[CR] ขับรถด๊อกแด๊กเที่ยวอยุธยา ระดับ ๑

สวัสดีครับทุกท่าน อมยิ้ม17 รีวิวนี้เป็นรีวิวครั้งแรกของผมผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ยิ้ม
____________________________________________________________________________________________

         ตามดูรีวิวของหลายๆท่านในนี้มาหลายกระทู้เกิดครึ้มอกครึ้มใจอยากออกจากกะลาแลนด์ไปกินลมชมวิวกับเขาบ้าง
ด้วยงานของผมที่ทำไม่เป็นเวลา จะไปไหนทั้งทีต้องรอให้หยุดตรงกับสก๊อยส่วนตัวของผม หัวเราะ
วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี ได้หยุดตรงกับสก๊อยส่วนตัวพอดีทริปใกล้ๆนี้จึงเกิดขึ้น
_____________________ ตามมาเลยจ๊ะ________________________

รถที่ผมใช้เป็น honda cb300f ตัวน้อยๆคันหนึ่ง


วันนี้สะพายกล้องไปด้วยครับ

     กล้องนิคอน d5300 เลนน์มากับกล้อง 1 ตัว...ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ใช่ตากล้องมือโปรอะไรเลย กล้องก็เพิ่งซื้อมาได้สักประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เอง ที่ซื้อเพราะมีความฝันครับ ฝันจะถ่ายรูปสวยๆ เก็บภาพงามๆ ของสถาณที่ทุกที่ ที่แรงเราไปถึง เอาไว้อวดลูกหลานยามแก่ว่า "อีโธ่!!!นี่โว้ย ชะละล่า ปู่ไปมาหมดแล้ว" เค้าล้อเล่น

________จุดหมายปลายทางของผมในครั้งนี้คือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรุงเก่าของเรานั่นเอง_____
      ขั้นแรกกำหนดเส้นทางก่อน...สก๊อยส่วนตัวผมบอกว่าเอาทางที่รถน้อยๆ แล้วได้กินลมชมทุ่งไปในตัวด้วย...(เรื่องมากจริงๆ ฮี่ฮี่)
ถามอากู๋มาเรียบร้อยเส้นทางที่อาเขาแนะนำก็ไม่ถูกใจสักทาง อย่ากระนั้นเลยลงมือนั่งหาเส้นทางเอาเองเลย.....อุต๊ะ!!!โป๊ะเช๊ะเส้นนี้เลย

(เส้นเวิร์คพอยด์ เลียบคลองเปรมประชากร)
จัดแจงวัดระยะปักหมุดแบบหยาบๆ โช๊ะ!!44กิโล (ปักเริ่มจากเทศบาลนครรังสิต-วัดพนัญเชิง) เอาล่ะออกเดินทาง

__________________________________ตามมาเลยจ๊ะ________________________________

เริ่มออกเดินทางจากลำลูกกาคลอง 2 เวลาประมาณ 09.00 น.


วิ่งผ่านรังสิตเส้นรังสิต-ปทุมธานี --> หาทางกลับรถแล้ววิ่งเข้าเส้นไปเวิร์คพอยด์-->ตรงไปโล๊ดไม่ต้องยึกยักจะเลี้ยว วิ่งจนสุดทาง --> เลี้ยวขวาเข้า ผ่านหน้ารพ.บางปะอิน ตรง..ตรง และ ตรงไปอย่างเดียว
(น่าเสียดายทีแรกอยากจะถ่ายตอนขับรถไปด้วย พอมาเจอเข้าจริงพี่สิบล้อเยอะมาก ถนนแค่ 2 เลน เลยไม่กล้าจอดถ่ายกลัวพี่เขาโมโห ร้องไห้ )

มาหยุดกึ๊กที่วัดพนัญเชิงที่แรกครับ


วันที่ไปเป็นวันหยุดครับ คนเยอะมากกกกก.....แต่ยังไงก็ตามเยอะแค่ไหนยังไงก็ต้องได้เห็นครับ


หลวงพ่อโต เห็นครั้งไหนก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ทุกครั้ง แต่ด้วยความที่คนเยอะมากครับ เข้าไม่ถึงเลยมีคนมารอห่มจีวรหลวงพ่อโตแน่นขนัด

ก็เลยเดินด๊อกแด๊กถ่ายภาพในวัดแทน.......






กล่อนเดินทางต่อแวะให้อาหารปลาจั๊กน่อย


_________________เดินทางกันต่อครับ___________________________
หลังจากนั้นเดินทางต่อไปที่วัดธรรมิกราช หากใครไปวัดธรรมิกราชต้องพบเศียรพระพุทธรูปหล่อสำฤทธิ์ ศิลปะสมัยอู่ทอง เด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้า



วิหารเก้าห้อง ตรงนี้ยังคุยกับสก๊อยอยู่เลยว่าในสมันก่อนจะใหญ่โตขนาดไหน ดูจากเสาแต่ละต้นแล้วมโหฬารมาก



น่าเสียดายจริง

(ภาพนี้จากสถาบันอยุธยาศึกษาครับ)

จากนั้นก็เดินเก็บภาพภายในวัดอีกสักหน่อย




จากนั้นก็เดินทางต่อครับ
(ประวัติ วัดธรรมิกราช ตั้งอยู่ด้านหน้าพระราชวังหลวง
ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระยาธรรมิกราชโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง
จึงสันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นก่อนที่จะสถาปนากรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดมุขราช
ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามผู้สร้างเป็นวัดธรรมิกราช)

__________________เดินด๊อกแด๊กตามต่อเลยจ้า_______________________

หลังจากนั้นลองวนๆดูหลายสถานที่ คิดว่าคงไปเที่ยวไม่หมด ถามสก๊อยเอาไงดี

เอาแบบนี้แล้วกัน....รถราง มีเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้ด้วย แต่ เอ๊ะ!!จะไปขึ้นที่ไหน ลองไปที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาก่อนแล้วกัน

เมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์เขามีรถรางบริการครับค่าบริการ เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 30 บาท เราเลยตกลงที่จะขึ้นรถรางชมเมืองแทน
ในขณะที่รอรถรางออกก็เดินไปเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ฯสักหน่อยครับ (ช่วงนี้เขาให้ชมฟรีด้วย คืนความสุขให้เธอประชาชน เขาจัดให้ครับ) อมยิ้ม15

นี่ครับเศียรพระพุทธรูปหล่อสำฤทธิ์ ที่พบที่วัดธรรมิกราชของจริง

(ก่อนถ่ายผมถามเจ้าหน้าที่แล้วครับ ว่าสามารถถ่ายภาพโบราณวัตถุได้ แต่ แต่ แต่ ห้ามถ่ายบุคคลคู่กับโบราณวัตถุ เพราะมีบางคนไปแสดงพฤติกรรมโพสท่าไม่เหมาะสมถ่ายร่วมกับโบราณวัตถุครับ)

สิ่งต่างๆมากมายในพิพิธภัณฑ์ทำให้ผมนึกไม่ออกว่าหากอยุธยาของเราไม่โดนพม่าเผาจะสวยงามมากแค่ไหน แต่ครั้นจะมาโกรธแค้นพม่าทุกวันนี้ก็ใช่ที่



มีคนบอกผมว่าพระสมัยอยุธยาต้องยิ้ม ไม่รู้จริงหรือเปล่า


หลังจากนั้นเราก็ไปขึ้นรถรางกันต่อครับ (ภาพต่อไปนี้เป็นภาพที่ถ่ายจากรถรางครับ อาจจะมัว อาจจะไม่ชัดไปบ้างขออภัยด้วยครับ อมยิ้ม07 )

ที่แรกเลยครับ วัดเกตุ (ถ้าจำผิดขอโทษด้วยครับ) เจ้าหน้าที่บอกว่าหากมีนักโทษจะปะหารจะให้มาฟังธรรมที่วัดนี้ก่อน ก่อนจะนำไปตัดคอบริเวณวงเวียนหน้าวัดเกตุ แล้วนำหัวไปเสียบประจาร



วัดกษัตริย์ตราธิราช


วัดสุวรรณาวาส



วัดราชบูรณะ (วัดที่โจรขโมยขุดกรุ จนทำให้สิ่งของล้ำค่ามากมายต้องสูญหาย)


วนไปอีกหลายที่ครับ มาจอดให้ชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจันทรเกษม เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นวังหน้าในสมัยก่อนครับ







หลังจากนั้นรถก็วนมาส่งเราที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาครับ

เราจึงเดินทางไปต่อที่วัดพระนอนเป็นที่สุดท้ายก่อนเดินทางกลับ เพราะดูจากเมฆฝนแล้วน่ากลัวครับ
ขอขอบคุณทุกท่านครับที่เข้ามาชมรีวิวครั้งแรกของผม ผิดพลาดอย่างไรให้อภัยกันเด้อครับ อมยิ้ม15

ชื่อสินค้า:   ท่องเที่ยวไทย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่