ก่อนอื่นต้องบอกว่าส่วนตัวผมเป็นคนที่ใช้และชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ของ APPLE ตั้งแต่ใช้มาก็ไม่เคยเจอปัญหาอะไร จนกระทั่ง...
ในช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ไอโฟน5C ของผมเกิดปัญหาขึ้นในการใช้งานคือ อยู่ดีๆเครื่องได้ดับเอง ทั้งๆที่แบตยังไม่หมด
และหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ไอโฟน5c ของผมก็ไม่ได้ปกติอีกเลย เนื่องจากตัวเครื่องนั้นแบตเสื่อม อาการของมันก็คือ เครื่องดับเองบ่อยขึ้น ชาร์ตแบตแล้วขึ้นช้า หรือถ้าได้เปิดเครื่องใช้งาน แบตเตอรี่ลดลงอย่างน่าใจหาย ทำให้มีผลกระทบโดยตรงจากการใช้งาน ผมไม่รีรอที่จะนำเครื่องกลับไปที่เครือข่ายมือถือที่ผมได้ซื้อมานั่นเอง สุมมุติว่าเครือข่ายที่ผมใช้คือ
"ทรูมูฟเอช" ละกันนะครับ (จริงๆนั่นแหละ -_-)
เจอพนักงาน after sale บอกหน้าซื่อๆ ตอนนั้นคนเยอะพอสมควร
พนักงาน :"พี่ลอง Restore เครื่องก่อนมั้ยครับตอนนี้เครื่องก็ติดนี่ครับ แบตไม่เห็นเสื่อมเลย เชื่อผมลองกลับบ้านไป Restore ก่อน น่าจะหายนะครับผมว่า แล้วตอนนี้ไม่มีเครื่องให้เปลี่ยนนะครับ.."
อ้าว!!! แบต มันเป็น hardware นะว้อย ก็คิดในแง่ดีว่าอาจจะเป็นที่ software ก้ได้มั้งแล้วจะทำยังไงมีมือถืออยู่เครื่องเดียว
งั้นลองกลับบ้านไป Restoreก่อนละกัน อ่ะ อ้าว ... ไม่หายอีก มีอาการเหมือนเดิม
วันต่อมา..คราวนี้ลองเดินไป AASP Apple Authorised Service Provider (Thailand) ลองเดินไปถามเคสในเรื่องแบตเสื่อม
พี่แกเช็คไม่ถึงสามนาที พร้อมคำตอบกลับมาว่า
"แบตพี่เสื่อมจริงๆค่ะ"
หืมม...เพิ่งซื้อมาไม่ถึงปี แบตเสื่อมจริงๆ แจ๊คพอตสินะ T T
ด้วยความที่ผิดหวังกับอาการของไอโฟน อยากจะหาทางออกว่าจะทำยังไงที่จะสามารถเคลมเครื่องได้ โดยที่ไม่ต้องรอ หรือพอจะมีทางอื่นที่จะไม่ต้องทิ้งเครื่องไว้เพราะต้องใช้ไอโฟนทำงานตลอด
ก็เลยลองหาเบอร์ Apple ในส่วนของ service อยากจะคุยโดยตรงเลย ได้เบอร์ก็ลองโทรไป สรุปเป็น Apple US คุยกันถึงสองครั้ง ในตอนแรกที่ได้เบอร์มาผมโทรไปไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เปิดโทรทางไกลระหว่างประเทศ เลยยืมไอโฟนพี่ที่สนิท skype โทรไปหาแอปเปิ้ล แต่มันดันเป็น Apple ที่ตั้งอยู่ใน US ซึ่งในตอนแรกผมก็นึกว่าจะมีพนักงานคนไทย ผมกับพี่ก็เลยถามว่า ..
ผมกับพี่ : Do you have any thai staff for speak thai language?
พนักงานฝรั่งผู้หญิง : No sir !!!!
ผมกับพี่: ..... thanks T T
หลังจากที่โทรไปก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะเรากับฝรั่งสื่อสารไม่ค่อยจะเข้าใจ แถมฝรั่งฝั่งโน่นยังพูดเร็ว แต่พูดด้วยในน้ำเสียงที่พยายามจะช่วยเหลือเราตลอดซึ่งตรงนี้ก็ได้ใจเราไปบ้างแล้ว แต่เนื่องด้วยผมอยากจะหาทาง อีกนัยนึงอยากจะได้คำตอบจากแอปเปิ้ลว่าพอจะมีหนทางช่วยเหลืออะไรเราบ้างในกรณีนี้ จนวันนี้ก็ลองโทรไปอีกทีคราวนี้เป็นเบอร์ Apple Online Store เจอคนไทยรับสาย โชคดีมากกกกๆ ครับ และผมเองก็ต้องตกใจกับน้ำเสียงของเธอ บอกเลยว่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ใส่ใจลูกค้ามากๆ
พนักงานคนไทย : สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าตะกี้ได้รอสายนานมั้ยคะ ?
ผม: อ่อ ไม่นานครับ
พนักงานคนไทย: ประมาณ 5 นาทีได้มั้ยคะ?
ผม: ก็น่าจะได้นะครับ
พนักงานคนไทย : ตรงนี้ต้องขอประทานอภัยคุณลูกค้าด้วยนะคะที่ให้ถือสายรอนาน ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ขอโทษนะคะ
ผม: (คิดในใจ นี่แค่ถือสายรอแค่ห้านาทีขอโทษขอโพยซะขนาดนี้ ถ้ารอซักครึ่งชม.จะขอขมาเลยมั้ยครับเนี่ยย )
....ความประทับใจครั้งแรกได้เข้ามาในใจเรียบร้อยแล้วครับ
ผมก็บอกปัญหาในเรื่องที่เราเจอว่าตัวเครื่องที่เพิ่งซื้อมาไม่กี่เดือน แบตเสื่อมซะแล้ว เค้าก็ดูในระบบว่าเคยโทรมาแล้วใช่มั้ยคะ แต่ฝรั่งเค้าNote ไว้ว่า ไม่สามารถที่จะเข้าใจเรื่องที่เราสื่อสารในวันนั้น 5555
ระหว่างที่คุยกันเค้าก็บอกกับผมว่า
"ถ้าเป็นเครื่องของดิฉัน ดิฉันก็ไม่พอใจเพราะใช้ได้ไม่นานแบตก็เสื่อมแล้ว คงจะเสียความรู้สึกไม่ต่างจากคุณลูกค้า คุณลูกค้าใจเย็นๆก่อนนะคะ เดี๋ยวทางเราจะประสานงานให้ค่ะ "
ประโยคนี้พูดจบเสร็จน้ำตาแทบจะไหลไม่ใช่เพราะมีใครเหยียบเท้าแต่อย่างใด แต่รู้สึกดีมากที่แอปเปิ้ลแคร์เราจริงว่ะ !!
ทางเจ้าหน้าที่ของ apple ถามถึง serial number ของเครื่อง พอบอกเสร็จเจ้าหน้าที่รู้หมดว่าตัวเครื่องซื้อมาวันไหน ใช้รุ่นอะไร แม้กระทั่งสีของตัวเครื่อง แล้วยังรู้ว่าเราใช้ไอโฟนที่มีปัญหาโทรไปหาเค้าอีก รู้ได้ไง และแน่นอนประกันผมยังไม่หมด
โดยเริ่มแรกทางเจ้าหน้าก็ test ผ่านระบบของทางแอปเปิ้ล ว่าในกรณีเราแบตเสื่อมจริงมั้ย ซึ่งเค้าเช็คแล้วว่าเสื่อมจริง แต่พนักงานก็ยังถามเราว่าอยากจะลองเช็คอีกทีมั้ย ซึ่งก็แน่นอนเราอยากลองรีเช็คอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ขออีเมล์เราและส่งเมล์มา รีเช็คอีกครั้งโดยส่ง ios diagnostics ส่งค่ากลับไปซึ่งเป็นการรีเช็คตัวเครื่อง
สรุปได้ความว่าแบตเตอรี่เสื่อมจริง..
ผมก็บอกปัญหาว่าตัวเรามีเครื่องใช้งานแค่เครื่องเดียวจริงๆ ไม่สามารถทิ้งเครื่องไว้ให้ได้ ซึ่งเค้าก็รับทราบถึงปัญหา และพูดถึงโปรเสซการรับประกัน
พนักงานคนไทย : "ถ้าเป็นที่APPLE STORE เราสามารถเคลมได้ในทันที แต่ถ้าเป็นที่ประเทศไทยในกรณีที่ซื้อเครื่องจากโอเปอเรเตอร์จะต้องขึ้นอยู่กับทางโอเปอเรเตอร์เจ้านั้น แต่ในกรณีนี้เครื่องยังอยู่ในประกันและทางเราได้เช็คว่าแบตเสื่อมจริง เปลี่ยนได้แน่นอนค่ะซึ่งอาจจะต้องทิ้งเครื่องไว้กับทางโอเปอเรเตอร์"
..สุดท้ายถ้าเราต้องทิ้งเครื่องให้จริงๆ ก็ไม่สนล่ะ ทิ้งก็ทิ้ง ก็เลยลองถามกลับไปว่าถ้าซื้อจาก apple store โพรเสซการเคลมเป็นอย่างไรบ้างแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็ได้คำตอบไม่ต่างกันแต่จะมีพนักงานมารับเครื่องที่บ้านโดยผ่านการขนส่งของ DHL แต่ระบบการทำงานจะขึ้นตรงกับทาง apple โดยตรง แล้วก็แอบมีชวนให้ซื้อไอโฟนครั้งต่อไปกับ apple store ด้วย ตลกตรงนี้
"ถ้าครั้งหน้าไอโฟนออกใหม่ ลองเปลี่ยนมาซื้อกับ store ดูบ้างก็ได้นะคะ " (น้ำเสียงเป็นกันเองมากกก ผมฟังแล้วคิดในใจว่าครั้งหน้าจะลองซื้อดู55)
ก่อนจะวางสายผมก็ถามนางไปว่าเบอร์ที่โทรไปตอนนี้เป็นแอปเปิ้ลที่สำนักงานที่ไหน นางบอกว่าเป็นสำนักงานแอปเปิ้ลที่มาเลเซียซึ่งตรงนี้จะมีพนักงานคนไทยคอยช่วยเหลือและบริการเรื่องของapple "ไม่ต้องกังวลนะคะ โทรมาได้เลย"
สรุปทางแอปเปิ้ลจะประสานกับทรูมูฟเอชให้อีกทีหากในการเคลมเครื่องในครั้งนี้เค้าไม่ให้เคลมหรือปัดความรับผิดชอบ ซึ่งคงจะต้องทิ้งเครื่องเอาไว้ แต่ถ้าไม่เกิดเรื่องกับผมในครั้งนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าแอปเปิ้ลใส่ใจความรู้สึกของลูกค้าจริงๆ ไม่เหมือนโอเปอเรเตอร์ในไทยที่บริการหลังการขายเข้าขั้นห่วยแตก ซึ่งอาจจะไม่รวมถึงกรณีของผม อาจจะเป็นกรณีอื่นที่บริการหลังการขาย หรือการเคลมเครื่องซักเครื่องมันยากแค่ไหน ซึ่งครั้งนี้ผมก็คงจะต้องง้อบริการหลังการขายของทรูอีกครั้ง แต่ถ้าไม่ได้เคลมเครื่องอีก ผมก็คงจะต้องโทรขอความช่วยเหลือจากทางแอปเปิ้ลอีกครั้ง หวังว่า CC ทรูจะเข้ามาอ่าน และช่วยเหลือผมในกรณีนี้
สุดท้ายนี้ (หลายสุดท้ายเหลือเกิน)
ผมต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ Apple มากๆนะครับ ไม่ขอเปิดเผยชื่อนะครับ เพราะเราคุยกันมากกว่านี้ 5555
และคุณได้ใจผมไปเต็มๆ ^^
เบอร์ที่ผมโทรไปคือเบอร์ 001-800-65-6957 นี้นะครับ ต้องโทรในวันเวลาทำการนะครับ ในขั้นตอนที่โทรนั้นอาจจะต้องเปิดบริการโทรข้ามไปต่างประเทศด้วยนะครับสำหรับบางคนที่โทรไปไม่ติด ในการโทรไปไม่ยากเพราะเค้าจะให้เราเลือก Product ของแอปเปิ้ลที่เราจะสอบถามข้อมูล ไม่ต้องกลัวที่จะโทรไปครับ ไม่แน่คุณอาจจะได้รับประสบการณ์ดีๆแบบตัวผมก็ได้นะครับ
[CR] ***ผิดหวังกับไอโฟนที่แบตเสื่อม ผิดหวังกับหลังการขายของโอเปอเรเตอร์ในไทย แต่มาดันได้ใจจากเจ้าของผลิตภัณฑ์
ในช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ไอโฟน5C ของผมเกิดปัญหาขึ้นในการใช้งานคือ อยู่ดีๆเครื่องได้ดับเอง ทั้งๆที่แบตยังไม่หมด
และหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ไอโฟน5c ของผมก็ไม่ได้ปกติอีกเลย เนื่องจากตัวเครื่องนั้นแบตเสื่อม อาการของมันก็คือ เครื่องดับเองบ่อยขึ้น ชาร์ตแบตแล้วขึ้นช้า หรือถ้าได้เปิดเครื่องใช้งาน แบตเตอรี่ลดลงอย่างน่าใจหาย ทำให้มีผลกระทบโดยตรงจากการใช้งาน ผมไม่รีรอที่จะนำเครื่องกลับไปที่เครือข่ายมือถือที่ผมได้ซื้อมานั่นเอง สุมมุติว่าเครือข่ายที่ผมใช้คือ "ทรูมูฟเอช" ละกันนะครับ (จริงๆนั่นแหละ -_-)
เจอพนักงาน after sale บอกหน้าซื่อๆ ตอนนั้นคนเยอะพอสมควร
พนักงาน :"พี่ลอง Restore เครื่องก่อนมั้ยครับตอนนี้เครื่องก็ติดนี่ครับ แบตไม่เห็นเสื่อมเลย เชื่อผมลองกลับบ้านไป Restore ก่อน น่าจะหายนะครับผมว่า แล้วตอนนี้ไม่มีเครื่องให้เปลี่ยนนะครับ.."
อ้าว!!! แบต มันเป็น hardware นะว้อย ก็คิดในแง่ดีว่าอาจจะเป็นที่ software ก้ได้มั้งแล้วจะทำยังไงมีมือถืออยู่เครื่องเดียว
งั้นลองกลับบ้านไป Restoreก่อนละกัน อ่ะ อ้าว ... ไม่หายอีก มีอาการเหมือนเดิม
วันต่อมา..คราวนี้ลองเดินไป AASP Apple Authorised Service Provider (Thailand) ลองเดินไปถามเคสในเรื่องแบตเสื่อม
พี่แกเช็คไม่ถึงสามนาที พร้อมคำตอบกลับมาว่า "แบตพี่เสื่อมจริงๆค่ะ"
หืมม...เพิ่งซื้อมาไม่ถึงปี แบตเสื่อมจริงๆ แจ๊คพอตสินะ T T
ด้วยความที่ผิดหวังกับอาการของไอโฟน อยากจะหาทางออกว่าจะทำยังไงที่จะสามารถเคลมเครื่องได้ โดยที่ไม่ต้องรอ หรือพอจะมีทางอื่นที่จะไม่ต้องทิ้งเครื่องไว้เพราะต้องใช้ไอโฟนทำงานตลอด
ก็เลยลองหาเบอร์ Apple ในส่วนของ service อยากจะคุยโดยตรงเลย ได้เบอร์ก็ลองโทรไป สรุปเป็น Apple US คุยกันถึงสองครั้ง ในตอนแรกที่ได้เบอร์มาผมโทรไปไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เปิดโทรทางไกลระหว่างประเทศ เลยยืมไอโฟนพี่ที่สนิท skype โทรไปหาแอปเปิ้ล แต่มันดันเป็น Apple ที่ตั้งอยู่ใน US ซึ่งในตอนแรกผมก็นึกว่าจะมีพนักงานคนไทย ผมกับพี่ก็เลยถามว่า ..
ผมกับพี่ : Do you have any thai staff for speak thai language?
พนักงานฝรั่งผู้หญิง : No sir !!!!
ผมกับพี่: ..... thanks T T
หลังจากที่โทรไปก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะเรากับฝรั่งสื่อสารไม่ค่อยจะเข้าใจ แถมฝรั่งฝั่งโน่นยังพูดเร็ว แต่พูดด้วยในน้ำเสียงที่พยายามจะช่วยเหลือเราตลอดซึ่งตรงนี้ก็ได้ใจเราไปบ้างแล้ว แต่เนื่องด้วยผมอยากจะหาทาง อีกนัยนึงอยากจะได้คำตอบจากแอปเปิ้ลว่าพอจะมีหนทางช่วยเหลืออะไรเราบ้างในกรณีนี้ จนวันนี้ก็ลองโทรไปอีกทีคราวนี้เป็นเบอร์ Apple Online Store เจอคนไทยรับสาย โชคดีมากกกกๆ ครับ และผมเองก็ต้องตกใจกับน้ำเสียงของเธอ บอกเลยว่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ใส่ใจลูกค้ามากๆ
พนักงานคนไทย : สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าตะกี้ได้รอสายนานมั้ยคะ ?
ผม: อ่อ ไม่นานครับ
พนักงานคนไทย: ประมาณ 5 นาทีได้มั้ยคะ?
ผม: ก็น่าจะได้นะครับ
พนักงานคนไทย : ตรงนี้ต้องขอประทานอภัยคุณลูกค้าด้วยนะคะที่ให้ถือสายรอนาน ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ขอโทษนะคะ
ผม: (คิดในใจ นี่แค่ถือสายรอแค่ห้านาทีขอโทษขอโพยซะขนาดนี้ ถ้ารอซักครึ่งชม.จะขอขมาเลยมั้ยครับเนี่ยย )
....ความประทับใจครั้งแรกได้เข้ามาในใจเรียบร้อยแล้วครับ
ผมก็บอกปัญหาในเรื่องที่เราเจอว่าตัวเครื่องที่เพิ่งซื้อมาไม่กี่เดือน แบตเสื่อมซะแล้ว เค้าก็ดูในระบบว่าเคยโทรมาแล้วใช่มั้ยคะ แต่ฝรั่งเค้าNote ไว้ว่า ไม่สามารถที่จะเข้าใจเรื่องที่เราสื่อสารในวันนั้น 5555
ระหว่างที่คุยกันเค้าก็บอกกับผมว่า
"ถ้าเป็นเครื่องของดิฉัน ดิฉันก็ไม่พอใจเพราะใช้ได้ไม่นานแบตก็เสื่อมแล้ว คงจะเสียความรู้สึกไม่ต่างจากคุณลูกค้า คุณลูกค้าใจเย็นๆก่อนนะคะ เดี๋ยวทางเราจะประสานงานให้ค่ะ "
ประโยคนี้พูดจบเสร็จน้ำตาแทบจะไหลไม่ใช่เพราะมีใครเหยียบเท้าแต่อย่างใด แต่รู้สึกดีมากที่แอปเปิ้ลแคร์เราจริงว่ะ !!
ทางเจ้าหน้าที่ของ apple ถามถึง serial number ของเครื่อง พอบอกเสร็จเจ้าหน้าที่รู้หมดว่าตัวเครื่องซื้อมาวันไหน ใช้รุ่นอะไร แม้กระทั่งสีของตัวเครื่อง แล้วยังรู้ว่าเราใช้ไอโฟนที่มีปัญหาโทรไปหาเค้าอีก รู้ได้ไง และแน่นอนประกันผมยังไม่หมด
โดยเริ่มแรกทางเจ้าหน้าก็ test ผ่านระบบของทางแอปเปิ้ล ว่าในกรณีเราแบตเสื่อมจริงมั้ย ซึ่งเค้าเช็คแล้วว่าเสื่อมจริง แต่พนักงานก็ยังถามเราว่าอยากจะลองเช็คอีกทีมั้ย ซึ่งก็แน่นอนเราอยากลองรีเช็คอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ขออีเมล์เราและส่งเมล์มา รีเช็คอีกครั้งโดยส่ง ios diagnostics ส่งค่ากลับไปซึ่งเป็นการรีเช็คตัวเครื่อง
สรุปได้ความว่าแบตเตอรี่เสื่อมจริง..
ผมก็บอกปัญหาว่าตัวเรามีเครื่องใช้งานแค่เครื่องเดียวจริงๆ ไม่สามารถทิ้งเครื่องไว้ให้ได้ ซึ่งเค้าก็รับทราบถึงปัญหา และพูดถึงโปรเสซการรับประกัน
พนักงานคนไทย : "ถ้าเป็นที่APPLE STORE เราสามารถเคลมได้ในทันที แต่ถ้าเป็นที่ประเทศไทยในกรณีที่ซื้อเครื่องจากโอเปอเรเตอร์จะต้องขึ้นอยู่กับทางโอเปอเรเตอร์เจ้านั้น แต่ในกรณีนี้เครื่องยังอยู่ในประกันและทางเราได้เช็คว่าแบตเสื่อมจริง เปลี่ยนได้แน่นอนค่ะซึ่งอาจจะต้องทิ้งเครื่องไว้กับทางโอเปอเรเตอร์"
..สุดท้ายถ้าเราต้องทิ้งเครื่องให้จริงๆ ก็ไม่สนล่ะ ทิ้งก็ทิ้ง ก็เลยลองถามกลับไปว่าถ้าซื้อจาก apple store โพรเสซการเคลมเป็นอย่างไรบ้างแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็ได้คำตอบไม่ต่างกันแต่จะมีพนักงานมารับเครื่องที่บ้านโดยผ่านการขนส่งของ DHL แต่ระบบการทำงานจะขึ้นตรงกับทาง apple โดยตรง แล้วก็แอบมีชวนให้ซื้อไอโฟนครั้งต่อไปกับ apple store ด้วย ตลกตรงนี้
"ถ้าครั้งหน้าไอโฟนออกใหม่ ลองเปลี่ยนมาซื้อกับ store ดูบ้างก็ได้นะคะ " (น้ำเสียงเป็นกันเองมากกก ผมฟังแล้วคิดในใจว่าครั้งหน้าจะลองซื้อดู55)
ก่อนจะวางสายผมก็ถามนางไปว่าเบอร์ที่โทรไปตอนนี้เป็นแอปเปิ้ลที่สำนักงานที่ไหน นางบอกว่าเป็นสำนักงานแอปเปิ้ลที่มาเลเซียซึ่งตรงนี้จะมีพนักงานคนไทยคอยช่วยเหลือและบริการเรื่องของapple "ไม่ต้องกังวลนะคะ โทรมาได้เลย"
สรุปทางแอปเปิ้ลจะประสานกับทรูมูฟเอชให้อีกทีหากในการเคลมเครื่องในครั้งนี้เค้าไม่ให้เคลมหรือปัดความรับผิดชอบ ซึ่งคงจะต้องทิ้งเครื่องเอาไว้ แต่ถ้าไม่เกิดเรื่องกับผมในครั้งนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าแอปเปิ้ลใส่ใจความรู้สึกของลูกค้าจริงๆ ไม่เหมือนโอเปอเรเตอร์ในไทยที่บริการหลังการขายเข้าขั้นห่วยแตก ซึ่งอาจจะไม่รวมถึงกรณีของผม อาจจะเป็นกรณีอื่นที่บริการหลังการขาย หรือการเคลมเครื่องซักเครื่องมันยากแค่ไหน ซึ่งครั้งนี้ผมก็คงจะต้องง้อบริการหลังการขายของทรูอีกครั้ง แต่ถ้าไม่ได้เคลมเครื่องอีก ผมก็คงจะต้องโทรขอความช่วยเหลือจากทางแอปเปิ้ลอีกครั้ง หวังว่า CC ทรูจะเข้ามาอ่าน และช่วยเหลือผมในกรณีนี้
สุดท้ายนี้ (หลายสุดท้ายเหลือเกิน)
ผมต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ Apple มากๆนะครับ ไม่ขอเปิดเผยชื่อนะครับ เพราะเราคุยกันมากกว่านี้ 5555
และคุณได้ใจผมไปเต็มๆ ^^
เบอร์ที่ผมโทรไปคือเบอร์ 001-800-65-6957 นี้นะครับ ต้องโทรในวันเวลาทำการนะครับ ในขั้นตอนที่โทรนั้นอาจจะต้องเปิดบริการโทรข้ามไปต่างประเทศด้วยนะครับสำหรับบางคนที่โทรไปไม่ติด ในการโทรไปไม่ยากเพราะเค้าจะให้เราเลือก Product ของแอปเปิ้ลที่เราจะสอบถามข้อมูล ไม่ต้องกลัวที่จะโทรไปครับ ไม่แน่คุณอาจจะได้รับประสบการณ์ดีๆแบบตัวผมก็ได้นะครับ