ผู้มีชีวิตวัยรุ่นในยุคปลาย 70 ถึง 90 และรักในเสียงเพลง น่าจะคุ้นเคยกับการอัดเทปรวมเพลงด้วยฝีมือตนเองบางม้วนก็เอาไว้ฟังเอง บางม้วนก็แจกเพื่อนๆ ให้คนที่รักและแอบรัก ผมเองก็จัดเป็นจอมอัดเทปมือวางต้นๆของโรงเรียนเรียกว่าช่วงพีคๆนี่อัดกันทุกวัน แม้ยุคนี้เราจะสามารถไรท์ซีดีให้กันได้อย่างสะดวกและรวดเร็วง่ายดายกว่าอัดเทปไม่รู้กี่เท่าแถมยังประหยัดเงินกว่า และได้เสียงคุณภาพดีกว่าอีก แต่ทำไม เราจึงยังคิดถึงการอัดเทปให้เพื่อนอยู่นะ
เสน่ห์ของการอัดเทปอยู่ที่ข้อจำกัดของมันนั่นเอง คุณมีเวลาจำกัด แค่ 45-90 นาที ที่คุณจะต้องใส่เพลงลงไปให้พอดี คุณต้องบวกลบเลขเอาเอง หรือใช้การประมาณจากประสบการณ์ (บางทีก็ต้องดูความหนาของเนื้อเทปที่เหลือ) คุณต้องเลือกเนื้อเทปที่ดีที่สุดเพื่อคุณภาพเสียงที่ได้มา คุณต้องปรับระดับเสียงในแต่ละเพลงให้เท่าๆกัน เวลาฟังจะได้รื่นหู คุณต้องเว้นช่องไฟในแต่ละเพลงให้พอเหมาะกับอารมณ์ที่ต่อเนื่อง
เวลาคุณไรท์ซีดีให้ใครซักคน คุณอาจจะไม่ได้ฟังเพลงที่ไรท์เลยก็ได้ แต่เวลาอัดเทป คุณต้องฟังมันแทบจะทั้งม้วน ตลอดเวลาที่อัดและเวลาคนฟัง เค้าก็ต้องฟังต่อเนื่อง (ถ้าไม่ขยันกรอ) ทั้งหน้า ทั้งม้วน ไม่อาจเลือกเป็นเพลงๆได้ ซึ่งเป็นความไม่สะดวกที่ทำให้ต้องฟังเทปม้วนนั้นอย่างสมบูรณ์
การอัดเทปจะพลาดไม่ได้ เพราะถึงแม้จะกรอมาอัดทับได้ แต่มันก็เป็นการทำลายคุณภาพเสียง
เทปแต่ละม้วนที่คุณอัด มันจะมีม้วนเดียวในโลก ต่อให้เอาไปก๊อปปี้ มันก็จะได้เสียงไม่เหมือนเดิม
คนฟังซีดีที่ไรท์ จะไม่มีความรู้สึกถึงคุณค่านัก เพราะคิดว่ามันไม่มีวันเจ๊ง จะทำสำเนาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่คนฟังเทป ส่วนหนึ่งในจิตใจรู้ว่ามันจะไม่อยู่กับเราไปตลอด พรุ่งนี้เช้ามันอาจจะยืด หรือเทปอาจจะขาดผึงลงเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
ผมอยากจะอัดเทปให้เพื่อนอีกสักครั้ง แต่คงไม่มีใครเล่นเทปแล้วในทุกวันนี้ (มีก็น้อย) จึงอยากสร้างประสบการณ์นั้นกลับมาอีกครั้งในแบบดิจิตัลแม้จะไม่เหมือน แต่ก็คงได้ฟีลบ้าง
ย้อนกลับไปในเทคโนโลยี เทปนะครับใครเคยใช้บ้างครับ
เสน่ห์ของการอัดเทปอยู่ที่ข้อจำกัดของมันนั่นเอง คุณมีเวลาจำกัด แค่ 45-90 นาที ที่คุณจะต้องใส่เพลงลงไปให้พอดี คุณต้องบวกลบเลขเอาเอง หรือใช้การประมาณจากประสบการณ์ (บางทีก็ต้องดูความหนาของเนื้อเทปที่เหลือ) คุณต้องเลือกเนื้อเทปที่ดีที่สุดเพื่อคุณภาพเสียงที่ได้มา คุณต้องปรับระดับเสียงในแต่ละเพลงให้เท่าๆกัน เวลาฟังจะได้รื่นหู คุณต้องเว้นช่องไฟในแต่ละเพลงให้พอเหมาะกับอารมณ์ที่ต่อเนื่อง
เวลาคุณไรท์ซีดีให้ใครซักคน คุณอาจจะไม่ได้ฟังเพลงที่ไรท์เลยก็ได้ แต่เวลาอัดเทป คุณต้องฟังมันแทบจะทั้งม้วน ตลอดเวลาที่อัดและเวลาคนฟัง เค้าก็ต้องฟังต่อเนื่อง (ถ้าไม่ขยันกรอ) ทั้งหน้า ทั้งม้วน ไม่อาจเลือกเป็นเพลงๆได้ ซึ่งเป็นความไม่สะดวกที่ทำให้ต้องฟังเทปม้วนนั้นอย่างสมบูรณ์
การอัดเทปจะพลาดไม่ได้ เพราะถึงแม้จะกรอมาอัดทับได้ แต่มันก็เป็นการทำลายคุณภาพเสียง
เทปแต่ละม้วนที่คุณอัด มันจะมีม้วนเดียวในโลก ต่อให้เอาไปก๊อปปี้ มันก็จะได้เสียงไม่เหมือนเดิม
คนฟังซีดีที่ไรท์ จะไม่มีความรู้สึกถึงคุณค่านัก เพราะคิดว่ามันไม่มีวันเจ๊ง จะทำสำเนาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่คนฟังเทป ส่วนหนึ่งในจิตใจรู้ว่ามันจะไม่อยู่กับเราไปตลอด พรุ่งนี้เช้ามันอาจจะยืด หรือเทปอาจจะขาดผึงลงเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
ผมอยากจะอัดเทปให้เพื่อนอีกสักครั้ง แต่คงไม่มีใครเล่นเทปแล้วในทุกวันนี้ (มีก็น้อย) จึงอยากสร้างประสบการณ์นั้นกลับมาอีกครั้งในแบบดิจิตัลแม้จะไม่เหมือน แต่ก็คงได้ฟีลบ้าง