'ข้างหลังเสียง' by โค้ชคิ้ม

กระทู้คำถาม
"ข้างหลังเสียง"

          “ทำใจให้สบายแล้วทุกอย่างจะผ่านไป ... ความสุข ความทุกข์ มันก็เหมือนพลุแตก ไม่นานมันก็จางหายไป (หงุดหงิดกินขนมขาไก่ 2 ถุงก็หาย ... เดี๋ยวเอาไปฝากนะ)” ก้อง สหรัถ

          “คิดถึง ... เป็นกำลังใจให้ครับ เจอกันสุดสัปดาห์นี้นะครับพี่ ... เจอกันจะกอดแน่นๆ โคตรเป็นห่วงพี่เลย” แสตมป์ อภิวัชร์

          “กอดๆๆๆๆ” โจอี้ บอย

          ข้อความจากผู้ชาย 3 คนที่ส่งมาทางมือถือ ทำให้ฉันอมยิ้มเบาๆ แต่แอบผิดหวังอยู่นิดๆ ว่าเป็นอี 3 คนนี้ โธ่ ... นึกว่าผู้ชายแปลกหน้าโทรมาง้อ!!! ... ความรักความห่วงใยที่เกิดขึ้นในสถานการณ์อันน่าอึดอัดของฉันมันทำให้พวกเรา (โค้ช) ได้เรียนรู้จิตใจกันมากขึ้น เรามีความเป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนสูงกว่าที่เราคิด เพราะในเวลาทำงาน เรามักจะต่อสู้ แย่งชิง ปาดหน้าเค้ก ฉีกข้าวหลาม คุ้มคลั่ง คว่ำรถทัวร์ ระเบิดภูเขา เผากระท่อม ฯลฯ เพื่อให้ได้เด็กๆ เข้ามาอยู่ในทีม บางทีก็มีงอนกันเองอยู่บ้าง แต่พอใครมีปัญหา พวกเราก็จะรวมตัวกันให้กำลังใจ แต่ไม่กล้าปกป้อง เพราะลำพังตัวเองก็ยังไม่ค่อยจะรอด ... เสียหายยับเยินมากค่ะคุณตำรวจ! ความสัมพันธ์ของพวกเราทั้ง 4 อยู่ในหมวดหมู่ของความหมาย “ยามศึกเรารบ ยามสงบเรากัดกันเอง!”

          “ไหนซิ ... โค้ชทีมอื่นเลือกเพลงอะไรกันบ้าง” คำถามที่ฉันถาม Music Director 3 คน ของรายการ อ.ต๋อง (อภิชา สุขแสงเพ็ชร) @tongthebegins ... ชัช (ชัชวาล วิศวบำรุงชัย) @chuchchuch ... วุฒิ (วุฒิ วงศ์สรรเสริญ) @wutwongsunsern ... 3 ทหารเสือผู้ปิดทองหลังพระอยู่เบื้องหลังการทำเพลง ช่วยกันเลือกเพลง และช่วยกันฝึกซ้อมผู้เข้าแข่งขันทุกคน ... อยู่กันมา 3 ปี จนรักกันเหมือนพี่น้อง ทำงานด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน แก้ปัญหาด้วยกัน สารพัดสารพันที่จะมีจะเกิดในรายการร่วมกัน “ อั้น ” (สุรัชต์ สิทธิพรชัย) ทีมผู้ผลิตรายการ “ ใจอั๋น (Gi-Aun) ” ... นี่ดีนะที่ทุกคนมีแฟนสวยๆ กันอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นอยู่ด้วยกันขนาดนี้ คงมีได้เสียเป็นเมียผัวด้วยความประมาท แต่ทุกคนมีสติ! เขาเลยไม่พลาดท่ามาทางฉัน! ต่อให้ฉันจะรู้ว่าเพลงที่ทีมอื่นเลือกกันเป็นเพลงอะไรบ้างก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับทีมฉันหรอก เพราะเด็กแต่ละคนต่างกัน มันทำให้เพลงที่ร้องต้องต่างกันไปตามเอกลักษณ์และความสามารถของแต่ละคน ... เพลงที่เลือกให้เด็กๆ ร้อง ต้องได้รับความเห็นชอบกับทั้งโค้ช ตัวเด็ก และทีม Music Director ถ้าไม่เป็นเอกฉันท์ ก็จะเป็นเสียงข้างมาก

          “เอ้า ... ไหนบอกเพลงมาซิว่าชอบเพลงอะไรบ้าง?” นี่คือคำถามแรกที่พวกเราจะถาม พอเด็กเลือกเพลงมายาวเป็นหน้ากระดาษ ถ้ามันร้องแล้วเข้าปาก ดูเด่นเปล่งประกาย นั่นถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าเพลงไพเราะ เพราะแต่เฉยๆ น่าง่วงนอน หรือคนไม่ค่อยรู้จัก ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อตัวเด็กเอง อันนั้นพวกเราก็ต้องช่วยกันคิดช่วยกันเปลี่ยนเพลง คิดจนหัวจะแหกค่าคุณผู้ชมกว่าจะได้เพลงสักเพลงออกมาให้เด็กร้อง เพราะโจทย์ก็คือทำให้เด็กคนนั้นดูเลิศประเสริฐล้ำที่สุด เข้าตาที่สุด พอมันตกรอบ กรูเลยโดนด่าที่สุดไงล่ะคะ!!! บางคนต้องลองร้องเพลงโน้นเพลงนี้เกือบ 10 เพลง กว่าจะหาเพลงที่เข้าปากแบบโดนๆ เจอ ... ต่อมาก็ต้องหาคีย์เสียงสูงต่ำให้เหมาะเจาะพอดีกับเสียงของเด็กแต่ละคน จะต่ำไปก็ไม่ดี จะแหกปากโก่งคอร้องไปก็จะไม่สวย ... บางทีอีตอนซ้อมร้องดี๊ดี พอร้องจริง ... อ้าว! ... ฉันเชื่อเสมอว่า นักร้องที่ดี ร้องเพลงอะไรก็ดี (อย่ามาโทษปี่โทษกลอง) แม้จะไม่ถนัดที่สุดก็ตาม และการเลือกเพลงก็ไม่มีกฎว่าเด็กต้องเลือกเองเสมอ ... ตอนฉันเลือกรอบ blind audition บางเพลงที่ฟังฉันสารภาพเลยว่า “เพลงบ้าอะไรวะ? กรูเกลียดเพลงนี้สุดๆ” แต่ฉันรู้สึกว่า เอ้อ ... มันร้องเพลงนี้ได้น่าฟังเหลือเกิน เนื้อเสียงดีเหลือเกิน ไม่เลือกไม่ได้แล้ว

          เวลาที่มีใครตกรอบแล้วคนดูทางบ้านใจหายด้วยความเสียดายเป็นอย่างยิ่งนั้น “ฉันอยากจะกราบขอโทษคุณผู้ชมที่น่ารักที่ทำให้สิ่งที่ทุกคนคาดหวังไม่สมหวัง” ... ก่อนที่จะเป็นเรื่องวุ่นวายมากมายเสียอีก แต่เกรงว่ายิ่งพูดมันจะยิ่งบานปลาย เพราะคนกำลังกรุ่น ต้องปล่อยไปก่อน การรับผิดชอบต่อความรู้สึกคนดู คือ ประเด็นหลักในการทำงานของฉัน นับตั้งแต่ฉันใช้การร้องเพลงในการเลี้ยงชีพ ฉันเข้าใจอารมณ์โกรธ ในความเสียดายของทุกคนที่อินและรักรายการนี้ แต่ฉันยังคงต้องรับผิดชอบกับอนาคตของเด็กอีก 4 คนที่เหลือในรายการ ... สมมุติว่าฉันเป็นแม่มีลูก 5 คน แล้วเกิดลูกตายไป 1 คน ฉันไม่ต้องเลี้ยงลูกอีก 4 คนที่เหลือฉันขอลาออกจากการเป็นแม่ นั่นฉันก็คงไม่มีสัญชาตญาณความเป็นแม่อย่างแท้จริง ... ฉันอาจจะไม่ใช่โค้ชที่ดีที่สุด ไม่ใช่โค้ชในฝัน อาจเป็นโค้ชที่หลายคนชิงชัง แต่ฉันก็ยังคงต้องทำหน้าที่เพื่อความสุขของคนดูอีกหลายล้านคนที่ยังให้โอกาสและยังมีความเมตตาสูงต่อฉันและรายการ ... ฉันไม่อาจจะหันหลังให้คนดูที่น่ารักเหล่านั้นได้ ... ต้องแยกให้ออกระหว่าง “ รัก ” กับ “ เกลียด ” ในหน้าที่โค้ชที่ฉันเป็นอยู่นี้ ... ที่สำคัญฉันทำตามหน้าที่และกฎกติกาโดยชอบธรรม ซึ่งถูกแยกออกจาก “ความเห็นชอบของคนดูทางบ้าน” เนื่องจากกติกาไม่มีการโหวตในรอบนี้ ... ฉันอยากจะทำตามใจทุกคน ฉันอยากจะเปลี่ยนกติกาเอาคนกลับมาได้ อยากให้ได้ดั่งใจทุกคน แต่ ... ฉันไม่ใช่ “เมีย” เจ้าของลิขสิทธิ์ ไม่งั้นจะไปบังคับผัวให้เปลี่ยนกติกาเพื่อคืนความสุขให้ประชาชนคนไทย ... ฉันเป็นแค่โค้ชรับจ้าง พนักงานคนหนึ่งของรายการ ขืนทำแบบนั้น ฝรั่งคงฟ้องร้องค่าเสียหายจากบริษัทเราหัวโต เอาตังค์ที่ไหนไปจ่ายล่ะคะคุณ ... ยังไม่จบรายการอย่าเพิ่งโกรธจนหมดใจ อย่าเพิ่งเทใจให้ใครทั้งหมด ลูกทีมอีก 4 คนของแต่ละทีมยังรอคอยกำลังใจจากผู้ชมทางบ้าน คนไทยส่วนใหญ่เราโกรธง่ายหายเร็ว ใจกว้างไม่ใจแคบ นั่นคือคุณสมบัติหลักของคนไทย ... กลับมาดูกันให้สนุก รอดูความพลิกผัน และสิ่งที่เกินคาดจนกว่าจะจบกันดีกว่า ... ดิฉันกราบล่ะค่ะ

          ตั้งแต่เด็กจนแก่ ฉันไม่เคยเห็นและสัมผัสกับความดิบและความคลั่งไคล้ในมนุษย์ได้เท่ากับการมาทำหน้าที่ตรงนี้เลย ฉันต้องคอยต่อสู้กับความคาดหวังอันบ้าคลั่งของผู้คน แต่ ... ถ้าทำแล้วสบายใจก็ทำต่อไปเถอะค่า โกรธก็โกรธไปแล้ว ด่าก็ด่ากันจนยับแล้ว ... อย่างไรแล้ว ... “เอาที่สบายใจคุณเถอะค่า” มาถึงตรงนี้เหลือรอบ Live อีกแค่ 2 ครั้ง แล้วฉันจะได้กลับมาเป็นคนที่มีชีวิตส่วนตัวเรียบง่ายและสงบสุข อยู่กับครอบครัวที่ฉันรักอีกครั้ง การเป็น “โค้ช” มันช่างเหนื่อยเหลือเกิน ทำงานเสร็จก็ต้องรอปฏิกิริยาตอบรับจากคนดู บ้างก็ชม บ้างก็ด่า บ้างก็ตั้งตัวเป็นศัตรู ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันจริงๆ ถ้ามันจะต้องหนักหนาขนาดนี้ ไปขายทอดมันลูกชิ้นปิ้งรถเข็น ฉันคงจะมีความสุขมากกว่า ได้ทำอาชีพสุจริตเลี้ยงตัว ไม่ต้องมีคนรู้จัก ไม่ต้องรับรู้ความรักและความเกลียดชังของคนที่ฉันไม่เคยพบหน้า ... แต่เมื่อเกมส์มันยังไม่จบฉันก็ทำได้แค่ “ปล่อยวาง” ความรักทำให้ชื่นอกชื่นใจ และมีกำลังใจ แต่ความเกลียดชังเผาผลาญพลังมากมาย และมิได้ก่อประโยชน์ที่ดีต่อจิตใจของใคร ฉันเหนื่อยกับการรับรู้และต่อต้านอารมณ์โกรธของผู้คน ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ย่อมมีความรู้สึก มันไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากทำให้เราสิ้นเปลืองกำลังใจดีๆ ที่มีอยู่  ที่สุดฉันก็ปล่อยวางไปเอง กลับมาหยุดคิดพิจารณาว่าคนเรานานาจิตตังจะไปบังคับให้คนรักคนชอบคนไม่เกลียดย่อมเป็นไปไม่ได้ ทำได้แค่ตั้งสติพิจารณาสิ่งที่เป็นมาอย่างเข้าใจและปล่อยวาง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อความสุขของคนดู


Credit  คอลัมน์ เล่นหูเล่นตา จากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับประจำวันจันทร์ ที่ 1 ธันวาคม 2557
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 30
โค้ชคิ้ม เห็นปากร้าย ดูไม่แคร์โลกอย่างนั้น
แต่จริงๆแกเป็นคนเซนซิทีฟมากถึงมากที่สุด
แกคงเครียดมากๆ มากเกินที่พวกเราคาดคิด
และโค้ชอีก 3 คนก็คงรู้ดีว่าโค้ชคิ้มแกเป็นคนยังไง

คนที่ด่าเค้าไม่ได้ไปนั่งอยู่ในตำแหน่งที่เค้าอยู่ จะไปรู้สึกอะไรล่ะ
นั่งอยู่หลังคีย์บอร์ด ระบายความโกรธเกลียดได้โดยไม่ต้องแคร์ใคร
เพราะไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรกับคำพูดเหล่านั้น
ด่าเค้าจนสะใจไปแล้ว พอกระแสซาลง ก็ลืม หันไปสนใจเรื่องอื่น
แต่คนที่ถูกรุมด่า มันไม่ได้ลืมกันง่ายๆหรอกนะ
ความคิดเห็นที่ 1
“ทำใจให้สบายแล้วทุกอย่างจะผ่านไป ... ความสุข ความทุกข์ มันก็เหมือนพลุแตก ไม่นานมันก็จางหายไป (หงุดหงิดกินขนมขาไก่ 2 ถุงก็หาย ... เดี๋ยวเอาไปฝากนะ)” ก้อง สหรัถ

“คิดถึง ... เป็นกำลังใจให้ครับ เจอกันสุดสัปดาห์นี้นะครับพี่ ... เจอกันจะกอดแน่นๆ โคตรเป็นห่วงพี่เลย” แสตมป์ อภิวัชร์

“กอดๆๆๆๆ” โจอี้ บอย

ข้อความจากเพื่อนร่วมชะตากรรม แม้มันจะสั้นๆ แต่อ่านแล้วซึ้ง คงไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกโค้ชได้ดีเท่าโค้ชด้วยกัน เป็นกำลังใจให้โค้ชทั้งสี่คนค่ะ
ความคิดเห็นที่ 31
“ทำใจให้สบายแล้วทุกอย่างจะผ่านไป ... ความสุข ความทุกข์ มันก็เหมือนพลุแตก ไม่นานมันก็จางหายไป (หงุดหงิดกินขนมขาไก่ 2 ถุงก็หาย ... เดี๋ยวเอาไปฝากนะ)” ก้อง สหรัถ

พี่ก้องเป็นผู้ชายคิดบวกจริงๆนะ เหมือนปล่อยวางได้และเข้าใจโลกมาก

คิดไม่ผิดจริงๆที่รักพี่ชายคนนี้ #พ่อคุณของบ่าว
ความคิดเห็นที่ 5
โคตรซึ้งเลย อ่านแล้วทำให้รู้ว่า จากที่เคยคิดว่าโค้ชเค้าคงจะเครียดกันจากกระแสที่คนด่าๆกัน
ทำให้รู้ว่า เค้าเครียดและรู้สึกแย่กันมากกกกกกกว่าที่เราคิดไว้มากๆอีกแฮะ

เป็นกำลังใจให้โค้ชคิ้มนะคะ เรารักโค้ชคิ้มมากเลยอ่ะ พี่คิ้มเป็นคนที่เก่งและสุดยอดมากๆสำหรับเรา
การคอมเม้นอะไรทุกอย่าง พี่คิ้มเอาใจเราไปเลยทุกที เป็นคนที่มีประโยคคำพูดมากมายเต็มไปหมด ที่แทบจะไม่ซ้ำ
ก็ไม่รู้ว่าเจ๊สรรหามาจากไหนได้เยอะแยะดีงามขนาดนี้ 555 และเราก็มักเห็นด้วยในคำพูดนั้นๆ

เป็นกำลังใจให้โค้ชทั้ง 4 ท่าน อย่าไปเครียดกันเลยค่าา

ว่าแต่เจ๊พูดงี้ เหมือนจะไม่เป็นโค้ชต่อเลยอ่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่