น ซึ่งเขาไม่เคยมีความคิดนี้ในหัวเลยสักนิด เขาคิดเสมอว่าเธอคือน้องสาวแท้ๆ และแม่ศมนก็คือแม่แท้ๆ ของเขาเช่นกัน และเขาก็ไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร นอนตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น “ไม่ต้องหรอก นี่มันก็ดึกมากแล้ว ไว้พรุ่งนี้เราค่อยย้ายเขาไปนอนห้องนั้นก็แล้วกัน”

          “แล้วคืนนี้พี่ภูจะนอนที่…”

          “เดี๋ยวพี่นอนตรงโซฟานี่ก็ได้” ภูผารีบพูดแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของน้องสาวคนสวย

          “งั้นพี่ภูไปอาบน้ำก่อนดีกว่าค่ะ เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวศศิเตรียมที่นอนไว้ให้” ศศิธรรีบดึงแขนภูผาให้ลุกขึ้นมาจากโซฟา แล้วดันหลังให้เขาเข้าไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกประโยค “ศศิว่าจะเข้าไปเช็คตัวให้เขาอีกสักรอบ เพราะเขายังตัวร้อนเป็นไฟอยู่เลย”

          ซึ่งประโยคของน้องสาวทำให้พี่ชายที่กำลังจะก้าวผ่านประตูเข้าไปในห้อง ชะงักเท้าทันที แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องมองคนป่วยบนเตียงนอนด้วยความครุ่นคิด แต่เมื่อเห็นว่าผีพรายของน้องสาวยังคงนอนสลบสิ้นฤทธิ์ คืนนี้คงจะไม่มีแรงลุกขึ้นมาทำอะไรน้องสาวคนสวยของตนเองเป็นแน่ ก็ยอมพยักหน้าเห็นด้วยในสิ่งที่น้องสาวจะทำ “เอาอย่างนั้นก็ได้”



======================

มีต่อนะคะ (2/4)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่