ดูรายการหนังพาไป ตอนล่าสุด ทำให้สนใจเรื่องเกี่ยวกับ ทิเบต ขึ้นมาในทันใดเลยไปหาบทความต่างๆ อ่านดู ก็น่าสงสารเหมือนกันนะ ตอนแรกคิดว่า ชาวทิเบตคงยอมรับการมาของจีนแต่อย่างไรก็ตาม คนชาติไหนก็ย่อมอยากมีอิสระบนชาติของตัวเอง
วันนี้เลยไปหาข้อมูลระหว่าง ทิเบตกับจีน มาแชร์ให้เพื่อนๆ เพื่อไว้เป็นข้อมูล อาจจะไม่ได้สำคัญกับชีวิตพวกเราเท่าไหร่ แต่ก็ "รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม"
เขตปกครองตนเองทิเบตหรือธิเบต เป็นเขตปกครองตนเองของประเทศจีน มีเชื้อสายมาจากชาวอินเดีย ชาวทิเบต มีพระเป็นผู้นำของเขตปกครองพิเศษนี้นับถือศาสนาพุทธนิกายวัชรยาน คล้ายกับประเทศภูฏาน ทิเบตตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย เป็นที่ราบสูงที่สูงที่สุดในโลก จนได้รับฉายาว่า หลังคาโลก ทิเบตมีอากาศที่หนาวเย็นมากและมีความกดอากาศและอ๊อกซิเจนที่ต่ำ ฉะนั้นผู้ที่จะมาในทิเบตจะต้องปรับสภาพร่างกายก่อน และด้วยเหตุนี้ประชากรที่อาศัยอยู่ในทิเบตจึงน้อย
พลเมืองชายของทิเบตกว่าครึ่งบวชเป็นพระ ก่อนจีนจะยึดครองทิเบต ทิเบตมีสามเณริกามากที่สุดในโลก ในทิเบตเคยมีคัมภีร์มากมาย พลเมืองนับถือศาสนาอย่างเคร่งครัด จนได้รับฉายาว่า "แดนแห่งพระธรรม" (land of dharma) ทิเบตมีเมืองหลวงชื่อ ลาซา
พระพุทธศาสนาแบบทิเบต คือพุทธศาสนาแบบหนึ่งซึ่งถือปฏิบัติในทิเบต และปัจจุบันได้แพร่หลายไปในหลายประเทศ ดินแดนทิเบตในอดีตมีความรุ่งเรืองทางพุทธศาสนามาก พุทธศาสนาแบบทิเบตมีเอกลักษณ์เฉพาะคือเป็นการผสมผสานระหว่างพุทธศาสนานิกายมหายานทั้งจากอินเดียและจีน ได้รับอิทธิพลจากพุทธศานานิกายตันตระของอินเดีย จนเกิดเป็นนิกายวัชรยานขึ้น ประชาชนใฝ่ธรรมะ เมื่อมีงานบุญ ประชาชนจะเดินทางไปแสวงบุญแม้จะไกลสักเพียงใด ซึ่งปัจจุบันก็มีให้เห็นอยู่มากมาย แต่เมื่อตกอยู่ในการปกครองของจีนวัดนับพันแห่งทั่วนครลาซา เหลือไม่ถึงหนึ่งร้อยแห่งในปัจจุบัน จนแทบไม่เหลือความเจริญรุ่งเรืองในอดีต
พุทธศาสนาแบบทิเบตจะมีการศึกษาแบ่งเป็น 3 ระดับ คือระดับต้นจะศึกษาเถรวาท ระดับกลางศึกษามหายาน และระดับสูงศึกษาวัชรยานและมนตรยาน ภิกษุถือปาติโมกข์ตามนิกายมูลสรวาสติวาท มีสิกขาบท 253 ข้อ มีความเชื่อเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าต่างจากนิกายเถรวาทคือ นับถือพระธยานิพุทธะ 5 พระองค์ ได้แก่ พระไวโรจนะพุทธะ พระอักโษภยะพุทธะ พระอมิตาภะพุทธะ พระอโมฆสิทธิพุทธะ และพระรัตนสัมภวะพุทธะ นอกจากนี้ยังนับถือพระโพธิสัตว์อีกหลายพระองค์ เช่น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์และพระชายาคือพระนางตารา พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ และพระวัชรปาณิโพธิสัตว์ เป็นต้น
ลักษณะเด่นอื่นๆของพุทธศาสนาแบบทิเบตได้แก่ ลามะ ตรรกวิภาษ และการปฏิบัติแบบตันตระ
ลามะ เป็นคำนำหน้าชื่อ สำหรับพระภิกษุชาวทิเบต มีความหมายคล้ายกับคำในภาษาสันสกฤตว่า คุรุ ในอดีตคำนี้ใช้สำหรับ อาจารย์ผู้ที่น่านับถือในทางจิตวิญญาณหรือหัวหน้าของพระราชวงศ์ในทิเบต ปัจจุบันใช้กับพระภิกษุ แม่ชี หรือ ผู้ที่ได้ฝึกฝนจิตใจจนบรรลุการยกระดับทางจิตวิญญาณแล้ว ยังใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อ เช่น องค์ดาไลลามะ ปันเชินลามะ อันเกี่ยวเนื่องกับการกลับชาติมาโปรด ในนิกายวัชรยาน ลามะหมายถึงผู้ฝึกและผู้เชี่ยวชาญในการปฏิบัติ ผู้ปรารถนาความสำเร็จในการฝึกฝนพุทธโยคี หรือผู้เชี่ยวชาญและได้ฝึกฝนการใช้วิธีทางโยคะ โดยทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติและมุ่งเน้นไปในการปฏิบัติ ซึ่งมีความหมายแตกต่างจากคำว่า คุรุ ที่มุ่งไปทางการศึกษา
ทะไลลามะ เป็นตำแหน่งประมุขหัวหน้าคณะสงฆ์ในพุทธศาสนานิกายมหายานแบบทิเบตเกลุก (นิกายหมวกเหลือง) เป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณสูงสุดของชาวทิเบต ทะไลลามะ มาจากภาษามองโกเลีย dalai แปลว่า มหาสมุทร และ ภาษาทิเบต bla-ma แปลว่า พระชั้นสูง
ตามประวัติศาสตร์ของทิเบต เชื่อว่าองค์ทะไลลามะเป็นอวตารในร่างมนุษย์ของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ และเมื่อองค์ทะไลลามะองค์หนึ่งสิ้นพระชนม์ไป จะกลับชาติมาประสูติใหม่เป็นองค์ทะไลลามะองค์ต่อไป โดยเรทิงรินโปเช ซึ่งเป็นพระสงฆ์ระดับรองลงมาจะเป็นผู้ใช้นิมิตสรรหาเด็กคนที่เชื่อว่าเป็นทะไลลามะกลับชาติมาเกิด
ทะไลลามะองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 14 คือ ท่านเทนซิน กยัตโส ได้ลี้ภัยไปที่ ธรรมศาลา เชิงเขาหิมาลัย รัฐหิมาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย และจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นของทิเบตที่นี่ ต่อมาก็เป็นศูนย์รวมใจชาวทิเบตในต่างแดน ชาวทิเบตในจีน ช่วงแรกทำถนนทำให้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศ จนบางคนเป็นวัณโรค บาคนเป็นโรคทางเดินหายใจ ต่อมาก็มาค้าขายเสื้อผ้าที่อินเดีย และได้ขยายไปตั้งนิคมอยู่ที่รัฐมิโซรัม ประเทศอินเดีย ในยุคนี้มีการเผยแผ่พุทธศาสนาแบบทิเบตไปทั่วโลกทั้ง 4 นิกาย ได้แก่ นิกายเนียงมา นิกายกาจู นิกายสักยะ และนิกายเกลุก ในอเมริกา มีชาวพุทธทิเบตประมาณ 5 ล้านคนและส่วนใหญ่เป็นของนิกายหมวกเหลือง ทะไลลามะยังต่อสู้เพื่อเอกราชของตนโดนสันติวิธี พร้อมกับรักษาจิตวิญญาณของชาวพุทธไว้อย่างมั่งคง
หนังพาไป : ทิเบต! "ฝัน" ก็คงเป็นได้แค่ "ฝัน" กับการเรียกร้องเอกราชจาก จีน
ดูรายการหนังพาไป ตอนล่าสุด ทำให้สนใจเรื่องเกี่ยวกับ ทิเบต ขึ้นมาในทันใดเลยไปหาบทความต่างๆ อ่านดู ก็น่าสงสารเหมือนกันนะ ตอนแรกคิดว่า ชาวทิเบตคงยอมรับการมาของจีนแต่อย่างไรก็ตาม คนชาติไหนก็ย่อมอยากมีอิสระบนชาติของตัวเอง
วันนี้เลยไปหาข้อมูลระหว่าง ทิเบตกับจีน มาแชร์ให้เพื่อนๆ เพื่อไว้เป็นข้อมูล อาจจะไม่ได้สำคัญกับชีวิตพวกเราเท่าไหร่ แต่ก็ "รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม"
เขตปกครองตนเองทิเบตหรือธิเบต เป็นเขตปกครองตนเองของประเทศจีน มีเชื้อสายมาจากชาวอินเดีย ชาวทิเบต มีพระเป็นผู้นำของเขตปกครองพิเศษนี้นับถือศาสนาพุทธนิกายวัชรยาน คล้ายกับประเทศภูฏาน ทิเบตตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย เป็นที่ราบสูงที่สูงที่สุดในโลก จนได้รับฉายาว่า หลังคาโลก ทิเบตมีอากาศที่หนาวเย็นมากและมีความกดอากาศและอ๊อกซิเจนที่ต่ำ ฉะนั้นผู้ที่จะมาในทิเบตจะต้องปรับสภาพร่างกายก่อน และด้วยเหตุนี้ประชากรที่อาศัยอยู่ในทิเบตจึงน้อย
พลเมืองชายของทิเบตกว่าครึ่งบวชเป็นพระ ก่อนจีนจะยึดครองทิเบต ทิเบตมีสามเณริกามากที่สุดในโลก ในทิเบตเคยมีคัมภีร์มากมาย พลเมืองนับถือศาสนาอย่างเคร่งครัด จนได้รับฉายาว่า "แดนแห่งพระธรรม" (land of dharma) ทิเบตมีเมืองหลวงชื่อ ลาซา
พระพุทธศาสนาแบบทิเบต คือพุทธศาสนาแบบหนึ่งซึ่งถือปฏิบัติในทิเบต และปัจจุบันได้แพร่หลายไปในหลายประเทศ ดินแดนทิเบตในอดีตมีความรุ่งเรืองทางพุทธศาสนามาก พุทธศาสนาแบบทิเบตมีเอกลักษณ์เฉพาะคือเป็นการผสมผสานระหว่างพุทธศาสนานิกายมหายานทั้งจากอินเดียและจีน ได้รับอิทธิพลจากพุทธศานานิกายตันตระของอินเดีย จนเกิดเป็นนิกายวัชรยานขึ้น ประชาชนใฝ่ธรรมะ เมื่อมีงานบุญ ประชาชนจะเดินทางไปแสวงบุญแม้จะไกลสักเพียงใด ซึ่งปัจจุบันก็มีให้เห็นอยู่มากมาย แต่เมื่อตกอยู่ในการปกครองของจีนวัดนับพันแห่งทั่วนครลาซา เหลือไม่ถึงหนึ่งร้อยแห่งในปัจจุบัน จนแทบไม่เหลือความเจริญรุ่งเรืองในอดีต
พุทธศาสนาแบบทิเบตจะมีการศึกษาแบ่งเป็น 3 ระดับ คือระดับต้นจะศึกษาเถรวาท ระดับกลางศึกษามหายาน และระดับสูงศึกษาวัชรยานและมนตรยาน ภิกษุถือปาติโมกข์ตามนิกายมูลสรวาสติวาท มีสิกขาบท 253 ข้อ มีความเชื่อเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าต่างจากนิกายเถรวาทคือ นับถือพระธยานิพุทธะ 5 พระองค์ ได้แก่ พระไวโรจนะพุทธะ พระอักโษภยะพุทธะ พระอมิตาภะพุทธะ พระอโมฆสิทธิพุทธะ และพระรัตนสัมภวะพุทธะ นอกจากนี้ยังนับถือพระโพธิสัตว์อีกหลายพระองค์ เช่น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์และพระชายาคือพระนางตารา พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ และพระวัชรปาณิโพธิสัตว์ เป็นต้น
ลักษณะเด่นอื่นๆของพุทธศาสนาแบบทิเบตได้แก่ ลามะ ตรรกวิภาษ และการปฏิบัติแบบตันตระ
ลามะ เป็นคำนำหน้าชื่อ สำหรับพระภิกษุชาวทิเบต มีความหมายคล้ายกับคำในภาษาสันสกฤตว่า คุรุ ในอดีตคำนี้ใช้สำหรับ อาจารย์ผู้ที่น่านับถือในทางจิตวิญญาณหรือหัวหน้าของพระราชวงศ์ในทิเบต ปัจจุบันใช้กับพระภิกษุ แม่ชี หรือ ผู้ที่ได้ฝึกฝนจิตใจจนบรรลุการยกระดับทางจิตวิญญาณแล้ว ยังใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อ เช่น องค์ดาไลลามะ ปันเชินลามะ อันเกี่ยวเนื่องกับการกลับชาติมาโปรด ในนิกายวัชรยาน ลามะหมายถึงผู้ฝึกและผู้เชี่ยวชาญในการปฏิบัติ ผู้ปรารถนาความสำเร็จในการฝึกฝนพุทธโยคี หรือผู้เชี่ยวชาญและได้ฝึกฝนการใช้วิธีทางโยคะ โดยทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติและมุ่งเน้นไปในการปฏิบัติ ซึ่งมีความหมายแตกต่างจากคำว่า คุรุ ที่มุ่งไปทางการศึกษา
ทะไลลามะ เป็นตำแหน่งประมุขหัวหน้าคณะสงฆ์ในพุทธศาสนานิกายมหายานแบบทิเบตเกลุก (นิกายหมวกเหลือง) เป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณสูงสุดของชาวทิเบต ทะไลลามะ มาจากภาษามองโกเลีย dalai แปลว่า มหาสมุทร และ ภาษาทิเบต bla-ma แปลว่า พระชั้นสูง
ตามประวัติศาสตร์ของทิเบต เชื่อว่าองค์ทะไลลามะเป็นอวตารในร่างมนุษย์ของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ และเมื่อองค์ทะไลลามะองค์หนึ่งสิ้นพระชนม์ไป จะกลับชาติมาประสูติใหม่เป็นองค์ทะไลลามะองค์ต่อไป โดยเรทิงรินโปเช ซึ่งเป็นพระสงฆ์ระดับรองลงมาจะเป็นผู้ใช้นิมิตสรรหาเด็กคนที่เชื่อว่าเป็นทะไลลามะกลับชาติมาเกิด
ทะไลลามะองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 14 คือ ท่านเทนซิน กยัตโส ได้ลี้ภัยไปที่ ธรรมศาลา เชิงเขาหิมาลัย รัฐหิมาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย และจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นของทิเบตที่นี่ ต่อมาก็เป็นศูนย์รวมใจชาวทิเบตในต่างแดน ชาวทิเบตในจีน ช่วงแรกทำถนนทำให้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศ จนบางคนเป็นวัณโรค บาคนเป็นโรคทางเดินหายใจ ต่อมาก็มาค้าขายเสื้อผ้าที่อินเดีย และได้ขยายไปตั้งนิคมอยู่ที่รัฐมิโซรัม ประเทศอินเดีย ในยุคนี้มีการเผยแผ่พุทธศาสนาแบบทิเบตไปทั่วโลกทั้ง 4 นิกาย ได้แก่ นิกายเนียงมา นิกายกาจู นิกายสักยะ และนิกายเกลุก ในอเมริกา มีชาวพุทธทิเบตประมาณ 5 ล้านคนและส่วนใหญ่เป็นของนิกายหมวกเหลือง ทะไลลามะยังต่อสู้เพื่อเอกราชของตนโดนสันติวิธี พร้อมกับรักษาจิตวิญญาณของชาวพุทธไว้อย่างมั่งคง