เล่าประสบการณ์วีซ่าและขอกรีนการ์ดจากการแต่งงานกับชาวอเมริกัน

เคยตั้งกระทู้ขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องวีซ่าและการใช้เอกสารขอกรีนการ์ดที่นี่ วันนี้จะมาเล่ารายละเอียดให้ฟังค่ะ

เบื้องหลัง จขกท.
ปี 2003
    •    เดินทางตปท.ครั้งแรกตอนอายุ 21 ปีคนเดียว ไปแคนาดาหนึ่งเดือนด้วยวีซ่าท่องเที่ยว แบบ single entry V1
    •    ก่อนหน้านั้น ทำพาสปอร์ตครั้งแรกตั้งแต่อายุ 17 ปี ไม่เคยออกนอกประเทศ นอกจากข้ามชายแดนไปเที่ยวพม่าตอนเด็กๆ
    •    ใช้พาสปอร์ตเล่มแรก 10 ปี ด้วยการต่ออายุถึงปี 2009
ปี 2004 เดินทางครั้งที่ 2 ไปแคนาดาอีก 1 เดือน วีซ่าท่องเที่ยว single entry อีกครั้ง
ปี 2005 เรียนจบได้งานทำ ไม่ได้ไปไหน
ปี 2006
    •    มี.ค. บินไปทำงานด่วนที่อินโดนีเซีย 2 วัน
    •    เม.ย. เดินทางไปแคนาดาครั้งที่ 3 ขอวีซ่าท่องเที่ยวแบบ multiple entries แต่สรุปใช้ไปครั้งเดียว อยู่ไป 20 วัน(ที่แสนทรมาน)
    •    ก.ค. เที่ยวฮ่องกง 3 วัน
    •    ส.ค. เจ้านายเมกันเขียนจดหมายให้มาเที่ยวอเมริกาครั้งแรกด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ได้วีซ่า 10 ปีจากจดหมายแผ่นเดียว โดยบริษัทออกเงินให้ทั้งหมด ก่อนไปเที่ยวอเมกาครั้งแรก 1 อาทิตย์ แวะเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกด้วยอีก 6 วัน ขอวีซ่าท่องเที่ยวแบบ single entry
    *มาเมกาครั้งแรกเจอแฟนคนที่ 2 (ที่ต้องกล่าวถึงเพราะเค้าช่วยเยอะมาก) เป็นคนไทย คบกันระยะทางไกล
    •    พ.ย. ทำงานไต้หวัน 2 วันด้วยวีซ่าท่องเที่ยว แล้วบินต่อเที่ยวเกาหลีอีก 2 วันโดยใช้วีซ่า on arrival

ปี 2007
    •    ม.ค. เที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน วีซ่า on arrival
    •    มี.ค. ออกจากงานแรก เที่ยวญี่ปุ่นครั้งที่สอง 9 วัน single entry visa กลับมาเริ่มทำงานใหม่
    •    ก.ย. บินมาเมกาครั้งที่ 2 เซอร์ไพรส์วันเกิดเค้า 1 อาทิตย์(และหาเรื่องจับกิ๊ก) และอยู่เกินวันที่ต้องบินบนตั๋ว 1 วัน เพราะจำวันผิด

ปี 2008
    •    ม.ค. เข้าเมกาครั้งที่ 3 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยวที่มีอยู่แล้ว ตอนแรกกะจะมาดูลาดเลา เบื่องานที่ทำเลยลาออกแล้วย้ายมาอยู่อเมกาเพื่อหาที่เรียนโทไปด้วย มีตั๋วระบุวันกลับภายใน 3 เดือนเพราะโดนสายการบินบังคับซื้อที่สนามบินเลย
    •    พอมาถึงถูกจับเข้าห้อง secondary ไป 2 ชั่วโมง สอบสวน รื้อกระเป๋า ตรวจทุกอย่างเป็นเรื่องเป็นราว นับเงินทุกเหรียญที่มีติดตัว เปิดไดอารี่ทุกหน้า เปิดหนังสือทุกเล่ม โทรหาบุคคลอ้างอิงที่เป็นคนเมกัน แต่เค้าไม่รับสาย เค้าถามว่าจะมาอยู่กับใคร พอบอกว่าแฟน เค้าพิมพ์หน้าพาสปอร์ตแฟนเราออกมาด้วยเลย แต่ไม่มีอะไรปิดบังเลยรอดออกมาได้ (แฟนคนนั้นก็นั่งรอโดยที่ไม่รู้ชะตาชีวิตนะว่าทำไมไม่ออกมาซะที)
    •    ปรากฏว่าหามหาลัยไป 6 เดือน แคนเซิลตั๋วกลับที่โดนบังคับซื้อ ได้ใบ i-20 ของมหาลัยมาก็บินกลับ หวังจะมาทำวีซ่านร.
    •    ระหว่างที่อยู่นาน 6 เดือนแรก ไม่เคยทำงาน เพราะอยู่กับแฟน ทำหน้าที่แม่บ้าน
    •    กลับมาไทยเดือนกค. เพื่อขอวีซ่านร.ด้วยความมั่นใจ เข้าไปถึงหน้าต่างสัมภาษณ์ จนท.ไม่พูดอะไรเลย นอกจากดูเอกสารแล้วบอกว่า “you’re an illegal immigrant. I can’t give you a student visa!” แล้วปั๊มตรายางแดง rejected ปิดหน้าต่าง งงมากๆเลย เพราะอยู่ไม่เกินหกเดือนแน่ๆ (Jan 21-Jul 12, 2008)
    •    กลับมาบ้านสมัครสัมภาษณ์ใหม่ทันที ได้นัดภายใน 10 วัน ระหว่างนั้นก็ติดต่อมหาลัยว่าเราจะไปถึงช้าหน่อยนะ
    •    ได้สัมภาษณ์กับจนท.เด็กกว่าคนเดิม โดยที่จนท.คนแรกอยู่หน้าต่างถัดไป (ตอนรอนี่เสียวมาก ว่าจะได้คนเดิม) และจนท.คนใหม่ได้ปรีกษากับคนเดิมว่าเอาไง จนท.ใหม่ทำการสัมภาษณ์โดยถามว่า เรียนอะไร กลับมาจะทำอะไร เค้าถามด้วยว่าจะมาอยู่กับใคร แฟนทำอะไร พ่อแม่แฟนทำอะไร ทำไมถึงรวย ทำเงินได้ปีละเท่าไหร่ ตอนนั้นคิดว่า กลับแน่ๆ เพราะคิดว่าแฟนไม่อยู่แล้วเราจะอยู่ยังไง เค้าเลยให้วีซ่านร. F1 มา
    •    Fall 2008 เริ่มเรียนโทที่ควรจะจบภายใน 2 ปี แต่สุดท้ายไปเลือก concentration ที่เปิดสอนแค่วิชาละปี เลยต้องยืดระยะเวลาออกไปอีก
    •    แฟนเรียนจบตรี มีกิ๊ก กลับไทย ทิ้งจขกท.เคว้ง เพราะต้องเรียนให้จบให้ได้ เลยทำงานร้านอาหารไทย
    •    ระหว่างนั้นได้ i-20 มาอีกหลายใบเพราะกลับไทยบ่อย โดยที่มหาลัยไม่ได้ขอดูอะไรเพิ่ม จนปีสุดท้าย มหาลัยอยู่ๆก็ปล่อยให้ i-20 เราขาดด้วยเหตุผลที่ว่าเราไม่ได้เอา bank statement ไปอัพเดต แล้วไม่ช่วยอะไรอีกเลย นอกจากบอกว่าให้จ้างทนาย
    •    out of status ไปไม่กี่อาทิตย์ก็รีบ reinstatement ยื่นเอกสาร เสียเงิน ทำหนังสืออธิบายเหตุผลและทะเลาะกับจนท.ของมหาลัยไปยกใหญ่ สุดท้ายก็ได้ reinstated กลับมาอยู่ในสถานะนร. F1 visa โดยไม่ได้จ้างทนาย
    •    Summer 2011 เรียนจบโท ขอ OPT 1 ปี หางานที่เรียนมาโดยตรงไม่ได้ ทำ unpaid internships และบริษัทคนไทยไปพลางๆ
    •    Fall 2012 พอ OPT ใกล้หมด คิดว่าอยากหาอะไรเพิ่มความรู้ให้ตัวเอง เลยเรียน certificate ต่ออีก โอน i-20 มาที่ๆเรียนใหม่ ตอนแรกอยากเรียน 2 ปี แต่เรียนไปเรียนมา จบปีเดียว
    •    ระหว่างนี้เริ่มเดทกับฝรั่งเพราะรู้สึกว่าผู้ชายไทยไม่เหมาะกับตัวเอง
    •    ตอนเดทกับฝรั่ง เดินทางออกนอกประเทศสองครั้ง ครั้งแรกไป Mexico (2011) อีกครั้งกลับมาเที่ยวไทย เขมร ญึ่ปุ่น (2012) โดยยังใช้ F1 visa

เรียนจบเดือน ธ.ค. 2013 ตั้งใจว่าจะแต่งงานม.ค. 2014 ไปขอ petition ที่ city hall เรียบร้อยปรากฏว่าไม่ได้แต่ง ยุ่งทั้งคู่ ปล่อยให้ใบอนุญาตหมดไป พอ Summer 2014 ทั้งคู่ว่างเลยรีบไปจดทะเบียนก่อนเลย ยังไม่ได้จัดงานอะไร จดวันที่ 5 ส.ค. 2014

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่