ความจริง เศรษฐกิจ ปฏิบัติการ สมหมาย ภาษี ปรับภาษี มูลค่าเพิ่ม บทวิเคราะห์ ข่าวสดออนไลน์
หากถือว่า ถ้อยแถลงของ นายสมหมาย ภาษี ที่ว่าจะมีการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มอีก
ร้อยละ 1 ในตอนปลายปีงบประมาณ 2558
เป็นเสมือนกับ “การหยั่งเชิง” ทางสังคม
ก็ต้องยอมรับว่า การโยนหินถามทางโดย นายสมหมาย ภาษี ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
เป็นอย่างสูง
มี “ก้อนหิน” โยนกลับมาอย่างคึกคัก
ไม่ว่าจะมาจาก นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานหอการค้าไทย ไม่ว่าจะมาจาก
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะมาจาก
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย
เป็นการสะท้อนกลับด้วยน้ำเสียงเดียวกันและด้วยเหตุผลอันละม้ายและใกล้เคียงกันเป็น
อย่างยิ่งภายใต้บทสรุปสั้นกระชับว่า
ไม่เห็นด้วย ไม่เหมาะสม
หากสัมผัสกับเหตุผลซึ่งนักธุรกิจ นักอุตสาหกรรมและนักการธนาคารทั้ง 3 แสดงออก
เพื่อสื่อไปยังกระทรวงการคลัง
ฟังแล้วน่ากลัวเป็นอย่างมาก
1 ที่ไม่เห็นด้วยเพราะขณะนี้กำลังซื้อของคนไทยก็ต่ำอยู่แล้ว การปรับขึ้นก็จะยิ่งฉุด
กำลังซื้อให้ลดต่ำลง
1 เน้นอย่างหนักแน่นไปยัง “จีดีพี”
การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มฐานเศรษฐกิจของประเทศจะต้องแข็งแรงควรมีจีดีพีเติบโต
ร้อยละ 4 เป็นต้นไป แต่หากจีดีพียังอยู่ในระดับร้อยละ 1-2 เช่นปัจจุบัน ก็อาจไม่เหมาะสม
เท่ากับเป็นการคิดที่ไม่อยู่บนฐานของความเป็นจริง
ความเป็นจริงก็คือ เศรษฐกิจของประเทศไม่ดีนัก
จากการโยนหินถามทางในเรื่องควรจะปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ของรัฐมนตรีว่า
การกระทรวงการคลัง
ผลนำไปสู่การฉายภาพเศรษฐกิจที่เป็นจริงของประเทศออกมา
ที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ ความเชื่อมั่นที่ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะต้องดีและมี
การขยายตัวเติบใหญ่อย่างคึกคัก
ก็เริ่มไม่แน่ว่าจะเป็นไปเช่นนั้น
เรื่องเหล่านี้คนจากหอการค้าไทย คนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คนจาก
สมาคมธนาคารไทย ย่อมรู้ดี
รู้ดีกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วยซ้ำไป
เป็นอันว่าการโยนหินถามทางในเรื่อง “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” เริ่มไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปตามคาดเสียแล้ว
คำถามจึงอยู่ที่ว่าแล้วกระทรวงการคลังจะหาเงินมาจากไหน จะหาเงินอย่างไร นอกเหนือ
ไปจากความคิดพื้นฐานว่าจะขึ้นภาษีเพื่อรีดเอาเงินจากประชาชน
เท่ากับเป็นการ “คืนความสุข” โดยการขึ้น “ภาษี” นั่นเอง
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE56WXlNakkxT1E9PQ==§ionid=
ตอบคุณ Identity Idea ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม .... อ่านบทวิเคราะห์ นี้ก็แล้วกัน .../sao..เหลือ..noi
หากถือว่า ถ้อยแถลงของ นายสมหมาย ภาษี ที่ว่าจะมีการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มอีก
ร้อยละ 1 ในตอนปลายปีงบประมาณ 2558
เป็นเสมือนกับ “การหยั่งเชิง” ทางสังคม
ก็ต้องยอมรับว่า การโยนหินถามทางโดย นายสมหมาย ภาษี ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
เป็นอย่างสูง
มี “ก้อนหิน” โยนกลับมาอย่างคึกคัก
ไม่ว่าจะมาจาก นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานหอการค้าไทย ไม่ว่าจะมาจาก
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะมาจาก
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย
เป็นการสะท้อนกลับด้วยน้ำเสียงเดียวกันและด้วยเหตุผลอันละม้ายและใกล้เคียงกันเป็น
อย่างยิ่งภายใต้บทสรุปสั้นกระชับว่า
ไม่เห็นด้วย ไม่เหมาะสม
หากสัมผัสกับเหตุผลซึ่งนักธุรกิจ นักอุตสาหกรรมและนักการธนาคารทั้ง 3 แสดงออก
เพื่อสื่อไปยังกระทรวงการคลัง
ฟังแล้วน่ากลัวเป็นอย่างมาก
1 ที่ไม่เห็นด้วยเพราะขณะนี้กำลังซื้อของคนไทยก็ต่ำอยู่แล้ว การปรับขึ้นก็จะยิ่งฉุด
กำลังซื้อให้ลดต่ำลง
1 เน้นอย่างหนักแน่นไปยัง “จีดีพี”
การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มฐานเศรษฐกิจของประเทศจะต้องแข็งแรงควรมีจีดีพีเติบโต
ร้อยละ 4 เป็นต้นไป แต่หากจีดีพียังอยู่ในระดับร้อยละ 1-2 เช่นปัจจุบัน ก็อาจไม่เหมาะสม
เท่ากับเป็นการคิดที่ไม่อยู่บนฐานของความเป็นจริง
ความเป็นจริงก็คือ เศรษฐกิจของประเทศไม่ดีนัก
จากการโยนหินถามทางในเรื่องควรจะปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ของรัฐมนตรีว่า
การกระทรวงการคลัง
ผลนำไปสู่การฉายภาพเศรษฐกิจที่เป็นจริงของประเทศออกมา
ที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ ความเชื่อมั่นที่ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะต้องดีและมี
การขยายตัวเติบใหญ่อย่างคึกคัก
ก็เริ่มไม่แน่ว่าจะเป็นไปเช่นนั้น
เรื่องเหล่านี้คนจากหอการค้าไทย คนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คนจาก
สมาคมธนาคารไทย ย่อมรู้ดี
รู้ดีกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วยซ้ำไป
เป็นอันว่าการโยนหินถามทางในเรื่อง “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” เริ่มไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปตามคาดเสียแล้ว
คำถามจึงอยู่ที่ว่าแล้วกระทรวงการคลังจะหาเงินมาจากไหน จะหาเงินอย่างไร นอกเหนือ
ไปจากความคิดพื้นฐานว่าจะขึ้นภาษีเพื่อรีดเอาเงินจากประชาชน
เท่ากับเป็นการ “คืนความสุข” โดยการขึ้น “ภาษี” นั่นเอง
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE56WXlNakkxT1E9PQ==§ionid=