การรีวิวครั้งนี้เป็นการรีวิวครั้งแรกอาจจะงงๆบ้างก็ขอโทษด้วยน้า ชอบ แชร์ บวก ให้ด้วยน้า

วันที่1
ทริปนี้เป็นผลพลอยได้มาการที่เราต้องไปทำงานและต้องลงพื้นที่กาญจนบุรี เลยตกลงกันว่าหลังงานเสร็จพวกเราจะไป สังขละบุรีกันจริงๆตอนไปกาญก็โคตรสนุกมากแต่เราไปเริ่มกันที่สังขละกันดีกว่าเนอะ
เริ่มเดินทาง
เช้าตื่นตีห้าล้างหน้าแปรงฟัน ออกเดินทางไปสถานีธนบุรี เมื่อถึงที่สถานีเราก็ไปแลกตั๋วโชว์บัตรพม่าหน้าใสเค้าก็จะให้ตั๋วฟรีมารถไฟจะมารอบแปดโมง
ตอนแรกเราก็บแบบเห้ยรถไฟนานแน่ๆเลยคนนี้ต้องเบียดกันเป็นตั้กแตนทอดแน่
สรุปไม่นะจ๊ะรถไฟมาตรงเวลาเด๊ะ แบบวัดไม้บรรทัด คนก็ไม่เยอะนั่งกันสบายร้องเพลงพี่เบิร์ดคลอไปสบายใจเฉิบ
เรามาลงรถไฟที่สถานีสะพานข้ามแม่น้ำแควเพราะเราต้องทำงานที่นี้เรานอน
แพที่พวกเราเลือกนอนในราคาที่ถูกมากๆใครไปแนะนำให้ไปแบมบูเฮาส์

นอนหลายคนเฮฮาปาจิงโก๊ะตื่นเข้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นริมน้ำโอ๊ยฟินเวอร์
พองานพวกเราที่เมืองกาญเสร็จแล้วที่สุดท้ายเราก็ต้องไปทำที่ช่องเขาขาด (เราแนะนำให้ไปช่องเขาขาดมากๆเป็นที่ที่ดีจริงๆเห็นแล้วจุก)
เราเกิดปัญหานิดหน่อยเพราะว่าเราทำงานเลทและรถที่จะไปสังขละหรือรถหวานเย็นก็ดั๊นจะหมดในบ่ายสองโมง เราเลยทำทุกวิถีทางจองรถตู้ รถตู้ไม่จอดรับระหว่างทางใครจะไปไหนยาวไปโลด โทรหาคนรู้จักอยู่ไกลเเพราะกาญกว้างมาก
สรุปก็กลับไปง้อลุงรถหวานเย็นเป็นไงเป็นกันทำงานให้ทันเวลาให้เร็วที่สุด ทันก็ทันไม่ทันก็โบก
สรุปงานเราเสร็จเร็วกว่าที่คิดและทันเวลารถหวานเย็น
พองานเสร็จเร็วเราก็มานั่งเป็นหมาหงอยอยู่หน้าป้ายช่องเขาขาดตอนนั้นถ่ายรูปจนแบตเริ่มอ่อน เมื่อยปาก และขี้เกียจรอ รถหวานเย็นก็กว่าจะมาน๊านนนน บวกกับอยากลองโบกรถดู เห้ยแบบมาแล้วครั้งหนึ่งเลยนะเว้ยลองโบกอยากรู้โบกรถจะเป็นไงไหนๆก็มาลองเหอะ ตกลงกันไปกันมาเหมือนคนบ้าคุยกันเสร็จแล้วเรา ก็วิ่งกรูออกไปเหมือนเทเลทับบี้ตอนรักกันนะ
โชคดีที่กลุ่มเรามีลักกี้เกิร์ล เราโบกรถแบบไม่ตั้งใจแต่สุดท้ายเขาก็ให้เราขึ้นเฉยเลย ใจดีด้วยนะ ตอนแรกๆก็แอบกลัวแต่ก็ไหนๆก็ลองละ ก็ขึ้นเลยละกัน ระหว่างทางเราก็พยายามทำความรู้จักกับคุณลุงถามโน่นถามนี่ ถามชื่อคุณลุง ได้คำตอบมาว่าเดี๋ยว ‘เดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละ’ (อ้าวววว ฮ่าๆ) คุณลุงเค้ามาส่งเราถึงสังขละบุรีคุณลุงใจดีมากค่ะ พอมาถึงสังขละบุรีเราก็ล่ำลาคุณลุง คุณลุงจึงให้นามบัตรเราไว้ OMG! คุณลุงเป็นทหารค่ะยศใหญ่ซะด้วย ถือว่าเป็นความโชคดีของพวกเราคะ
จากนั้นเราก็หาที่พักเพราะว่าเราไม่รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ตรงส่วนไหนของฝั่งมอญ จึงโทรถามเจ้าของโฮมสเตย์แพดอกบัว เราเลือกนอนโฮมสเตย์เพราะว่า ราคาถูกมากประหยัด พอไปถึงที่พักก็ตามราคาเลยค่ะ แอบกลัวอยู่นิดๆบรรยากาศมืดๆ บ้านเป็นไม้ๆ
พอเข้าที่พักแล้วเราไม่อยากให้เสียเวลาไปเฉยๆก็เลยกะจะไป survey รอบๆสะพานมอญ
บรรยากาศตอนเย็นสวยมาก โรแมนติกเว่อร์ มาเที่ยวสังขละหน้าฝนก็ดีนะ คนไม่เยอะ อากาศดี ผู้ชายหล่อ ต้นไม้เขียวชอุ่ม
เราเดินไปเรื่อยๆบนสะพานมอญ ซักพักคุณก็จะเจอไกด์เด็กเซเลปที่ใครๆที่ไปสะพานมอญก็จะเจอเด็กพวกนี้ ต้องเตรียมทริปไว้ด้วยนะเด็กๆน่ารักค่ะ แต่เราชอบน้องอ้วนนะน่ารักมากพูดจาดี ชวนคุย เทคแคร์พวกเราดีมากๆ ถ้าใครไปก็ฝากให้ ทริปน้องด้วยละกันนะคะ
ขากลับเราหาน้องไม่เจอเสียดายจัง หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักน้องอ้วนแล้ว น้องก็บอกความจริงกับเราข้อนึงว่า ตอนนี้พี่อยู่ฝั่งมอญนะไม่ได้อยู่ฝั่งไทยนะ ห้ะ!!!!!!! อยู่ฝั่งมอญแบบงงๆหวะฮ่าๆ ปกติแล้วนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสะพานมอญจะนอนกันที่ฝั่งไทย แต่เรานี่มาอยู่ฝั่งมอญเลย รู้สึกกลัวๆเหมือนกันนะเนี่ยแต่ก็ไม่มีอะไรค่ะ คนมอญน่ารักมากๆ อาหารก็อร่อย บรรยากาศดี
ต่อมาเราไปเดินเล่นสะพานบวบ เพราะตอนนั้นสะพานมอญยังซ่อมไม่เสร็จ เดินไปถึงฝั่งไทยปุ้บ อ้าววว!!! ฝนตก โอเคนั่งชิลร้านกาแฟละกัน นั่งร้านกาแฟนะแต่สั่งเหล้าปั่นกัน
เม้าเพลินเลยมองออกไปข้างนอก มืดซะละแล้วพวกชั้นจะกลับฝั่งมอญยังไงเนี่ย ในมือมีถุงพลาสติก1ใบและไอโฟน ฝน สะพานบวบ และความมืด บนสะพานนี่มีแค่เรา 4 คน หิวก็หิวเหนื่อยก็เหนื่อยง่วงก็ง่วง ด้วยความหิวทำให้เราต้องรีบกลับไปฝั่งมอญ
พอเรารอดชีวิตจากสะพานบวบกันได้เราก็ไปหาข้าวกินกันต่ออารมณ์ตอนนั้นคือเป็นอะไรที่พีทมากรู้สึกเข้าใจอารมณ์พระเอก maze runner
พอถึงฟังฝนก็ยังตก แถมร้านค้าที่นี่ปิดเร็วมาก ถ้าเกิดใครหิวต้องรีบกินก่อน 2 ทุ่ม (ฝั่งมอญนะ) เราเดินหาร้านข้าวตามซอยต่างๆสุดท้ายเราก็เจอร้านหมูกระทะของคนมอญ โอ้ยน่ากินเนอะ แต่เราสั่งข้าวผัดกันหมดเลย ฮ่าๆ ร้านอาหารเงียบมากค่ะ บรรยากาศบ้านๆแต่อาหารอร่อยมากหรือเพราะความหิวก็ไม่รู้ฮ่าๆ
หลังจากกินข้าวกันเสร็จเราก็รีบเข้าที่พัก อาบน้ำ นอน โดยที่ลืมความกลัวไปเลย จากความกลัวบ้านหลอน กลัวผี ด้วยความเหนื่อยทำให้เราสลบ หลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีเช้าเลย
สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้
- ค่ารถมาสังขละบุรี 0฿
- ค่าอาหารสี่คน 180฿
- ค่าเหล้าปั่น 120฿
- ค่าที่พักสี่คน 600฿ (คนละ 150)
รวม= 900฿
เดี๋ยวมาต่อค่ะ
วันที่ 2
เช้านี้อากาศสดใส พวกเรารีบตื่นอาบบน้ำ แล้วน้ำก็แบบเย็นเกิ๊นไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นอะไรทั้งนั้นมาสังขละต้องตื่นตัว บรื้ออ
แพลนของเราตอนเช้านี้ ก็คือพวกเราจะไปตักบาตรกัน โชคดีที่พวกเราพักฝั่งมอญไม่ต้องข้ามสะพานมาไกล
พอเดินออกมาจากที่พัก ก็เจอร้านที่ขายชุดตักบาตรเลยนั่นก็คือร้านป้าหยิน ซึ่งเป็นร้านที่โด่งดังมาก
แต่ก่อนที่จะไปตักบาตร เราก็หาไรกินกันก่อน
โจ๊กตอนเช้ากินกับปาท๋องโก๋เป็นอะไรที่ฟินมากจริงอาหารเช้าของเรา อิ่ม อร่อย ถูก พร้อมไปต่อ งงอย่างเดียวอาบังขึ้นมาขายโจ๊กที่สังขละ ไปไงมาไงนั้น
จากนั้นเราก็เตรียมตัวใส่บาตรกันเราเลือกร้านป้าหยิน ร้านนี้มีบริการให้ใส่ชุดมอญฟรี ถ้าซื้อชุดใส่บาตรของร้านนี้ ชุดตักบาตรรวมทั้งหมด 100 บาท
ด้วยการแต่งตัวด้วยเสื้อมอญทั้งสี่คน ป้าหยินชอบใจจับแต่งตัวแต่งหน้าทาแป้ง ทำให้พวกเรารู้สึกว่าพวกเราเป็นเซเลบมากเลย เพราะว่า มีแต่คนขอถ่ายรุปเราเยอะมากกเลย และพูดกันหนาหูว่า "อ้าวคนไทยหรอ" 5555
เราก็ไม่รู้ว่าเราสวยหรือแปลกกันแน่ 5555555
หลังจากนั้นนั้นเราก็ไปติดต่อรถที่จะไปวัดหลวงพ่ออุตะมะตกคนละประมาณ 25 บาทเขาจะพาไปสองวัด ราคาต่อรองได้และเราก็ต่อรอง 55 เค้าก็พาเราใส่รถพวงละขึ้นเนินไปนิดหน่อย แล้วเราแว๊นรถต่อไปที่เจดีย์พุทธคยา บรรยากาศระหว่างทางนี้ คือ สดชื่นอ้ะโอโซนเต็มปอดรู้กสึหน้าเด้งเพราะอากาศดีอะไรก็ดี
กำลังปรับปรุง
อีกหนึ่งวัด

พอเราได้เที่ยววัดทั้งสองวัดแล้ว สังขละหน้าฝนก็ไม่ฝนซะทีเดียว วันหนึ่งพี่แกล่อไป 4 ฤดู ยิ่งตอนเที่ยงนี่แดดเปรี้ยงร้อนมากเราเลยเดินตัวดำไปหาร้านเดิมที่เราไปนั่งกันเมื่อวานที่เรายังไม่ทันได้ทำความรู้จักกับพี่เจ้าของร้านดีเท่าไร
ร้านกาแฟ aree coffee หลังตีสนิทพี่เจ้าของร้านใจม้ากกกับเราในหลายเรื่องแถมยังแนะนำที่พักถูกๆก็ให้เราด้วย
เราจึงมุ่งหน้าไปหาที่พักใหม่ของเรา นั่นก็คือ p guesthouse และด้วยความซื่อของเรา เราก็เดินไปหาที่พักจริงๆ และก็เหนื่อยจริงๆเพราะว่าทางที่ไป ไกลมากกกกก จนเราถอดใจเพราะไม่เจอที่พักสักที เราก็ได้แต่ เดิน เดิน เดิน และก็เดิน เป็นกิโลจนในที่สุดเราก็หาที่พักเจอและได้เข้าเช็คอินเลย บรรยากาศที่นี้ดีมากแนะนำเลย พี่เจ้าของแนวดี และราคาถูกน่าคบหา
ในตอนที่เราคุยกับพี่ต้น เราได้ตัดสินเลือกเรือไปวัดกลางน้ำกับพี่ต้นด้วย พี่ต้นเลยแถมโปรโมชั่นส่วนตัวให้เราคือ ช่วยพวกเราขนของหลังจากที่เราเดินหาที่พักก็ขี่พี่วินกลับมาขนของ พี่ต้นเลยอาสาช่วยเราขนและพาไปที่พัก ไปไปมามาพาไปด่านเจดีย์ 3 องค์ (ที่จริงไม่ได้มีโปรโมชั่นแต่พี่เค้าจะไปซื้อของพอดี เลยถามมาว่าไป “ด่านเจดีย์กันมั้ย” ไม่ต้องคิดเลยว่าพวกเราจะตอบว่าอะไร 555 เราเน้นของถูกและฟรีอยู่แล้ว เราเลยตกลงไป ) หลังจากที่เราเก็บของและไปกินขนมจีนร้านป้าหยิน พี่ต้นก็ขับรถมารับหน้าร้านพวกเราโยนเป้ขึ้นไปนั่งหลังกระบะ พร้อมกับเด็กน้อยสองคนข้างหลัง
การไปด่านเจดีย์ 3 องค์ขาไปยังไม่เท่าไรเจอแค่แดดกับลมเลเวลความทรหดระดับ 3
พอเราถึงด่านเจดีย์3องค์ก้ช็อบปิ้ง แต่ใจจริงแล้วพวกเราอยากข้ามไปฝรั่งพม่ามากก แต่ด้วยความซื่อ(อีกแล้ว) คิดว่าการข้ามไปต้องทำเรื่องยุ่งยากพวกเราเลยไม่ไปกัน แต่ พอเรามานั่งคุยกันใกล้ๆกับสำนักงานที่ทำเรื่องผ่านแดน เราก็ได้แต่บ่น ว่าอยากเข้าไปจนพี่เจ้าหน้าที่เค้ามาแนะนำว่า แค่ถ่ายบัตรประชาชนและก็ทำเรื่องแค่แปปเดียวเราก็เลยมุ่งไปทำเลยจนได้เข้าไปในเขตพม่า
เดินได้แปปเดียวโดนบีบแตรเพราะเดินผิดเลลน์
ขากลับของเรานี่ขอบอกเลยว่า พวกเราต้องทำตัวเป็นหญิงแกร่ง เจอทั้งแดด ทั้งฝน ทั้งลม มาเลยจ้า อึด ถึก ทน นึกว่าคูโบต้า ทนได้ทั้งแดด ทั้ง ฝน ทั้งลม!! กลับมาที่พักด้วยความหิว รีบเดินหาของกินเป็นการด่วนแม้จะอยู่ฝั่งไทยคนที่นี่ก็นอนเร็วทางก็ค่อยข้างมืดเดินๆไปสุมก็ไปเจอกับร้านชื่นใจ คาเฟน่ารักๆที่มีหมากับแมวเต็มไปหมด ผู้หญิงคนไหนอยากได้สีผึ้งของที่นี้มาซื้อร้านี้ได้คะ 5 บาทดีมากๆ
ระยะเวลาการทำอาหารค่อยข้างนานนิดนึงพออาหารมีพวกเราเลยจัดการกวาดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว อาหารอร่อยถูกปาก
พอกลับที่พักเราก็มานั่งพักเหนื่อยข้างล่างคะ วิวสวยมากเห็นไฟประดับฝั่งมอญปะปรายบวกกัอากาศเย็นๆ รู้สึกดี ช่ำๆ ด้วยเบียร์ และ หัดนับเลขก่อนนอน
[CR] ผู้หญิง 4 คนแบกเป้ โบกรถไปสังขละบุรี หน้าฝน ด้วยงบพันนิดนิด
วันที่1
ทริปนี้เป็นผลพลอยได้มาการที่เราต้องไปทำงานและต้องลงพื้นที่กาญจนบุรี เลยตกลงกันว่าหลังงานเสร็จพวกเราจะไป สังขละบุรีกันจริงๆตอนไปกาญก็โคตรสนุกมากแต่เราไปเริ่มกันที่สังขละกันดีกว่าเนอะ
เริ่มเดินทาง
เช้าตื่นตีห้าล้างหน้าแปรงฟัน ออกเดินทางไปสถานีธนบุรี เมื่อถึงที่สถานีเราก็ไปแลกตั๋วโชว์บัตรพม่าหน้าใสเค้าก็จะให้ตั๋วฟรีมารถไฟจะมารอบแปดโมง
ตอนแรกเราก็บแบบเห้ยรถไฟนานแน่ๆเลยคนนี้ต้องเบียดกันเป็นตั้กแตนทอดแน่
สรุปไม่นะจ๊ะรถไฟมาตรงเวลาเด๊ะ แบบวัดไม้บรรทัด คนก็ไม่เยอะนั่งกันสบายร้องเพลงพี่เบิร์ดคลอไปสบายใจเฉิบ
เรามาลงรถไฟที่สถานีสะพานข้ามแม่น้ำแควเพราะเราต้องทำงานที่นี้เรานอน
แพที่พวกเราเลือกนอนในราคาที่ถูกมากๆใครไปแนะนำให้ไปแบมบูเฮาส์
นอนหลายคนเฮฮาปาจิงโก๊ะตื่นเข้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นริมน้ำโอ๊ยฟินเวอร์
พองานพวกเราที่เมืองกาญเสร็จแล้วที่สุดท้ายเราก็ต้องไปทำที่ช่องเขาขาด (เราแนะนำให้ไปช่องเขาขาดมากๆเป็นที่ที่ดีจริงๆเห็นแล้วจุก)
เราเกิดปัญหานิดหน่อยเพราะว่าเราทำงานเลทและรถที่จะไปสังขละหรือรถหวานเย็นก็ดั๊นจะหมดในบ่ายสองโมง เราเลยทำทุกวิถีทางจองรถตู้ รถตู้ไม่จอดรับระหว่างทางใครจะไปไหนยาวไปโลด โทรหาคนรู้จักอยู่ไกลเเพราะกาญกว้างมาก
สรุปก็กลับไปง้อลุงรถหวานเย็นเป็นไงเป็นกันทำงานให้ทันเวลาให้เร็วที่สุด ทันก็ทันไม่ทันก็โบก
สรุปงานเราเสร็จเร็วกว่าที่คิดและทันเวลารถหวานเย็น
พองานเสร็จเร็วเราก็มานั่งเป็นหมาหงอยอยู่หน้าป้ายช่องเขาขาดตอนนั้นถ่ายรูปจนแบตเริ่มอ่อน เมื่อยปาก และขี้เกียจรอ รถหวานเย็นก็กว่าจะมาน๊านนนน บวกกับอยากลองโบกรถดู เห้ยแบบมาแล้วครั้งหนึ่งเลยนะเว้ยลองโบกอยากรู้โบกรถจะเป็นไงไหนๆก็มาลองเหอะ ตกลงกันไปกันมาเหมือนคนบ้าคุยกันเสร็จแล้วเรา ก็วิ่งกรูออกไปเหมือนเทเลทับบี้ตอนรักกันนะ
โชคดีที่กลุ่มเรามีลักกี้เกิร์ล เราโบกรถแบบไม่ตั้งใจแต่สุดท้ายเขาก็ให้เราขึ้นเฉยเลย ใจดีด้วยนะ ตอนแรกๆก็แอบกลัวแต่ก็ไหนๆก็ลองละ ก็ขึ้นเลยละกัน ระหว่างทางเราก็พยายามทำความรู้จักกับคุณลุงถามโน่นถามนี่ ถามชื่อคุณลุง ได้คำตอบมาว่าเดี๋ยว ‘เดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละ’ (อ้าวววว ฮ่าๆ) คุณลุงเค้ามาส่งเราถึงสังขละบุรีคุณลุงใจดีมากค่ะ พอมาถึงสังขละบุรีเราก็ล่ำลาคุณลุง คุณลุงจึงให้นามบัตรเราไว้ OMG! คุณลุงเป็นทหารค่ะยศใหญ่ซะด้วย ถือว่าเป็นความโชคดีของพวกเราคะ
จากนั้นเราก็หาที่พักเพราะว่าเราไม่รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ตรงส่วนไหนของฝั่งมอญ จึงโทรถามเจ้าของโฮมสเตย์แพดอกบัว เราเลือกนอนโฮมสเตย์เพราะว่า ราคาถูกมากประหยัด พอไปถึงที่พักก็ตามราคาเลยค่ะ แอบกลัวอยู่นิดๆบรรยากาศมืดๆ บ้านเป็นไม้ๆ
พอเข้าที่พักแล้วเราไม่อยากให้เสียเวลาไปเฉยๆก็เลยกะจะไป survey รอบๆสะพานมอญ
บรรยากาศตอนเย็นสวยมาก โรแมนติกเว่อร์ มาเที่ยวสังขละหน้าฝนก็ดีนะ คนไม่เยอะ อากาศดี ผู้ชายหล่อ ต้นไม้เขียวชอุ่ม
เราเดินไปเรื่อยๆบนสะพานมอญ ซักพักคุณก็จะเจอไกด์เด็กเซเลปที่ใครๆที่ไปสะพานมอญก็จะเจอเด็กพวกนี้ ต้องเตรียมทริปไว้ด้วยนะเด็กๆน่ารักค่ะ แต่เราชอบน้องอ้วนนะน่ารักมากพูดจาดี ชวนคุย เทคแคร์พวกเราดีมากๆ ถ้าใครไปก็ฝากให้ ทริปน้องด้วยละกันนะคะ
ขากลับเราหาน้องไม่เจอเสียดายจัง หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักน้องอ้วนแล้ว น้องก็บอกความจริงกับเราข้อนึงว่า ตอนนี้พี่อยู่ฝั่งมอญนะไม่ได้อยู่ฝั่งไทยนะ ห้ะ!!!!!!! อยู่ฝั่งมอญแบบงงๆหวะฮ่าๆ ปกติแล้วนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสะพานมอญจะนอนกันที่ฝั่งไทย แต่เรานี่มาอยู่ฝั่งมอญเลย รู้สึกกลัวๆเหมือนกันนะเนี่ยแต่ก็ไม่มีอะไรค่ะ คนมอญน่ารักมากๆ อาหารก็อร่อย บรรยากาศดี
ต่อมาเราไปเดินเล่นสะพานบวบ เพราะตอนนั้นสะพานมอญยังซ่อมไม่เสร็จ เดินไปถึงฝั่งไทยปุ้บ อ้าววว!!! ฝนตก โอเคนั่งชิลร้านกาแฟละกัน นั่งร้านกาแฟนะแต่สั่งเหล้าปั่นกัน
เม้าเพลินเลยมองออกไปข้างนอก มืดซะละแล้วพวกชั้นจะกลับฝั่งมอญยังไงเนี่ย ในมือมีถุงพลาสติก1ใบและไอโฟน ฝน สะพานบวบ และความมืด บนสะพานนี่มีแค่เรา 4 คน หิวก็หิวเหนื่อยก็เหนื่อยง่วงก็ง่วง ด้วยความหิวทำให้เราต้องรีบกลับไปฝั่งมอญ
พอเรารอดชีวิตจากสะพานบวบกันได้เราก็ไปหาข้าวกินกันต่ออารมณ์ตอนนั้นคือเป็นอะไรที่พีทมากรู้สึกเข้าใจอารมณ์พระเอก maze runner
พอถึงฟังฝนก็ยังตก แถมร้านค้าที่นี่ปิดเร็วมาก ถ้าเกิดใครหิวต้องรีบกินก่อน 2 ทุ่ม (ฝั่งมอญนะ) เราเดินหาร้านข้าวตามซอยต่างๆสุดท้ายเราก็เจอร้านหมูกระทะของคนมอญ โอ้ยน่ากินเนอะ แต่เราสั่งข้าวผัดกันหมดเลย ฮ่าๆ ร้านอาหารเงียบมากค่ะ บรรยากาศบ้านๆแต่อาหารอร่อยมากหรือเพราะความหิวก็ไม่รู้ฮ่าๆ
หลังจากกินข้าวกันเสร็จเราก็รีบเข้าที่พัก อาบน้ำ นอน โดยที่ลืมความกลัวไปเลย จากความกลัวบ้านหลอน กลัวผี ด้วยความเหนื่อยทำให้เราสลบ หลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีเช้าเลย
สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้
- ค่ารถมาสังขละบุรี 0฿
- ค่าอาหารสี่คน 180฿
- ค่าเหล้าปั่น 120฿
- ค่าที่พักสี่คน 600฿ (คนละ 150)
รวม= 900฿
เดี๋ยวมาต่อค่ะ
วันที่ 2
เช้านี้อากาศสดใส พวกเรารีบตื่นอาบบน้ำ แล้วน้ำก็แบบเย็นเกิ๊นไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นอะไรทั้งนั้นมาสังขละต้องตื่นตัว บรื้ออ
แพลนของเราตอนเช้านี้ ก็คือพวกเราจะไปตักบาตรกัน โชคดีที่พวกเราพักฝั่งมอญไม่ต้องข้ามสะพานมาไกล
พอเดินออกมาจากที่พัก ก็เจอร้านที่ขายชุดตักบาตรเลยนั่นก็คือร้านป้าหยิน ซึ่งเป็นร้านที่โด่งดังมาก
แต่ก่อนที่จะไปตักบาตร เราก็หาไรกินกันก่อน
โจ๊กตอนเช้ากินกับปาท๋องโก๋เป็นอะไรที่ฟินมากจริงอาหารเช้าของเรา อิ่ม อร่อย ถูก พร้อมไปต่อ งงอย่างเดียวอาบังขึ้นมาขายโจ๊กที่สังขละ ไปไงมาไงนั้น
จากนั้นเราก็เตรียมตัวใส่บาตรกันเราเลือกร้านป้าหยิน ร้านนี้มีบริการให้ใส่ชุดมอญฟรี ถ้าซื้อชุดใส่บาตรของร้านนี้ ชุดตักบาตรรวมทั้งหมด 100 บาท
ด้วยการแต่งตัวด้วยเสื้อมอญทั้งสี่คน ป้าหยินชอบใจจับแต่งตัวแต่งหน้าทาแป้ง ทำให้พวกเรารู้สึกว่าพวกเราเป็นเซเลบมากเลย เพราะว่า มีแต่คนขอถ่ายรุปเราเยอะมากกเลย และพูดกันหนาหูว่า "อ้าวคนไทยหรอ" 5555
เราก็ไม่รู้ว่าเราสวยหรือแปลกกันแน่ 5555555
หลังจากนั้นนั้นเราก็ไปติดต่อรถที่จะไปวัดหลวงพ่ออุตะมะตกคนละประมาณ 25 บาทเขาจะพาไปสองวัด ราคาต่อรองได้และเราก็ต่อรอง 55 เค้าก็พาเราใส่รถพวงละขึ้นเนินไปนิดหน่อย แล้วเราแว๊นรถต่อไปที่เจดีย์พุทธคยา บรรยากาศระหว่างทางนี้ คือ สดชื่นอ้ะโอโซนเต็มปอดรู้กสึหน้าเด้งเพราะอากาศดีอะไรก็ดี
กำลังปรับปรุง
อีกหนึ่งวัด
พอเราได้เที่ยววัดทั้งสองวัดแล้ว สังขละหน้าฝนก็ไม่ฝนซะทีเดียว วันหนึ่งพี่แกล่อไป 4 ฤดู ยิ่งตอนเที่ยงนี่แดดเปรี้ยงร้อนมากเราเลยเดินตัวดำไปหาร้านเดิมที่เราไปนั่งกันเมื่อวานที่เรายังไม่ทันได้ทำความรู้จักกับพี่เจ้าของร้านดีเท่าไร
ร้านกาแฟ aree coffee หลังตีสนิทพี่เจ้าของร้านใจม้ากกกับเราในหลายเรื่องแถมยังแนะนำที่พักถูกๆก็ให้เราด้วย
เราจึงมุ่งหน้าไปหาที่พักใหม่ของเรา นั่นก็คือ p guesthouse และด้วยความซื่อของเรา เราก็เดินไปหาที่พักจริงๆ และก็เหนื่อยจริงๆเพราะว่าทางที่ไป ไกลมากกกกก จนเราถอดใจเพราะไม่เจอที่พักสักที เราก็ได้แต่ เดิน เดิน เดิน และก็เดิน เป็นกิโลจนในที่สุดเราก็หาที่พักเจอและได้เข้าเช็คอินเลย บรรยากาศที่นี้ดีมากแนะนำเลย พี่เจ้าของแนวดี และราคาถูกน่าคบหา
ในตอนที่เราคุยกับพี่ต้น เราได้ตัดสินเลือกเรือไปวัดกลางน้ำกับพี่ต้นด้วย พี่ต้นเลยแถมโปรโมชั่นส่วนตัวให้เราคือ ช่วยพวกเราขนของหลังจากที่เราเดินหาที่พักก็ขี่พี่วินกลับมาขนของ พี่ต้นเลยอาสาช่วยเราขนและพาไปที่พัก ไปไปมามาพาไปด่านเจดีย์ 3 องค์ (ที่จริงไม่ได้มีโปรโมชั่นแต่พี่เค้าจะไปซื้อของพอดี เลยถามมาว่าไป “ด่านเจดีย์กันมั้ย” ไม่ต้องคิดเลยว่าพวกเราจะตอบว่าอะไร 555 เราเน้นของถูกและฟรีอยู่แล้ว เราเลยตกลงไป ) หลังจากที่เราเก็บของและไปกินขนมจีนร้านป้าหยิน พี่ต้นก็ขับรถมารับหน้าร้านพวกเราโยนเป้ขึ้นไปนั่งหลังกระบะ พร้อมกับเด็กน้อยสองคนข้างหลัง
การไปด่านเจดีย์ 3 องค์ขาไปยังไม่เท่าไรเจอแค่แดดกับลมเลเวลความทรหดระดับ 3
พอเราถึงด่านเจดีย์3องค์ก้ช็อบปิ้ง แต่ใจจริงแล้วพวกเราอยากข้ามไปฝรั่งพม่ามากก แต่ด้วยความซื่อ(อีกแล้ว) คิดว่าการข้ามไปต้องทำเรื่องยุ่งยากพวกเราเลยไม่ไปกัน แต่ พอเรามานั่งคุยกันใกล้ๆกับสำนักงานที่ทำเรื่องผ่านแดน เราก็ได้แต่บ่น ว่าอยากเข้าไปจนพี่เจ้าหน้าที่เค้ามาแนะนำว่า แค่ถ่ายบัตรประชาชนและก็ทำเรื่องแค่แปปเดียวเราก็เลยมุ่งไปทำเลยจนได้เข้าไปในเขตพม่า
เดินได้แปปเดียวโดนบีบแตรเพราะเดินผิดเลลน์
ขากลับของเรานี่ขอบอกเลยว่า พวกเราต้องทำตัวเป็นหญิงแกร่ง เจอทั้งแดด ทั้งฝน ทั้งลม มาเลยจ้า อึด ถึก ทน นึกว่าคูโบต้า ทนได้ทั้งแดด ทั้ง ฝน ทั้งลม!! กลับมาที่พักด้วยความหิว รีบเดินหาของกินเป็นการด่วนแม้จะอยู่ฝั่งไทยคนที่นี่ก็นอนเร็วทางก็ค่อยข้างมืดเดินๆไปสุมก็ไปเจอกับร้านชื่นใจ คาเฟน่ารักๆที่มีหมากับแมวเต็มไปหมด ผู้หญิงคนไหนอยากได้สีผึ้งของที่นี้มาซื้อร้านี้ได้คะ 5 บาทดีมากๆ
ระยะเวลาการทำอาหารค่อยข้างนานนิดนึงพออาหารมีพวกเราเลยจัดการกวาดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว อาหารอร่อยถูกปาก
พอกลับที่พักเราก็มานั่งพักเหนื่อยข้างล่างคะ วิวสวยมากเห็นไฟประดับฝั่งมอญปะปรายบวกกัอากาศเย็นๆ รู้สึกดี ช่ำๆ ด้วยเบียร์ และ หัดนับเลขก่อนนอน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น