“ไปมาหรือยัง? เวนิส” เคยถูกเพื่อนถามแบบนี้ ในใจก็แบบ เอะ อิตาลีนะหรอ โอ่ย ไม่มีปัญญาหรอก แต่พอเพื่อนบอกว่า อยู่ตรงรามอินทรา วัชรพลนี่เอง ก็แบบ อ๋ออออออออ ใกล้บ้านชั้นเลย พอรู้ว่าเป็นตลาดเปิดใหม่มีดนตรีสดจากนักร้องหลาย ๆ คนมาร้องให้ฟังฟรี ๆ วันเสาร์อาทิตย์นี่อิชั้นก็รีบถามพิกัดจากเพื่อนเลยค่ะว่าไปยังไง นางก็ส่งภาพมาให้ดูเส้นทาง
ขับรถไปไม่ยากนะ แปป ๆ ก็ถึง ใครกินข้าวนั่งเล่นเส้นรามอินทราบ่อย ๆ คงชินกับเส้นทางนี้ดี อาจจะมีติดขัดระหว่างทางเพราะรถเยอะไปหน่อย แย่งชิงกันสร้างแลนด์มาร์คทั่วไทยกันเต็มไปหมด
ตามชื่อ “Venice Di Iris” เลยค่ะ เมืองอิตาลีขนาดย่อม ๆ ถูกหย่อนวางอยู่ใจกลางกรุงเทพ เหมาะกับคนที่ชอบสร้างแลนด์มาร์คและอัพเดตสถานที่เช๊คอิน อัพไอจีเป็นที่สุด อ่อ่ ต้องบอกก่อนว่า “Venice Di Iris” เป็นเมืองใหม่ที่สร้างขึ้น โดยในโซนที่จะรีวิวให้ดูกันวันนี้ เป็นโซนตลาดขายของ ซึ่งในส่วนที่ไม่ได้รีวิวเป็นโซนอาคารพาณิชย์ที่ยังสร้างไม่เสร็จดูลาดเลาแล้วเราว่าสวยเชียวล่ะ คงต้องกลับมาอัพเดตอีกรอบ
โชคดีที่มาถึงไว มาได้ช่วงพระอาทิตย์กำลังตก แสงของฟ้าเลยมีสีส้มผสมอ่อน ๆ มองแล้วแอบรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งกายและสายตา แบบว่าอยู่ในกรุงแสงไฟฟ้ามากไป ไม่ค่อยได้สัมผัสอะไรแบบนี้มานานแล้ว คนก็ยังไม่เยอะมาก เพราะดึก ๆ คนค่อนข้างคึกคักกว่าเย็น ๆ มาถึงก่อนก็เลยได้เดินเพลิน ๆ ก่อนไม่หนาแน่นเบียดกับคนอื่นมาก
ความสวยงามของ “Venice Di Iris” คงเป็นสถาปัตยกรรมวินเทจแบบเวนิสอิตาลี ที่มีสีสันที่อดไม่ได้ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเก็บภาพลงแกลลอรี่เครื่องของตัวเอง และอัพลงไอจีโชว์ เพราะแบบจะแอบแอ๊บว่ามาอิตาลี ยังคิดเลยนะว่า อาจจะมีคนเชื่อก็ได้
นอกจากมีตึกสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีให้ถ่ายรูปแล้ว ยังมีมุมตกแต่งต่าง ๆ ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะมุมถ่ายรูปแบบหลอกตา ที่ยิ่งทำให้อินว่า นี่ชั้นอยู่อิตาลีแน่ ๆ
เท่าที่สังเกต นอกจากรถยนต์ที่ขับกันมา ก็จะมีจักรยานนี่ล่ะ เป็นพาหนะสุดฮิต ที่ปั่นมา เข็นเดินดูสินค้าที่ขายภายในตลาดได้แบบโครตกันเอง ทีมปั่นแถว ๆ รามอินทราก็คงมาแวะพักเหนื่อย ดื่มน้ำ กินขนม ชมดนตรีกันเป็นประจำแน่ ๆ
เพราะเพื่อนบอกให้รู้แล้วว่าศิลปินจะมาร้องเพลงให้ฟังฟรี ๆ ตอนทุ่มนึง ก็เลยไปถึงที่นั่นประมาณหกโมงนิด ๆ กะว่าไปแล้วจะได้จับจองที่หน้าเวทีได้พอดี ดูหน้าชัด ๆ วันนี้ที่ไปก็จะได้เจอกับ แม็กซ์ The Voice (จริง ๆ อยากไปดูน้อง วี นะ สงสัยได้มาอีกรอบ)
ก่อนไปกินอาหารตา ก็เลยมาหาอาหารปากรองท้อง เจอร้านดี ๆ ก็ขอแนะนำร้านอาหารที่อยากให้มาลองกันค่ะ ร้านแรก “ร้านส้มตำ หยุด จุดสกัดลาว” กลิ่นปลาร้าพุ่งเข้าจมูกตั้งแต่ยังเดินไม่ถึงจุดสกัด รสชาติแซ่บนัวถึงใจมาก ๆ ค่ะ
ร้านข้าง ๆ “พี่หนวดหน้าโหดแต่โครตใจดี” *แอบตั้งชื่อร้านให้ ขายข้าวทอดยำแหนม อร่อยมาก สั่งรสชาติเปรี้ยวหวานมันเค็มเผ็ดจัดไม่จัด ได้หมด และร้านลูกชิ้นแม่ค้ายิ้มหวาน ไม้ละสิบบาท โครตหร่อย แอบซื้อกลับบ้านด้วย
เอาล่ะ ได้อาหารปาก ก็มาต่อที่อาหารตา หน้าเวทีจะมีโต๊ะให้นั่งทานอาหารได้ค่ะ เราก็เลยเอามานั่งทานไป ดู แม๊กซ์ The Voice ไป อิ่มตาอิ่มกายสุด ๆ ค่ะ คนอะไรขาวจนอยากเอากลับบ้านไปใช้แทนหลอดไฟในห้องนอน
บันเทิงหู ระเริงตา สบายท้อง ก็เลยขอเดินย่อยดูของที่ขายในตลาด “Venice Di Iris” กันต่อ ของขายก็จะเน้นแฮนด์เมด ทำมือ หรือไม่ก็สินค้าไอเดียแปลก ๆ น่ารัก แฟชั่นเสิ้อผ้าจะวินเทจนิด ๆ ติดชิค ๆ เกร๋ ๆ บ้างบางร้าน ราคาก็ปกติอยู่นะ ไม่แพงเกินไป บางอย่างแอบถูกกว่า ลองพูด ๆ คุย ๆ กับพ่อค้าแม่ค้าดี ๆ ใจดีนะคะ ได้ลดเยอะแยะเลยล่ะ ขอรีวิวเบาเบาไว้ก่อน ครั้งหน้ามาใหม่คงได้ภาพสวย ๆ กว่านี้ พร้อมโซนพาณิชย์ของ “Venice Di Iris” ที่กำลังจะเสร็จในอนาคต เห็นแล้วอยากซื้อไว้ซักห้องเหมือนกันนะเนี่ย
“Venice Di Iris” แลนมาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุง
“ไปมาหรือยัง? เวนิส” เคยถูกเพื่อนถามแบบนี้ ในใจก็แบบ เอะ อิตาลีนะหรอ โอ่ย ไม่มีปัญญาหรอก แต่พอเพื่อนบอกว่า อยู่ตรงรามอินทรา วัชรพลนี่เอง ก็แบบ อ๋ออออออออ ใกล้บ้านชั้นเลย พอรู้ว่าเป็นตลาดเปิดใหม่มีดนตรีสดจากนักร้องหลาย ๆ คนมาร้องให้ฟังฟรี ๆ วันเสาร์อาทิตย์นี่อิชั้นก็รีบถามพิกัดจากเพื่อนเลยค่ะว่าไปยังไง นางก็ส่งภาพมาให้ดูเส้นทาง
ขับรถไปไม่ยากนะ แปป ๆ ก็ถึง ใครกินข้าวนั่งเล่นเส้นรามอินทราบ่อย ๆ คงชินกับเส้นทางนี้ดี อาจจะมีติดขัดระหว่างทางเพราะรถเยอะไปหน่อย แย่งชิงกันสร้างแลนด์มาร์คทั่วไทยกันเต็มไปหมด
ตามชื่อ “Venice Di Iris” เลยค่ะ เมืองอิตาลีขนาดย่อม ๆ ถูกหย่อนวางอยู่ใจกลางกรุงเทพ เหมาะกับคนที่ชอบสร้างแลนด์มาร์คและอัพเดตสถานที่เช๊คอิน อัพไอจีเป็นที่สุด อ่อ่ ต้องบอกก่อนว่า “Venice Di Iris” เป็นเมืองใหม่ที่สร้างขึ้น โดยในโซนที่จะรีวิวให้ดูกันวันนี้ เป็นโซนตลาดขายของ ซึ่งในส่วนที่ไม่ได้รีวิวเป็นโซนอาคารพาณิชย์ที่ยังสร้างไม่เสร็จดูลาดเลาแล้วเราว่าสวยเชียวล่ะ คงต้องกลับมาอัพเดตอีกรอบ
โชคดีที่มาถึงไว มาได้ช่วงพระอาทิตย์กำลังตก แสงของฟ้าเลยมีสีส้มผสมอ่อน ๆ มองแล้วแอบรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งกายและสายตา แบบว่าอยู่ในกรุงแสงไฟฟ้ามากไป ไม่ค่อยได้สัมผัสอะไรแบบนี้มานานแล้ว คนก็ยังไม่เยอะมาก เพราะดึก ๆ คนค่อนข้างคึกคักกว่าเย็น ๆ มาถึงก่อนก็เลยได้เดินเพลิน ๆ ก่อนไม่หนาแน่นเบียดกับคนอื่นมาก
ความสวยงามของ “Venice Di Iris” คงเป็นสถาปัตยกรรมวินเทจแบบเวนิสอิตาลี ที่มีสีสันที่อดไม่ได้ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเก็บภาพลงแกลลอรี่เครื่องของตัวเอง และอัพลงไอจีโชว์ เพราะแบบจะแอบแอ๊บว่ามาอิตาลี ยังคิดเลยนะว่า อาจจะมีคนเชื่อก็ได้
นอกจากมีตึกสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีให้ถ่ายรูปแล้ว ยังมีมุมตกแต่งต่าง ๆ ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะมุมถ่ายรูปแบบหลอกตา ที่ยิ่งทำให้อินว่า นี่ชั้นอยู่อิตาลีแน่ ๆ
เท่าที่สังเกต นอกจากรถยนต์ที่ขับกันมา ก็จะมีจักรยานนี่ล่ะ เป็นพาหนะสุดฮิต ที่ปั่นมา เข็นเดินดูสินค้าที่ขายภายในตลาดได้แบบโครตกันเอง ทีมปั่นแถว ๆ รามอินทราก็คงมาแวะพักเหนื่อย ดื่มน้ำ กินขนม ชมดนตรีกันเป็นประจำแน่ ๆ
เพราะเพื่อนบอกให้รู้แล้วว่าศิลปินจะมาร้องเพลงให้ฟังฟรี ๆ ตอนทุ่มนึง ก็เลยไปถึงที่นั่นประมาณหกโมงนิด ๆ กะว่าไปแล้วจะได้จับจองที่หน้าเวทีได้พอดี ดูหน้าชัด ๆ วันนี้ที่ไปก็จะได้เจอกับ แม็กซ์ The Voice (จริง ๆ อยากไปดูน้อง วี นะ สงสัยได้มาอีกรอบ)
ก่อนไปกินอาหารตา ก็เลยมาหาอาหารปากรองท้อง เจอร้านดี ๆ ก็ขอแนะนำร้านอาหารที่อยากให้มาลองกันค่ะ ร้านแรก “ร้านส้มตำ หยุด จุดสกัดลาว” กลิ่นปลาร้าพุ่งเข้าจมูกตั้งแต่ยังเดินไม่ถึงจุดสกัด รสชาติแซ่บนัวถึงใจมาก ๆ ค่ะ
ร้านข้าง ๆ “พี่หนวดหน้าโหดแต่โครตใจดี” *แอบตั้งชื่อร้านให้ ขายข้าวทอดยำแหนม อร่อยมาก สั่งรสชาติเปรี้ยวหวานมันเค็มเผ็ดจัดไม่จัด ได้หมด และร้านลูกชิ้นแม่ค้ายิ้มหวาน ไม้ละสิบบาท โครตหร่อย แอบซื้อกลับบ้านด้วย
เอาล่ะ ได้อาหารปาก ก็มาต่อที่อาหารตา หน้าเวทีจะมีโต๊ะให้นั่งทานอาหารได้ค่ะ เราก็เลยเอามานั่งทานไป ดู แม๊กซ์ The Voice ไป อิ่มตาอิ่มกายสุด ๆ ค่ะ คนอะไรขาวจนอยากเอากลับบ้านไปใช้แทนหลอดไฟในห้องนอน
บันเทิงหู ระเริงตา สบายท้อง ก็เลยขอเดินย่อยดูของที่ขายในตลาด “Venice Di Iris” กันต่อ ของขายก็จะเน้นแฮนด์เมด ทำมือ หรือไม่ก็สินค้าไอเดียแปลก ๆ น่ารัก แฟชั่นเสิ้อผ้าจะวินเทจนิด ๆ ติดชิค ๆ เกร๋ ๆ บ้างบางร้าน ราคาก็ปกติอยู่นะ ไม่แพงเกินไป บางอย่างแอบถูกกว่า ลองพูด ๆ คุย ๆ กับพ่อค้าแม่ค้าดี ๆ ใจดีนะคะ ได้ลดเยอะแยะเลยล่ะ ขอรีวิวเบาเบาไว้ก่อน ครั้งหน้ามาใหม่คงได้ภาพสวย ๆ กว่านี้ พร้อมโซนพาณิชย์ของ “Venice Di Iris” ที่กำลังจะเสร็จในอนาคต เห็นแล้วอยากซื้อไว้ซักห้องเหมือนกันนะเนี่ย