สวัสดีครับทุกท่าน 
รีวิวนี้เป็นรีวิว
ครั้งแรกของผมผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

____________________________________________________________________________________________
ตามดูรีวิวของหลายๆท่านในนี้มาหลายกระทู้เกิดครึ้มอกครึ้มใจอยากออกจากกะลาแลนด์ไปกินลมชมวิวกับเขาบ้าง
ด้วยงานของผมที่ทำไม่เป็นเวลา จะไปไหนทั้งทีต้องรอให้หยุดตรงกับสก๊อยส่วนตัวของผม
วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี ได้หยุดตรงกับสก๊อยส่วนตัวพอดีทริปใกล้ๆนี้จึงเกิดขึ้น
_____________________ ตามมาเลยจ๊ะ________________________
รถที่ผมใช้เป็น
honda cb300f ตัวน้อยๆคันหนึ่ง
วันนี้สะพายกล้องไปด้วยครับ
กล้องนิคอน d5300 เลนน์มากับกล้อง 1 ตัว...ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ใช่ตากล้องมือโปรอะไรเลย กล้องก็เพิ่งซื้อมาได้สักประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เอง ที่ซื้อเพราะมีความฝันครับ ฝันจะถ่ายรูปสวยๆ เก็บภาพงามๆ ของสถาณที่ทุกที่ ที่แรงเราไปถึง เอาไว้อวดลูกหลานยามแก่ว่า
"อีโธ่!!!นี่โว้ย ชะละล่า ปู่ไปมาหมดแล้ว"
________จุดหมายปลายทางของผมในครั้งนี้คือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรุงเก่าของเรานั่นเอง_____
ขั้นแรกกำหนดเส้นทางก่อน...สก๊อยส่วนตัวผมบอกว่าเอา
ทางที่รถน้อยๆ แล้วได้กินลมชมทุ่งไปในตัวด้วย...(เรื่องมากจริงๆ ฮี่ฮี่)
ถามอากู๋มาเรียบร้อยเส้นทางที่อาเขาแนะนำก็ไม่ถูกใจสักทาง อย่ากระนั้นเลยลงมือนั่งหาเส้นทางเอาเองเลย.....อุต๊ะ!!!โป๊ะเช๊ะเส้นนี้เลย

(เส้นเวิร์คพอยด์ เลียบคลองเปรมประชากร)
จัดแจงวัดระยะปักหมุดแบบหยาบๆ โช๊ะ!!44กิโล (ปักเริ่มจากเทศบาลนครรังสิต-วัดพนัญเชิง) เอาล่ะออกเดินทาง
__________________________________ตามมาเลยจ๊ะ________________________________
เริ่มออกเดินทางจากลำลูกกาคลอง 2 เวลาประมาณ 09.00 น.
วิ่งผ่านรังสิตเส้นรังสิต-ปทุมธานี --> หาทางกลับรถแล้ววิ่งเข้าเส้นไปเวิร์คพอยด์-->ตรงไปโล๊ดไม่ต้องยึกยักจะเลี้ยว วิ่งจนสุดทาง --> เลี้ยวขวาเข้า ผ่านหน้ารพ.บางปะอิน ตรง..ตรง และ ตรงไปอย่างเดียว
(น่าเสียดายทีแรกอยากจะถ่ายตอนขับรถไปด้วย พอมาเจอเข้าจริงพี่สิบล้อเยอะมาก ถนนแค่ 2 เลน เลยไม่กล้าจอดถ่ายกลัวพี่เขาโมโห

)
มาหยุดกึ๊กที่วัดพนัญเชิงที่แรกครับ
วันที่ไปเป็นวันหยุดครับ คนเยอะมากกกกก.....แต่ยังไงก็ตามเยอะแค่ไหนยังไงก็ต้องได้เห็นครับ
หลวงพ่อโต เห็นครั้งไหนก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ทุกครั้ง แต่ด้วยความที่คนเยอะมากครับ เข้าไม่ถึงเลยมีคนมารอห่มจีวรหลวงพ่อโตแน่นขนัด
ก็เลยเดินด๊อกแด๊กถ่ายภาพในวัดแทน.......
กล่อนเดินทางต่อแวะให้อาหารปลาจั๊กน่อย
_________________เดินทางกันต่อครับ___________________________
หลังจากนั้นเดินทางต่อไปที่
วัดธรรมิกราช หากใครไปวัดธรรมิกราชต้องพบเศียรพระพุทธรูปหล่อสำฤทธิ์ ศิลปะสมัยอู่ทอง เด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้า
วิหารเก้าห้อง ตรงนี้ยังคุยกับสก๊อยอยู่เลยว่าในสมันก่อนจะใหญ่โตขนาดไหน ดูจากเสาแต่ละต้นแล้วมโหฬารมาก

น่าเสียดายจริง

(ภาพนี้จากสถาบันอยุธยาศึกษาครับ)
จากนั้นก็เดินเก็บภาพภายในวัดอีกสักหน่อย
จากนั้นก็เดินทางต่อครับ
(ประวัติ วัดธรรมิกราช ตั้งอยู่ด้านหน้าพระราชวังหลวง
ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระยาธรรมิกราชโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง
จึงสันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นก่อนที่จะสถาปนากรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดมุขราช
ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามผู้สร้างเป็นวัดธรรมิกราช)
__________________เดินด๊อกแด๊กตามต่อเลยจ้า_______________________
หลังจากนั้นลองวนๆดูหลายสถานที่ คิดว่าคงไปเที่ยวไม่หมด ถามสก๊อยเอาไงดี
เอาแบบนี้แล้วกัน....รถราง มีเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้ด้วย แต่ เอ๊ะ!!จะไปขึ้นที่ไหน ลองไปที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาก่อนแล้วกัน
เมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์เขามีรถรางบริการครับค่าบริการ เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 30 บาท เราเลยตกลงที่จะขึ้นรถรางชมเมืองแทน
ในขณะที่รอรถรางออกก็เดินไปเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ฯสักหน่อยครับ (ช่วงนี้เขาให้ชมฟรีด้วย คืนความสุขให้เธอประชาชน เขาจัดให้ครับ)
นี่ครับเศียรพระพุทธรูปหล่อสำฤทธิ์ ที่พบที่วัดธรรมิกราชของจริง

(ก่อนถ่ายผมถามเจ้าหน้าที่แล้วครับ ว่าสามารถถ่ายภาพโบราณวัตถุได้
แต่ แต่ แต่ ห้ามถ่ายบุคคลคู่กับโบราณวัตถุ เพราะมีบางคนไปแสดงพฤติกรรมโพสท่าไม่เหมาะสมถ่ายร่วมกับโบราณวัตถุครับ)
สิ่งต่างๆมากมายในพิพิธภัณฑ์ทำให้ผมนึกไม่ออกว่าหากอยุธยาของเราไม่โดนพม่าเผาจะสวยงามมากแค่ไหน แต่ครั้นจะมาโกรธแค้นพม่าทุกวันนี้ก็ใช่ที่

มีคนบอกผมว่าพระสมัยอยุธยาต้องยิ้ม ไม่รู้จริงหรือเปล่า
หลังจากนั้นเราก็ไปขึ้นรถรางกันต่อครับ (ภาพต่อไปนี้เป็นภาพที่ถ่ายจากรถรางครับ อาจจะมัว อาจจะไม่ชัดไปบ้างขออภัยด้วยครับ

)
ที่แรกเลยครับ วัดเกตุ (ถ้าจำผิดขอโทษด้วยครับ) เจ้าหน้าที่บอกว่าหากมีนักโทษจะปะหารจะให้มาฟังธรรมที่วัดนี้ก่อน ก่อนจะนำไปตัดคอบริเวณวงเวียนหน้าวัดเกตุ แล้วนำหัวไปเสียบประจาร
วัดกษัตริย์ตราธิราช
วัดสุวรรณาวาส
วัดราชบูรณะ (วัดที่โจรขโมยขุดกรุ จนทำให้สิ่งของล้ำค่ามากมายต้องสูญหาย)
วนไปอีกหลายที่ครับ มาจอดให้ชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจันทรเกษม เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นวังหน้าในสมัยก่อนครับ
หลังจากนั้นรถก็วนมาส่งเราที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาครับ
เราจึงเดินทางไปต่อที่วัดพระนอนเป็นที่สุดท้ายก่อนเดินทางกลับ เพราะดูจากเมฆฝนแล้วน่ากลัวครับ
ขอขอบคุณทุกท่านครับที่เข้ามาชมรีวิวครั้งแรกของผม ผิดพลาดอย่างไรให้อภัยกันเด้อครับ
[CR] ขับรถด๊อกแด๊กเที่ยวอยุธยา ระดับ ๑
____________________________________________________________________________________________
ตามดูรีวิวของหลายๆท่านในนี้มาหลายกระทู้เกิดครึ้มอกครึ้มใจอยากออกจากกะลาแลนด์ไปกินลมชมวิวกับเขาบ้าง
ด้วยงานของผมที่ทำไม่เป็นเวลา จะไปไหนทั้งทีต้องรอให้หยุดตรงกับสก๊อยส่วนตัวของผม
วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี ได้หยุดตรงกับสก๊อยส่วนตัวพอดีทริปใกล้ๆนี้จึงเกิดขึ้น
_____________________ ตามมาเลยจ๊ะ________________________
รถที่ผมใช้เป็น honda cb300f ตัวน้อยๆคันหนึ่ง
วันนี้สะพายกล้องไปด้วยครับ
กล้องนิคอน d5300 เลนน์มากับกล้อง 1 ตัว...ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ใช่ตากล้องมือโปรอะไรเลย กล้องก็เพิ่งซื้อมาได้สักประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เอง ที่ซื้อเพราะมีความฝันครับ ฝันจะถ่ายรูปสวยๆ เก็บภาพงามๆ ของสถาณที่ทุกที่ ที่แรงเราไปถึง เอาไว้อวดลูกหลานยามแก่ว่า "อีโธ่!!!นี่โว้ย ชะละล่า ปู่ไปมาหมดแล้ว"
________จุดหมายปลายทางของผมในครั้งนี้คือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรุงเก่าของเรานั่นเอง_____
ขั้นแรกกำหนดเส้นทางก่อน...สก๊อยส่วนตัวผมบอกว่าเอาทางที่รถน้อยๆ แล้วได้กินลมชมทุ่งไปในตัวด้วย...(เรื่องมากจริงๆ ฮี่ฮี่)
ถามอากู๋มาเรียบร้อยเส้นทางที่อาเขาแนะนำก็ไม่ถูกใจสักทาง อย่ากระนั้นเลยลงมือนั่งหาเส้นทางเอาเองเลย.....อุต๊ะ!!!โป๊ะเช๊ะเส้นนี้เลย
(เส้นเวิร์คพอยด์ เลียบคลองเปรมประชากร)
จัดแจงวัดระยะปักหมุดแบบหยาบๆ โช๊ะ!!44กิโล (ปักเริ่มจากเทศบาลนครรังสิต-วัดพนัญเชิง) เอาล่ะออกเดินทาง
__________________________________ตามมาเลยจ๊ะ________________________________
เริ่มออกเดินทางจากลำลูกกาคลอง 2 เวลาประมาณ 09.00 น.
วิ่งผ่านรังสิตเส้นรังสิต-ปทุมธานี --> หาทางกลับรถแล้ววิ่งเข้าเส้นไปเวิร์คพอยด์-->ตรงไปโล๊ดไม่ต้องยึกยักจะเลี้ยว วิ่งจนสุดทาง --> เลี้ยวขวาเข้า ผ่านหน้ารพ.บางปะอิน ตรง..ตรง และ ตรงไปอย่างเดียว
(น่าเสียดายทีแรกอยากจะถ่ายตอนขับรถไปด้วย พอมาเจอเข้าจริงพี่สิบล้อเยอะมาก ถนนแค่ 2 เลน เลยไม่กล้าจอดถ่ายกลัวพี่เขาโมโห
มาหยุดกึ๊กที่วัดพนัญเชิงที่แรกครับ
วันที่ไปเป็นวันหยุดครับ คนเยอะมากกกกก.....แต่ยังไงก็ตามเยอะแค่ไหนยังไงก็ต้องได้เห็นครับ
หลวงพ่อโต เห็นครั้งไหนก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ทุกครั้ง แต่ด้วยความที่คนเยอะมากครับ เข้าไม่ถึงเลยมีคนมารอห่มจีวรหลวงพ่อโตแน่นขนัด
ก็เลยเดินด๊อกแด๊กถ่ายภาพในวัดแทน.......
กล่อนเดินทางต่อแวะให้อาหารปลาจั๊กน่อย
_________________เดินทางกันต่อครับ___________________________
หลังจากนั้นเดินทางต่อไปที่วัดธรรมิกราช หากใครไปวัดธรรมิกราชต้องพบเศียรพระพุทธรูปหล่อสำฤทธิ์ ศิลปะสมัยอู่ทอง เด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้า
วิหารเก้าห้อง ตรงนี้ยังคุยกับสก๊อยอยู่เลยว่าในสมันก่อนจะใหญ่โตขนาดไหน ดูจากเสาแต่ละต้นแล้วมโหฬารมาก
น่าเสียดายจริง
(ภาพนี้จากสถาบันอยุธยาศึกษาครับ)
จากนั้นก็เดินเก็บภาพภายในวัดอีกสักหน่อย
จากนั้นก็เดินทางต่อครับ
(ประวัติ วัดธรรมิกราช ตั้งอยู่ด้านหน้าพระราชวังหลวง
ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระยาธรรมิกราชโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง
จึงสันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นก่อนที่จะสถาปนากรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดมุขราช
ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามผู้สร้างเป็นวัดธรรมิกราช)
__________________เดินด๊อกแด๊กตามต่อเลยจ้า_______________________
หลังจากนั้นลองวนๆดูหลายสถานที่ คิดว่าคงไปเที่ยวไม่หมด ถามสก๊อยเอาไงดี
เอาแบบนี้แล้วกัน....รถราง มีเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้ด้วย แต่ เอ๊ะ!!จะไปขึ้นที่ไหน ลองไปที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาก่อนแล้วกัน
เมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์เขามีรถรางบริการครับค่าบริการ เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 30 บาท เราเลยตกลงที่จะขึ้นรถรางชมเมืองแทน
ในขณะที่รอรถรางออกก็เดินไปเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ฯสักหน่อยครับ (ช่วงนี้เขาให้ชมฟรีด้วย คืนความสุขให้เธอประชาชน เขาจัดให้ครับ)
นี่ครับเศียรพระพุทธรูปหล่อสำฤทธิ์ ที่พบที่วัดธรรมิกราชของจริง
(ก่อนถ่ายผมถามเจ้าหน้าที่แล้วครับ ว่าสามารถถ่ายภาพโบราณวัตถุได้ แต่ แต่ แต่ ห้ามถ่ายบุคคลคู่กับโบราณวัตถุ เพราะมีบางคนไปแสดงพฤติกรรมโพสท่าไม่เหมาะสมถ่ายร่วมกับโบราณวัตถุครับ)
สิ่งต่างๆมากมายในพิพิธภัณฑ์ทำให้ผมนึกไม่ออกว่าหากอยุธยาของเราไม่โดนพม่าเผาจะสวยงามมากแค่ไหน แต่ครั้นจะมาโกรธแค้นพม่าทุกวันนี้ก็ใช่ที่
มีคนบอกผมว่าพระสมัยอยุธยาต้องยิ้ม ไม่รู้จริงหรือเปล่า
หลังจากนั้นเราก็ไปขึ้นรถรางกันต่อครับ (ภาพต่อไปนี้เป็นภาพที่ถ่ายจากรถรางครับ อาจจะมัว อาจจะไม่ชัดไปบ้างขออภัยด้วยครับ
ที่แรกเลยครับ วัดเกตุ (ถ้าจำผิดขอโทษด้วยครับ) เจ้าหน้าที่บอกว่าหากมีนักโทษจะปะหารจะให้มาฟังธรรมที่วัดนี้ก่อน ก่อนจะนำไปตัดคอบริเวณวงเวียนหน้าวัดเกตุ แล้วนำหัวไปเสียบประจาร
วัดกษัตริย์ตราธิราช
วัดสุวรรณาวาส
วัดราชบูรณะ (วัดที่โจรขโมยขุดกรุ จนทำให้สิ่งของล้ำค่ามากมายต้องสูญหาย)
วนไปอีกหลายที่ครับ มาจอดให้ชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจันทรเกษม เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นวังหน้าในสมัยก่อนครับ
หลังจากนั้นรถก็วนมาส่งเราที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาครับ
เราจึงเดินทางไปต่อที่วัดพระนอนเป็นที่สุดท้ายก่อนเดินทางกลับ เพราะดูจากเมฆฝนแล้วน่ากลัวครับ
ขอขอบคุณทุกท่านครับที่เข้ามาชมรีวิวครั้งแรกของผม ผิดพลาดอย่างไรให้อภัยกันเด้อครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น