เราว่าเรื่องซิงไม่ซิงนี่มันค่อนข้างส่วนตัวมากเลยนะ
คนที่จะมีผลกระทบเพียงคนเดียวก็คือผู้ชายที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น
ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจของผู้ชายว่า "รับได้" หรือ "รับไม่ได้"
เวลาผู้ชายออกมาตั้งกระทู้เช่น "คุณจะรับได้ไหมครับถ้า.."
การที่คนส่วนใหญ่ของกระทู้ไม่ว่าจะรับได้หรือรับไม่ได้ มันเปลี่ยนแปลงความคิดของคุณจริงหรอคะ?
คุณมีความคิดในใจอยู่แล้ว ที่มาตั้งกระทู้ไม่ได้มาหาคำตอบ เพียงแต่หาคนสนับสนุนความคิดของคุณรึเปล่า
ฝ่ายผู้หญิงส่วนมากก็จะตั้งกระทู้เช่น "ผู้หญิงซิงมันหายากขนาดนั้นเลยหรอคะ"
พร้อมกับพยายามบอกกับคนอื่นว่าตัวเองซิง ยังมีอีกหลายๆกระทู้ซึ่งคงจะเคยผ่านๆตามาบ้าง
คนมาแสดงความเห็นก็จะแบ่งเป็นสองประเภท
คนที่ให้ค่ากับพรหมจรรย์มากๆ โดยอ้างว่าบ่งบอกถึงการเลี้ยงดู สังคม การตัดสินใจของผู้หญิง และวัฒนธรรมประเพณี ก็จะให้ค่ากับคนที่ซิงมากกว่าคนที่ไม่ซิงอย่างเห็นได้ชัด เปรียบผู้หญิงเหมือนรถ เหมือนเครื่องยนต์ เหมือนรถยนต์มือสอง??
กับอีกประเภทคือคนที่ไม่ได้ให้ค่าพรหมจรรย์มากกว่านิสัยและความเข้ากันได้ ก็จะบอกว่าเวลาจะคบกับใครไม่ได้ดูที่ซิงไม่ซิง ดูที่ว่าเข้ากันได้มั๊ย ผู้หญิงที่ไม่ซิงก็เพราะผู้ชายไม่ดีหรือว่าเป็นความผิดพลาด หากอยากได้ผู้หญิงที่ซิงก็บอกผู้ชายอย่ามีอะไรตอนคบสิ
สุดท้ายก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับการตั้งกระทู้เหล่านี้
ทุกครั้งก็จะแบ่งเป็นสองฝ่ายและไม่ได้มีการเปิดรับกันมากขึ้น มีแค่การแสดงฝั่งความเห็นของตัวเองเพื่อโต้แย้งกันแค่นั้น
ส่วนตัวเราคิดว่าเราไม่ควรให้ค่าคนที่ซิง มีค่ามากกว่าคนที่ไม่ซิงเพราะคนทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง
เป็นคนดีของสังคม ไม่ทำตัวให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน
ไม่ท้องก่อนวัยอันควร และไม่ติดโรคจากเพศสัมพันธ์ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ขึ้นอยู่กับบริบทรอบตัวของแต่ละบุคคล
คนที่ไม่ซิงก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ ในเมื่อคุณเลือกที่จะมอบมันให้ใครไปแล้วก็ถือเป็นการตัดสินใจของคุณ
จะเสียดาย เสียใจ หรือไม่เสียดายก็เป็นเรื่องของคุณ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมากำหนดคุณค่าของตัวคุณเอง
ไม่จำเป็นต้องไปโทษผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง สิ่งที่เสียไปบางคนได้ความทรงจำดีๆกลับมาบางคนได้ความทรงจำเลวร้ายกลับมา
ก็ถือซะว่าเป็นบทเรียน บททดสอบในชีวิต ขอให้ก้าวผ่านมันไปให้ได้และทำตัวเองให้ดี ผู้ชายที่รับได้ยังมีอีกเยอะ
ส่วนคนที่ซิงข้อดีอย่างแรกที่เห็นได้ชัดก็คือความภูมิใจที่คุณมีกันอยู่ตอนนี้ ที่พร้อมจะบอกกับคนอื่นว่าคุณยังซิง
ถ้าอายุคุณไม่เด็กมากแล้วคุณคงไม่ได้อายเพื่อนเพราะคุณซิงอย่างที่ชอบคอมเม้นหรือตั้งกระทู้บอกคนอื่นกันจริงๆใช่ไหมคะ?
มันเป็นความภูมิใจตามค่านิยมของสังคมเพราะคนส่วนมากยังคงให้ค่ากับสิ่งนี้อยู่
ส่วนข้อดีอีกข้อคือคุณจะมีโอกาสได้แต่งงานกับผู้ชายที่รับไม่ได้กับคนที่ไม่ซิงมากขึ้น ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในชีวิตนะคะ
ดังนั้นไม่ว่าคุณจะซิงไม่ซิงมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องมากล่าวถึงในโลกออนไลน์ เพราะในชีวิตจริงคนที่มาตั้งกระทู้หรือคอมเม้น
ไม่ว่าจะบวกหรือลบนั้นไม่ได้มาอยู่กับคุณในชีวิตจริง โลกออนไลน์แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
คนที่คุณต้องแคร์คือคนรอบตัวในชีวิตจริง ถ้าคุณรับผลที่ตามมาจากการมอบมันให้ใครไม่ได้ ก็ไม่ควรมอบตั้งแต่แรก
แต่ถ้าคุณรับได้ คนสุดท้ายที่คุณควรแคร์ที่สุดคือคู่ชีวิตของคุณที่ต้องอยู่ด้วยกันไปจนบั้นปลายชีวิต
สุดท้ายนี้เราไม่ได้สนับสนุนให้วัยรุ่นมีอะไรกับแฟนกันในวัยเรียน ไม่ใช่เรื่องซิงไม่ซิง แต่เป็นเรื่องของการตัดสินใจและการรับผลที่จะตามมา ถ้าท้องจะทำอย่างไร? ถ้าติดโรคจะทำอย่างไร? ถ้าพ่อแม่ทราบจะทำอย่างไร แต่ถ้าทำงานแล้วรับผิดชอบตัวเองได้แล้วเราถือว่าคุณรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ชีวิตคุณคุณเลือกเองได้ค่ะ.. ขอแค่เลือกทางที่คุณคิดว่าจะไม่เสียใจทีหลังก็พอแล้ว
เลิกตั้งกระทู้เรื่องผู้หญิงซิงไม่ซิงกันดีไหมคะ?
คนที่จะมีผลกระทบเพียงคนเดียวก็คือผู้ชายที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น
ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจของผู้ชายว่า "รับได้" หรือ "รับไม่ได้"
เวลาผู้ชายออกมาตั้งกระทู้เช่น "คุณจะรับได้ไหมครับถ้า.."
การที่คนส่วนใหญ่ของกระทู้ไม่ว่าจะรับได้หรือรับไม่ได้ มันเปลี่ยนแปลงความคิดของคุณจริงหรอคะ?
คุณมีความคิดในใจอยู่แล้ว ที่มาตั้งกระทู้ไม่ได้มาหาคำตอบ เพียงแต่หาคนสนับสนุนความคิดของคุณรึเปล่า
ฝ่ายผู้หญิงส่วนมากก็จะตั้งกระทู้เช่น "ผู้หญิงซิงมันหายากขนาดนั้นเลยหรอคะ"
พร้อมกับพยายามบอกกับคนอื่นว่าตัวเองซิง ยังมีอีกหลายๆกระทู้ซึ่งคงจะเคยผ่านๆตามาบ้าง
คนมาแสดงความเห็นก็จะแบ่งเป็นสองประเภท
คนที่ให้ค่ากับพรหมจรรย์มากๆ โดยอ้างว่าบ่งบอกถึงการเลี้ยงดู สังคม การตัดสินใจของผู้หญิง และวัฒนธรรมประเพณี ก็จะให้ค่ากับคนที่ซิงมากกว่าคนที่ไม่ซิงอย่างเห็นได้ชัด เปรียบผู้หญิงเหมือนรถ เหมือนเครื่องยนต์ เหมือนรถยนต์มือสอง??
กับอีกประเภทคือคนที่ไม่ได้ให้ค่าพรหมจรรย์มากกว่านิสัยและความเข้ากันได้ ก็จะบอกว่าเวลาจะคบกับใครไม่ได้ดูที่ซิงไม่ซิง ดูที่ว่าเข้ากันได้มั๊ย ผู้หญิงที่ไม่ซิงก็เพราะผู้ชายไม่ดีหรือว่าเป็นความผิดพลาด หากอยากได้ผู้หญิงที่ซิงก็บอกผู้ชายอย่ามีอะไรตอนคบสิ
สุดท้ายก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับการตั้งกระทู้เหล่านี้
ทุกครั้งก็จะแบ่งเป็นสองฝ่ายและไม่ได้มีการเปิดรับกันมากขึ้น มีแค่การแสดงฝั่งความเห็นของตัวเองเพื่อโต้แย้งกันแค่นั้น
ส่วนตัวเราคิดว่าเราไม่ควรให้ค่าคนที่ซิง มีค่ามากกว่าคนที่ไม่ซิงเพราะคนทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง
เป็นคนดีของสังคม ไม่ทำตัวให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน
ไม่ท้องก่อนวัยอันควร และไม่ติดโรคจากเพศสัมพันธ์ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ขึ้นอยู่กับบริบทรอบตัวของแต่ละบุคคล
คนที่ไม่ซิงก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ ในเมื่อคุณเลือกที่จะมอบมันให้ใครไปแล้วก็ถือเป็นการตัดสินใจของคุณ
จะเสียดาย เสียใจ หรือไม่เสียดายก็เป็นเรื่องของคุณ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมากำหนดคุณค่าของตัวคุณเอง
ไม่จำเป็นต้องไปโทษผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง สิ่งที่เสียไปบางคนได้ความทรงจำดีๆกลับมาบางคนได้ความทรงจำเลวร้ายกลับมา
ก็ถือซะว่าเป็นบทเรียน บททดสอบในชีวิต ขอให้ก้าวผ่านมันไปให้ได้และทำตัวเองให้ดี ผู้ชายที่รับได้ยังมีอีกเยอะ
ส่วนคนที่ซิงข้อดีอย่างแรกที่เห็นได้ชัดก็คือความภูมิใจที่คุณมีกันอยู่ตอนนี้ ที่พร้อมจะบอกกับคนอื่นว่าคุณยังซิง
ถ้าอายุคุณไม่เด็กมากแล้วคุณคงไม่ได้อายเพื่อนเพราะคุณซิงอย่างที่ชอบคอมเม้นหรือตั้งกระทู้บอกคนอื่นกันจริงๆใช่ไหมคะ?
มันเป็นความภูมิใจตามค่านิยมของสังคมเพราะคนส่วนมากยังคงให้ค่ากับสิ่งนี้อยู่
ส่วนข้อดีอีกข้อคือคุณจะมีโอกาสได้แต่งงานกับผู้ชายที่รับไม่ได้กับคนที่ไม่ซิงมากขึ้น ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในชีวิตนะคะ
ดังนั้นไม่ว่าคุณจะซิงไม่ซิงมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องมากล่าวถึงในโลกออนไลน์ เพราะในชีวิตจริงคนที่มาตั้งกระทู้หรือคอมเม้น
ไม่ว่าจะบวกหรือลบนั้นไม่ได้มาอยู่กับคุณในชีวิตจริง โลกออนไลน์แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
คนที่คุณต้องแคร์คือคนรอบตัวในชีวิตจริง ถ้าคุณรับผลที่ตามมาจากการมอบมันให้ใครไม่ได้ ก็ไม่ควรมอบตั้งแต่แรก
แต่ถ้าคุณรับได้ คนสุดท้ายที่คุณควรแคร์ที่สุดคือคู่ชีวิตของคุณที่ต้องอยู่ด้วยกันไปจนบั้นปลายชีวิต
สุดท้ายนี้เราไม่ได้สนับสนุนให้วัยรุ่นมีอะไรกับแฟนกันในวัยเรียน ไม่ใช่เรื่องซิงไม่ซิง แต่เป็นเรื่องของการตัดสินใจและการรับผลที่จะตามมา ถ้าท้องจะทำอย่างไร? ถ้าติดโรคจะทำอย่างไร? ถ้าพ่อแม่ทราบจะทำอย่างไร แต่ถ้าทำงานแล้วรับผิดชอบตัวเองได้แล้วเราถือว่าคุณรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ชีวิตคุณคุณเลือกเองได้ค่ะ.. ขอแค่เลือกทางที่คุณคิดว่าจะไม่เสียใจทีหลังก็พอแล้ว