๘๗ พรรษาแห่งการเฉลิมฉลอง ๖๘ พรรษาแห่งการครองราชย์ ๖๐ พรรษาแห่งการทรงงาน ขอถวายความจงรักและภักดี

กระทู้สนทนา



                   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมานท์ ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสสาชูเซสท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ จุลศักราช ๑๒๘๙ ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๗๐ มีพระนามเดิมว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช  เป็นพระโอรสองค์ที่สามในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในกาลต่อมา) และหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ตะละภัฎ, สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในกาลต่อมา)

มีพระนามเมื่อแรกประสูติอันปรากฏในสูติบัตรว่า เบบี สงขลา (อังกฤษ: Baby Songkla) แล้วต่อมาเปลี่ยนมาเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก" (เพราะเป็นพระองค์เล็กสุด)

พระนาม "ภูมิพลอดุลเดช" นั้น พระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล" จึงทำให้พระนามในช่วงแรกๆประสูติ ของในหลวงเราจึงทรงพระนามว่า "ภูมิบาล"

ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกดตราบจนถึงปัจจุบัน
พระนามของพระองค์มีความหมายว่า

ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "ผู้มีอำนาจที่ไม่อาจเทียบได้

การเรียกพระนามตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบัน
- ภูมิบาลอดุลเดช ( Bhumibala Aduladeja)
- เล็ก (สมเด็จย่ากับพระพี่นางและรัชกาลที่ ๘ ทรงเรียก)
- เบบี สงขลา ( Baby Songkla)
- ภูมิพลอดุลเดช ( Bhumibala Aduladeja)
- ภูมิพลอดุลยเดช (Bhumibol Adulyadej : ปัจจุบัน)

Cr. https://www.facebook.com/History.KingdomOfSiam/posts/209973195821478





ในวันที่ 5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2493 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่างโบราณราชประเพณีขึ้น ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง เฉลิมพระบรมนามาภิไธย ตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร พร้อมทั้งพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" และในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี

แต่ในสมัยรัชกาลที่ ๑-๕ นั้นมีพระปฐมบรมราชโองการรับสั่งเหมือนกันทุกคำคือ
"..อันพรรณพฤกษชลธี แลสิ่งของในแผ่นดินทั่วทั้ง พระราชอาณาเขต ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณ์จารย์ราษฎรจะปรารถนาเถิด...”

ถึงแม้ว่ารัชกาลที่ ๓ นั้นในปัจจุบันจะยังสรุปไม่ได้ว่าทรงมีพระปฐมบรมราชโองการเป็นแบบใด แต่จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ ๒ ๔ ๕ นั้นทรงมีพระปฐมบรมราชโองการเหมือนกันทุกคำ ดังนั้นจึงสมมติฐานว่า รัชกาลที่ ๓ ก็ทรงมีพระบรมราชโองการ เช่นนี้เหมือนกัน

ส่วนในรัชกาล ๖ นั้นยังไม่มีการค้นพบพระปฐมบรมราชโองการ

ในสมัยรัชกาลที่ ๗ นั้นทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า
"..ดูกรพราหมณ์ บัดนี้เราทรงราชภาระ ครองแผ่นดินโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน เราแผ่ราชอาณาเหนือท่านทั้งหลายกับโภคสมบัติ เป็นที่พึ่งจัดการปกครองป้องกันอันเป็นธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบาย เทอญ...”

สมัยรัชกาลที่ ๘ ไม่มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจึงไม่มีพระปฐมบรมราชโองการ

สมัยรัชกาลที่ ๙ มีพระปฐมบรมราชโองการว่า
"...เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม.."
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่