กินมะเฟืองให้ตัดสันขอบทิ้ง เพราะมีสารทำลายไตเกาะอยู่
หมายเหตุ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ากินมาก/กินบ่อย
ถ้าดื่มนม 1 แก้ว ให้ดื่มน้ำตาม 1 แก้ว เนื่องจากนมเป็นโปรตีนที่ย่อยยาก
วิตามินซีในผลมะเฟืองและมะขามป้อมมีคุณภาพสูง แม้ทิ้งไว้ 2-3 วัน ก็ยังไม่เสื่อม แต่วิตามินซีในผลไม้อื่นจะเสื่อมไปอย่างรวดเร็วเมื่อปล่อยทิ้งไว้
ถั่วฝักยาวที่เมล็ดวางเรียงกันห่าง ๆ นั่นแสดงว่า ชาวสวนฉีดสารเคมี อย่าซื้อ นอกจากนั้น ให้เลี่ยงกินผักอายุสั่นที่ใช้เวลาปลูกในระยะสั้น
เช่น ผักบุ้งจีน ต้นหอมผักชี ฉีดยากระหน่ำครับ
กินยาแก้ไมเกรนเป็นประจำต่อเนื่องนาน ๆ อาจทำให้มดลูกโต ตับอักเสบในชาย ผู้หญิงเกิดช็อกโกแลตซีสต์ที่ผนังมดลูก อาจพัฒนาต่อเป็นมะเร็ง
ผู้หญิงที่มีประจำเดือนทั้งหลาย ควรรู้เอาไว้ด้วยว่า ที่เต้านมของท่านนั้นมีท่อนมและต่อมเหงื่อ ทั้งหมดนี้ไหลไปในท่ออันเดียวกัน ขณะกำลังมีรอบเดือนแต่ละเดือนเต้านมของท่านจะ "คัด" หรือ "แน่นตึง/บีบรัด ถือเป็นกระบวนการขับของเสียออกจากร่างกายของผู้หญิง แนะนำให้งดออกกำลังกายช่วงนี้เพื่อไม่ให้เหงื่อและน้ำนมผสมจับตัวเป็นก้อน เพราะอาจก่อให้เกิดเป็นก้อนมะเร็งเต้านมได้
ควรกินขมิ้นในรูปแบบอาหารที่เป็นของร้อน คนสมัยก่อนใช้ขมิ้นชันสมานลำไส้และกระเพาะอาหาร เขานำขมิ้นมาตากแดด เมื่อแห้งจึงนำมาบดเป็นผงนำไปใช้งาน แต่ปัจจุบันใช้วิธีอบด้วยเตาอบ/ตู้อบที่มีอุณหภูมิสูง ทำให้ยางในเปลือกขมิ้นกลายสภาพเป็นยางเหนียว สุดท้ายแห้งและถูกบดไปในที่สุด เมื่อนำมากินจะเป็นอันตรายต่อลำไส้เพราะยางเหนียวที่ว่านี้ไปเกาะที่ผนังลำไส้ นานไปทำให้ลำไส้อุดตัน และหากกินนานต่อเนื่องเป็นปีพบว่ามีอาการตัวเหลืองถึงขั้นตับวายเลยทีเดียว
ผู้ที่กินยาลดความอ้วน แม้ผอมลงก็จริง แต่ผลทางลบคือ มวลกระดูกลดลงอย่างมาก หรือผู้ที่กินยาลดคลอเลสเตอรอล แต่สิ่งที่แถมมาคือ
กระดูกบางลง อีกทั้งไขมันไปพอกที่ตับเต็มไปหมด หรือผู้ที่กินยาแก้แพ้อากาศ/ยาภูมิแพ้ เป็นประจำนานต่อเนื่อง นานหลายปี แต่ได้สิ่งที่แถมมาคือ ก้านสมองแห้ง ส่งผลให้ความจำเสื่อม
ใช้ยาหยอดตาบางชนิดบางยี่ห้อ อาจทำให้ "นอนไหลตาย" ถ้าผู้ใช้หยอดตา over dose
ขอย้ำและให้ขีดเส้นใต้ไว้ ณ ที่นี้ด้วยว่า ยาหยอดตาใดที่ฉลากยาหรือที่แพทย์สั่งให้หยอดยาตาม dose ก็ให้ทำตามนั้น ท่านอย่าทำมากกว่าที่กำหนด
แต่ถ้าเขียนไว้ว่า "หยอดตาได้บ่อย ๆ " อันนี้ทำได้
แต่ถ้าไม่เขียนว่าหยอดได้บ่อย ๆ คุณอย่าทำบ่อย ๆ ด้วยอยากจะให้หายเจ็บตา ในยาหยอดตาบางชนิดบางยี่ห้อมีตัวยาที่เป็นสารเคมี ที่มีผลร้ายแรงต่อระบบการทำงานของหัวใจ ท่านเชื่อหรือไม่ว่า ไม่มีแพทย์คนใดกล้าพูดเรื่องนี้ มีเพียงหมอบุณย์คนเดียวที่กล้าพูด แพทย์ส่วนใหญ่ไม่เคยอธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงอันตราย บอกแต่เพียงว่า
"หยอดตาเช้าเย็น" แต่หากแพทย์อธิบายผู้ป่วยสักนิด ผู้ป่วยก็จะ ระแวดระวัง ไม่หยอดตามั่ว..
ทุกวันที่ตื่นนอนตอนเช้าแต่กลับใช้ชีวิตให้ตายเร็ว :
แหกขี้ตาตื่นนอนตอนเช้าแต่ละวัน ชงกาแฟดื่มแทนอาหารเช้าทุกวัน ดื่มกาแฟตอนเช้าไม่ดี เพราะจะทำให้ก้านสมองแห้ง ส่งผลให้การสื่อสารของกระแสประสาทสั่งงานผิดปกติ หัวใจทำงานหนัก ในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูงยิ่งขึ้น นานวันอาจทำให้กระเพาะอาหารทะลุได้
แต่การดื่มกาแฟหลังอาหารเช้า/เที่ยง พอมีประโยชน์ ถือว่าเป็นการดื่มกาแฟถูกที่ถูกเวลา การดื่มกาแฟหลังอาหารเป็นการช่วยย่อยอาหารได้ทางหนึ่ง ฤทธิ์ของคาเฟอีนในกาแฟไปกระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดโลหิตได้เพิ่มขึ้น ช่วยทำให้โลหิตไปเลี้ยงกระเพาะอาหารได้มากขึ้น จึงช่วยให้กระบวนการย่อยอาหารเป็นไปด้วยดียิ่งขึ้น
กินปาท่องโก๋ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ เพราะทอดในน้ำมันร้อน เกิดสารก่อตัวของเมลามีน สะสมในร่างกายมากเข้าทำให้เป็นนิ่วในไต
ไตวายเฉียบพลันอีกทั้งทำลายระบบสืบพันธุ์ ผิวพรรณหยาบด่างดำ
เชื่อหรือไม่ว่า นมข้นหวานมีขายที่เมืองไทยชาติเดียวในโลก แล้วก็แพร่กระจายไปยังประเทศข้างเคียง
ขอเรียนว่านมข้นหวานไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลยสักนิด แถมไม่ใช่อาหารที่ทำมาจากนมตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน
แต่ส่วนประกอบหลักคิอน้ำมันพืช ผสมน้ำตาลทราย นมข้นหวานจึงอุดมไปด้วยน้ำตาลและไขมัน ซึ่งเป็นสารอาหารที่เกือบไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลย
อีกทั้งเป็นต้นตอของโรคภัยอื่นตามมาอีกมาก
ต้นเหตุไมเกรน เริ่มจากตึงที่คอ บ่าไหล่ เกิดจากเลือดไหลไปเลี้ยงสมองไม่สะดวก นอนหมอนสูงไป
นอนดูทีวี นั่งเอนๆ ไหลๆ นั่งทำงานแต่ละวันต่อเนื่องโดยไม่ผ่อนคลายฯลฯ ควรลุกจากเก้าอี้อย่างน้อยทุก 2 ช.ม.
ไม่ว่าจะนั่งนอนยืนเดิน จงรักษาแกนกลางร่างกายให้อยู่ในแนวเดียวกัน กล้ามเนื้อทำให้กระดูกป่วย ตัวกระดูกป่วยเองไม่ได้
เมื่อกระดูกป่วยก็จะโยงไปถึงระบบประสาท เพราะเส้นประสาทถูกกระดูกและหมอนรองกระดูกกระทบกระทั่ง สุดท้ายทำให้ปวดโน่นปวดนี่
สรุป อย่านอนหมอนสูง อย่านั่งนอนเก้าอี้โยก เก้าอี้ผ้าใบ เปลญวน และอย่านอนดูทีวี การทำเช่นนี้ถือว่าท่าน "หักคอตัวเอง" เมื่อก้นย้อยคอก็เลยหักกลับ
เป็นเหตุให้กระดูก/หมอนรองกระดูกไปกระทบกระทั่งเส้นประสาท ทำให้ปวดเอวไหล่บ่าคอฯ
นอนก่อโรค:
ใช้หมอนสูงหนุนศีรษะถือว่า "นอนหักคอตัวเอง" หมอนสุขภาพไม่มีในโลก อย่าหลงเชื่อซื้อมาใช้ เหตุเมื่อเรานอนหลับร่างกายเราจะพลิกท่านอนไปทางไหนก็ได้ เราหลับเราไม่รู้ หมอนประเภทนี้จะล็อคคอไว้ ใช้ไปนานๆ จะทำให้กระดูกต้นคอเสียสมดุล หมอนที่ดีต้องไม่นิ่มเกินไป ไม่เช่นนั้นศีรษะจะฝังตัว หรือไม่แข็งเกินไป การนอนบนที่นอนนิ่มมากไปก็ไม่ดี ก้นจะพากระดูกยุบตัว กระดูกจะเสียสมดุล แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำตัวสุดโต่งโดยหันไปนอนบนกระดานแข็งแทน อันนี้ถือว่าทำตัวตึงไป
ผู้ที่ชอบนอนตะแคงหากนอนไม่เป็นจะทำให้เกิดเจ็บป่วยได้ เช่น นอนตะแคงซ้าย ถ้าท่านเป็นผู้ที่เอวหนาร่างใหญ่ พบว่าเข่าด้านบนหรือเข่าด้านขวาแทงเป็นหัวลูกศรลงไป เป็นเหตุทำให้ดึงสะโพก ถ้านอนเช่นนี้นานๆ เป็นนิสัยจะส่งผลให้เจ็บที่ใต้ราวนม หายใจไม่ค่อยออกเพราะช่วงลำตัวบิดอันเนื่องจากน้ำหนักและขนาดลำตัวที่มากนั่นเอง
การนอนด้วยท่าใดติดต่อกันนานๆ
ทั้งคืนถือว่านอนก่อโรคเช่นกัน สังเกตไหมวันใดที่ท่านเพลียเหนื่อยมาก ท่านมักนอนด้วยท่าเดียวท่านั้นนานๆ ไปทั้งคืน แต่ถ้าร่างกายไม่เพลียก็มักเปลี่ยนท่านอนได้บ่อยหลายท่า ท่านอนที่ดีช่วยให้ร่างกายรับอากาศเต็มที่ ตื่นมาสดชื่น
การจะหายใจนำอากาศให้เข้าสู่ปอดเต็มทั้ง 5 พู (ปอดด้านซ้ายมี 3 พู ด้านขวามี 2 พู รวม 5 พู)
ปอดพูสุดท้ายของด้านซ้ายลึกลงไปสุด (พูที่ 3) น้อยมากที่เราหายใจลงไปถึงพูนี้ (ถ้าท่านไม่ค่อยออกกำลังกายหรือไม่เล่นกีฬา) นี่แหละที่
เขาเรียกกันว่า "หายใจไม่ทั่วปอด"
หรือ "หายใจไม่อิ่ม" เมื่อตื่นขึ่นมาก็จะไม่สดชื่น ง่วงนอนตอนสายๆ
ท่านใดที่กินมะรุมแคปซูลนานต่อเนื่อง 3 เดือน ให้พบแพทย์ตรวจตับ ตับอาจทำงานผิดปกติหรืออักเสบ การหลั่งเอนไซม์ของตับมีปัญหา คนเราเชื่อตามกระแส เชื่อสนิทใจว่า "ดี" ไม่ว่าจะเป็นมะรุมแคปซูล มะระขี้นกแคปซูล และสารพัดสมุนไพรอัดแคปซูล ไม่มีประโยชน์สักนิดเดียวครับ ดีไม่ดีมีสารปนเปื้อน กลายเป็นว่า "กินมะรุม แถมมะเร็ง" ขอเรียนให้ทราบว่า สมุนไพรเดี่ยวไม่มีผลในการรักษา อีกทั้ง มะรุมไม่เคยปรากฏในตำราแพทย์แผนไทยมาก่อน หรืออาจกล่าวได้ว่า มะรุมเพียว ๆ ไม่มีสรรพคุณทางยา สมุนไพรเดี่ยวรักษาโรคไม่ได้ แต่ถ้ากินเพื่อป้องกัน/รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้นั้น
จำต้องผ่านกระบวนการปรุงตามหลักเภสัชกรรมจากผู้รู้เสียก่อน ไม่ใช่นำมาบดอัดใส่แคปซูลนำออกขายแล้วกินกันไป เราควรกินอาหารเป็นยา เช่น แกงส้มปลาช่อนมะรุม
แต่ไม่ใช่กินสมุนไพรเดี่ยวแคปซูลดังที่กล่าว ซึ่งไม่ต่างจากกินขี้เลื่อยครับ
บางส่วนจากหนังสือ ใช้ร่างกายให้ตายเร็วถ้าอยากตายเร็วทำอย่างนี้สิ
โดย แพทย์แผนไทยบุณยพร ยี่มี
(หมอบุณย์)
รางวัลระดับโลก :
รางวัล the best Inventor
จากองค์กรทรัพย์สินทางปัญญา ทบวงชำนัญการพิเศษ องค์การสหประชาชาติ และจากรัสเซีย
ปี 2552
รางวัล Gold Prize
จากเกาหลีใต้ ปี 2552
รางวัล Gold Medal
จากสวิสเซอร์แลนด์ และจากคูเวต
ปี 2554
บันทึกน่ารู้จากหมอบุณย์
หมายเหตุ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ากินมาก/กินบ่อย
ถ้าดื่มนม 1 แก้ว ให้ดื่มน้ำตาม 1 แก้ว เนื่องจากนมเป็นโปรตีนที่ย่อยยาก
วิตามินซีในผลมะเฟืองและมะขามป้อมมีคุณภาพสูง แม้ทิ้งไว้ 2-3 วัน ก็ยังไม่เสื่อม แต่วิตามินซีในผลไม้อื่นจะเสื่อมไปอย่างรวดเร็วเมื่อปล่อยทิ้งไว้
ถั่วฝักยาวที่เมล็ดวางเรียงกันห่าง ๆ นั่นแสดงว่า ชาวสวนฉีดสารเคมี อย่าซื้อ นอกจากนั้น ให้เลี่ยงกินผักอายุสั่นที่ใช้เวลาปลูกในระยะสั้น
เช่น ผักบุ้งจีน ต้นหอมผักชี ฉีดยากระหน่ำครับ
กินยาแก้ไมเกรนเป็นประจำต่อเนื่องนาน ๆ อาจทำให้มดลูกโต ตับอักเสบในชาย ผู้หญิงเกิดช็อกโกแลตซีสต์ที่ผนังมดลูก อาจพัฒนาต่อเป็นมะเร็ง
ผู้หญิงที่มีประจำเดือนทั้งหลาย ควรรู้เอาไว้ด้วยว่า ที่เต้านมของท่านนั้นมีท่อนมและต่อมเหงื่อ ทั้งหมดนี้ไหลไปในท่ออันเดียวกัน ขณะกำลังมีรอบเดือนแต่ละเดือนเต้านมของท่านจะ "คัด" หรือ "แน่นตึง/บีบรัด ถือเป็นกระบวนการขับของเสียออกจากร่างกายของผู้หญิง แนะนำให้งดออกกำลังกายช่วงนี้เพื่อไม่ให้เหงื่อและน้ำนมผสมจับตัวเป็นก้อน เพราะอาจก่อให้เกิดเป็นก้อนมะเร็งเต้านมได้
ควรกินขมิ้นในรูปแบบอาหารที่เป็นของร้อน คนสมัยก่อนใช้ขมิ้นชันสมานลำไส้และกระเพาะอาหาร เขานำขมิ้นมาตากแดด เมื่อแห้งจึงนำมาบดเป็นผงนำไปใช้งาน แต่ปัจจุบันใช้วิธีอบด้วยเตาอบ/ตู้อบที่มีอุณหภูมิสูง ทำให้ยางในเปลือกขมิ้นกลายสภาพเป็นยางเหนียว สุดท้ายแห้งและถูกบดไปในที่สุด เมื่อนำมากินจะเป็นอันตรายต่อลำไส้เพราะยางเหนียวที่ว่านี้ไปเกาะที่ผนังลำไส้ นานไปทำให้ลำไส้อุดตัน และหากกินนานต่อเนื่องเป็นปีพบว่ามีอาการตัวเหลืองถึงขั้นตับวายเลยทีเดียว
ผู้ที่กินยาลดความอ้วน แม้ผอมลงก็จริง แต่ผลทางลบคือ มวลกระดูกลดลงอย่างมาก หรือผู้ที่กินยาลดคลอเลสเตอรอล แต่สิ่งที่แถมมาคือ
กระดูกบางลง อีกทั้งไขมันไปพอกที่ตับเต็มไปหมด หรือผู้ที่กินยาแก้แพ้อากาศ/ยาภูมิแพ้ เป็นประจำนานต่อเนื่อง นานหลายปี แต่ได้สิ่งที่แถมมาคือ ก้านสมองแห้ง ส่งผลให้ความจำเสื่อม
ใช้ยาหยอดตาบางชนิดบางยี่ห้อ อาจทำให้ "นอนไหลตาย" ถ้าผู้ใช้หยอดตา over dose
ขอย้ำและให้ขีดเส้นใต้ไว้ ณ ที่นี้ด้วยว่า ยาหยอดตาใดที่ฉลากยาหรือที่แพทย์สั่งให้หยอดยาตาม dose ก็ให้ทำตามนั้น ท่านอย่าทำมากกว่าที่กำหนด
แต่ถ้าเขียนไว้ว่า "หยอดตาได้บ่อย ๆ " อันนี้ทำได้
แต่ถ้าไม่เขียนว่าหยอดได้บ่อย ๆ คุณอย่าทำบ่อย ๆ ด้วยอยากจะให้หายเจ็บตา ในยาหยอดตาบางชนิดบางยี่ห้อมีตัวยาที่เป็นสารเคมี ที่มีผลร้ายแรงต่อระบบการทำงานของหัวใจ ท่านเชื่อหรือไม่ว่า ไม่มีแพทย์คนใดกล้าพูดเรื่องนี้ มีเพียงหมอบุณย์คนเดียวที่กล้าพูด แพทย์ส่วนใหญ่ไม่เคยอธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงอันตราย บอกแต่เพียงว่า
"หยอดตาเช้าเย็น" แต่หากแพทย์อธิบายผู้ป่วยสักนิด ผู้ป่วยก็จะ ระแวดระวัง ไม่หยอดตามั่ว..
ทุกวันที่ตื่นนอนตอนเช้าแต่กลับใช้ชีวิตให้ตายเร็ว :
แหกขี้ตาตื่นนอนตอนเช้าแต่ละวัน ชงกาแฟดื่มแทนอาหารเช้าทุกวัน ดื่มกาแฟตอนเช้าไม่ดี เพราะจะทำให้ก้านสมองแห้ง ส่งผลให้การสื่อสารของกระแสประสาทสั่งงานผิดปกติ หัวใจทำงานหนัก ในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูงยิ่งขึ้น นานวันอาจทำให้กระเพาะอาหารทะลุได้
แต่การดื่มกาแฟหลังอาหารเช้า/เที่ยง พอมีประโยชน์ ถือว่าเป็นการดื่มกาแฟถูกที่ถูกเวลา การดื่มกาแฟหลังอาหารเป็นการช่วยย่อยอาหารได้ทางหนึ่ง ฤทธิ์ของคาเฟอีนในกาแฟไปกระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดโลหิตได้เพิ่มขึ้น ช่วยทำให้โลหิตไปเลี้ยงกระเพาะอาหารได้มากขึ้น จึงช่วยให้กระบวนการย่อยอาหารเป็นไปด้วยดียิ่งขึ้น
กินปาท่องโก๋ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ เพราะทอดในน้ำมันร้อน เกิดสารก่อตัวของเมลามีน สะสมในร่างกายมากเข้าทำให้เป็นนิ่วในไต
ไตวายเฉียบพลันอีกทั้งทำลายระบบสืบพันธุ์ ผิวพรรณหยาบด่างดำ
เชื่อหรือไม่ว่า นมข้นหวานมีขายที่เมืองไทยชาติเดียวในโลก แล้วก็แพร่กระจายไปยังประเทศข้างเคียง
ขอเรียนว่านมข้นหวานไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลยสักนิด แถมไม่ใช่อาหารที่ทำมาจากนมตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน
แต่ส่วนประกอบหลักคิอน้ำมันพืช ผสมน้ำตาลทราย นมข้นหวานจึงอุดมไปด้วยน้ำตาลและไขมัน ซึ่งเป็นสารอาหารที่เกือบไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลย
อีกทั้งเป็นต้นตอของโรคภัยอื่นตามมาอีกมาก
ต้นเหตุไมเกรน เริ่มจากตึงที่คอ บ่าไหล่ เกิดจากเลือดไหลไปเลี้ยงสมองไม่สะดวก นอนหมอนสูงไป
นอนดูทีวี นั่งเอนๆ ไหลๆ นั่งทำงานแต่ละวันต่อเนื่องโดยไม่ผ่อนคลายฯลฯ ควรลุกจากเก้าอี้อย่างน้อยทุก 2 ช.ม.
ไม่ว่าจะนั่งนอนยืนเดิน จงรักษาแกนกลางร่างกายให้อยู่ในแนวเดียวกัน กล้ามเนื้อทำให้กระดูกป่วย ตัวกระดูกป่วยเองไม่ได้
เมื่อกระดูกป่วยก็จะโยงไปถึงระบบประสาท เพราะเส้นประสาทถูกกระดูกและหมอนรองกระดูกกระทบกระทั่ง สุดท้ายทำให้ปวดโน่นปวดนี่
สรุป อย่านอนหมอนสูง อย่านั่งนอนเก้าอี้โยก เก้าอี้ผ้าใบ เปลญวน และอย่านอนดูทีวี การทำเช่นนี้ถือว่าท่าน "หักคอตัวเอง" เมื่อก้นย้อยคอก็เลยหักกลับ
เป็นเหตุให้กระดูก/หมอนรองกระดูกไปกระทบกระทั่งเส้นประสาท ทำให้ปวดเอวไหล่บ่าคอฯ
นอนก่อโรค:
ใช้หมอนสูงหนุนศีรษะถือว่า "นอนหักคอตัวเอง" หมอนสุขภาพไม่มีในโลก อย่าหลงเชื่อซื้อมาใช้ เหตุเมื่อเรานอนหลับร่างกายเราจะพลิกท่านอนไปทางไหนก็ได้ เราหลับเราไม่รู้ หมอนประเภทนี้จะล็อคคอไว้ ใช้ไปนานๆ จะทำให้กระดูกต้นคอเสียสมดุล หมอนที่ดีต้องไม่นิ่มเกินไป ไม่เช่นนั้นศีรษะจะฝังตัว หรือไม่แข็งเกินไป การนอนบนที่นอนนิ่มมากไปก็ไม่ดี ก้นจะพากระดูกยุบตัว กระดูกจะเสียสมดุล แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำตัวสุดโต่งโดยหันไปนอนบนกระดานแข็งแทน อันนี้ถือว่าทำตัวตึงไป
ผู้ที่ชอบนอนตะแคงหากนอนไม่เป็นจะทำให้เกิดเจ็บป่วยได้ เช่น นอนตะแคงซ้าย ถ้าท่านเป็นผู้ที่เอวหนาร่างใหญ่ พบว่าเข่าด้านบนหรือเข่าด้านขวาแทงเป็นหัวลูกศรลงไป เป็นเหตุทำให้ดึงสะโพก ถ้านอนเช่นนี้นานๆ เป็นนิสัยจะส่งผลให้เจ็บที่ใต้ราวนม หายใจไม่ค่อยออกเพราะช่วงลำตัวบิดอันเนื่องจากน้ำหนักและขนาดลำตัวที่มากนั่นเอง
การนอนด้วยท่าใดติดต่อกันนานๆ
ทั้งคืนถือว่านอนก่อโรคเช่นกัน สังเกตไหมวันใดที่ท่านเพลียเหนื่อยมาก ท่านมักนอนด้วยท่าเดียวท่านั้นนานๆ ไปทั้งคืน แต่ถ้าร่างกายไม่เพลียก็มักเปลี่ยนท่านอนได้บ่อยหลายท่า ท่านอนที่ดีช่วยให้ร่างกายรับอากาศเต็มที่ ตื่นมาสดชื่น
การจะหายใจนำอากาศให้เข้าสู่ปอดเต็มทั้ง 5 พู (ปอดด้านซ้ายมี 3 พู ด้านขวามี 2 พู รวม 5 พู)
ปอดพูสุดท้ายของด้านซ้ายลึกลงไปสุด (พูที่ 3) น้อยมากที่เราหายใจลงไปถึงพูนี้ (ถ้าท่านไม่ค่อยออกกำลังกายหรือไม่เล่นกีฬา) นี่แหละที่
เขาเรียกกันว่า "หายใจไม่ทั่วปอด"
หรือ "หายใจไม่อิ่ม" เมื่อตื่นขึ่นมาก็จะไม่สดชื่น ง่วงนอนตอนสายๆ
ท่านใดที่กินมะรุมแคปซูลนานต่อเนื่อง 3 เดือน ให้พบแพทย์ตรวจตับ ตับอาจทำงานผิดปกติหรืออักเสบ การหลั่งเอนไซม์ของตับมีปัญหา คนเราเชื่อตามกระแส เชื่อสนิทใจว่า "ดี" ไม่ว่าจะเป็นมะรุมแคปซูล มะระขี้นกแคปซูล และสารพัดสมุนไพรอัดแคปซูล ไม่มีประโยชน์สักนิดเดียวครับ ดีไม่ดีมีสารปนเปื้อน กลายเป็นว่า "กินมะรุม แถมมะเร็ง" ขอเรียนให้ทราบว่า สมุนไพรเดี่ยวไม่มีผลในการรักษา อีกทั้ง มะรุมไม่เคยปรากฏในตำราแพทย์แผนไทยมาก่อน หรืออาจกล่าวได้ว่า มะรุมเพียว ๆ ไม่มีสรรพคุณทางยา สมุนไพรเดี่ยวรักษาโรคไม่ได้ แต่ถ้ากินเพื่อป้องกัน/รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้นั้น
จำต้องผ่านกระบวนการปรุงตามหลักเภสัชกรรมจากผู้รู้เสียก่อน ไม่ใช่นำมาบดอัดใส่แคปซูลนำออกขายแล้วกินกันไป เราควรกินอาหารเป็นยา เช่น แกงส้มปลาช่อนมะรุม
แต่ไม่ใช่กินสมุนไพรเดี่ยวแคปซูลดังที่กล่าว ซึ่งไม่ต่างจากกินขี้เลื่อยครับ
บางส่วนจากหนังสือ ใช้ร่างกายให้ตายเร็วถ้าอยากตายเร็วทำอย่างนี้สิ
โดย แพทย์แผนไทยบุณยพร ยี่มี
(หมอบุณย์)
รางวัลระดับโลก :
รางวัล the best Inventor
จากองค์กรทรัพย์สินทางปัญญา ทบวงชำนัญการพิเศษ องค์การสหประชาชาติ และจากรัสเซีย
ปี 2552
รางวัล Gold Prize
จากเกาหลีใต้ ปี 2552
รางวัล Gold Medal
จากสวิสเซอร์แลนด์ และจากคูเวต
ปี 2554