สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกที่เราเคยตั้ง เพราะรู้สึกอัดอั้นตันใจเรื่องนี้มากๆ ถึงกับต้องสมัครสมาชิกเพื่อระบายเลยทีเดียว
จะเริ่มเล่าไปตั้งแต่แรกจนถึงช่วงคอนฟลิคของชีวิตนะคะ
ต้องบอกก่อนเลยว่าชีวิตเกิดมาตั้งแต่เด็กยันเรียนจบไม่เคยมีแฟนเลยค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากมี แต่มันไม่มีค่ะ โสดสนิทแม้แต่คนคุยก็ยังไม่มีเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะเราไม่ใช่คนหน้าตาสวยพิมพ์นิยมชายไทย ไม่ใช่สาวขาวหมวย แต่หน้าจะออกแนวไทยๆปกติๆ ผิวก็เหลืองๆ ตาโตๆค่ะ แล้วก็ไม่ใช่คนดูดี ไม่ใช่คนชอบแต่งตัว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะกะเร้อกะรังไปทำงาน ออกแนวเป็นคนเรียบๆเฉยๆมากกว่าค่ะ
แต่คนเรานะคะ บทจะมีคนเข้ามาในชีวิต จู่ๆมันก็เข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัวค่ะ เริ่มจากคนแรก เราขอเรียกว่าเอซังแล้วกันนะคะ
เราเจอเอซังตั้งแต่ตอนอยู่มหาลัยค่ะ ประมาณตอนเราปี 3 ได้ เพราะเราไปรับจ๊อบเป็นล่ามให้กับบริษัทหนึ่ง เค้าต้องการล่ามเร่งด่วน ค่าตอบแทนสูงมาก สมัครแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเลยค่ะ วันที่สมัครเราวอล์คอินเข้าไปที่บริษัท คนสัมภาษณ์เราคือฉะโจ แปลว่าประธานบริษัท ซึ่งก็คือเอซังนั่นเองค่ะ เราแอบคิดในใจว่า ทำไมฉะโจหน้าเด็กขนาดนี้ หน้าตาอายุไม่น่าเกิน 35 ผิวขาวสะอาดเกลี้ยงเกลา สไตล์คนญี่ปุ่นค่ะ คือถ้าเทียบกับคนญี่ปุ่นที่หน้าตาดี จัดว่าอยู่ประเภทธรรมดาค่ะ หาได้ตามท้องถนนในโตเกียวทั่วไป แต่ถ้าอยู่เมืองไทยจะถือว่าดูดีถูกสเป็คสาวไทยหลายๆคนทีเดียว ซึ่งบอกเลยว่าก็ถูกสเป็กเรามาก คนนี้โดนจริงๆ เพราะชอบคนตาเล็กๆและผิวขาว แต่เราก็ไม่คิดอะไรค่ะ เพราะเค้าเป็นฉะโจ
หลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จรอประมาณสองวันก็พนง.โทรมาบอกเราว่าเค้าเลือกเรา ก็ตามที่ตกลงกันไว้ต้องไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมชลบุรี 4 วัน เราก็โดดเรียนไปเลยค่ะ จุดนี้คิดถึงเงินอย่างเดียวเท่านั้น
ตอนไปทำงานก็ไม่มีอะไรค่ะ แต่ฉะโจจะมาดูงานเป็นระยะๆ หลังจากเสร็จงาน 4 วัน เค้าก็มาขอบคุณเราตามมารยาทค่ะ แล้วก็บอกว่าถ้าเผื่อมีงานอีกอยากจะติดต่อให้มาทำอีก จะได้มั้ย โอ้โห ใครจะไม่ทำคะ 4 วันได้ 4 หมื่นกว่า เราตกลงทันทีค่ะ ก็เลยแลกเบอร์ แลกไลน์กันไป หลังจากนั้นก็ไลน์คุยกันบ้างนิดๆหน่อยๆค่ะ นัดทานข้าวกันบ้าง นัดคุยงานกันบ้าง ก็เริ่มสนิทกันในระดับหนึ่ง จากที่เรียกฉะโจ ก็เปลี่ยนมาเรียกเอซังเฉยๆค่ะ จนกระทั่งเค้าบอกว่า เค้าต้องกลับไปทำที่สาขาญี่ปุ่น ก็เลยนัดกินข้าวกัน และวันที่นัดมากินข้าววันนั้นแหละค่ะ เค้าก็ขอเราเป็นแฟน...
นี่บอกตรงๆว่าช็อคมาก แต่คือก่อนหน้านี้ ก็คิดนะ ว่าคิดอะไรกับเรารึเปล่า เพราะบอกตรงๆว่า เราก็เล่น เค้าก็เล่น ก็เลยมีแฟนคนแรกที่อายุ 30 ปี ในตอนที่เราอยู่ปี 3 (ห่างกัน 10 ปี)
หลังจากวันที่เอซังขอเราเป็นแฟน เราก็งงๆค่ะ ทำตัวไม่ค่อยถูก เพราะไม่เคยมีมาก่อน เราก็ใช้ชีวิตปกติ แค่เจอกันบ่อยขึ้น เค้าเป็นถึงฉะโจ แต่ทำตัวเหมือนเด็กอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ ซึ่งเราชอบตรงนี้ของเค้ามากๆ
แต่อย่างว่าค่ะ เค้าเป็นฉะโจ เป็นประธานบริษัท ทำไมจู่ๆเค้ามาชอบเด็กอย่างเราละคะ ?? มั่นใจได้ยังไงว่าเค้าไม่มีผู้หญิงคนอื่น ??
เค้ามีพร้อมทุกอย่างที่ประเทศไทย มีรถ มีคอนโด ที่สำคัญ มีเงินค่ะ เราเชื่อเลยว่าแค่เค้ากระดิกนิ้วผู้หญิงก็วิ่งเข้าใส่เป็นฝูงแล้ว... เราก็เลย ถึงจะตกลงเป็นแฟนกัน แต่เราก็คิดตลอดเวลาค่ะว่า เค้าคงเล่นๆแหละ คงเล่นๆ อย่าจริงจังมาก แต่สุดท้าย ชะนีแบบเราก็ทำไม่ได้ค่ะ รู้ตัวอีกทีเวลา 2 เดือนก็หมด และก็รักเอซังแบบถอนตัวไม่ขึ้นแล้วค่ะ
แล้วใน 2 เดือนนั้น ทั้งๆที่เพิ่งคบกัน โอ๊ยยยยยยยยยยยย เจออะไรมากมายเลยค่ะ ทั้งเมสเสจจากผู้หญิงอื่น ทั้งไลน์ ทั้งมิสคอล ไปกินข้าวก็ จู่ๆถูกทิ้งให้นั่งคนเดียว แล้วเดินออกไปคุยโทรศัพท์ 20-30 นาที จริงๆปกติเวลาเอซังรับโทรศัพท์ ถ้าไม่มีอะไรปิดบังเค้าจะคุยต่อหน้าเราเลยค่ะ และพูดภาษาญี่ปุ่นหมด ซึ่งเป็นเรื่องงานโดยส่วนใหญ่ และเราเข้าใจ แต่ถ้าเดินไปคุยที่อื่นหรือมีพูดไทยประหลาดๆหลุดออกมาเนี่ย มั่นใจได้เลยว่าเป็นชะนีโทรมาแน่นอน และเราก็ร้องไห้งอแงใส่เอซังบ่อยมากค่ะ เรื่องผู้หญิงอื่น รู้ทั้งรู้ว่าเค้ามี ก็ยังจะทน แต่เค้าบอกว่าเราเป็นแฟน ผู้หญิงคนอื่นก็แค่ผู้หญิงคนอื่น... มันใช่มั้ยอะ ??
อาจจะเพราะเราเด็กไป ห่างกับเค้าเป็น 10 ปี เราไม่รู้จริงๆว่าเอซังต้องการอะไร ตอนนั้นนะคะ เราไม่เข้าใจมากว่าถ้าเค้ายังคุยกับผู้หญิงคนอื่น ไปมาหาสู่ เค้าจะมาขอเราเป็นแฟนทำไม ดีไม่ดีมีเมียซุกอยู่ที่ญี่ปุ่นอีก... T T แล้วนี่จะกลับญี่ปุ่นแล้ว ถ้าจู่ๆเค้ากลับไปแล้วเค้าหายไปขึ้นมาละ... เราก็ทำอะไรไม่ได้ เหลือแค่เราที่ต้องนั่งทนทุกข์ อกหัก อมน้ำตา เป็นผู้หญิงโง่ถูกผู้ชายญี่ปุ่นหลอกให้รัก... T T
แต่จนแล้วจนรอดค่ะ.... เอซังก็ไม่หายไปค่ะ แต่เราก็งอแงทุกวัน ทำไมไม่โทรหา ทำไมไม่ตอบไลน์ ทำงานอะไรขนาดนั้น บลาบลาบลา จนเอซังมาเมืองไทย แล้วก็กลับไป มาอีกรอบ แล้วกลับ จนเราเรียนจบ...ก็ยังเป็นแฟนกันอยู่ค่ะ...
แต่ถามว่าตลอด 2 ปีที่เป็นแฟนกับเอซัง ดราม่าทุกวันค่ะ ดราม่าตลอด ร้องไห้ตลอด ด้วยเรื่องผู้หญิง...ที่ไม่รู้ว่าคนเดิมรึเปล่าด้วยซ้ำ
หลังจากเราเรียนจบ เราก็คิดค่ะว่าเราจะไปเรียนต่อหรือทำงานประจำดี ในใจคืออยากไปเรียนต่อ แต่ก็รู้สึกว่าอยากเก็บเงินก่อน ช่วงระหว่างที่เคว้งๆคว้างๆเราก็รับงานไปเรื่อยค่ะ งานล่ามบ้าง งานแปลบ้าง คือตอนนั้นชีวิตพังมากๆ เพราะเรื่องเอซังนี่แหละค่ะ
คือ 2 ปีที่คบกัน ไม่เคยทะเลาะกัน เพราะเอซังไม่เคยทะเลาะด้วย... เป็นคนที่พูดจาใช้เหตุผลตลอด มีแต่เรานี่แหละ ที่ดราม่า ร้องไห้งอแง แต่เรื่องนี้มันเกินจะรับไหวจริงๆค่ะ คือเอซังมาเมืองไทย 1 อาทิตย์ และเราต้องไปเป็นล่ามให้เค้า
5 วันที่อยู่ด้วยกันไม่ได้คุยอะไรกันเลย นอกจากเรื่องงาน หลังจากเสร็จงานก็มีวันว่าง 2 วัน เราบอกว่างั้นมาหาเรา 2 วันเลย วันจันทร์เราจะขับรถไปส่งที่สุวรรณภูมิเอง แต่เอซังบอกว่าวันอาทิตย์เค้าไม่ว่าง ต้องไปทำเรื่องคอนโดที่ไทย ว่างแค่วันเสาร์ เราก็โอเค งั้นไปเที่ยวกันวันเสาร์วันเดียวก็ได้ เราก็ไปกินข้าวกันค่ะ หลังจากแยกย้ายกันกลับบ้าน เราไปนั่งเล่นเฟสบุค แล้วเห็นว่า เอซังแอดเฟรนใหม่ค่ะ เป็นผู้หญิงด้วย ลมพิษหึงตีขึ้นมาทันทีค่ะ เราโทรไปโวยวายในคืนนั้นเลยว่านี่ใคร แอดทำไม หลังจากที่เราโวยวายเอซังก็ลบเฟสผู้หญิงคนนั้นออกไปค่ะ วันอาทิตย์เราก็ไม่ได้เจอกันค่ะ แต่เราก็โทรไป เค้าก็บอกว่าเออกินข้าวอยู่ทองหล่อ กำลังจะแวะไปคอนโด เราก็อ่อ.. โอเคๆ แล้ววันจันทร์เราก็ไปส่งเอซังที่สุวรรณภูมิตามปกติ
แต่ด้วยความอยากรู้ เราเลยสร้างแอคเคาท์ปลอมขึ้นมาแอดผู้หญิงคนนั้นค่ะ สามสี่วันให้หลังมันก็รับแอดเราค่ะ แล้วสิ่งที่ทำให้เราช็อคมากคือ มันโพสรูปร้านอาหารที่เรากับเอซังไปกินมาเมื่อวันเสาร์ค่ะ แต่โพสต์วันอาทิตย์ ตอนบ่ายนิดๆ
แล้วเมื่อวันอาทิตย์ เราโทรไปหาเอซังตอนบ่ายๆนิดๆ ซึ่งเอซังบอกว่ากำลังกินข้าวอยู่ แต่ไม่ได้บอกว่าร้านไหน
เรานี่โทรไปญี่ปุ่นเลยค่ะ ถามทันทีว่าเมื่อวันอาทิตย์ไปกินร้านเดิมมาใช่มั้ย เอซังก็งงมากค่ะว่าเรารู้ได้ยังไง เราก็วีนแตกเลยค่ะ ร้องไห้เป็นเผาเต่า โกหกเราทำไม เค้าก็บอกว่า โอเค ความผิดเค้าเอง ขอโทษๆ เราก็ยื่นคำขาดเลยค่ะ ว่าจะเลือกเรา หรือผู้หญิงคนนั้น เอซังบอกเราว่าเค้าเลือกเราอยู่แล้ว เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่เพื่อน ใครจะไปเชื่อคะ เราบอกว่าเอซังเลิกคุยกับผู้หญิงทุกคนแล้วมีเราคนเดียวได้มั้ย เค้าไม่ตอบค่ะ
เราถามว่าได้มั้ย เค้าก็ไม่ตอบอีกค่ะ เราตัดสินใจเลยว่า โอเค เราพอแล้วกับผู้ชายคนนี้ เราไม่ไหวแล้ว....
เดี๋ยวมาต่อค่ะ ยังไม่จบ ยาวหน่อยนะคะ
ในสถานการณ์แบบนี้ ปล่อยเขาไป หรือรั้งเขาไว้ดีคะ
จะเริ่มเล่าไปตั้งแต่แรกจนถึงช่วงคอนฟลิคของชีวิตนะคะ
ต้องบอกก่อนเลยว่าชีวิตเกิดมาตั้งแต่เด็กยันเรียนจบไม่เคยมีแฟนเลยค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากมี แต่มันไม่มีค่ะ โสดสนิทแม้แต่คนคุยก็ยังไม่มีเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะเราไม่ใช่คนหน้าตาสวยพิมพ์นิยมชายไทย ไม่ใช่สาวขาวหมวย แต่หน้าจะออกแนวไทยๆปกติๆ ผิวก็เหลืองๆ ตาโตๆค่ะ แล้วก็ไม่ใช่คนดูดี ไม่ใช่คนชอบแต่งตัว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะกะเร้อกะรังไปทำงาน ออกแนวเป็นคนเรียบๆเฉยๆมากกว่าค่ะ
แต่คนเรานะคะ บทจะมีคนเข้ามาในชีวิต จู่ๆมันก็เข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัวค่ะ เริ่มจากคนแรก เราขอเรียกว่าเอซังแล้วกันนะคะ
เราเจอเอซังตั้งแต่ตอนอยู่มหาลัยค่ะ ประมาณตอนเราปี 3 ได้ เพราะเราไปรับจ๊อบเป็นล่ามให้กับบริษัทหนึ่ง เค้าต้องการล่ามเร่งด่วน ค่าตอบแทนสูงมาก สมัครแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเลยค่ะ วันที่สมัครเราวอล์คอินเข้าไปที่บริษัท คนสัมภาษณ์เราคือฉะโจ แปลว่าประธานบริษัท ซึ่งก็คือเอซังนั่นเองค่ะ เราแอบคิดในใจว่า ทำไมฉะโจหน้าเด็กขนาดนี้ หน้าตาอายุไม่น่าเกิน 35 ผิวขาวสะอาดเกลี้ยงเกลา สไตล์คนญี่ปุ่นค่ะ คือถ้าเทียบกับคนญี่ปุ่นที่หน้าตาดี จัดว่าอยู่ประเภทธรรมดาค่ะ หาได้ตามท้องถนนในโตเกียวทั่วไป แต่ถ้าอยู่เมืองไทยจะถือว่าดูดีถูกสเป็คสาวไทยหลายๆคนทีเดียว ซึ่งบอกเลยว่าก็ถูกสเป็กเรามาก คนนี้โดนจริงๆ เพราะชอบคนตาเล็กๆและผิวขาว แต่เราก็ไม่คิดอะไรค่ะ เพราะเค้าเป็นฉะโจ
หลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จรอประมาณสองวันก็พนง.โทรมาบอกเราว่าเค้าเลือกเรา ก็ตามที่ตกลงกันไว้ต้องไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมชลบุรี 4 วัน เราก็โดดเรียนไปเลยค่ะ จุดนี้คิดถึงเงินอย่างเดียวเท่านั้น
ตอนไปทำงานก็ไม่มีอะไรค่ะ แต่ฉะโจจะมาดูงานเป็นระยะๆ หลังจากเสร็จงาน 4 วัน เค้าก็มาขอบคุณเราตามมารยาทค่ะ แล้วก็บอกว่าถ้าเผื่อมีงานอีกอยากจะติดต่อให้มาทำอีก จะได้มั้ย โอ้โห ใครจะไม่ทำคะ 4 วันได้ 4 หมื่นกว่า เราตกลงทันทีค่ะ ก็เลยแลกเบอร์ แลกไลน์กันไป หลังจากนั้นก็ไลน์คุยกันบ้างนิดๆหน่อยๆค่ะ นัดทานข้าวกันบ้าง นัดคุยงานกันบ้าง ก็เริ่มสนิทกันในระดับหนึ่ง จากที่เรียกฉะโจ ก็เปลี่ยนมาเรียกเอซังเฉยๆค่ะ จนกระทั่งเค้าบอกว่า เค้าต้องกลับไปทำที่สาขาญี่ปุ่น ก็เลยนัดกินข้าวกัน และวันที่นัดมากินข้าววันนั้นแหละค่ะ เค้าก็ขอเราเป็นแฟน...
นี่บอกตรงๆว่าช็อคมาก แต่คือก่อนหน้านี้ ก็คิดนะ ว่าคิดอะไรกับเรารึเปล่า เพราะบอกตรงๆว่า เราก็เล่น เค้าก็เล่น ก็เลยมีแฟนคนแรกที่อายุ 30 ปี ในตอนที่เราอยู่ปี 3 (ห่างกัน 10 ปี)
หลังจากวันที่เอซังขอเราเป็นแฟน เราก็งงๆค่ะ ทำตัวไม่ค่อยถูก เพราะไม่เคยมีมาก่อน เราก็ใช้ชีวิตปกติ แค่เจอกันบ่อยขึ้น เค้าเป็นถึงฉะโจ แต่ทำตัวเหมือนเด็กอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ ซึ่งเราชอบตรงนี้ของเค้ามากๆ
แต่อย่างว่าค่ะ เค้าเป็นฉะโจ เป็นประธานบริษัท ทำไมจู่ๆเค้ามาชอบเด็กอย่างเราละคะ ?? มั่นใจได้ยังไงว่าเค้าไม่มีผู้หญิงคนอื่น ??
เค้ามีพร้อมทุกอย่างที่ประเทศไทย มีรถ มีคอนโด ที่สำคัญ มีเงินค่ะ เราเชื่อเลยว่าแค่เค้ากระดิกนิ้วผู้หญิงก็วิ่งเข้าใส่เป็นฝูงแล้ว... เราก็เลย ถึงจะตกลงเป็นแฟนกัน แต่เราก็คิดตลอดเวลาค่ะว่า เค้าคงเล่นๆแหละ คงเล่นๆ อย่าจริงจังมาก แต่สุดท้าย ชะนีแบบเราก็ทำไม่ได้ค่ะ รู้ตัวอีกทีเวลา 2 เดือนก็หมด และก็รักเอซังแบบถอนตัวไม่ขึ้นแล้วค่ะ
แล้วใน 2 เดือนนั้น ทั้งๆที่เพิ่งคบกัน โอ๊ยยยยยยยยยยยย เจออะไรมากมายเลยค่ะ ทั้งเมสเสจจากผู้หญิงอื่น ทั้งไลน์ ทั้งมิสคอล ไปกินข้าวก็ จู่ๆถูกทิ้งให้นั่งคนเดียว แล้วเดินออกไปคุยโทรศัพท์ 20-30 นาที จริงๆปกติเวลาเอซังรับโทรศัพท์ ถ้าไม่มีอะไรปิดบังเค้าจะคุยต่อหน้าเราเลยค่ะ และพูดภาษาญี่ปุ่นหมด ซึ่งเป็นเรื่องงานโดยส่วนใหญ่ และเราเข้าใจ แต่ถ้าเดินไปคุยที่อื่นหรือมีพูดไทยประหลาดๆหลุดออกมาเนี่ย มั่นใจได้เลยว่าเป็นชะนีโทรมาแน่นอน และเราก็ร้องไห้งอแงใส่เอซังบ่อยมากค่ะ เรื่องผู้หญิงอื่น รู้ทั้งรู้ว่าเค้ามี ก็ยังจะทน แต่เค้าบอกว่าเราเป็นแฟน ผู้หญิงคนอื่นก็แค่ผู้หญิงคนอื่น... มันใช่มั้ยอะ ??
อาจจะเพราะเราเด็กไป ห่างกับเค้าเป็น 10 ปี เราไม่รู้จริงๆว่าเอซังต้องการอะไร ตอนนั้นนะคะ เราไม่เข้าใจมากว่าถ้าเค้ายังคุยกับผู้หญิงคนอื่น ไปมาหาสู่ เค้าจะมาขอเราเป็นแฟนทำไม ดีไม่ดีมีเมียซุกอยู่ที่ญี่ปุ่นอีก... T T แล้วนี่จะกลับญี่ปุ่นแล้ว ถ้าจู่ๆเค้ากลับไปแล้วเค้าหายไปขึ้นมาละ... เราก็ทำอะไรไม่ได้ เหลือแค่เราที่ต้องนั่งทนทุกข์ อกหัก อมน้ำตา เป็นผู้หญิงโง่ถูกผู้ชายญี่ปุ่นหลอกให้รัก... T T
แต่จนแล้วจนรอดค่ะ.... เอซังก็ไม่หายไปค่ะ แต่เราก็งอแงทุกวัน ทำไมไม่โทรหา ทำไมไม่ตอบไลน์ ทำงานอะไรขนาดนั้น บลาบลาบลา จนเอซังมาเมืองไทย แล้วก็กลับไป มาอีกรอบ แล้วกลับ จนเราเรียนจบ...ก็ยังเป็นแฟนกันอยู่ค่ะ...
แต่ถามว่าตลอด 2 ปีที่เป็นแฟนกับเอซัง ดราม่าทุกวันค่ะ ดราม่าตลอด ร้องไห้ตลอด ด้วยเรื่องผู้หญิง...ที่ไม่รู้ว่าคนเดิมรึเปล่าด้วยซ้ำ
หลังจากเราเรียนจบ เราก็คิดค่ะว่าเราจะไปเรียนต่อหรือทำงานประจำดี ในใจคืออยากไปเรียนต่อ แต่ก็รู้สึกว่าอยากเก็บเงินก่อน ช่วงระหว่างที่เคว้งๆคว้างๆเราก็รับงานไปเรื่อยค่ะ งานล่ามบ้าง งานแปลบ้าง คือตอนนั้นชีวิตพังมากๆ เพราะเรื่องเอซังนี่แหละค่ะ
คือ 2 ปีที่คบกัน ไม่เคยทะเลาะกัน เพราะเอซังไม่เคยทะเลาะด้วย... เป็นคนที่พูดจาใช้เหตุผลตลอด มีแต่เรานี่แหละ ที่ดราม่า ร้องไห้งอแง แต่เรื่องนี้มันเกินจะรับไหวจริงๆค่ะ คือเอซังมาเมืองไทย 1 อาทิตย์ และเราต้องไปเป็นล่ามให้เค้า
5 วันที่อยู่ด้วยกันไม่ได้คุยอะไรกันเลย นอกจากเรื่องงาน หลังจากเสร็จงานก็มีวันว่าง 2 วัน เราบอกว่างั้นมาหาเรา 2 วันเลย วันจันทร์เราจะขับรถไปส่งที่สุวรรณภูมิเอง แต่เอซังบอกว่าวันอาทิตย์เค้าไม่ว่าง ต้องไปทำเรื่องคอนโดที่ไทย ว่างแค่วันเสาร์ เราก็โอเค งั้นไปเที่ยวกันวันเสาร์วันเดียวก็ได้ เราก็ไปกินข้าวกันค่ะ หลังจากแยกย้ายกันกลับบ้าน เราไปนั่งเล่นเฟสบุค แล้วเห็นว่า เอซังแอดเฟรนใหม่ค่ะ เป็นผู้หญิงด้วย ลมพิษหึงตีขึ้นมาทันทีค่ะ เราโทรไปโวยวายในคืนนั้นเลยว่านี่ใคร แอดทำไม หลังจากที่เราโวยวายเอซังก็ลบเฟสผู้หญิงคนนั้นออกไปค่ะ วันอาทิตย์เราก็ไม่ได้เจอกันค่ะ แต่เราก็โทรไป เค้าก็บอกว่าเออกินข้าวอยู่ทองหล่อ กำลังจะแวะไปคอนโด เราก็อ่อ.. โอเคๆ แล้ววันจันทร์เราก็ไปส่งเอซังที่สุวรรณภูมิตามปกติ
แต่ด้วยความอยากรู้ เราเลยสร้างแอคเคาท์ปลอมขึ้นมาแอดผู้หญิงคนนั้นค่ะ สามสี่วันให้หลังมันก็รับแอดเราค่ะ แล้วสิ่งที่ทำให้เราช็อคมากคือ มันโพสรูปร้านอาหารที่เรากับเอซังไปกินมาเมื่อวันเสาร์ค่ะ แต่โพสต์วันอาทิตย์ ตอนบ่ายนิดๆ
แล้วเมื่อวันอาทิตย์ เราโทรไปหาเอซังตอนบ่ายๆนิดๆ ซึ่งเอซังบอกว่ากำลังกินข้าวอยู่ แต่ไม่ได้บอกว่าร้านไหน
เรานี่โทรไปญี่ปุ่นเลยค่ะ ถามทันทีว่าเมื่อวันอาทิตย์ไปกินร้านเดิมมาใช่มั้ย เอซังก็งงมากค่ะว่าเรารู้ได้ยังไง เราก็วีนแตกเลยค่ะ ร้องไห้เป็นเผาเต่า โกหกเราทำไม เค้าก็บอกว่า โอเค ความผิดเค้าเอง ขอโทษๆ เราก็ยื่นคำขาดเลยค่ะ ว่าจะเลือกเรา หรือผู้หญิงคนนั้น เอซังบอกเราว่าเค้าเลือกเราอยู่แล้ว เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่เพื่อน ใครจะไปเชื่อคะ เราบอกว่าเอซังเลิกคุยกับผู้หญิงทุกคนแล้วมีเราคนเดียวได้มั้ย เค้าไม่ตอบค่ะ
เราถามว่าได้มั้ย เค้าก็ไม่ตอบอีกค่ะ เราตัดสินใจเลยว่า โอเค เราพอแล้วกับผู้ชายคนนี้ เราไม่ไหวแล้ว....
เดี๋ยวมาต่อค่ะ ยังไม่จบ ยาวหน่อยนะคะ