ชั่งใจอยู่ว่า จะเขียนดีมั้ย เพราะเดี๋ยวเขียนไปคนก็จะหาว่า "ติ่ง" ซึ่งโอเค...ยอมรับ 555 แต่มันมีประเด็นบางอย่างที่ได้จากการสังเกตวงการเพลง (อาจรวมถึงวงการหนังด้วย) ไม่ว่าจะในไทย เกาหลี หรือตะวันตกช่วงประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา บวกด้วยประสบการณ์ติ่งส่วนตัว ว่ามีปรากฎการณ์บางอย่างที่น่าสนใจ แม้กระทั่งการเข้ารอบของอิมเมจก็อาจพอถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของปรากฎการณ์นั้นได้ นั่นคือการก้าวขึ้นมามีบทบาทและได้รับความนิยมมากขึ้นของ "ผู้หญิง"
ในการแข่งขันพวกรายการเรียลลิตี้ที่ไม่แยกชายหญิง มักมีทฤษฎีหรือแนวคิดอย่างหนึ่งที่ว่า "ยังไงผู้หญิงไม่มีวันชนะ" จริงๆ อาจเป็นคำพูดที่เกินจริงไปหน่อย เพราะหลายๆ เวทีก็มีผู้หญิงได้แชมป์ แต่ถ้าวัดกันตามสถิติแล้ว...ก็จริงนั่นแหละ โอกาสที่ผู้หญิงจะชนะ เข้ารอบ หรือได้แชมป์ มีน้อยกว่าผู้ชายเสมอ ยิ่งในรายการที่เป็นระดับมหาชน คนดู คนโหวตจำนวนมากแล้วด้วย นี่ไม่ใช่แค่เฉพาะรายการเรียลลิตี้เท่านั้น กระทั่งวงการเพลงจริงๆ โอกาสที่ศิลปินหญิงจะประสบความสำเร็จในระดับเทียบเท่าหรือมากกว่าศิลปินผู้ชายดังๆ ก็ยังถือว่าน้อยอยู่ ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไป คนที่ยังรักษาความนิยมตัวเองได้ก็มักเป็นศิลปินชายเสียมากกว่า
ที่เป็นเช่นนี้เพราะกลุ่มคนที่พร้อมจะ "ออกตังค์" โหวตหรือกระทั่งซื้อสินค้าของศิลปิน ส่วนใหญ่มักจะเป็น "เพศหญิง" หรือไม่ก็มีเพศสภาพเป็น "เพศหญิง" ถ้าเป็นสายจิตวิทยาก็อาจจะบอกว่าเพราะเพศหญิงตัดสินใจด้วยอารมณ์มากกว่า ดังนั้นความชื่นชอบที่มีต่อตัวผู้เข้าแข่งขันหรือศิลปิน จะสามารถแปลงเป็นการเคลื่อนไหวของเงินที่ออกจากกระเป๋าได้ง่าย ขณะที่ผู้ชายบอกว่าชอบไปก็เท่านั้นแหละ พอถึงบทจะต้องเสียตังค์จริงๆ อาจมีแค่ไม่กี่คนที่ยอมควักจ่าย (แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกีฬาอาจสลับกัน) และจะเพราะค่านิยม วัฒนธรรม หรือฮอรโมนในร่างกายก็ตาม ผู้หญิงส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะกดโหวตให้ผู้เข้าแข่งขันชายมากกว่า ยิ่งถ้าหน้าตาโอเคด้วยแล้ว (แต่คำนิยามเรื่องหน้าตาดีนี่อาจแตกต่างไปได้ในแต่ละยุคสมัย) เงินในโทรศัพท์จะเคลื่อนที่ได้เร็วยิ่งขึ้นนัก เมื่อผู้หญิงยอมจ่ายตังค์มากกว่าผู้ชาย ก็ไม่แปลกทีที่ผ่านมามักเป็นผู้ชายที่ไปได้ไกลกว่าในการประกวดต่างๆ
ทฤษฎีข้างต้นยังใช้ได้มั้ยในปัจจุบัน...ก็ใช้ได้แหละ ทุกวันนี้คนที่พร้อมจะออกตังค์ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี แต่อย่างหนึ่งที่เปลี่ยนไปและสำคัญมากกว่าคือ แทนที่ผู้หญิงจะโหวตให้ผู้ชายเหมือนเมื่อก่อน มาวันนี้มีผู้หญิงบางส่วน (หรือหลายส่วน) เลือกที่จะโหวตให้กับผู้หญิงด้วยกันเองแทน และเหมือนกลุ่มเหล่านี้จะขยายขึ้นเรื่อยๆ ไม่เฉพาะแค่ในรายการเรียลลิตี้ แต่ในวงการเพลงจริงๆ เราก็จะสัมผัสได้ถึง "การเติบโตของกลุ่มแฟนคลับผู้หญิงของศิลปินหญิง"
จากประสบการณ์ติ่งส่วนตัว ขอยกตัวอย่าง วงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีอย่าง "Girls' Generation" (SNSD) (วงติ่งของตัวเอง 555) SNSD แรกเริ่มก็เหมือนเกิร์ลกรุ๊ปทั่วไปนั่นแหละคือเพลงและภาพลักษณ์ออกมาเพื่อดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างผู้ชายเป็นหลัก ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จนะ แต่การจะพึ่งพึงแฟนคลับผู้ชายอย่างเดียวมันไม่ค่อยยั่งยืนเท่าไหร่ เพราะพอมีวงใหม่มา ผู้ชายหลายคนก็พร้อมจะปันใจทันที 555 ยิ่งแฟนคลับที่จะมาช่วย support ซื้อ CD ซื้อสินค้าที่ระลึก ซื้อตั๋วคอนเสิร์ต แรกๆ อาจมีแฟนคลับผู้ชายทุ่มหน่อย แต่หลังๆ ก็จะมีเริ่มอิดออด และบอกว่าดูทาง Youtube อย่างเดียวก็ได้นะ (เราก็เป็น 555) ดังนั้น สังเกตเห็นว่านับตั้งแต่ช่วง Run Devil Run (2010) เป็นต้นมา SNSD เปลี่ยนมาเป็นวงที่มุ่งเน้นสร้างฐานแฟนคลับผู้หญิงอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะในแง่ของตัวเพลงที่เนื้อหาออกแนวปาน ธนพร จิกกัดผู้ชาย หรือไม่ก็เป็นผู้นำผู้ชายมากขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงภาพลักษณ์ที่เน้นความเป็นสาวเก่งมากกว่าสาวแบ๊วออดอ้อนผู้ชาย ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะในขณะที่วงอื่นๆ เริ่มหายไป และต้องลุ้นความนิยมกันที่เพลงต่อเพลง แต่ SNSD กลับยืนระยะได้นานมาก โดยที่ยังมีฐานแฟนคลับ (ผู้หญิง) ที่พร้อมจะสนับสนุนซื้อสินค้าต่างๆ อยู่ตลอด แม้ช่วงหลังจะลดน้อยลงไปบ้าง หรือเพลงไม่ดังแล้วบ้าง แต่ในแง่ฐานแฟนคลับยังค่อนข้างแน่นปึ้ก

ข้ามไปอีกซีกโลกอย่าง Taylor Swift ช่วงอัลบั้มแรกๆ ที่ยังเป็นสาวใสคันทรี่อยู่ Taylor มีแฟนคลับที่เป็นผู้ชายอยู่มากทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยอมว่าส่วนหนึ่งชอบเธอเพราะ เธอน่ารัก ^^ แต่เช่นเดียวกับ SNSD มีแต่ฐานแฟนผู้ชายมันไม่ค่อยยั่งยืนเท่าไหร่ ชุดหลังๆ เราเริ่มเห็น Taylor ปรับทั้งแนวเพลงและภาพลักษณ์ จากสาวใสเอาใจหนุ่มๆ มาเป็นสาวมั่นที่ไม่สนใจผู้ชาย แต่เป็นผู้ชายที่ต้องมาสยบใต้เท้าเธอ ยิ่งชุดล่าสุดนี่เห็นได้ชัดเลย ถ้าสมมติ Taylor ยังเน้นฐานแฟนเพลงผู้ชายเป็นหลัก อัลบั้มล่าสุดอาจไม่ทำยอดขายเป็นประวัติการณ์แบบนี้ก็เป็นได้

ที่ว่ามาข้างต้นมองในมุมศิลปิน แต่คราวนี้ลองมองในกลุ่มประชาชนบ้าง ส่วนตัวไช่นักจิตวิทยาหรือสังคมวิทยาเลยอาจให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ว่าทำไม แต่เท่าที่สังเกตเป็นไปได้ว่า สภาพสังคมที่เปลี่ยนไป เรื่องสิทธิสตรีที่ได้รับความสนใจมากขึ้น ทำให้เกิดการตั้งคำถามกับค่านิยมชายเป็นใหญ่เดิม ผู้หญิงหลายคนเริ่มรู้สึกว่าก็อยู่ด้วยตัวเองได้นิ และอาจรวมไปถึงไม่อยากให้โดนหาว่าเป็นติ่งผู้ชายด้วย หลายคนจึงเลือกหันไปชื่นชอบศิลปินหญิงด้วยกันแทน และถือศิลปินเหล่านั้นเป็น "Role Model" ของตัวเอง มันไม่ใช่ว่าแฟนคลับศิลปินหญิงจะเป็นเลสเปี้ยน แต่เป็นเพราะพวกเธออยากได้ต้นแบบสิ่งที่พวกเธออยากเป็นในอนาคต (หรืออยากเป็นแต่เป็นไม่ได้)
มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือศิลปินหญิงที่มีฐานแฟนคลับผู้หญิงด้วยกันจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะมีบางอย่างคล้ายๆ กัน คือ มักมีบุคลิกแบบมั่นใจตัวเอง แต่เป็นความมั่นใจแบบพอดี ไม่ใช่จะเอาแต่ใจตัวเองเสียทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีบุคลิกแบบเกรียนๆ ฮาๆ เป็นกันเองอยู่บ้าง เพื่อให้แฟนคลับสามารถเชื่อมโยงกับตัวศิลปินได้บ้าง ให้รู้สึกว่า เขาก็ไม่ได้ต่างจากเราเกินไปนะ เรียกว่าต้องมีทั้งความเป็น "Role Model" และ "Girl Next Door" ผสมกัน ถ้ามีแต่มั่นอย่างเดียว ส่วนใหญ่ก็ไปไม่รอดเช่นกัน นอกจาก Taylor กับ SNSD แล้ว อีกคนที่เป็นแบบนี้ก็คือ "Jennifer Lawrence" ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชายเองหลังๆ ก็สังเกตว่าหันมาชอบแนว Girl Next Door มากขึ้นเช่นกัน คือประเภท X เกินไป หรือแบ๊วเกินไป หลายคนก็ไม่ชอบแล้วนะ
กลับมาที่น้องอิมเมจ การที่น้องสามารถเอาชนะพี่ชาติได้นั้น ก็เพราะอิมเมจค่อนข้างประสบความสำเร็จในการสร้างฐานแฟนคลับผู้หญิงที่พร้อมจะเสียเงินให้กับตนเอง โอเค...วันนี้มีผู้ชายจำนวนมากเช่นกันที่โหวตให้อิมเมจ แต่ค่อนข้างเชื่อมั่นว่าในบรรดาคะแนนที่โหวตให้อิมเมจทั้งหมด เกินครึ่งมาจากผู้หญิงด้วยกัน (ความรู้สึกและการสังเกตจากใน Social Network) ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะอิมเมจมาในสไตล์ที่ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป คือผู้เข้าแข่งขันบางคนมาในแบบที่ผู้หญิงจ๋าเลย สวย หวาน น่ารัก แบ๊วๆ ผู้ชายชอบนะ แต่ไม่ค่อยโหวตหรอก 555 ส่วนผู้หญิงด้วยกันเองก็จะเกิดอาการหมั่นไส้กัน (แกสวยนักเหรอ ไม่โหวตให้หรอก) แต่อิมเมจจะไม่ชวนให้รู้สึกถึงขั้นนั้น คนจะรู้สึกว่านี่คือผู้หญิงเก่งมากกว่าผู้หญิงสวย พอมันมีเรื่องความเก่ง ความสามารถ พรสวรรค์นำหน้า ทำให้ผู้หญิงหลายคนโดยเฉพาะน้องๆ วัยมัธยม (รวมถึงวัยมหาลัย) ชื่นชอบอิมเมจและยึดถืออิมเมจเป็น Role Model ไปในตัว ซึ่งน้องๆ มัธยมเหล่านี้นี่แหละถ้าเป็นแฟนคลับใครจะทุ่มอย่างจริงจังมาก อันนี้สังเกตจากการเป็นติ่งเกาหลี 555
อิมเมจยังมีจุดแข็งอีกอย่างคือมีความเป็น Girl Next Door สูง หน้าตาไม่ใช่น่ารักสุดๆ เพราะเอาเข้าจริงหน้าตาประมาณนี้ก็เจอได้ทั่วๆ ไปนั่นแหละ แต่ก็มีความน่าเอ็นดูอยู่พอควร หรือเพราะเราไม่ค่อยเจอลักษณะแบบนี้ในรายการร้องเพลง เพราะส่วนใหญ่ถ้าผู้หญิงได้เข้ารอบก็จัดแต่งองค์ทรงเครื่องจัดเต็มกันทั้งนั้น แต่นี่มาแบบสบายๆ มีนิสัยเกรียนอยู่ในตัว แต่ไม่ล้นจนน่าหมั่นไส้ บางทีมันจึงเหมือนเชียร์น้องสาว มากกว่าแบบคนนั้นน่ารักจัง อยากได้เป็นแฟน ส่วนนี้ทำให้นอกเหนือจากฐานแฟนคลับผู้หญิงที่ค่อนข้างแน่นแล้ว ทำให้ผุ้ชายอีกหลายคนเผลอใจกดโหวตให้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
สำหรับรายการประกวดร้องเพลงต่อจากนี้ ผู้หญิงน่าจะมีสิทธิ มีโอกาสมากขึ้นกว่าเดิม อย่าง AF ปีล่าสุดที่ผู้หญิงก็ได้แชมป์ ก็เป็นการพิสูจน์อย่างหนึ่งว่า ฐานแฟนคลับผู้หญิงมีบทบาทมากในปัจจุบัน (ของ AF นี่มีเรื่องคู่จิ้นวายมาเอาใจแฟนคลับโดยเฉพาะด้วย) ไม่ใช่แค่ผู้เข้าแข่งขันชายที่จะผูกขาดเสียงโหวตได้อีกต่อไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ใช่ว่าแบบนี้แล้วผู้เข้าแข่งขันหญิงจะมีสิทธิทั้งหมด เพราะสุดท้ายมันยังอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ผู้หญิงที่จะสามารถทำให้ผู้หญิงด้วยกันเองชอบได้ ต้องมีทั้ง Role Model และ Girl Next Door อยู่ตัว ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ง่ายเช่นเดียวกัน บางทีพยายามเป็นมากไป อาจทำให้คนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมชาติเสียด้วยซ้ำ
ป.ล.1 โชว์ Beautiful ไม่ใช่โชว์ที่พีคสุดจากอิมเมจ แต่มันมีองค์ประกอบที่คนที่ชอบอิมเมจคาดหวังไว้ นั่นคือ การได้เห็นอะไรที่มันเซอร์ไพรส์จากรอบก่อนๆ และการที่อิมเมจตั้งโจทย์โดยมีการท้าทายกับคนดูคนฟังไปด้วย (หาว่าร้องเพลงไทยไม่ได้ใช่มั้ย ร้องใจนักเลงเลย/ ได้ดีเพราะใส่แว่นใช่มั้ย ถอดแว่นเลย) แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เปลี่ยนตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ ยังใส่ความเป็นตัวเองไว้เพื่อให้รู้ว่านี่คืออิมเมจ ไม่ว่าจะเป็นใจนักเลงท่อนอังกฤษ หรือใส่แว่น สวมกางเกงยีนส์ช่วงท้ายเพลง Beautiful มันคือ ความแสดงความสามารถหลากหลายแนวโดยที่ยังไม่ทิ้งความป็นตัวเองมากนัก ซึ่งจะว่าไปมันคือสไตล์ที่คนไทยส่วนใหญ่ชอบ อย่างนนท์ตอน SS1 ก็มีการโชว์ในหลากหลายสไตล์ แต่ทุกโชว์ก็จะมีบางอย่างที่ทำให้เรารู้อยู่ว่านี่แหละนนท์
ป.ล.2 นอกจากปรากฎการณ์การเพิ่มขึ้นของแฟนคลับผู้หญิงของศิลปินหญิงแล้ว มีปรากฎการณ์อย่างหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก็คือ การเพิ่มขึ้นของแฟนคลับเพศสภาพผู้หญิงของศิลปินหญิง โดยเฉพาะศิลปินแนว Dance Diva ผู้หญิงที่มีอายุหน่อย สังเกตว่าเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆ กลุ่มนี้มาก จนมีศัพท์อย่างคำว่า "ขุ่นแม่" ขึ้นมา
วิเคราะห์การเข้ารอบของอิมเมจ และข้อสังเกตเรื่องความนิยมต่อผู้หญิงในวงการเพลงปัจจุบัน
ในการแข่งขันพวกรายการเรียลลิตี้ที่ไม่แยกชายหญิง มักมีทฤษฎีหรือแนวคิดอย่างหนึ่งที่ว่า "ยังไงผู้หญิงไม่มีวันชนะ" จริงๆ อาจเป็นคำพูดที่เกินจริงไปหน่อย เพราะหลายๆ เวทีก็มีผู้หญิงได้แชมป์ แต่ถ้าวัดกันตามสถิติแล้ว...ก็จริงนั่นแหละ โอกาสที่ผู้หญิงจะชนะ เข้ารอบ หรือได้แชมป์ มีน้อยกว่าผู้ชายเสมอ ยิ่งในรายการที่เป็นระดับมหาชน คนดู คนโหวตจำนวนมากแล้วด้วย นี่ไม่ใช่แค่เฉพาะรายการเรียลลิตี้เท่านั้น กระทั่งวงการเพลงจริงๆ โอกาสที่ศิลปินหญิงจะประสบความสำเร็จในระดับเทียบเท่าหรือมากกว่าศิลปินผู้ชายดังๆ ก็ยังถือว่าน้อยอยู่ ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไป คนที่ยังรักษาความนิยมตัวเองได้ก็มักเป็นศิลปินชายเสียมากกว่า
ที่เป็นเช่นนี้เพราะกลุ่มคนที่พร้อมจะ "ออกตังค์" โหวตหรือกระทั่งซื้อสินค้าของศิลปิน ส่วนใหญ่มักจะเป็น "เพศหญิง" หรือไม่ก็มีเพศสภาพเป็น "เพศหญิง" ถ้าเป็นสายจิตวิทยาก็อาจจะบอกว่าเพราะเพศหญิงตัดสินใจด้วยอารมณ์มากกว่า ดังนั้นความชื่นชอบที่มีต่อตัวผู้เข้าแข่งขันหรือศิลปิน จะสามารถแปลงเป็นการเคลื่อนไหวของเงินที่ออกจากกระเป๋าได้ง่าย ขณะที่ผู้ชายบอกว่าชอบไปก็เท่านั้นแหละ พอถึงบทจะต้องเสียตังค์จริงๆ อาจมีแค่ไม่กี่คนที่ยอมควักจ่าย (แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกีฬาอาจสลับกัน) และจะเพราะค่านิยม วัฒนธรรม หรือฮอรโมนในร่างกายก็ตาม ผู้หญิงส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะกดโหวตให้ผู้เข้าแข่งขันชายมากกว่า ยิ่งถ้าหน้าตาโอเคด้วยแล้ว (แต่คำนิยามเรื่องหน้าตาดีนี่อาจแตกต่างไปได้ในแต่ละยุคสมัย) เงินในโทรศัพท์จะเคลื่อนที่ได้เร็วยิ่งขึ้นนัก เมื่อผู้หญิงยอมจ่ายตังค์มากกว่าผู้ชาย ก็ไม่แปลกทีที่ผ่านมามักเป็นผู้ชายที่ไปได้ไกลกว่าในการประกวดต่างๆ
ทฤษฎีข้างต้นยังใช้ได้มั้ยในปัจจุบัน...ก็ใช้ได้แหละ ทุกวันนี้คนที่พร้อมจะออกตังค์ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี แต่อย่างหนึ่งที่เปลี่ยนไปและสำคัญมากกว่าคือ แทนที่ผู้หญิงจะโหวตให้ผู้ชายเหมือนเมื่อก่อน มาวันนี้มีผู้หญิงบางส่วน (หรือหลายส่วน) เลือกที่จะโหวตให้กับผู้หญิงด้วยกันเองแทน และเหมือนกลุ่มเหล่านี้จะขยายขึ้นเรื่อยๆ ไม่เฉพาะแค่ในรายการเรียลลิตี้ แต่ในวงการเพลงจริงๆ เราก็จะสัมผัสได้ถึง "การเติบโตของกลุ่มแฟนคลับผู้หญิงของศิลปินหญิง"
จากประสบการณ์ติ่งส่วนตัว ขอยกตัวอย่าง วงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีอย่าง "Girls' Generation" (SNSD) (วงติ่งของตัวเอง 555) SNSD แรกเริ่มก็เหมือนเกิร์ลกรุ๊ปทั่วไปนั่นแหละคือเพลงและภาพลักษณ์ออกมาเพื่อดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างผู้ชายเป็นหลัก ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จนะ แต่การจะพึ่งพึงแฟนคลับผู้ชายอย่างเดียวมันไม่ค่อยยั่งยืนเท่าไหร่ เพราะพอมีวงใหม่มา ผู้ชายหลายคนก็พร้อมจะปันใจทันที 555 ยิ่งแฟนคลับที่จะมาช่วย support ซื้อ CD ซื้อสินค้าที่ระลึก ซื้อตั๋วคอนเสิร์ต แรกๆ อาจมีแฟนคลับผู้ชายทุ่มหน่อย แต่หลังๆ ก็จะมีเริ่มอิดออด และบอกว่าดูทาง Youtube อย่างเดียวก็ได้นะ (เราก็เป็น 555) ดังนั้น สังเกตเห็นว่านับตั้งแต่ช่วง Run Devil Run (2010) เป็นต้นมา SNSD เปลี่ยนมาเป็นวงที่มุ่งเน้นสร้างฐานแฟนคลับผู้หญิงอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะในแง่ของตัวเพลงที่เนื้อหาออกแนวปาน ธนพร จิกกัดผู้ชาย หรือไม่ก็เป็นผู้นำผู้ชายมากขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงภาพลักษณ์ที่เน้นความเป็นสาวเก่งมากกว่าสาวแบ๊วออดอ้อนผู้ชาย ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะในขณะที่วงอื่นๆ เริ่มหายไป และต้องลุ้นความนิยมกันที่เพลงต่อเพลง แต่ SNSD กลับยืนระยะได้นานมาก โดยที่ยังมีฐานแฟนคลับ (ผู้หญิง) ที่พร้อมจะสนับสนุนซื้อสินค้าต่างๆ อยู่ตลอด แม้ช่วงหลังจะลดน้อยลงไปบ้าง หรือเพลงไม่ดังแล้วบ้าง แต่ในแง่ฐานแฟนคลับยังค่อนข้างแน่นปึ้ก
ข้ามไปอีกซีกโลกอย่าง Taylor Swift ช่วงอัลบั้มแรกๆ ที่ยังเป็นสาวใสคันทรี่อยู่ Taylor มีแฟนคลับที่เป็นผู้ชายอยู่มากทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยอมว่าส่วนหนึ่งชอบเธอเพราะ เธอน่ารัก ^^ แต่เช่นเดียวกับ SNSD มีแต่ฐานแฟนผู้ชายมันไม่ค่อยยั่งยืนเท่าไหร่ ชุดหลังๆ เราเริ่มเห็น Taylor ปรับทั้งแนวเพลงและภาพลักษณ์ จากสาวใสเอาใจหนุ่มๆ มาเป็นสาวมั่นที่ไม่สนใจผู้ชาย แต่เป็นผู้ชายที่ต้องมาสยบใต้เท้าเธอ ยิ่งชุดล่าสุดนี่เห็นได้ชัดเลย ถ้าสมมติ Taylor ยังเน้นฐานแฟนเพลงผู้ชายเป็นหลัก อัลบั้มล่าสุดอาจไม่ทำยอดขายเป็นประวัติการณ์แบบนี้ก็เป็นได้
ที่ว่ามาข้างต้นมองในมุมศิลปิน แต่คราวนี้ลองมองในกลุ่มประชาชนบ้าง ส่วนตัวไช่นักจิตวิทยาหรือสังคมวิทยาเลยอาจให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ว่าทำไม แต่เท่าที่สังเกตเป็นไปได้ว่า สภาพสังคมที่เปลี่ยนไป เรื่องสิทธิสตรีที่ได้รับความสนใจมากขึ้น ทำให้เกิดการตั้งคำถามกับค่านิยมชายเป็นใหญ่เดิม ผู้หญิงหลายคนเริ่มรู้สึกว่าก็อยู่ด้วยตัวเองได้นิ และอาจรวมไปถึงไม่อยากให้โดนหาว่าเป็นติ่งผู้ชายด้วย หลายคนจึงเลือกหันไปชื่นชอบศิลปินหญิงด้วยกันแทน และถือศิลปินเหล่านั้นเป็น "Role Model" ของตัวเอง มันไม่ใช่ว่าแฟนคลับศิลปินหญิงจะเป็นเลสเปี้ยน แต่เป็นเพราะพวกเธออยากได้ต้นแบบสิ่งที่พวกเธออยากเป็นในอนาคต (หรืออยากเป็นแต่เป็นไม่ได้)
มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือศิลปินหญิงที่มีฐานแฟนคลับผู้หญิงด้วยกันจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะมีบางอย่างคล้ายๆ กัน คือ มักมีบุคลิกแบบมั่นใจตัวเอง แต่เป็นความมั่นใจแบบพอดี ไม่ใช่จะเอาแต่ใจตัวเองเสียทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีบุคลิกแบบเกรียนๆ ฮาๆ เป็นกันเองอยู่บ้าง เพื่อให้แฟนคลับสามารถเชื่อมโยงกับตัวศิลปินได้บ้าง ให้รู้สึกว่า เขาก็ไม่ได้ต่างจากเราเกินไปนะ เรียกว่าต้องมีทั้งความเป็น "Role Model" และ "Girl Next Door" ผสมกัน ถ้ามีแต่มั่นอย่างเดียว ส่วนใหญ่ก็ไปไม่รอดเช่นกัน นอกจาก Taylor กับ SNSD แล้ว อีกคนที่เป็นแบบนี้ก็คือ "Jennifer Lawrence" ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชายเองหลังๆ ก็สังเกตว่าหันมาชอบแนว Girl Next Door มากขึ้นเช่นกัน คือประเภท X เกินไป หรือแบ๊วเกินไป หลายคนก็ไม่ชอบแล้วนะ
กลับมาที่น้องอิมเมจ การที่น้องสามารถเอาชนะพี่ชาติได้นั้น ก็เพราะอิมเมจค่อนข้างประสบความสำเร็จในการสร้างฐานแฟนคลับผู้หญิงที่พร้อมจะเสียเงินให้กับตนเอง โอเค...วันนี้มีผู้ชายจำนวนมากเช่นกันที่โหวตให้อิมเมจ แต่ค่อนข้างเชื่อมั่นว่าในบรรดาคะแนนที่โหวตให้อิมเมจทั้งหมด เกินครึ่งมาจากผู้หญิงด้วยกัน (ความรู้สึกและการสังเกตจากใน Social Network) ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะอิมเมจมาในสไตล์ที่ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป คือผู้เข้าแข่งขันบางคนมาในแบบที่ผู้หญิงจ๋าเลย สวย หวาน น่ารัก แบ๊วๆ ผู้ชายชอบนะ แต่ไม่ค่อยโหวตหรอก 555 ส่วนผู้หญิงด้วยกันเองก็จะเกิดอาการหมั่นไส้กัน (แกสวยนักเหรอ ไม่โหวตให้หรอก) แต่อิมเมจจะไม่ชวนให้รู้สึกถึงขั้นนั้น คนจะรู้สึกว่านี่คือผู้หญิงเก่งมากกว่าผู้หญิงสวย พอมันมีเรื่องความเก่ง ความสามารถ พรสวรรค์นำหน้า ทำให้ผู้หญิงหลายคนโดยเฉพาะน้องๆ วัยมัธยม (รวมถึงวัยมหาลัย) ชื่นชอบอิมเมจและยึดถืออิมเมจเป็น Role Model ไปในตัว ซึ่งน้องๆ มัธยมเหล่านี้นี่แหละถ้าเป็นแฟนคลับใครจะทุ่มอย่างจริงจังมาก อันนี้สังเกตจากการเป็นติ่งเกาหลี 555
อิมเมจยังมีจุดแข็งอีกอย่างคือมีความเป็น Girl Next Door สูง หน้าตาไม่ใช่น่ารักสุดๆ เพราะเอาเข้าจริงหน้าตาประมาณนี้ก็เจอได้ทั่วๆ ไปนั่นแหละ แต่ก็มีความน่าเอ็นดูอยู่พอควร หรือเพราะเราไม่ค่อยเจอลักษณะแบบนี้ในรายการร้องเพลง เพราะส่วนใหญ่ถ้าผู้หญิงได้เข้ารอบก็จัดแต่งองค์ทรงเครื่องจัดเต็มกันทั้งนั้น แต่นี่มาแบบสบายๆ มีนิสัยเกรียนอยู่ในตัว แต่ไม่ล้นจนน่าหมั่นไส้ บางทีมันจึงเหมือนเชียร์น้องสาว มากกว่าแบบคนนั้นน่ารักจัง อยากได้เป็นแฟน ส่วนนี้ทำให้นอกเหนือจากฐานแฟนคลับผู้หญิงที่ค่อนข้างแน่นแล้ว ทำให้ผุ้ชายอีกหลายคนเผลอใจกดโหวตให้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
สำหรับรายการประกวดร้องเพลงต่อจากนี้ ผู้หญิงน่าจะมีสิทธิ มีโอกาสมากขึ้นกว่าเดิม อย่าง AF ปีล่าสุดที่ผู้หญิงก็ได้แชมป์ ก็เป็นการพิสูจน์อย่างหนึ่งว่า ฐานแฟนคลับผู้หญิงมีบทบาทมากในปัจจุบัน (ของ AF นี่มีเรื่องคู่จิ้นวายมาเอาใจแฟนคลับโดยเฉพาะด้วย) ไม่ใช่แค่ผู้เข้าแข่งขันชายที่จะผูกขาดเสียงโหวตได้อีกต่อไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ใช่ว่าแบบนี้แล้วผู้เข้าแข่งขันหญิงจะมีสิทธิทั้งหมด เพราะสุดท้ายมันยังอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ผู้หญิงที่จะสามารถทำให้ผู้หญิงด้วยกันเองชอบได้ ต้องมีทั้ง Role Model และ Girl Next Door อยู่ตัว ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ง่ายเช่นเดียวกัน บางทีพยายามเป็นมากไป อาจทำให้คนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมชาติเสียด้วยซ้ำ
ป.ล.1 โชว์ Beautiful ไม่ใช่โชว์ที่พีคสุดจากอิมเมจ แต่มันมีองค์ประกอบที่คนที่ชอบอิมเมจคาดหวังไว้ นั่นคือ การได้เห็นอะไรที่มันเซอร์ไพรส์จากรอบก่อนๆ และการที่อิมเมจตั้งโจทย์โดยมีการท้าทายกับคนดูคนฟังไปด้วย (หาว่าร้องเพลงไทยไม่ได้ใช่มั้ย ร้องใจนักเลงเลย/ ได้ดีเพราะใส่แว่นใช่มั้ย ถอดแว่นเลย) แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เปลี่ยนตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ ยังใส่ความเป็นตัวเองไว้เพื่อให้รู้ว่านี่คืออิมเมจ ไม่ว่าจะเป็นใจนักเลงท่อนอังกฤษ หรือใส่แว่น สวมกางเกงยีนส์ช่วงท้ายเพลง Beautiful มันคือ ความแสดงความสามารถหลากหลายแนวโดยที่ยังไม่ทิ้งความป็นตัวเองมากนัก ซึ่งจะว่าไปมันคือสไตล์ที่คนไทยส่วนใหญ่ชอบ อย่างนนท์ตอน SS1 ก็มีการโชว์ในหลากหลายสไตล์ แต่ทุกโชว์ก็จะมีบางอย่างที่ทำให้เรารู้อยู่ว่านี่แหละนนท์
ป.ล.2 นอกจากปรากฎการณ์การเพิ่มขึ้นของแฟนคลับผู้หญิงของศิลปินหญิงแล้ว มีปรากฎการณ์อย่างหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก็คือ การเพิ่มขึ้นของแฟนคลับเพศสภาพผู้หญิงของศิลปินหญิง โดยเฉพาะศิลปินแนว Dance Diva ผู้หญิงที่มีอายุหน่อย สังเกตว่าเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆ กลุ่มนี้มาก จนมีศัพท์อย่างคำว่า "ขุ่นแม่" ขึ้นมา