"ข้างหลังเสียง"
“ทำใจให้สบายแล้วทุกอย่างจะผ่านไป ... ความสุข ความทุกข์ มันก็เหมือนพลุแตก ไม่นานมันก็จางหายไป (หงุดหงิดกินขนมขาไก่ 2 ถุงก็หาย ... เดี๋ยวเอาไปฝากนะ)” ก้อง สหรัถ
“คิดถึง ... เป็นกำลังใจให้ครับ เจอกันสุดสัปดาห์นี้นะครับพี่ ... เจอกันจะกอดแน่นๆ โคตรเป็นห่วงพี่เลย” แสตมป์ อภิวัชร์
“กอดๆๆๆๆ” โจอี้ บอย
ข้อความจากผู้ชาย 3 คนที่ส่งมาทางมือถือ ทำให้ฉันอมยิ้มเบาๆ แต่แอบผิดหวังอยู่นิดๆ ว่าเป็นอี 3 คนนี้ โธ่ ... นึกว่าผู้ชายแปลกหน้าโทรมาง้อ!!! ... ความรักความห่วงใยที่เกิดขึ้นในสถานการณ์อันน่าอึดอัดของฉันมันทำให้พวกเรา (โค้ช) ได้เรียนรู้จิตใจกันมากขึ้น เรามีความเป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนสูงกว่าที่เราคิด เพราะในเวลาทำงาน เรามักจะต่อสู้ แย่งชิง ปาดหน้าเค้ก ฉีกข้าวหลาม คุ้มคลั่ง คว่ำรถทัวร์ ระเบิดภูเขา เผากระท่อม ฯลฯ เพื่อให้ได้เด็กๆ เข้ามาอยู่ในทีม บางทีก็มีงอนกันเองอยู่บ้าง แต่พอใครมีปัญหา พวกเราก็จะรวมตัวกันให้กำลังใจ แต่ไม่กล้าปกป้อง เพราะลำพังตัวเองก็ยังไม่ค่อยจะรอด ... เสียหายยับเยินมากค่ะคุณตำรวจ! ความสัมพันธ์ของพวกเราทั้ง 4 อยู่ในหมวดหมู่ของความหมาย “ยามศึกเรารบ ยามสงบเรากัดกันเอง!”
“ไหนซิ ... โค้ชทีมอื่นเลือกเพลงอะไรกันบ้าง” คำถามที่ฉันถาม Music Director 3 คน ของรายการ อ.ต๋อง (อภิชา สุขแสงเพ็ชร) @tongthebegins ... ชัช (ชัชวาล วิศวบำรุงชัย) @chuchchuch ... วุฒิ (วุฒิ วงศ์สรรเสริญ) @wutwongsunsern ... 3 ทหารเสือผู้ปิดทองหลังพระอยู่เบื้องหลังการทำเพลง ช่วยกันเลือกเพลง และช่วยกันฝึกซ้อมผู้เข้าแข่งขันทุกคน ... อยู่กันมา 3 ปี จนรักกันเหมือนพี่น้อง ทำงานด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน แก้ปัญหาด้วยกัน สารพัดสารพันที่จะมีจะเกิดในรายการร่วมกัน “ อั้น ” (สุรัชต์ สิทธิพรชัย) ทีมผู้ผลิตรายการ “ ใจอั๋น (Gi-Aun) ” ... นี่ดีนะที่ทุกคนมีแฟนสวยๆ กันอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นอยู่ด้วยกันขนาดนี้ คงมีได้เสียเป็นเมียผัวด้วยความประมาท แต่ทุกคนมีสติ! เขาเลยไม่พลาดท่ามาทางฉัน! ต่อให้ฉันจะรู้ว่าเพลงที่ทีมอื่นเลือกกันเป็นเพลงอะไรบ้างก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับทีมฉันหรอก เพราะเด็กแต่ละคนต่างกัน มันทำให้เพลงที่ร้องต้องต่างกันไปตามเอกลักษณ์และความสามารถของแต่ละคน ... เพลงที่เลือกให้เด็กๆ ร้อง ต้องได้รับความเห็นชอบกับทั้งโค้ช ตัวเด็ก และทีม Music Director ถ้าไม่เป็นเอกฉันท์ ก็จะเป็นเสียงข้างมาก
“เอ้า ... ไหนบอกเพลงมาซิว่าชอบเพลงอะไรบ้าง?” นี่คือคำถามแรกที่พวกเราจะถาม พอเด็กเลือกเพลงมายาวเป็นหน้ากระดาษ ถ้ามันร้องแล้วเข้าปาก ดูเด่นเปล่งประกาย นั่นถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าเพลงไพเราะ เพราะแต่เฉยๆ น่าง่วงนอน หรือคนไม่ค่อยรู้จัก ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อตัวเด็กเอง อันนั้นพวกเราก็ต้องช่วยกันคิดช่วยกันเปลี่ยนเพลง คิดจนหัวจะแหกค่าคุณผู้ชมกว่าจะได้เพลงสักเพลงออกมาให้เด็กร้อง เพราะโจทย์ก็คือทำให้เด็กคนนั้นดูเลิศประเสริฐล้ำที่สุด เข้าตาที่สุด พอมันตกรอบ กรูเลยโดนด่าที่สุดไงล่ะคะ!!! บางคนต้องลองร้องเพลงโน้นเพลงนี้เกือบ 10 เพลง กว่าจะหาเพลงที่เข้าปากแบบโดนๆ เจอ ... ต่อมาก็ต้องหาคีย์เสียงสูงต่ำให้เหมาะเจาะพอดีกับเสียงของเด็กแต่ละคน จะต่ำไปก็ไม่ดี จะแหกปากโก่งคอร้องไปก็จะไม่สวย ... บางทีอีตอนซ้อมร้องดี๊ดี พอร้องจริง ... อ้าว! ... ฉันเชื่อเสมอว่า นักร้องที่ดี ร้องเพลงอะไรก็ดี (อย่ามาโทษปี่โทษกลอง) แม้จะไม่ถนัดที่สุดก็ตาม และการเลือกเพลงก็ไม่มีกฎว่าเด็กต้องเลือกเองเสมอ ... ตอนฉันเลือกรอบ blind audition บางเพลงที่ฟังฉันสารภาพเลยว่า “เพลงบ้าอะไรวะ? กรูเกลียดเพลงนี้สุดๆ” แต่ฉันรู้สึกว่า เอ้อ ... มันร้องเพลงนี้ได้น่าฟังเหลือเกิน เนื้อเสียงดีเหลือเกิน ไม่เลือกไม่ได้แล้ว
เวลาที่มีใครตกรอบแล้วคนดูทางบ้านใจหายด้วยความเสียดายเป็นอย่างยิ่งนั้น “ฉันอยากจะกราบขอโทษคุณผู้ชมที่น่ารักที่ทำให้สิ่งที่ทุกคนคาดหวังไม่สมหวัง” ... ก่อนที่จะเป็นเรื่องวุ่นวายมากมายเสียอีก แต่เกรงว่ายิ่งพูดมันจะยิ่งบานปลาย เพราะคนกำลังกรุ่น ต้องปล่อยไปก่อน การรับผิดชอบต่อความรู้สึกคนดู คือ ประเด็นหลักในการทำงานของฉัน นับตั้งแต่ฉันใช้การร้องเพลงในการเลี้ยงชีพ ฉันเข้าใจอารมณ์โกรธ ในความเสียดายของทุกคนที่อินและรักรายการนี้ แต่ฉันยังคงต้องรับผิดชอบกับอนาคตของเด็กอีก 4 คนที่เหลือในรายการ ... สมมุติว่าฉันเป็นแม่มีลูก 5 คน แล้วเกิดลูกตายไป 1 คน ฉันไม่ต้องเลี้ยงลูกอีก 4 คนที่เหลือฉันขอลาออกจากการเป็นแม่ นั่นฉันก็คงไม่มีสัญชาตญาณความเป็นแม่อย่างแท้จริง ... ฉันอาจจะไม่ใช่โค้ชที่ดีที่สุด ไม่ใช่โค้ชในฝัน อาจเป็นโค้ชที่หลายคนชิงชัง แต่ฉันก็ยังคงต้องทำหน้าที่เพื่อความสุขของคนดูอีกหลายล้านคนที่ยังให้โอกาสและยังมีความเมตตาสูงต่อฉันและรายการ ... ฉันไม่อาจจะหันหลังให้คนดูที่น่ารักเหล่านั้นได้ ... ต้องแยกให้ออกระหว่าง “ รัก ” กับ “ เกลียด ” ในหน้าที่โค้ชที่ฉันเป็นอยู่นี้ ... ที่สำคัญฉันทำตามหน้าที่และกฎกติกาโดยชอบธรรม ซึ่งถูกแยกออกจาก “ความเห็นชอบของคนดูทางบ้าน” เนื่องจากกติกาไม่มีการโหวตในรอบนี้ ... ฉันอยากจะทำตามใจทุกคน ฉันอยากจะเปลี่ยนกติกาเอาคนกลับมาได้ อยากให้ได้ดั่งใจทุกคน แต่ ... ฉันไม่ใช่ “เมีย” เจ้าของลิขสิทธิ์ ไม่งั้นจะไปบังคับผัวให้เปลี่ยนกติกาเพื่อคืนความสุขให้ประชาชนคนไทย ... ฉันเป็นแค่โค้ชรับจ้าง พนักงานคนหนึ่งของรายการ ขืนทำแบบนั้น ฝรั่งคงฟ้องร้องค่าเสียหายจากบริษัทเราหัวโต เอาตังค์ที่ไหนไปจ่ายล่ะคะคุณ ... ยังไม่จบรายการอย่าเพิ่งโกรธจนหมดใจ อย่าเพิ่งเทใจให้ใครทั้งหมด ลูกทีมอีก 4 คนของแต่ละทีมยังรอคอยกำลังใจจากผู้ชมทางบ้าน คนไทยส่วนใหญ่เราโกรธง่ายหายเร็ว ใจกว้างไม่ใจแคบ นั่นคือคุณสมบัติหลักของคนไทย ... กลับมาดูกันให้สนุก รอดูความพลิกผัน และสิ่งที่เกินคาดจนกว่าจะจบกันดีกว่า ... ดิฉันกราบล่ะค่ะ
ตั้งแต่เด็กจนแก่ ฉันไม่เคยเห็นและสัมผัสกับความดิบและความคลั่งไคล้ในมนุษย์ได้เท่ากับการมาทำหน้าที่ตรงนี้เลย ฉันต้องคอยต่อสู้กับความคาดหวังอันบ้าคลั่งของผู้คน แต่ ... ถ้าทำแล้วสบายใจก็ทำต่อไปเถอะค่า โกรธก็โกรธไปแล้ว ด่าก็ด่ากันจนยับแล้ว ... อย่างไรแล้ว ... “เอาที่สบายใจคุณเถอะค่า” มาถึงตรงนี้เหลือรอบ Live อีกแค่ 2 ครั้ง แล้วฉันจะได้กลับมาเป็นคนที่มีชีวิตส่วนตัวเรียบง่ายและสงบสุข อยู่กับครอบครัวที่ฉันรักอีกครั้ง การเป็น “โค้ช” มันช่างเหนื่อยเหลือเกิน ทำงานเสร็จก็ต้องรอปฏิกิริยาตอบรับจากคนดู บ้างก็ชม บ้างก็ด่า บ้างก็ตั้งตัวเป็นศัตรู ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันจริงๆ ถ้ามันจะต้องหนักหนาขนาดนี้ ไปขายทอดมันลูกชิ้นปิ้งรถเข็น ฉันคงจะมีความสุขมากกว่า ได้ทำอาชีพสุจริตเลี้ยงตัว ไม่ต้องมีคนรู้จัก ไม่ต้องรับรู้ความรักและความเกลียดชังของคนที่ฉันไม่เคยพบหน้า ... แต่เมื่อเกมส์มันยังไม่จบฉันก็ทำได้แค่ “ปล่อยวาง” ความรักทำให้ชื่นอกชื่นใจ และมีกำลังใจ แต่ความเกลียดชังเผาผลาญพลังมากมาย และมิได้ก่อประโยชน์ที่ดีต่อจิตใจของใคร ฉันเหนื่อยกับการรับรู้และต่อต้านอารมณ์โกรธของผู้คน ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ย่อมมีความรู้สึก มันไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากทำให้เราสิ้นเปลืองกำลังใจดีๆ ที่มีอยู่ ที่สุดฉันก็ปล่อยวางไปเอง กลับมาหยุดคิดพิจารณาว่าคนเรานานาจิตตังจะไปบังคับให้คนรักคนชอบคนไม่เกลียดย่อมเป็นไปไม่ได้ ทำได้แค่ตั้งสติพิจารณาสิ่งที่เป็นมาอย่างเข้าใจและปล่อยวาง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อความสุขของคนดู
Credit คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา จากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับประจำวันจันทร์ ที่ 1 ธันวาคม 2557
'ข้างหลังเสียง' by โค้ชคิ้ม
“ทำใจให้สบายแล้วทุกอย่างจะผ่านไป ... ความสุข ความทุกข์ มันก็เหมือนพลุแตก ไม่นานมันก็จางหายไป (หงุดหงิดกินขนมขาไก่ 2 ถุงก็หาย ... เดี๋ยวเอาไปฝากนะ)” ก้อง สหรัถ
“คิดถึง ... เป็นกำลังใจให้ครับ เจอกันสุดสัปดาห์นี้นะครับพี่ ... เจอกันจะกอดแน่นๆ โคตรเป็นห่วงพี่เลย” แสตมป์ อภิวัชร์
“กอดๆๆๆๆ” โจอี้ บอย
ข้อความจากผู้ชาย 3 คนที่ส่งมาทางมือถือ ทำให้ฉันอมยิ้มเบาๆ แต่แอบผิดหวังอยู่นิดๆ ว่าเป็นอี 3 คนนี้ โธ่ ... นึกว่าผู้ชายแปลกหน้าโทรมาง้อ!!! ... ความรักความห่วงใยที่เกิดขึ้นในสถานการณ์อันน่าอึดอัดของฉันมันทำให้พวกเรา (โค้ช) ได้เรียนรู้จิตใจกันมากขึ้น เรามีความเป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนสูงกว่าที่เราคิด เพราะในเวลาทำงาน เรามักจะต่อสู้ แย่งชิง ปาดหน้าเค้ก ฉีกข้าวหลาม คุ้มคลั่ง คว่ำรถทัวร์ ระเบิดภูเขา เผากระท่อม ฯลฯ เพื่อให้ได้เด็กๆ เข้ามาอยู่ในทีม บางทีก็มีงอนกันเองอยู่บ้าง แต่พอใครมีปัญหา พวกเราก็จะรวมตัวกันให้กำลังใจ แต่ไม่กล้าปกป้อง เพราะลำพังตัวเองก็ยังไม่ค่อยจะรอด ... เสียหายยับเยินมากค่ะคุณตำรวจ! ความสัมพันธ์ของพวกเราทั้ง 4 อยู่ในหมวดหมู่ของความหมาย “ยามศึกเรารบ ยามสงบเรากัดกันเอง!”
“ไหนซิ ... โค้ชทีมอื่นเลือกเพลงอะไรกันบ้าง” คำถามที่ฉันถาม Music Director 3 คน ของรายการ อ.ต๋อง (อภิชา สุขแสงเพ็ชร) @tongthebegins ... ชัช (ชัชวาล วิศวบำรุงชัย) @chuchchuch ... วุฒิ (วุฒิ วงศ์สรรเสริญ) @wutwongsunsern ... 3 ทหารเสือผู้ปิดทองหลังพระอยู่เบื้องหลังการทำเพลง ช่วยกันเลือกเพลง และช่วยกันฝึกซ้อมผู้เข้าแข่งขันทุกคน ... อยู่กันมา 3 ปี จนรักกันเหมือนพี่น้อง ทำงานด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน แก้ปัญหาด้วยกัน สารพัดสารพันที่จะมีจะเกิดในรายการร่วมกัน “ อั้น ” (สุรัชต์ สิทธิพรชัย) ทีมผู้ผลิตรายการ “ ใจอั๋น (Gi-Aun) ” ... นี่ดีนะที่ทุกคนมีแฟนสวยๆ กันอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นอยู่ด้วยกันขนาดนี้ คงมีได้เสียเป็นเมียผัวด้วยความประมาท แต่ทุกคนมีสติ! เขาเลยไม่พลาดท่ามาทางฉัน! ต่อให้ฉันจะรู้ว่าเพลงที่ทีมอื่นเลือกกันเป็นเพลงอะไรบ้างก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับทีมฉันหรอก เพราะเด็กแต่ละคนต่างกัน มันทำให้เพลงที่ร้องต้องต่างกันไปตามเอกลักษณ์และความสามารถของแต่ละคน ... เพลงที่เลือกให้เด็กๆ ร้อง ต้องได้รับความเห็นชอบกับทั้งโค้ช ตัวเด็ก และทีม Music Director ถ้าไม่เป็นเอกฉันท์ ก็จะเป็นเสียงข้างมาก
“เอ้า ... ไหนบอกเพลงมาซิว่าชอบเพลงอะไรบ้าง?” นี่คือคำถามแรกที่พวกเราจะถาม พอเด็กเลือกเพลงมายาวเป็นหน้ากระดาษ ถ้ามันร้องแล้วเข้าปาก ดูเด่นเปล่งประกาย นั่นถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าเพลงไพเราะ เพราะแต่เฉยๆ น่าง่วงนอน หรือคนไม่ค่อยรู้จัก ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อตัวเด็กเอง อันนั้นพวกเราก็ต้องช่วยกันคิดช่วยกันเปลี่ยนเพลง คิดจนหัวจะแหกค่าคุณผู้ชมกว่าจะได้เพลงสักเพลงออกมาให้เด็กร้อง เพราะโจทย์ก็คือทำให้เด็กคนนั้นดูเลิศประเสริฐล้ำที่สุด เข้าตาที่สุด พอมันตกรอบ กรูเลยโดนด่าที่สุดไงล่ะคะ!!! บางคนต้องลองร้องเพลงโน้นเพลงนี้เกือบ 10 เพลง กว่าจะหาเพลงที่เข้าปากแบบโดนๆ เจอ ... ต่อมาก็ต้องหาคีย์เสียงสูงต่ำให้เหมาะเจาะพอดีกับเสียงของเด็กแต่ละคน จะต่ำไปก็ไม่ดี จะแหกปากโก่งคอร้องไปก็จะไม่สวย ... บางทีอีตอนซ้อมร้องดี๊ดี พอร้องจริง ... อ้าว! ... ฉันเชื่อเสมอว่า นักร้องที่ดี ร้องเพลงอะไรก็ดี (อย่ามาโทษปี่โทษกลอง) แม้จะไม่ถนัดที่สุดก็ตาม และการเลือกเพลงก็ไม่มีกฎว่าเด็กต้องเลือกเองเสมอ ... ตอนฉันเลือกรอบ blind audition บางเพลงที่ฟังฉันสารภาพเลยว่า “เพลงบ้าอะไรวะ? กรูเกลียดเพลงนี้สุดๆ” แต่ฉันรู้สึกว่า เอ้อ ... มันร้องเพลงนี้ได้น่าฟังเหลือเกิน เนื้อเสียงดีเหลือเกิน ไม่เลือกไม่ได้แล้ว
เวลาที่มีใครตกรอบแล้วคนดูทางบ้านใจหายด้วยความเสียดายเป็นอย่างยิ่งนั้น “ฉันอยากจะกราบขอโทษคุณผู้ชมที่น่ารักที่ทำให้สิ่งที่ทุกคนคาดหวังไม่สมหวัง” ... ก่อนที่จะเป็นเรื่องวุ่นวายมากมายเสียอีก แต่เกรงว่ายิ่งพูดมันจะยิ่งบานปลาย เพราะคนกำลังกรุ่น ต้องปล่อยไปก่อน การรับผิดชอบต่อความรู้สึกคนดู คือ ประเด็นหลักในการทำงานของฉัน นับตั้งแต่ฉันใช้การร้องเพลงในการเลี้ยงชีพ ฉันเข้าใจอารมณ์โกรธ ในความเสียดายของทุกคนที่อินและรักรายการนี้ แต่ฉันยังคงต้องรับผิดชอบกับอนาคตของเด็กอีก 4 คนที่เหลือในรายการ ... สมมุติว่าฉันเป็นแม่มีลูก 5 คน แล้วเกิดลูกตายไป 1 คน ฉันไม่ต้องเลี้ยงลูกอีก 4 คนที่เหลือฉันขอลาออกจากการเป็นแม่ นั่นฉันก็คงไม่มีสัญชาตญาณความเป็นแม่อย่างแท้จริง ... ฉันอาจจะไม่ใช่โค้ชที่ดีที่สุด ไม่ใช่โค้ชในฝัน อาจเป็นโค้ชที่หลายคนชิงชัง แต่ฉันก็ยังคงต้องทำหน้าที่เพื่อความสุขของคนดูอีกหลายล้านคนที่ยังให้โอกาสและยังมีความเมตตาสูงต่อฉันและรายการ ... ฉันไม่อาจจะหันหลังให้คนดูที่น่ารักเหล่านั้นได้ ... ต้องแยกให้ออกระหว่าง “ รัก ” กับ “ เกลียด ” ในหน้าที่โค้ชที่ฉันเป็นอยู่นี้ ... ที่สำคัญฉันทำตามหน้าที่และกฎกติกาโดยชอบธรรม ซึ่งถูกแยกออกจาก “ความเห็นชอบของคนดูทางบ้าน” เนื่องจากกติกาไม่มีการโหวตในรอบนี้ ... ฉันอยากจะทำตามใจทุกคน ฉันอยากจะเปลี่ยนกติกาเอาคนกลับมาได้ อยากให้ได้ดั่งใจทุกคน แต่ ... ฉันไม่ใช่ “เมีย” เจ้าของลิขสิทธิ์ ไม่งั้นจะไปบังคับผัวให้เปลี่ยนกติกาเพื่อคืนความสุขให้ประชาชนคนไทย ... ฉันเป็นแค่โค้ชรับจ้าง พนักงานคนหนึ่งของรายการ ขืนทำแบบนั้น ฝรั่งคงฟ้องร้องค่าเสียหายจากบริษัทเราหัวโต เอาตังค์ที่ไหนไปจ่ายล่ะคะคุณ ... ยังไม่จบรายการอย่าเพิ่งโกรธจนหมดใจ อย่าเพิ่งเทใจให้ใครทั้งหมด ลูกทีมอีก 4 คนของแต่ละทีมยังรอคอยกำลังใจจากผู้ชมทางบ้าน คนไทยส่วนใหญ่เราโกรธง่ายหายเร็ว ใจกว้างไม่ใจแคบ นั่นคือคุณสมบัติหลักของคนไทย ... กลับมาดูกันให้สนุก รอดูความพลิกผัน และสิ่งที่เกินคาดจนกว่าจะจบกันดีกว่า ... ดิฉันกราบล่ะค่ะ
ตั้งแต่เด็กจนแก่ ฉันไม่เคยเห็นและสัมผัสกับความดิบและความคลั่งไคล้ในมนุษย์ได้เท่ากับการมาทำหน้าที่ตรงนี้เลย ฉันต้องคอยต่อสู้กับความคาดหวังอันบ้าคลั่งของผู้คน แต่ ... ถ้าทำแล้วสบายใจก็ทำต่อไปเถอะค่า โกรธก็โกรธไปแล้ว ด่าก็ด่ากันจนยับแล้ว ... อย่างไรแล้ว ... “เอาที่สบายใจคุณเถอะค่า” มาถึงตรงนี้เหลือรอบ Live อีกแค่ 2 ครั้ง แล้วฉันจะได้กลับมาเป็นคนที่มีชีวิตส่วนตัวเรียบง่ายและสงบสุข อยู่กับครอบครัวที่ฉันรักอีกครั้ง การเป็น “โค้ช” มันช่างเหนื่อยเหลือเกิน ทำงานเสร็จก็ต้องรอปฏิกิริยาตอบรับจากคนดู บ้างก็ชม บ้างก็ด่า บ้างก็ตั้งตัวเป็นศัตรู ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันจริงๆ ถ้ามันจะต้องหนักหนาขนาดนี้ ไปขายทอดมันลูกชิ้นปิ้งรถเข็น ฉันคงจะมีความสุขมากกว่า ได้ทำอาชีพสุจริตเลี้ยงตัว ไม่ต้องมีคนรู้จัก ไม่ต้องรับรู้ความรักและความเกลียดชังของคนที่ฉันไม่เคยพบหน้า ... แต่เมื่อเกมส์มันยังไม่จบฉันก็ทำได้แค่ “ปล่อยวาง” ความรักทำให้ชื่นอกชื่นใจ และมีกำลังใจ แต่ความเกลียดชังเผาผลาญพลังมากมาย และมิได้ก่อประโยชน์ที่ดีต่อจิตใจของใคร ฉันเหนื่อยกับการรับรู้และต่อต้านอารมณ์โกรธของผู้คน ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ย่อมมีความรู้สึก มันไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากทำให้เราสิ้นเปลืองกำลังใจดีๆ ที่มีอยู่ ที่สุดฉันก็ปล่อยวางไปเอง กลับมาหยุดคิดพิจารณาว่าคนเรานานาจิตตังจะไปบังคับให้คนรักคนชอบคนไม่เกลียดย่อมเป็นไปไม่ได้ ทำได้แค่ตั้งสติพิจารณาสิ่งที่เป็นมาอย่างเข้าใจและปล่อยวาง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อความสุขของคนดู
Credit คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา จากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับประจำวันจันทร์ ที่ 1 ธันวาคม 2557