เนื่องจากคุณน้องสาวอยากดูมาก เลยพาคุณน้องไปดูกันที่โรงหนังสกาลา หลังจากดูแล้วมานั่งกินไอติมถกกัน ก็เลยรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าที่เห็นเยอะเหมือนกันค่ะ
ก่อนอื่นก็ขอเขียนรีวิวแบบคร่าว ๆ ให้คนที่กำลับกำลังตัดสินใจว่าจะไปดูดีมั้ยได้อ่านก่อน ตรงส่วนนี้จะไม่สปอยล์เนื้อเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จะพูดถึงหนังเรื่องนี้โดยภาพรวมประกอบการตัดสินใจค่ะ
- เนื้อเรื่อง: อารมณ์ประมาณ Marvel ผสมดิสนีย์ ฮิโระ พระเอกหนุ่มน้อยเป็นเด็กอัจฉริยะที่ประดิษฐ์ของเก่งมาก (ประมาณโทนี่ สตาร์ก) เนื้อเรื่องส่วนใหญ่เน้นความผูกพันของพระเอก + พี่ชาย + เบย์แมกส์ ซึ่งน่ารักอบอุ่นน่ากอดมาก ในจุดนี้ก็สมเป็นดิสนีย์ ทำออกมาได้ซาบซึ้งกินใจดีค่ะ ตอนนั่งเขียนรีวิวถึงหลาย ๆ ฉาก ถึงขึ้นร้องไห้ไประหว่างเขียนรีวิวก็มีเลย
- งานภาพ: มีหลายฉากที่ไว้โชว์ไอเดียต่าง ๆ (ที่เอาโตเกียวมาผสมกับซานฟราน) ทำได้งดงามมาก ดูเพลิน ๆ เป็นอาหารตาได้
- การเดินเรื่อง : เรารู้สึกว่าเรื่องนี้เดินเรื่องเร็วไป เพราะเดินเรื่องเร็วเลยรู้สึกว่าอารมณ์สะดุดในบางจุด บทตัวประกอบน้อยไปหน่อย (จริง ๆ รู้สึกมาตั้งแต่สมัยราพันเซลแล้ว เรื่องที่ตัวประกอบดิสนีย์มีสเน่ห์น่าจดจำน้อยลง) คิดว่าด้วยการเดินเรื่องแบบนี้หนังน่าจะยาวกว่านี้ ยาวซัก 2 ชม. น่าจะกำลังดี แต่ใจจริงคิดว่าถ้าพิกซาร์มาสร้างแทนก็อาจจะบริหารเวลาได้คุ้มกว่านี้ก็ได้นะคะ
จากนี้ไปจะเป็นการสปอยล์แหลกลาญค่ะ ถ้าไม่อยากโดนสปอยล์ตรงนี้รอดูหนังจบค่อยกลับมาอ่านนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ว่าด้วยเนื้อเรื่องแบบยาวเหยียด
จริง ๆ แล้วพวกเขาก็เป็นแค่เนิร์ดธรรมดา ๆ นี่แหละ
ตัวละครในเรื่อง ยกเว้นเรื่องที่สมองอัจฉริยะจนหาตัวจับได้ยาก ก็เป็นคนธรรมดาทั่วไป มีบ้าน มีครอบครัว แม้แต่ตัวร้ายเอง ก็เป็นแค่ศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัย อาจมีงานวิจัยสุดล้ำ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของสายอาชีพ แต่เพราะอุบัติเหตุ ทำให้ชีวิตของพวกเขาพลิกผันเข้าสู้เส้นทางอีกสายหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ (อาจยกเว้นตาคุณชายมาดไม่ให้ที่มีครอบครัวสุดพิเศษไว้คนนึง แต่รายนั้น ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นฮีโร่เหมือนกัน)
ความรัก ความแค้น แรงผลักดัน
อาจกล่าวได้ว่าเส้นทางสู้การเป็นฮีโร่ของฮิโระ เริ่มต้นมาจากความตายของทาดาชิ พี่ชายผู้เป็นที่รัก ด้วยอุบัติเหตุเพลิงไหม้ และการสูญเสียพี่ชาย หลังจากนั้นฮิโระก็บังเอิญทำให้เบย์แมกส์ ผลงานชิ้นสำคัญของพี่ชายตื่นขึ้นมา เบย์แมกส์ได้พาฮิโระไปพบกับโรงงานปริศนา ซึ่งเต็มไปด้วยชิ้นส่วนของไมโครบอต ผลงานของฮิโระที่ควรจะถูกทำลายไปในกองเพลิงหมดแล้ว แถมยังมีคนร้ายใส่หน้ากากคาบุกิควบคุมไมโครบอตมาโจมตีพวกฮิโระ ทำให้ฮิโระเชื่อว่ามีคนวางเพลิงเพื่อขโมยผลงานของเขา และตั้งเป้าหมายว่าจะจับตัวคนร้ายเพื่อแก้แค้นให้พี่ชายให้ได้
ขณะเดียวกัน เส้นทางสู่ความเป็นผู้ร้ายก็เริ่มต้นจากการสูญเสียคนในครอบครัวที่รักเช่นเดียวกับฮิโระ คัลลาฮานสูญเสียลูกสาวไปจากการทดลองสิ่งประดิษฐ์เครื่องข้ามมิติ และโทษว่าเคลย์ นักธุรกิจที่ออกทุนสนับสนุนงานวิจัย และปล่อยให้มีการทดลองทั้งที่รู้ว่าอันตราย เป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกสาวของเขาต้องตาย แน่นอนว่านึกอยากจะแก้แค้นเคลย์ตลอดเวลา
อุบัติเหตุ โอกาส ความเข้าใจผิด
ฮิโระฝังใจว่าคนร้ายสวมหน้ากากคาบุกินั้นคือเคลย์ ซึ่งดูเหมือนจะสนใจผลงานของเขา แต่ถูกปฏิเสธ จึงวางเพลิงเพื่อแย่งเอาผลงานของเขามา แต่เมื่อถอดหน้ากากของคนร้ายออก ปรากฏว่าชายใต้หน้ากากกลับเป็นดร. คัลลาฮาน คนที่พี่ชายของฮิโระตั้งใจจะเข้าไปช่วยออกมาจากอาคารที่ถูกไฟไหม้ และเสียชีวิตด้วยเหตุนั้น ส่วนดร. คัลลาฮาน บังเอิญได้รับความช่วยเหลือจากไมโครบอตของฮิโระ จึงรอดชีวิตจากเปลวเพลิงนั้นได้ จึงได้นำไมโครบอตของฮิโระมาใช้เพื่อแก้แค้นเคลย์
คัลลาฮานเป็นคนวางเพลิงอาคารเพื่อขโมยผลงานของฮิโระเหรอ? เปล่าเลยค่ะ มันก็เป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น คัลลาฮานแค่ใช้อุบัติเหตุนั้นสร้างโอกาสในการแก้แค้นของตน ฆาตกรที่ฆ่าพี่ชายของฮิโระก็เป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับคนร้ายเลย
ณ เส้นแบ่งระหว่างด้านสว่างกับด้านมืด
(ณ จุด ๆ นี้คือการตีความการกระทำของตัวละครแบบมโน 70%)
เมื่อความคาดหวังพลิกผันแปรเปลี่ยนไปเป็นแค่ความเข้าใจผิด ฮิโระคุงที่มุ่งมั่นตั้งใจจะจับคนร้ายเพื่อแก้แค้นให้พี่ชายจึงเริ่มไขว้เขว เชื่อว่าส่วนลึกในใจของฮิโระคงรับไม่ได้ในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องที่คนที่พี่ชายพยายามเข้าไปช่วยจนตัวตายกลับยังมีชีวิตอยู่ เลยเอาความโกรธแค้นทั้งหมดที่อยู่ที่คนร้ายวางเพลง (ซึ่งไม่มีตัวตนไปแล้ว) ไปลงที่คัลลาฮานทั้งหมด และสั่งให้เบย์แมกส์ "ทำลาย" คัลลาฮานทิ้งซะ เบย์แมกส์ซึ่งเป็นหุ่นที่ถูกสร้างเพื่อดูแลสุขภาพไม่ยอมทำตามคำสั่ง ฮิโระเลยถอดชิพดูแลสุขภาพที่พี่ชายใส่เข้าไปทิ้ง เบย์แมกส์ก็เริ่มเข้าโจมตีคัลลาฮาน (ตอนนั้นถูกถอดหน้ากากทิ้ง ควบคุมไมโครบอตไม่ได้ เท่ากับถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว) โชคยังดีที่เพื่อน ๆ พี่ชายของฮิโระเอาชิพกลับเข้าไปใส่ได้ทันแบบเฉียดฉิวก่อนที่เบย์แมกส์จะ "ทำลาย" คัลลาฮานจริง ๆ คัลลาฮานจึงรอดไปได้
ฉากนี้นั่งคุยกับน้องสาวหลังจากหนังจบ น้องบอกว่าอีกนิดเดียวฮิโระก็จะระเบิดอารมณ์และเข้าสู่ด้านมืดแล้ว เรามาย้อนคิดแล้วก็เห็นว่า เออ จริงแฮะ อารมณ์ของฮิโระในฉากนี้แทบจะฆ่าคนตายได้จริง ๆ ถ้าใส่ชิพไม่ทันนี่ ด้วยความสามารถของเบย์แมกส์รุ่นอัพเกรด คัลลาฮานตายแน่นอน แต่ก็นะ ถ้าให้พระเอกเข้าด้านมืดก็ไม่ใช่ดิสนีย์แล้ว
ในหนังการ์ตูนของดิสนีย์เรื่องอื่น ๆ ที่เคยฉายมา เรื่องที่ผ่านมาหลายเรื่องตัวร้ายต้องเจอกับความตาย และตัวร้ายเองก็ทำความชั่วที่สมควรกับความตาย (พูดง่าย ๆ คือศีลธรรมแบบขาวดำ) แต่เรื่องนี้พระเอกอยากให้ตัวร้ายตาย แต่กลายเป็นว่าการฆ่าตัวร้ายเท่ากับเป็นการฆ่าผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา (ตอนหลังมันจะไปทำผิดค่อยไปว่ากันอีกที) จุด ๆ นี้เราว่าดิสนีย์ประสบความสำเร็จในการปฏิวัติสูตรศีลธรรมแบบเดิม ๆ ของตัวเองมากกว่าสมัย Frozen เสียอีก
เขาอยู่ที่นี่
ชิพที่ฮิโระโยนทิ้งไปตอนสู้กับคัลลาฮานนั้นคือความพยายามทั้งหมดของพี่ชายที่จะสร้างหุ่นยนต์ดูแลสุขภาพเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ ฮิโระที่แม้จะถูกขัดขวางโดยเพื่อนพี่ชายไปรอบนึงแล้ว ก็ยังไม่คิดที่จะหยุดแก้แค้น เบย์แมกส์ไม่ยอมทำตามคำสั่งของฮิโระ แถมยังปิดถาดใส่ชิพ ไม่ให้ฮิโระเอาชิพของทาดาชิออกอีกด้วย เบย์แมกส์บอกฮิโระว่า "ทาดาชิไม่ได้ต้องการอย่างนั้นหรอก" "ทาดาชิตายไปแล้ว เขาไม่อยู่แล้ว" "ไม่ ทาดาชิยังอยู่ที่นี่" แล้วเบย์แมกส์ก็ฉายภาพวีดิโอของทาดาชิตอนที่พยายามสร้างเบย์แมกส์ขึ้นมาอย่างยากลำบาก
ทาดาชิอยู่ที่นี่ ความพยายามของทาดาชิ ความหวัง ความฝัน ทั้งหมดรวมอยู่ในตัวเบย์แมกส์ที่อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ที่ไม่อยากทำร้ายมนุษย์ ทาดาชิไม่ได้ต้องการให้ฮิโระทำร้ายคนอื่นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
จะเห็นได้ว่าชิพชิ้นนั้นเป็นตัวแทนของทาดาชิที่อยู่ในใจของฮิโระ ตอนที่ฮิโระโยนมันทิ้ง เท่ากับโยนพี่ชายที่อยู่ในใจทิ้งไปเช่นกัน เมื่อชิพกลับมาอยู่ในตัวเบย์แมกส์ เบย์แมกส์ก็สามารถกลับมาเป็นตัวแทนทาดาชิ เตือนสติฮิโระอีกครั้งหนึ่ง
ทำในสิ่งที่ถูก ทำให้มันถูกต้อง
ย้อนกลับไปตอนเริ่มเรื่อง ฮิโระชอบนำหุ่นที่ประดิษฐ์เองไปต่อสู้พนันในลานประลองซึ่งผิดกฎหมาย เป็นทาดาชินี่เองที่ชี้นำฮิโระให้เห็นหนทางอื่น และเปลี่ยนให้ฮิโระกลับมาเข้าลู่เข้าทางอีกครั้ง ในฉากที่ทาดาชิพาฮิโระมาชมห้องแลปที่ตัวเองทำงานอยู่ (ฮิโระดูจะทึ่งกับผลงานในห้องแลปมาก) ฮิโระได้พบกับศาสตราจารย์คัลลาฮาน ซึ่งพอเห็นว่าฮิโระสร้างหุ่นไปประลอง ก็บอกว่าเอาสมองไปใช้กับเรื่องที่สำเร็จง่าย ๆ แบบนี้ เธอคงไม่เหมาะกับการเรียนที่นี่หรอก ฉากนี้เองเป็นแรงบันดาลใจให้ฮิโระมุ่งมั่นจะเข้ามหาวิทยาลัย และสร้างไมโครบอตขึ้นมา ทาดาชิและเพื่อน ๆ ของเขา ได้ช่วยเหลือฮิโระจนผลงานของเขาสำเร็จ และได้หนังสือตอบรับจากมหาวิทยาลัยในที่สุด
ขณะเดียวกัน ฉากตอนต้นเรื่องด้านบนได้ถูกนำมาฉายซ้ำอีกรอบ ตอนที่ฮิโระเกือบจะเข้าด้านมืด เบย์แมกส์เองที่เป็นคนชี้นำให้ฮิโระเห็นว่าเขาทำผิดอย่างไร คัลลาฮานถึงแม้จะไม่ได้เป็นคนวางเพลิงฆ่าพี่ชายของฮิโระ แต่คัลลาฮานขโมยไมโครบอตมา แถมยังโจมตีพวกฮิโระที่จับได้ แสดงว่าต้องมีแผนการร้ายอย่างแน่นอน เพื่อน ๆ ของพี่ชายกลับมาหาเขา และร่วมมือกันอีกครั้ง เพื่อขัดขวางแผนร้ายของคัลลาฮาน
เราว่านี่คือ Theme หลักของหนังเรื่องนี้เลยค่ะ ค่อนข้างชัดตั้งแต่แรกที่ทาดาชิสอนให้ฮิโระเปลี่ยนจากมุ่งทางด้านประลองหุ่นพนันเงินซึ่งผิดกฎหมายไปเป็นมุ่งด้านพัฒนานวัตกรรม และตอนที่เบย์แมกส์สอนให้ฮิโระเปลี่ยนจากมุ่งจะแก้แค้นให้พี่ชายเป็นช่วยเหลือคนอย่างที่พี่ชายต้องการจริง ๆ
เปลี่ยนมุมมอง ในบางครั้งเราอาจจะต้องลงแรงมากขึ้น
ทาดาชิพาน้องชายของเขาไปเปิดโลกที่ห้องแลปของเขา และในยามที่ฮิโระคิดผลงานที่จะส่งให้มหาวิทยาลัยพิจารณาไม่ออก ทาดาชิก็จับฮิโระห้อยกลับหัวให้ลองเปลี่ยนมุมมองดู หุ่นยนต์ต่อสู้ของฮิโระก็กลายร่างเป็นไมโครบอตที่สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นโครงสร้างอะไรก็ได้ ซึ่งการทำเช่นนั้นได้ จำเป็นต้องใช้ไมโครบอตจำนวนมาก
ตอนที่ฮิโระและเพื่อนพี่ชายไล่จับคนร้ายสวมหน้ากากคาบุกิ เป้าหมายของพวกเขาง่าย ๆ ก็คือกระชากหน้ากากที่ติดเครื่องควบคุมไมโครบอตออกมา แต่ในการต่อสู้ครั้งหลังที่คัลลาฮานระวังตัวมากกว่าเดิม การแย่งหน้ากากทำได้ยากขึ้น ฮิโระเลยเปลี่ยนแผนเป็นให้เพื่อนของพี่ชายทำลายโครงสร้างไมโครบอตให้หลุดจากกัน และใช้แรงดูดของเครื่องข้ามมิติดูดเอาไมโครบอตขึ้นไปทีละเล็กละน้อย จนกระทั่งตัวร้ายเหลือไมโครบอตไม่เพียงพอจะทำอะไรได้และแพ้ไปในที่สุด
นี่ยังไม่รวมถึงทาดาชิที่ทดลองสร้างเบย์แมกส์หลายต่อหลายรอบ และถูกบันทึกไว้หมดอยู่ในตัวเบย์แมกส์ และเทปที่บันทึกความพยายามของทาดาชิก็ถูกฉายให้ฮิโระเห็นว่าพี่ชายน่ะ พยายามมากแค่ไหนที่จะสร้างเจ้าหุ่นตัวนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยคนอื่น จนฮิโระค่อย ๆ ได้สติ สลัดความแค้นทิ้งได้ในที่สุด
เห็นได้ว่าในการแก้ปัญหาหลายครั้งอาจใช้วิธีที่ง่ายกว่าวิธีอื่น แต่หลายครั้งเมื่อวิธีง่าย ๆ มันใช้ไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนมุมมองมาใช้ใช้วิธีถึก ๆ กันบ้าง
เอาเวลาไปให้ตัวประกอบมากกว่านี้หน่อยสิ!
เพื่อน ๆ ของทาดาชิที่ร่วมมือกับฮิโระ เราคิดว่าต้องการเวลาในการสร้างคาแรกเตอร์และสร้างความผูกพันมากกว่านี้ ถ้าตามสถานการณ์และพล็อต แน่นอนว่าบทบาทของตัวละครรองเหล่านี้เองก็สำคัญไม่น้อย ปัญหาคือเรารู้สึกว่าคนดูไม่มีเวลาสร้างความผูกพันกับตัวละครเหล่านี้มากพอ รู้สึกว่ากระโดดไปกระโดดมาค่อนข้างมาก ทั้งที่ตอนที่สร้างไมโครบอต เพื่อน ๆ ของพี่ชายทุกคนมาช่วยฮิโระทำงานทั้งหมด แต่หนังฉายเป็นแค่ภาพ fast forward ทำให้ไม่ได้เป็นปฏิสัมพันธ์ของตัวละครเหล่านั้นกับฮิโระมากเท่าที่ควร ทั้งที่พวกเขาเป็นคนที่ช่วยสนับสนุนและผลักดันฮิโระไม่แพ้พี่ชายและเบย์แมกส์เลย นี่เป็นจุดหนึ่งที่รู้สึกขัดใจอย่างมาก (เลยคิดว่าถ้าเป็นพิกซาร์สร้าง น่าจะถ่ายทอดออกมาได้ลงตัวกว่า เพราะรู้สึกว่าหนังของพิกซาร์เกือบทุกเรื่องบริหารเวลาได้ดีมาก)
ดิสนีย์ใจร้าย โลกนี้ช่างไม่มีความยุติธรรม
(จากนี้คือการคร่ำครวญ 100% ถ้าจะกดเปิดสปอยล์เพื่ออ่าน กรุณาปิดหูให้ดีนะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โลกมันไม่ยุติธรรมเลย แงงงงงงง
คัลลาฮานโชคดีชะมัด ตอนไฟไหม้แกก็ได้ไมโครบอตช่วยแกรอด ตอนแกถูกจับได้ ตอนฮิโระโมโห แกก็หนีไปได้ ตอนแกไปทำลายสถาบันของเคลย์ ถึงจะถูกขัดขวาง ต้องเข้าคุก แต่แกก็ได้ลูกสาวแกกลับมา
แล้วฮิโระคุงล่ะ ต้องเสียพี่ชายไป ต้องเหนื่อยเป็นฮีโร่ปกป้องเมืองจากของที่ตัวเองสร้าง แถมยังไปช่วยลูกสาวคัลลาฮานจนเกือบต้องเสียเบย์แมกส์ ที่เป็นตัวแทนพี่ชายและเพื่อนคนสำคัญ แล้วฮิโระได้พี่ชายกลับมามั้ย ไม่เลยยยย โอเค นายเติบโตขึ้นแหละ ได้พัฒนาการทางอารมณ์กลับมา แต่ทาดาชิล่ะ ทาดาชิออกจะแสนดีน่ารัก เป็นคนดีแสนดี ยอมเสี่ยงตายเพื่อช่วยคน สุดท้ายก็ต้องตายจริง ๆ เนี่ยนะ โลกมันไม่ยุติธรรม ดิสนีย์ใจร้าย *ร้องไห้กระซิกๆ*
ยอมรับเลยว่าถึงจะมีจุดบกพร่องเยอะ แต่ก็เป็นเรื่องที่ประทับใจมากเรื่องหนึ่งเลยค่ะ
[CR] [Review] Big Hero 6 (มีทั้งแบบสปอยล์และไม่สปอยล์)
ก่อนอื่นก็ขอเขียนรีวิวแบบคร่าว ๆ ให้คนที่กำลับกำลังตัดสินใจว่าจะไปดูดีมั้ยได้อ่านก่อน ตรงส่วนนี้จะไม่สปอยล์เนื้อเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จะพูดถึงหนังเรื่องนี้โดยภาพรวมประกอบการตัดสินใจค่ะ
- เนื้อเรื่อง: อารมณ์ประมาณ Marvel ผสมดิสนีย์ ฮิโระ พระเอกหนุ่มน้อยเป็นเด็กอัจฉริยะที่ประดิษฐ์ของเก่งมาก (ประมาณโทนี่ สตาร์ก) เนื้อเรื่องส่วนใหญ่เน้นความผูกพันของพระเอก + พี่ชาย + เบย์แมกส์ ซึ่งน่ารักอบอุ่นน่ากอดมาก ในจุดนี้ก็สมเป็นดิสนีย์ ทำออกมาได้ซาบซึ้งกินใจดีค่ะ ตอนนั่งเขียนรีวิวถึงหลาย ๆ ฉาก ถึงขึ้นร้องไห้ไประหว่างเขียนรีวิวก็มีเลย
- งานภาพ: มีหลายฉากที่ไว้โชว์ไอเดียต่าง ๆ (ที่เอาโตเกียวมาผสมกับซานฟราน) ทำได้งดงามมาก ดูเพลิน ๆ เป็นอาหารตาได้
- การเดินเรื่อง : เรารู้สึกว่าเรื่องนี้เดินเรื่องเร็วไป เพราะเดินเรื่องเร็วเลยรู้สึกว่าอารมณ์สะดุดในบางจุด บทตัวประกอบน้อยไปหน่อย (จริง ๆ รู้สึกมาตั้งแต่สมัยราพันเซลแล้ว เรื่องที่ตัวประกอบดิสนีย์มีสเน่ห์น่าจดจำน้อยลง) คิดว่าด้วยการเดินเรื่องแบบนี้หนังน่าจะยาวกว่านี้ ยาวซัก 2 ชม. น่าจะกำลังดี แต่ใจจริงคิดว่าถ้าพิกซาร์มาสร้างแทนก็อาจจะบริหารเวลาได้คุ้มกว่านี้ก็ได้นะคะ
จากนี้ไปจะเป็นการสปอยล์แหลกลาญค่ะ ถ้าไม่อยากโดนสปอยล์ตรงนี้รอดูหนังจบค่อยกลับมาอ่านนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ยอมรับเลยว่าถึงจะมีจุดบกพร่องเยอะ แต่ก็เป็นเรื่องที่ประทับใจมากเรื่องหนึ่งเลยค่ะ