"น้ำเน่า ตบตี ชิงรักหักสวาท"
แม้สิ่งเหล่านี้จะอยู่คู่ละครไทยมาช้านาน แต่นับวันกลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงการเปลี่ยนผ่านของแวดวงโทรทัศน์ที่พาผู้แข่งขันเข้าสู่ตลาดมาก ขึ้นหลายเท่า คณะนักศึกษาปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ จึงจัดเวทีสัมมนาชวนผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาถกกันว่า "ละครไทยยุคทีวีดิจิตอล ยุคทองของผู้ผลิตหรือยุคมืดของผู้ชม?"
ซึ่งคำตอบจากมุมคนทำ อย่าง ชาญชัย สวัสดีวิชัย ผู้กำกับละคร "แม่ดอกรักเร่"
คือ นี่เป็นยุคทองของคนดู เพราะมีตัวเลือกให้ชมมากขึ้น คุณภาพของภาพก็ดีขึ้น
ส่วน เนื้อหาแม้จะ "เหมือนเดิม" แต่สมจริงมากขึ้น ด้วยมีการปรับให้เหมาะกับผู้ชมที่ไม่ชอบดู "ความเฟค" คนทำเลยจัดตบจริง จูบจริงมาเสิร์ฟเป็นเรื่องธรรมดา
"แล้วเรื่องใกล้ตัวจำเป็นต้องมี"
ดังนั้นเรื่องน้ำเน่าที่ใกล้ตัวชัวร์ๆ จึงมี
แถม "จริงๆ คอนเทนต์ตบตี ชิงรักหักสวาทก็สร้างความรู้ให้กับคนดู ว่าตบตีมันมาจากหึงหวง หึงหวงก็มาจากความรัก แต่เป็นความรักด้วยวิธีการที่ผิด"
ขณะเดียวกันเรื่องประเภทนี้ยังตรงกับ "เป้าหมาย" ที่มุ่งเน้นความบันเทิงเป็นลำดับแรกอย่างยิ่ง
ทว่าที่ผ่านมาคนทำส่วนใหญ่ก็พยายามสามารถสอดแทรกสาระ ข้อคิดเข้าไปเท่าที่จะทำได้
"ผมเคยทำละครเรื่อง "เขาชื่อกานต์" ทางไทยพีบีเอส พระเอกติดเหล้า ก็ทำให้คนดูได้ข้อคิด แต่ถ่ายได้ 5 ตอน ก็มา
บอกเห็นเหล้าไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องทิ้งไป"
ขณะ น้ำฝน-กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์ นักแสดงที่ผันมาเป็นผู้จัดหน้าใหม่ ทำละคร "เมียเถื่อน" ให้ ช่อง 8 บอกว่า เหตุผลของการนำละครแรงๆ ลงจอคือ "การหาช่องทางการตลาดให้ตัวเอง"
"พอเป็นดิจิตอลหลายช่องต้องหาเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพราะเริ่มช้ากว่าคนอื่น"
"ช่อง 3 สวยใสเกาหลี ช่อง 7 เน้นแมส ช่อง 8 เลยใช้เรื่องผัวๆ เมียๆ ซึ่งก็เรตติ้งดี ช่องเลยนำเสนอแบบนี้"
"แต่ไม่ได้ตะบี้ตะบันตบจริง จูบจริงทั้งเรื่อง พระ-นางยังเป็นคนดี พระเอกไม่ทำร้ายนางเอก"
สำหรับคนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง น้ำฝนบอกว่าต้องใจเย็น
"คงค่อยๆ เปลี่ยนตอนอีกเจเนอเรชั่นหนึ่ง"
"การเสพความบันเทิงที่เปลี่ยนไป มันต้องใช้เวลา"
ด้าน อิทธิพล วรานุศุภากุล อนุกรรม
การพัฒนาวิชาชีพ กสทช. บอกว่า อันที่จริง กสทช.พยายามผลักดันให้ผู้ผลิตละครรวมตัวกันเป็นสมาคม เพื่อจะได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพและแนวทางในการทำงานขึ้นมา
"ให้เขาคุยกันว่าฉากตบตี จูบจริงทำได้แค่ไหน"
"หรือถ้าอยากดูละครเกี่ยวกับอาชีพก็ช่องนี้ สารคดีก็ช่องนี้"
เพื่อให้ทั้งผู้ชมและผู้ผลิตมีทางเลือกด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
ขณะ ธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการด้านสื่อบอกว่า เรื่อง "น้ำเน่า ตบตี ชิงรักหักสวาท" ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะจากผลสำรวจต่างๆ ชี้ให้เห็นว่าผู้ชมส่วนใหญ่เข้าใจความเป็นละครที่มัก "โอเวอร์" กว่าชีวิตจริง
แต่ที่เขาจริงจังคือ อยากให้ผู้ผลิตมองละครเป็น "สินค้าทางวัฒนธรรม" อย่างหนึ่ง
"ถึงจุดที่ต้องปฏิวัติว่าละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่จะสร้างอะไรให้สังคมบ้าง"
ด้วยที่ผ่านมาละครบ้านเรามักจะทำเพื่อสะท้อนสังคม แต่สะท้อนไปสะท้อนมา ก็ไม่ได้ให้ประโยชน์อันใด
ต่างจากเกาหลีใต้ที่ใช้ "ละครนำสังคม"
"ก่อนนั้นผู้ชายเกาหลีมองผู้หญิงเป็นพลเมืองชั้นสอง ไม่ว่าผู้หญิงจะเป็นใคร มีอาชีพอะไร ก็ใช้ความรุนแรงใส่ เขาเลยสร้างพระเอกที่ไม่มีอยู่ในสังคมจริงๆ รวย สุภาพ ให้เกียรติผู้หญิง พอหลังๆ มาพฤติกรรมผู้ชายเริ่มเปลี่ยน เพราะเขาดูละครแล้วหันมามองตัวเองมากขึ้น"
"เขาใช้เวลา 10 ปีที่ละครไม่ได้สะท้อนสังคม แต่สร้างสังคมขึ้นมา"
ซึ่งถ้าผู้ผลิตละครบ้านเราทำอย่างนั้นได้ ต่อให้อีกกี่ "น้ำเน่า ตบตี ชิงรักหักสวาท" ก็จัดมาเถอะ
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1417402374
ถึงเวลาเปลี่ยน′น้ำเน่า′ กสทช.ดันตั้งสมาคมฯ-นักวิชาการแนะเลิก′สะท้อน′ แต่ต้อง′นำ′สังคม
"น้ำเน่า ตบตี ชิงรักหักสวาท"
แม้สิ่งเหล่านี้จะอยู่คู่ละครไทยมาช้านาน แต่นับวันกลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงการเปลี่ยนผ่านของแวดวงโทรทัศน์ที่พาผู้แข่งขันเข้าสู่ตลาดมาก ขึ้นหลายเท่า คณะนักศึกษาปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ จึงจัดเวทีสัมมนาชวนผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาถกกันว่า "ละครไทยยุคทีวีดิจิตอล ยุคทองของผู้ผลิตหรือยุคมืดของผู้ชม?"
ซึ่งคำตอบจากมุมคนทำ อย่าง ชาญชัย สวัสดีวิชัย ผู้กำกับละคร "แม่ดอกรักเร่"
คือ นี่เป็นยุคทองของคนดู เพราะมีตัวเลือกให้ชมมากขึ้น คุณภาพของภาพก็ดีขึ้น
ส่วน เนื้อหาแม้จะ "เหมือนเดิม" แต่สมจริงมากขึ้น ด้วยมีการปรับให้เหมาะกับผู้ชมที่ไม่ชอบดู "ความเฟค" คนทำเลยจัดตบจริง จูบจริงมาเสิร์ฟเป็นเรื่องธรรมดา
"แล้วเรื่องใกล้ตัวจำเป็นต้องมี"
ดังนั้นเรื่องน้ำเน่าที่ใกล้ตัวชัวร์ๆ จึงมี
แถม "จริงๆ คอนเทนต์ตบตี ชิงรักหักสวาทก็สร้างความรู้ให้กับคนดู ว่าตบตีมันมาจากหึงหวง หึงหวงก็มาจากความรัก แต่เป็นความรักด้วยวิธีการที่ผิด"
ขณะเดียวกันเรื่องประเภทนี้ยังตรงกับ "เป้าหมาย" ที่มุ่งเน้นความบันเทิงเป็นลำดับแรกอย่างยิ่ง
ทว่าที่ผ่านมาคนทำส่วนใหญ่ก็พยายามสามารถสอดแทรกสาระ ข้อคิดเข้าไปเท่าที่จะทำได้
"ผมเคยทำละครเรื่อง "เขาชื่อกานต์" ทางไทยพีบีเอส พระเอกติดเหล้า ก็ทำให้คนดูได้ข้อคิด แต่ถ่ายได้ 5 ตอน ก็มา
บอกเห็นเหล้าไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องทิ้งไป"
ขณะ น้ำฝน-กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์ นักแสดงที่ผันมาเป็นผู้จัดหน้าใหม่ ทำละคร "เมียเถื่อน" ให้ ช่อง 8 บอกว่า เหตุผลของการนำละครแรงๆ ลงจอคือ "การหาช่องทางการตลาดให้ตัวเอง"
"พอเป็นดิจิตอลหลายช่องต้องหาเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพราะเริ่มช้ากว่าคนอื่น"
"ช่อง 3 สวยใสเกาหลี ช่อง 7 เน้นแมส ช่อง 8 เลยใช้เรื่องผัวๆ เมียๆ ซึ่งก็เรตติ้งดี ช่องเลยนำเสนอแบบนี้"
"แต่ไม่ได้ตะบี้ตะบันตบจริง จูบจริงทั้งเรื่อง พระ-นางยังเป็นคนดี พระเอกไม่ทำร้ายนางเอก"
สำหรับคนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง น้ำฝนบอกว่าต้องใจเย็น
"คงค่อยๆ เปลี่ยนตอนอีกเจเนอเรชั่นหนึ่ง"
"การเสพความบันเทิงที่เปลี่ยนไป มันต้องใช้เวลา"
ด้าน อิทธิพล วรานุศุภากุล อนุกรรม
การพัฒนาวิชาชีพ กสทช. บอกว่า อันที่จริง กสทช.พยายามผลักดันให้ผู้ผลิตละครรวมตัวกันเป็นสมาคม เพื่อจะได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพและแนวทางในการทำงานขึ้นมา
"ให้เขาคุยกันว่าฉากตบตี จูบจริงทำได้แค่ไหน"
"หรือถ้าอยากดูละครเกี่ยวกับอาชีพก็ช่องนี้ สารคดีก็ช่องนี้"
เพื่อให้ทั้งผู้ชมและผู้ผลิตมีทางเลือกด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
ขณะ ธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการด้านสื่อบอกว่า เรื่อง "น้ำเน่า ตบตี ชิงรักหักสวาท" ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะจากผลสำรวจต่างๆ ชี้ให้เห็นว่าผู้ชมส่วนใหญ่เข้าใจความเป็นละครที่มัก "โอเวอร์" กว่าชีวิตจริง
แต่ที่เขาจริงจังคือ อยากให้ผู้ผลิตมองละครเป็น "สินค้าทางวัฒนธรรม" อย่างหนึ่ง
"ถึงจุดที่ต้องปฏิวัติว่าละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่จะสร้างอะไรให้สังคมบ้าง"
ด้วยที่ผ่านมาละครบ้านเรามักจะทำเพื่อสะท้อนสังคม แต่สะท้อนไปสะท้อนมา ก็ไม่ได้ให้ประโยชน์อันใด
ต่างจากเกาหลีใต้ที่ใช้ "ละครนำสังคม"
"ก่อนนั้นผู้ชายเกาหลีมองผู้หญิงเป็นพลเมืองชั้นสอง ไม่ว่าผู้หญิงจะเป็นใคร มีอาชีพอะไร ก็ใช้ความรุนแรงใส่ เขาเลยสร้างพระเอกที่ไม่มีอยู่ในสังคมจริงๆ รวย สุภาพ ให้เกียรติผู้หญิง พอหลังๆ มาพฤติกรรมผู้ชายเริ่มเปลี่ยน เพราะเขาดูละครแล้วหันมามองตัวเองมากขึ้น"
"เขาใช้เวลา 10 ปีที่ละครไม่ได้สะท้อนสังคม แต่สร้างสังคมขึ้นมา"
ซึ่งถ้าผู้ผลิตละครบ้านเราทำอย่างนั้นได้ ต่อให้อีกกี่ "น้ำเน่า ตบตี ชิงรักหักสวาท" ก็จัดมาเถอะ
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1417402374