ทีมชาติไทย ขาขึ้น ภาพลวงตา แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

ช่วงนี้คนทั่วๆไปเข้ามาสนใจบอลไทยมากขึ้นนะครับ สังเกตจากที่ทำงานผม คนที่ไม่ค่อยสนใจก็เริ่มคุยกันมากขึ้น และเท่าที่ผมฟังจากที่คุยๆกันสรุปได้ว่า ตอนนี้เป็นช่วงขาขึ้น ทีมชาติไทยกลับมาไร้เทียมทานละแวกนี้อีกครั้ง ว่างั้น

ผมฟังแล้วก็มีความรู้สึกผสมปนเประหว่างดีใจและละเหี่ยใจ ทำไมเหรอครับ อันนี้ความเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆนะครับ

ออกตัวก่อนนะครับว่า ผมไม่ค่อยได้ติดตามบอลไทยระดับสโมสรมากนัก เช่น ถ้าถามผมว่า ชัยณรงค์ ทาทอง มาจากสโมสรไหน ข้อมูลล่าสุดในหัวผมคือเมืองทอง ยูไนเต็ดนะครับ 555+

ขาขึ้น

ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ และจนวันนี้ (ผมพิมพ์ระหว่างดูเกมส์ ไทย-พม่า เรานำอยุ่ 1-0) ผมมีความรู้สึกชื่นใจ  ดีใจกับฟอร์มการเล่น แคแรคเตอร์ ของทีมชาติไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะนัดที่ชนะมาเลเซีย

ครั้งสุดท้ายที่ผมดูทีมชาติไทยแล้วรู้สึกแบบนี้ต้องย้อนไปโน่น ปีเท่าไหร่ไม่ทราบ คัดบอลโลกรอบสุดท้าย ที่ศูนย์หน้าไทยเบอร์ 13 คนเดียวกับที่เป็นโค้ชชุดนี้แหละครับ ลากบอลครึ่งสนามไปยิงให้ไทยชนะ โอมาน หรือ บาห์เรน นอกบ้าน 1-0 ตอนนั้นยังเรียนมอปลาย เฮลั่นบ้านกลางดึกทีเดียว ถึงไทยจะไม่ผ่านเข้าไปเล่นบอลโลกแต่ทีมชุดนั้นเล่นกันดีมากครับ

แล้วทีมชาติไทยชุดนี้เล่นดีแบบนี้ ไม่ดีเหรอครับ
ตอบ ดีครับ แต่ทำไม มาดูกัน

ย้อนกลับไป แกนของทีมชาติไทยชุดนี้ คือทีมที่ซิโก้ทำมาต่อเนื่องตั้งแต่ซีเกมที่พม่า (เดือนธันวาคมของปีที่แล้ว 2556) โดยมีการเตรียมทีมมาก่อนหน้านั้นเป็นเวลา น่าจะประมาณ 1 ปี เท่าที่ผมขุดจากความทรงจำ

ช่วงนั้นซิโก้เรียกนักฟุตบอลที่อยู่ในข่ายที่จะไปเล่นได้ (อายุไม่เกินและฝีเท้าดี) มารวมทีมซ้อม อุ่นเครื่อง อย่างสม่ำเสมอ ตอนแรกซิโก้ออกข่าวว่าอยากพาทีมไปอุ่นเครื่องนอกประเทศ ให้เด็กๆได้มีประสบการณ์เล่นภายใต้สถานกาณ์กดดัน แต่เท่าที่เห็น มีแต่การอุ่นเครื่องในบ้านกับทีมในไทยลีกเท่านั้น

แต่ยังไงก็ตาม ผลงานในซีเกมส์ที่พม่า ก็ออกมาดีครับ สอบผ่าน ดีต่อเนื่องไปถึงเอเชียนเกมส์ที่เพิ่งจบไปเมื่อเดือนตุลาคม และจนมาจนถึง ซุซุกิคัพ

ภาพลวงตา

ถามครับ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2556 - เดือนตุลาคม 2557 โค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่คือใคร มีการเตรียมทีมอย่างไรและ เล่นเกมส์อุ่นเครื่องกี่นัด
ตอบ ??????

ช่วงที่ว่า มีการลงแข่งเอเชี่ยนคัพรอบคัดเลือกที่ไทยหมดลุ้นไปแล้ว โดยนัดสุดท้าย มีการให้ซิโก้ มาคุมทีมขัดตาทัพและแพ้ เลบานอนคาบ้านไป 2-5

นี่คงเป็นเหตุผลที่ ตอนแรกซิโก้ปฏิเสธการคุมทีมชุด ซูซูกิคัพ ก็แน่ล่ะครับมีเวลาแค่เดือนกว่าๆ ใครจะไปเตรียมทีมทัน ผมเชื่อว่าหลังจากนั้นคงมีการขอร้องแกมบังคับ จนในที่สุดซิโก้ก็รับงาน.....

เปรียบเทียบง่ายๆกับงานออฟฟิศนะครับ สมมติที่บริษัทมีโปรเจคที่ต้องทำ รู้กันมานานละแต่ผู้บริหารไม่ได้บอกว่าจะให้ใครทำ เอาจนลูกค้าจะเอาละ ถึง สั่งมาให้เราทำ

แล้วเราจะเลือกใครมาเป็นลูกทีม ระหว่างเด็กๆที่ทำงานกะเรามานาน รู้มือกันดี กับ เอาตัวเจ๋งๆเทพๆของแต่ละแผนกที่ไม่เคยทำงานด้วยกันมารวมทีมเดียวกัน บังเอิญว่าไปแข่งซุซุกิคัพแล้วดันทะลึ่งทำผลงานดีอีก มันเลยออกแนวเป็นภาพลวงตาไป

สมมติอีกที เหมือนกับว่ามีบริษัทหนึ่ง นโยบายกับระบบของบริษัทกากมากๆ แต่บังเอิญมีผู้บริหารระดับกลางคนนึง เก่ง และ ผลงานดีมากๆ จนทำให้ทีมได้โปรเจคใหม่ไปสามโปรเจคซ้อนๆ แต่เอาเข้าจริงๆ อนาคตของบริษัทก็ยังดูคลุมเครือ เพราะระบบกาๆที่ว่า ยังไม่ได้ถูกแก้ไข

แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า การที่บอลลีกเราพัฒนา ทำให้ตัวเลือกในการเตรียมทีม ทำทีมมีมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น อาการเจ็บของฐิติพันธ์ที่ไม่ส่งผลกับทีมเลย ตั้งแต่เอเชี่ยนเกมส์ การก้าวเข้ามาของประกิตในชุดซูซูกิ

ผมอยากจะฝันหวานว่า ถ้าเรามีการวางแผนในระยะยาว สร้างความสะดวกให้มีการเตรียมทีม ทำทีม (ทีมชาติทุกชุด) ให้ได้แบบที่ซิโก้แสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างมาตลอดในช่วง 2-3 ปีนี้ เราจะเข้ารอบลึกๆเอเชียนคัพและรอบคัดเลือกบอลโลก ทีมชุดเยาวชนผ่านไปเล่นรอบสุดท้าย หวังแค่นี้ก่อนครับ ทำได้แบบนี้ต่อเนื่อง แล้วค่อยคิดถึงบอลโลกรอบสุดท้าย

จบแล้วครับ ร่วมแสดงความเห็นได้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่