เนื่องด้วยได้ดูรีวิวของคุณ Shearer_Legends
http://pantip.com/topic/31415553
เลยอยากลองไปดูฉลาม ดูบ้าง บวกกับว่าสุรินทร์เป็นที่เลื่องลือในเรื่องของโลกใต้น้ำ ก็เลยตัดสินใจว่าต้องหาเวลาไปให้ได้ จากนั้นก็เตรียมหาข้อมูลในอากู๋และในห้องบูลนี่ล่ะ แต่สรุปว่าข้อมูลค่อยข้างน้อยเมื่อเทียบกับ เกาะดังๆ พวก กระบี่ ภูเก็ต หลีเป๊ะ สิมิลัน ตาชัย ก็เลยต้องอาศัยหลังไมล์ไปถามพี่ๆเพื่อนๆในพันทิปเป็นหลัก ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ข้อมูล อันเป็นประโยชน์มากๆคะ และเนื่องจากเกาะสุรินทร์ยังไม่ค่อยมีรีวิวมากนัก จึงทำให้อยากมารีวิวเพิ่มเพื่อเป็นประโยชน์และทางเลือกในการท่องเที่ยวให้เพื่อนๆต่อไปคะ เรามาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าคะ
การเดินทางไปเกาะสุรินทร์นั้นง่ายที่สุดก็คงเป็นรถทัวร์ ประหยัดและขั้นตอนค่อนข้างน้อย เรียกกว่าต่อเดียวถึงเลย แต่ถ้าเป็นเครื่องบิน ต้องลงที่ภูเก็ตและต่อรถมาที่ท่าเรือ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องคำนวนเวลาการเดินทางให้ดีเพื่อทันเรือ รอบ 9 โมง อาจต้องเหมารถ หรือ ค้างแถวๆท่าเรือสักคืน
จากที่หาข้อมูลเราเลือกนั่งรถทัวร์ของ บริษัท ลิกไนท์ทัวร์ กรุงเทพฯ - พังงา (คุระบุรี-ตะกั่วป่า) วีไอพี 32 รถออก 19:05 ราคา 697 บาท จองผ่านออนไลน์ของเว็บลิกไนท์ทัวร์แล้วไปชำระเงินที่ 7/11 ได้เลย พอเราเข้าไปจองผ่านหน้าเว็บจะมีใบยืนยันส่งมาที่เมล์ เราสามารถนำเอกสารนั้นเปิดจากมือถือหรือถ่ายรูปจากคอม ไปให้เค้าสแกนบาร์โค้ดหน้าเคาน์เตอร์ได้เลย จะมีค่าบริการอื่นๆ เพิ่มอีกประมาณ 80 บาท เราสามารถนำใบเสร็จไปรับตั๋วก่อนถึงเวลาเดินทาง ได้ที่ขนส่งสายใต้ใหม่ก่อนเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หากเดินทางไปสายใต้ใหม่ด้วยรถเมล์ ให้เริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ป้ายรถเมล์ฝั่ง รพ.ราชวิถี มีหลายสายมาก
ขนส่งสายใต้ใหม่ค่อนข้างใหญ่ เป็นระเบียบไม่วุ่นวาย ตัวตึกเป็นเหมือนห้างสรรพสินค้ามี3ชั้น ตั๋วรถไปรับที่ชั้น2 ที่นี่มีที่ฝากกระเป๋า , 7/11 ,ของกิน ของใช้มากมาย เรียกว่ามีที่เดินค่าเวลาไม่เบื่อเลย ข้างๆขนส่งตอนเย็นจะมีตลาดนัดด้วยนะ รถออกตั้ง 1 ทุ่มไปเดินเล่น หาของทานได้สบายๆ


ได้เวลาก็ลงมาขึ้นรถที่ลานรถทัวร์ รถลิกไนท์ทัวร์ช่วงเบาะนี่กว้างจริงๆ เรียกว่าปรับเบาะสุดนี่ไม่ต้องเกรงใจคนข้างหลังเลย กว้าง แอร์เย็น หลับยาวเลยล่ะทีนี้ ระหว่างทางจะมีแวะทานอาหาร ประมาณช่วงเที่ยงคืน และจะมีตรวจบัตรประชาชนด้วย อาจมีตรวจ 1-2 รอบแล้วแต่ช่วง รถจะไปสุดสายที่ไหนไม่รุ้ แต่เราลงที่ คุระบุรี จะมีเจ้าหน้าที่มาเรียกตามที่เราระบุไว้ รถจะมาถึงท่ารถประมาณ ตี4กว่าๆ จะมีรถของบริษัทซาบีน่ามารับ เราได้จองตั๋วเรือของ บริษัทซาบีน่าไว้ ไปกลับ 1500บาท Speed Boat (ในงานไทยเที่ยวไทย ปกติ ราคา 1700) ยังไงก่อนไปโทรไปต่อรองอีกทีเพื่อเค้ามีโปรพิเศษอะไรให้ ก่อนจะเดินทางก็แจ้งทางซาบีน่าว่าจะมาวันไหน ขับรถประมาณ 15 นาทีก็มาถึงที่บริษัท ระหว่างทางบอกพี่คนขับให้แวะ 7/11 ได้เผื่อใครไม่อยากซื้อของมาจาก กทม. ให้หนัก เนื่องจากเวลารถทัวร์มาถึงอาจเร็วเกินไป เพราะเรือออก 9 โมง จึงมีเวลาค่อยข้างเยอะ เราสามารถอาบน้ำ ชาร์จแบตทานชา กาแฟ+ปาท่องโก้+ขนมปังปิ้ง(ขนมปังเราเองนะ)มีบริการไว้ให้ฟรี หาซื้อของทานเพิ่ม ถ่ายรูป เดินเล่น ค่าเวลาได้เพลินๆคะ ฝั่งตรงข้ามบริษัทจะเป็นท่าเรือสามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปได้เลยคะ ฝั่งตรงข้ามบริษัท เช้าๆ จะมี ร้านไก่ทอด ข้าวหมกไก่ โรตี มะตะบะ อร่อยใช้ได้ราคาไม่แพง แนะนำให้ซื้อไปทานที่เกาะมื้อเที่ยง-เย็น ที่เกาะสัญญาณโทรศัพท์ตอนไปใช้ได้แต่Dtac AISปรับปรุงระบบ Trueกำลังจะติดตั้งเสาคาดว่าจะใช้ได้เร็วๆนี้
ทางบริษัทจะมีจัดในรูปแบบของแพคเกจทัวร์ด้วยนะคนล่ะ 5500 บาท 3วัน 2 คืน ถ้าคิดว่าเป็นคนทานเก่ง แนะนำให้ซื้อทัวร์เพราะว่า อาหารบนเกาะเริ่มต้นที่ 100 บาท 3 มื้อก็เฉลี่ย 3-5 ร้อยบาทต่อวัน ส่วนของต่างๆ จะแพงกว่าราคาปกติ 10-30 บาท
ส่วนเราไป 2 คน ถ้าซื้อ แพคเกจก็ 11000 บาท ดูแล้วไม่คุ้ม เพราะว่าทานไม่เยอะ บวกกับว่าซื้อของตุ๋นไว้แล้วเลยซื้อแยกดังนี้
ค่าเรือ ไป-กลับ 1500*2(คน) 3000
ค่าเต็นท์+เครื่องนอน 350*2(คืน)700
ดำน้ำ 4 รอบ รอบล่ะ 100 = 400*2(คน) 800 (ดำน้ำจะมี 2รอบต่อวัน เช้า 9-11 โมง บ่าย 14-16 โมง)
รวม 4500 บาท ซื้อของทางซาบีน่าทั้งหมด ส่วนรถทัวร์ขากลับจองกับซาบีน่าได้เลยเค้าจัดการให้(แถมถูกกว่าขามาซะอีก)




9.00น. ออกเดินทาง ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. Speed Boatจะไม่จอดที่หาด แต่จะมีเรือหางยาวมารับไปที่เกาะอีกที (แต่ตอนอยู่บนเกาะSpeed Boatของบริษัทอื่นเอาเข้าไปจอดที่หาดได้เฉย งงเลย)
ถึงซะที เกาะสุรินทร์แสนสวยของฉัน ค่าธรรมเนียมเข้าเกาะ 80*2(คน) 160 บาท
พอมาถึงพนักงานของซาบีน่าก็นำเราไปที่เต็นท์หาดเขาช่องขาด คำเตือน!!! พอมาถึงเกาะให้รีบไปที่เต็นท์โดยด่วน อย่ามัวแต่ถ่ายรูป หรือ อิ่มเอมกับบรรยากาศ มิฉะนั้นอาจได้ทำเลเต็นท์ไม่ดี โชคดีที่เราไปถึงคนแรกๆ ได้เลือกเต็นท์ก่อน เป็นเต้นท์ใต้ต้นไม้ด้านหน้าสุดติดหาด บรรยากาศแบบว่าฟินสุดๆ ประมาณว่าเปิดเต็นท์มาเดิน 5-6 ก้าวลงทะเลเลย ในเต็นท์ตอนกลางคืนค่อนข้างร้อน เปิดเต็นท์นอนก็ไม่ได้เพราะตอนกลางคืนมียุง คนไม่เคยนอนเต็นท์อาจจะทรมานสักหน่อย ที่เกาะจะมีบริการบ้านพักด้วย บางส่วนยังปรับปรุงยังไม่เปิดใช้บริการ ใครอยากได้พักเป็นบ้านติดต่อทางอุทยานอีกที
"ก่อนไปดำน้ำหรือช่วงที่ไม่ได้อยู่ที่เต็นท์ พนักงานบอกว่าให้หาอะไรมาล๊อกเต็นท์ด้วยเพราะลิงสามารถรูดซิบได้(เก่งเกิ๊น) ลิงจะเข้าไปหาของกินตอนไม่มีคนอยู่ แต่เอาเข้าจริงๆ อยู่บนเกาะ3วันไม่เคยเห็นลิงสักตัว เรื่องนี้อาจมีเงื่อนงำ ลิงอาจถูกใส่ร้ายบนผู้มีอิทธิพลบนเกาะ เรื่องนี้เราว่าลิงเป็นแพะ ของกินที่หายอาจไม่ใช่ฝีมือลิง ต้องให้ CSI LA มาตรวจสอบโดยด่วน"

ถ่ายจากในเต็นท์

อันนี้เต็นท์ของอุทยาน อยู่อีกฝั่งด้านซ้าย

บ้านพักอุทยาน
บรรยากาศโดยรอบ ห้องน้ำค่อยข้างใหญ่ โรงอาหารมีน้ำร้อนและน้ำดื่ม(นำขวดไปเติมได้แต่ไม่เย็นนะ)ไว้บริการฟรี ช่วงเช้าจะมีที่ปิ้งขนมปังไว้บริการด้วย อาหารต้องสั่งล่วงหน้า ถ้าจะซื้ออะไรต้องแลกคูปองก่อนทุกครั้ง ปลั๊กไฟ มี2จุด คือในโรงอาหารและที่ประชาสัมพันธ์ ปลั๊กไฟจะเปิดให้ใช้ได้ตั้งแต่ประมาณ 2ทุ่มถึงเที่ยงคืนโดยประมาณ(แนะนำให้เอาปลั๊กพ่วงไปด้วยเพราะว่ามีคนต่อคิวเยอะมาก) และตรงประชาสัมพันธ์มีwifiให้เล่นฟรีด้วยรหัสติดไว้แถวนั้น

ห้องน้ำ ซ้ายชาย ขวาหญิง

มีเฉพาะช่วงเช้านะ 9 โมงเค้าก็เก็บล่ะ

ประชาสัมพันธ์ มีอะไรติดต่อผ่านทางนี้ได้หมด

เปิดให้ใช้เป็นเวลานะ เรื่องเวลาไม่แน่ใจสอบถามอีกทีตอนถึงเกาะ

ที่สั่งอาหารและซื้อของทั่วไป
พอถึง บ่าย2 ออกไปดำน้ำรอบแรก ใช้เวลาดำน้ำประมาณ 2 ชม. เสียดายที่ไม่มีกล้องถ่ายภาพใต้น้ำไป ปาการังถูกฟอกขาวไปเยอะ แต่ก็ยังมีที่งอกมาใหม่เพิ่มขึ้นมาก แต่ที่ประดับใจคืนปลาซึ่งมีหลากหลายชนิดเรียกกว่า ไปดำน้ำมาหลายที่ ก็มีที่นี่แหละที่ได้เห็นปลาแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็น พอไม่มีภาพใต้น้ำมาฝากก็ไม่รุ้จะบรรยายแบบไหนยังไง เอาเป็นว่า ปาการังนี่ถือว่ายังไม่ผ่าน ถ้าเทียบกับหลีเป๊ะ แต่ที่เด่นคือเรื่องของปลาที่มีจำนวนมาก และ หลากหลายชนิด เสียดายที่มาคราวนี้ไม่เจอฉลาม+เต่าค่อยข้างผิดหวังเล็กน้อย แต่เพื่อนๆที่ไปทริปดำน้ำด้วยกันเห็นเต่า ซึ่งเค้าบอกว่าเห็นแว๊ปเดียว(ใครจะไปดูทัน) แต่ไม่เป็นไร ขากลับจากเกาะโชคดีได้เห็น วาฬบรูด้า ถือว่า หยวนๆกันไป อิอิ
เนื่องจากดำน้ำได้ 3 รอบแล้ว วันกลับช่วงเช้าเลยไม่อยากไปดำอีก เพราะว่าต้องเตรียมตัวกลับตอน บ่าย2 เห็นว่ามีโปรแกรมไปหมุ่บ้านมอแกน ก็เลยกะว่าไปถ่ายรูปให้ครบทุกโปรแกรม บนเกาะไม่ค่อยมีไรน่าสนใจเท่าไหร่ ที่นั่นจะมีไม้แกะสลักขาย ราคาแอบแพง 200-500 บาท คนบนเกาะส่วนใหญ่เป็นครอบครัวชาวมอแกนที่เป็นผู้หญิงและเด็ก ผุ้ชายออกไปทำงาน วิถีชีวิตเปลี่ยนไปมากจากที่เคยได้ดูสารคดีสมัยก่อนๆ จะเปรียบไปก็เหมือนกับชนบทตามต่างจังหวัดที่เริ่มมีการพัฒนาแล้ว มีไฟฟ้า และ เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวกเต็มไปหมดทุกบ้าน ไม่มีการเลี้ยงสัตว์หรือทำการเกษตรบนเกาะเลย ส่วนใหญ่ผุ้ชายจะออกไปทำงานรับจ้างและซื้อของกินของใช้เข้ามาที่เกาะ สรุปแล้วดำน้ำอีกรอบดีกว่า เพราะไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีที่ให้เดินหรือถ่ายรูปสักเท่าไหร่ อยู่20นาทีก็เบื่อล่ะ แต่ที่แปลกคือคนที่นั่นทุกคนเค้าใช้นามสกุลเดียวกันหมด "กล้าทะเล"
สุดท้ายนี้ขออวย 3 สิ่งดังต่อไปนี้
1.อวย เกาะสุรินทร์เพราะ หาดทรายสวยน้ำใส เงียบสงบ ความเป็นธรรมชาติบนเกาะยังค่อนข้างสมบูรณ์เนื่องจากเป็นของอุทยาน ถึงธรรมชาติใกล้น้ำจะถูกทำลายไปบ้างก็ตาม แต่ก็ยังหลงเหลือความสวยงามและความตื่นตาไว้ให้เราชมอยู่มากมาย
2.อวย บริษัท ซาบีน่า เพราะพนักงานทุกคนดูแลดีมากๆ ตั้งแต่ พนักงานต้อนรับ(พี่นฤมล ใจดีมากๆ)จนถึงพนักงานที่อยู่บนเกาะทุกคน เวลาไปดำน้ำก็ลากพาไปตลอด เจออะไรแปลกๆ ก็เรียกไปดูตลอด ถึงจะไปกันหลายคนแต่เค้าก็ดูแลทั่วถึงทุกคน
3.อวยพร ให้ทุกคนเที่ยวให้สนุกในช่วงวันหยุดยาวปีนี้ ให้ทุกเดินทางโดยสวัสดิภาพทุกคนค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะส่งต่อเพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังหาแหล่งท่องเที่ยวและนำความประทับใจกลับมารีวิวต่อๆกันไปนะคะ

ที่ติดตามคะ
[CR] เกาะสุรินทร์แสนสวย ต้องขอมาอวยซะหน่อย
เลยอยากลองไปดูฉลาม ดูบ้าง บวกกับว่าสุรินทร์เป็นที่เลื่องลือในเรื่องของโลกใต้น้ำ ก็เลยตัดสินใจว่าต้องหาเวลาไปให้ได้ จากนั้นก็เตรียมหาข้อมูลในอากู๋และในห้องบูลนี่ล่ะ แต่สรุปว่าข้อมูลค่อยข้างน้อยเมื่อเทียบกับ เกาะดังๆ พวก กระบี่ ภูเก็ต หลีเป๊ะ สิมิลัน ตาชัย ก็เลยต้องอาศัยหลังไมล์ไปถามพี่ๆเพื่อนๆในพันทิปเป็นหลัก ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ข้อมูล อันเป็นประโยชน์มากๆคะ และเนื่องจากเกาะสุรินทร์ยังไม่ค่อยมีรีวิวมากนัก จึงทำให้อยากมารีวิวเพิ่มเพื่อเป็นประโยชน์และทางเลือกในการท่องเที่ยวให้เพื่อนๆต่อไปคะ เรามาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าคะ
การเดินทางไปเกาะสุรินทร์นั้นง่ายที่สุดก็คงเป็นรถทัวร์ ประหยัดและขั้นตอนค่อนข้างน้อย เรียกกว่าต่อเดียวถึงเลย แต่ถ้าเป็นเครื่องบิน ต้องลงที่ภูเก็ตและต่อรถมาที่ท่าเรือ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องคำนวนเวลาการเดินทางให้ดีเพื่อทันเรือ รอบ 9 โมง อาจต้องเหมารถ หรือ ค้างแถวๆท่าเรือสักคืน
จากที่หาข้อมูลเราเลือกนั่งรถทัวร์ของ บริษัท ลิกไนท์ทัวร์ กรุงเทพฯ - พังงา (คุระบุรี-ตะกั่วป่า) วีไอพี 32 รถออก 19:05 ราคา 697 บาท จองผ่านออนไลน์ของเว็บลิกไนท์ทัวร์แล้วไปชำระเงินที่ 7/11 ได้เลย พอเราเข้าไปจองผ่านหน้าเว็บจะมีใบยืนยันส่งมาที่เมล์ เราสามารถนำเอกสารนั้นเปิดจากมือถือหรือถ่ายรูปจากคอม ไปให้เค้าสแกนบาร์โค้ดหน้าเคาน์เตอร์ได้เลย จะมีค่าบริการอื่นๆ เพิ่มอีกประมาณ 80 บาท เราสามารถนำใบเสร็จไปรับตั๋วก่อนถึงเวลาเดินทาง ได้ที่ขนส่งสายใต้ใหม่ก่อนเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หากเดินทางไปสายใต้ใหม่ด้วยรถเมล์ ให้เริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ป้ายรถเมล์ฝั่ง รพ.ราชวิถี มีหลายสายมาก
ขนส่งสายใต้ใหม่ค่อนข้างใหญ่ เป็นระเบียบไม่วุ่นวาย ตัวตึกเป็นเหมือนห้างสรรพสินค้ามี3ชั้น ตั๋วรถไปรับที่ชั้น2 ที่นี่มีที่ฝากกระเป๋า , 7/11 ,ของกิน ของใช้มากมาย เรียกว่ามีที่เดินค่าเวลาไม่เบื่อเลย ข้างๆขนส่งตอนเย็นจะมีตลาดนัดด้วยนะ รถออกตั้ง 1 ทุ่มไปเดินเล่น หาของทานได้สบายๆ
ได้เวลาก็ลงมาขึ้นรถที่ลานรถทัวร์ รถลิกไนท์ทัวร์ช่วงเบาะนี่กว้างจริงๆ เรียกว่าปรับเบาะสุดนี่ไม่ต้องเกรงใจคนข้างหลังเลย กว้าง แอร์เย็น หลับยาวเลยล่ะทีนี้ ระหว่างทางจะมีแวะทานอาหาร ประมาณช่วงเที่ยงคืน และจะมีตรวจบัตรประชาชนด้วย อาจมีตรวจ 1-2 รอบแล้วแต่ช่วง รถจะไปสุดสายที่ไหนไม่รุ้ แต่เราลงที่ คุระบุรี จะมีเจ้าหน้าที่มาเรียกตามที่เราระบุไว้ รถจะมาถึงท่ารถประมาณ ตี4กว่าๆ จะมีรถของบริษัทซาบีน่ามารับ เราได้จองตั๋วเรือของ บริษัทซาบีน่าไว้ ไปกลับ 1500บาท Speed Boat (ในงานไทยเที่ยวไทย ปกติ ราคา 1700) ยังไงก่อนไปโทรไปต่อรองอีกทีเพื่อเค้ามีโปรพิเศษอะไรให้ ก่อนจะเดินทางก็แจ้งทางซาบีน่าว่าจะมาวันไหน ขับรถประมาณ 15 นาทีก็มาถึงที่บริษัท ระหว่างทางบอกพี่คนขับให้แวะ 7/11 ได้เผื่อใครไม่อยากซื้อของมาจาก กทม. ให้หนัก เนื่องจากเวลารถทัวร์มาถึงอาจเร็วเกินไป เพราะเรือออก 9 โมง จึงมีเวลาค่อยข้างเยอะ เราสามารถอาบน้ำ ชาร์จแบตทานชา กาแฟ+ปาท่องโก้+ขนมปังปิ้ง(ขนมปังเราเองนะ)มีบริการไว้ให้ฟรี หาซื้อของทานเพิ่ม ถ่ายรูป เดินเล่น ค่าเวลาได้เพลินๆคะ ฝั่งตรงข้ามบริษัทจะเป็นท่าเรือสามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปได้เลยคะ ฝั่งตรงข้ามบริษัท เช้าๆ จะมี ร้านไก่ทอด ข้าวหมกไก่ โรตี มะตะบะ อร่อยใช้ได้ราคาไม่แพง แนะนำให้ซื้อไปทานที่เกาะมื้อเที่ยง-เย็น ที่เกาะสัญญาณโทรศัพท์ตอนไปใช้ได้แต่Dtac AISปรับปรุงระบบ Trueกำลังจะติดตั้งเสาคาดว่าจะใช้ได้เร็วๆนี้
ทางบริษัทจะมีจัดในรูปแบบของแพคเกจทัวร์ด้วยนะคนล่ะ 5500 บาท 3วัน 2 คืน ถ้าคิดว่าเป็นคนทานเก่ง แนะนำให้ซื้อทัวร์เพราะว่า อาหารบนเกาะเริ่มต้นที่ 100 บาท 3 มื้อก็เฉลี่ย 3-5 ร้อยบาทต่อวัน ส่วนของต่างๆ จะแพงกว่าราคาปกติ 10-30 บาท
ส่วนเราไป 2 คน ถ้าซื้อ แพคเกจก็ 11000 บาท ดูแล้วไม่คุ้ม เพราะว่าทานไม่เยอะ บวกกับว่าซื้อของตุ๋นไว้แล้วเลยซื้อแยกดังนี้
ค่าเรือ ไป-กลับ 1500*2(คน) 3000
ค่าเต็นท์+เครื่องนอน 350*2(คืน)700
ดำน้ำ 4 รอบ รอบล่ะ 100 = 400*2(คน) 800 (ดำน้ำจะมี 2รอบต่อวัน เช้า 9-11 โมง บ่าย 14-16 โมง)
รวม 4500 บาท ซื้อของทางซาบีน่าทั้งหมด ส่วนรถทัวร์ขากลับจองกับซาบีน่าได้เลยเค้าจัดการให้(แถมถูกกว่าขามาซะอีก)
9.00น. ออกเดินทาง ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. Speed Boatจะไม่จอดที่หาด แต่จะมีเรือหางยาวมารับไปที่เกาะอีกที (แต่ตอนอยู่บนเกาะSpeed Boatของบริษัทอื่นเอาเข้าไปจอดที่หาดได้เฉย งงเลย)
ถึงซะที เกาะสุรินทร์แสนสวยของฉัน ค่าธรรมเนียมเข้าเกาะ 80*2(คน) 160 บาท
พอมาถึงพนักงานของซาบีน่าก็นำเราไปที่เต็นท์หาดเขาช่องขาด คำเตือน!!! พอมาถึงเกาะให้รีบไปที่เต็นท์โดยด่วน อย่ามัวแต่ถ่ายรูป หรือ อิ่มเอมกับบรรยากาศ มิฉะนั้นอาจได้ทำเลเต็นท์ไม่ดี โชคดีที่เราไปถึงคนแรกๆ ได้เลือกเต็นท์ก่อน เป็นเต้นท์ใต้ต้นไม้ด้านหน้าสุดติดหาด บรรยากาศแบบว่าฟินสุดๆ ประมาณว่าเปิดเต็นท์มาเดิน 5-6 ก้าวลงทะเลเลย ในเต็นท์ตอนกลางคืนค่อนข้างร้อน เปิดเต็นท์นอนก็ไม่ได้เพราะตอนกลางคืนมียุง คนไม่เคยนอนเต็นท์อาจจะทรมานสักหน่อย ที่เกาะจะมีบริการบ้านพักด้วย บางส่วนยังปรับปรุงยังไม่เปิดใช้บริการ ใครอยากได้พักเป็นบ้านติดต่อทางอุทยานอีกที
"ก่อนไปดำน้ำหรือช่วงที่ไม่ได้อยู่ที่เต็นท์ พนักงานบอกว่าให้หาอะไรมาล๊อกเต็นท์ด้วยเพราะลิงสามารถรูดซิบได้(เก่งเกิ๊น) ลิงจะเข้าไปหาของกินตอนไม่มีคนอยู่ แต่เอาเข้าจริงๆ อยู่บนเกาะ3วันไม่เคยเห็นลิงสักตัว เรื่องนี้อาจมีเงื่อนงำ ลิงอาจถูกใส่ร้ายบนผู้มีอิทธิพลบนเกาะ เรื่องนี้เราว่าลิงเป็นแพะ ของกินที่หายอาจไม่ใช่ฝีมือลิง ต้องให้ CSI LA มาตรวจสอบโดยด่วน"
ถ่ายจากในเต็นท์
อันนี้เต็นท์ของอุทยาน อยู่อีกฝั่งด้านซ้าย
บ้านพักอุทยาน
บรรยากาศโดยรอบ ห้องน้ำค่อยข้างใหญ่ โรงอาหารมีน้ำร้อนและน้ำดื่ม(นำขวดไปเติมได้แต่ไม่เย็นนะ)ไว้บริการฟรี ช่วงเช้าจะมีที่ปิ้งขนมปังไว้บริการด้วย อาหารต้องสั่งล่วงหน้า ถ้าจะซื้ออะไรต้องแลกคูปองก่อนทุกครั้ง ปลั๊กไฟ มี2จุด คือในโรงอาหารและที่ประชาสัมพันธ์ ปลั๊กไฟจะเปิดให้ใช้ได้ตั้งแต่ประมาณ 2ทุ่มถึงเที่ยงคืนโดยประมาณ(แนะนำให้เอาปลั๊กพ่วงไปด้วยเพราะว่ามีคนต่อคิวเยอะมาก) และตรงประชาสัมพันธ์มีwifiให้เล่นฟรีด้วยรหัสติดไว้แถวนั้น
ห้องน้ำ ซ้ายชาย ขวาหญิง
มีเฉพาะช่วงเช้านะ 9 โมงเค้าก็เก็บล่ะ
ประชาสัมพันธ์ มีอะไรติดต่อผ่านทางนี้ได้หมด
เปิดให้ใช้เป็นเวลานะ เรื่องเวลาไม่แน่ใจสอบถามอีกทีตอนถึงเกาะ
ที่สั่งอาหารและซื้อของทั่วไป
พอถึง บ่าย2 ออกไปดำน้ำรอบแรก ใช้เวลาดำน้ำประมาณ 2 ชม. เสียดายที่ไม่มีกล้องถ่ายภาพใต้น้ำไป ปาการังถูกฟอกขาวไปเยอะ แต่ก็ยังมีที่งอกมาใหม่เพิ่มขึ้นมาก แต่ที่ประดับใจคืนปลาซึ่งมีหลากหลายชนิดเรียกกว่า ไปดำน้ำมาหลายที่ ก็มีที่นี่แหละที่ได้เห็นปลาแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็น พอไม่มีภาพใต้น้ำมาฝากก็ไม่รุ้จะบรรยายแบบไหนยังไง เอาเป็นว่า ปาการังนี่ถือว่ายังไม่ผ่าน ถ้าเทียบกับหลีเป๊ะ แต่ที่เด่นคือเรื่องของปลาที่มีจำนวนมาก และ หลากหลายชนิด เสียดายที่มาคราวนี้ไม่เจอฉลาม+เต่าค่อยข้างผิดหวังเล็กน้อย แต่เพื่อนๆที่ไปทริปดำน้ำด้วยกันเห็นเต่า ซึ่งเค้าบอกว่าเห็นแว๊ปเดียว(ใครจะไปดูทัน) แต่ไม่เป็นไร ขากลับจากเกาะโชคดีได้เห็น วาฬบรูด้า ถือว่า หยวนๆกันไป อิอิ
เนื่องจากดำน้ำได้ 3 รอบแล้ว วันกลับช่วงเช้าเลยไม่อยากไปดำอีก เพราะว่าต้องเตรียมตัวกลับตอน บ่าย2 เห็นว่ามีโปรแกรมไปหมุ่บ้านมอแกน ก็เลยกะว่าไปถ่ายรูปให้ครบทุกโปรแกรม บนเกาะไม่ค่อยมีไรน่าสนใจเท่าไหร่ ที่นั่นจะมีไม้แกะสลักขาย ราคาแอบแพง 200-500 บาท คนบนเกาะส่วนใหญ่เป็นครอบครัวชาวมอแกนที่เป็นผู้หญิงและเด็ก ผุ้ชายออกไปทำงาน วิถีชีวิตเปลี่ยนไปมากจากที่เคยได้ดูสารคดีสมัยก่อนๆ จะเปรียบไปก็เหมือนกับชนบทตามต่างจังหวัดที่เริ่มมีการพัฒนาแล้ว มีไฟฟ้า และ เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวกเต็มไปหมดทุกบ้าน ไม่มีการเลี้ยงสัตว์หรือทำการเกษตรบนเกาะเลย ส่วนใหญ่ผุ้ชายจะออกไปทำงานรับจ้างและซื้อของกินของใช้เข้ามาที่เกาะ สรุปแล้วดำน้ำอีกรอบดีกว่า เพราะไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีที่ให้เดินหรือถ่ายรูปสักเท่าไหร่ อยู่20นาทีก็เบื่อล่ะ แต่ที่แปลกคือคนที่นั่นทุกคนเค้าใช้นามสกุลเดียวกันหมด "กล้าทะเล"
สุดท้ายนี้ขออวย 3 สิ่งดังต่อไปนี้
1.อวย เกาะสุรินทร์เพราะ หาดทรายสวยน้ำใส เงียบสงบ ความเป็นธรรมชาติบนเกาะยังค่อนข้างสมบูรณ์เนื่องจากเป็นของอุทยาน ถึงธรรมชาติใกล้น้ำจะถูกทำลายไปบ้างก็ตาม แต่ก็ยังหลงเหลือความสวยงามและความตื่นตาไว้ให้เราชมอยู่มากมาย
2.อวย บริษัท ซาบีน่า เพราะพนักงานทุกคนดูแลดีมากๆ ตั้งแต่ พนักงานต้อนรับ(พี่นฤมล ใจดีมากๆ)จนถึงพนักงานที่อยู่บนเกาะทุกคน เวลาไปดำน้ำก็ลากพาไปตลอด เจออะไรแปลกๆ ก็เรียกไปดูตลอด ถึงจะไปกันหลายคนแต่เค้าก็ดูแลทั่วถึงทุกคน
3.อวยพร ให้ทุกคนเที่ยวให้สนุกในช่วงวันหยุดยาวปีนี้ ให้ทุกเดินทางโดยสวัสดิภาพทุกคนค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะส่งต่อเพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังหาแหล่งท่องเที่ยวและนำความประทับใจกลับมารีวิวต่อๆกันไปนะคะ