พรายบุปผา (5)

กระทู้สนทนา
http://pantip.com/topic/32896192

5
ฝนหยุดตกนานแล้ว ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติภูเขาหลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ท้องฟ้าแจ่มใส ปลอดโปร่ง ดวงอาทิตย์ฉายแสงเจิดจ้า เหล่านกกาแผดเสียงเซ็งแซ่ นานๆ ครั้งจะได้ยินเสียงชะนีร้องโหยหวนดังมาจากที่ไกลๆ

            ตั้งแต่เช้าจนบ่าย กวินก็ยังหาทางกลับบริเวณที่พักแรมตอนกลางคืนไม่ได้ ยิ่งเดินหน้าก็ยิ่งเข้าไปใจกลางป่าลึก สภาพป่าที่รายรอบตัวดูไม่คุ้นตาแม้แต่นิดเดียว ที่สำคัญจีพีเอสเดินป่าหรือแม้กระทั่งเข็มทิศก็ไม่ใครหยิบติดมือมาด้วย เพราะช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นเวลาหลับนอน และไม่มีใครคาดฝันว่าจะเจอเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการคาดหมายแบบนี้ แต่ก็ยังดีที่กวินยังคว้าไฟฉายติดมือมาด้วย ไม่เช่นนั้นเขากับชลธิชาคงจะหากันไม่เจอตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

            “พักก่อนดีไหมคะคุณกวิน ตั้งแต่ฝนหยุดเรายังไม่ได้หยุดกันเลยนะคะ”

            เสียงถอนหายใจของชายหนุ่มที่เดินนำหน้าดังขึ้นเป็นระยะ ส่งผลให้หญิงสาวที่เดินตามหลังเขามาติดๆ เหนื่อยใจพอๆ กัน แม้ตลอดการเดินทางที่ผ่านมากวินไม่ค่อยพูดอะไรมากมาย แต่สีหน้าอันเคร่งเครียดที่แสดงออกมาก็ทำให้ชลธิชารู้แล้วว่า ชายหนุ่มผู้ที่ได้สมญานามว่าพรานป่ายังหาทางออกไม่ได้

            “ก็ดีเหมือนกันครับ” คนที่เดินนำหน้าหันกลับมาหาหญิงสาวก่อนจะมองหาที่หยุดพัก

            จุดที่ยืนอยู่ค่อนข้างชื้นแฉะ ตามพื้นยังมีหยดน้ำฝนเกาะตามยอดหญ้าให้เห็น แต่ไม่ห่างจากจุดที่ยืนอยู่ปรากฏเนินสูงมีขอนไม้ขนาดใหญ่ล้มอยู่

            “เราไปนั่งพักตรงเนินนั้นดีไหมคะ มีขอนไม้อยู่ด้วย”

            สองหนุ่มสาวมุ่งหน้าไปยังขอนไม้บนเนินที่เห็นแต่ไกลๆ ทว่าเมื่อเดินใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ก็ต้องหันมามองกันราวกับจะถามความเห็นของกันและกัน เพราะสิ่งที่ดังมาปะทะกับโสตประสาทคือเสียงวิหกนานาพันธุ์ นับร้อยนับพันประสานเสียงเจี๊ยวจ๊าวชวนให้แปลกใจ

            “เสียงนกนี่คะ... ดังมาจากไหน”

            “ผมว่าเหมือนมันดังอยู่ไม่ไกลจากที่เราอยู่นะครับ”

            ขณะที่สองสายตาเพ่งมองหาต้นกำเนิดเสียงรอบๆ ตัว หญิงสาวก็ชี้นิ้วไปยังทิศทางที่เธอมั่นใจว่าเป็นต้นกำเนิดของเสียง “มันดังมาจากทางนี้ใช่ไหมคะ”

            เมื่อประสาทการได้ยินของหญิงสาวเป็นไปในทิศทางเดียวกัน กวินจึงพยักหน้าก่อนตัดใจละจากเป้าหมายที่ตั้งใจว่าจะหยุดนั่งพักตั้งแต่แรก “เราไปดูกันเถอะครับ”

            พ้นจากเนินไปประมาณสามร้อยเมตร สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือไม้ยืนต้นขนาดกลางขึ้นอยู่อย่างโดยเดี่ยวริมลำธาร บริเวณใกล้เคียงกันโล่งไม่มีไม้ยืนต้นขึ้นอยู่แม้แต่ต้นเดียว ที่พบเห็นก็มีเพียงไม้พุ่มเล็กๆ ที่ขึ้นตามริมน้ำ และที่ทำให้ทั้งสองคนตะลึงพรึงเพริดเห็นจะไม่พ้นหมู่นกหลากชนิดที่ไม่รู้ว่ากี่ร้อยกี่พันตัว กำลังเกาะอยู่บนกิ่งก้านของต้นไม้ต้นนั้น

            “นี่นกพวกนี้มันมารวมกลุ่มทำอะไรกันอยู่ที่นี่”

            จะเป็นไปได้อย่างไร จู่ๆ นกมากมายจะพากันมารุมล้อมเกาะอยู่ที่ไม้ต้นเดียวราวกับถูกสาปไม่ให้หนีไปไหน น้ำหนักตัวของนกแต่ละตัวแม้จะไม่ได้มากมายนัก แต่หลายตัวเข้าก็ทำให้กิ่งก้านของต้นไม้โน้มเอนลงมาหาพื้นดิน ทั้งที่ต้นไม้ต้นนั้นก็ใช่ว่าจะมีลูกผลให้นกมารุมกินแต่อย่างใด

            กวินก็ตกตะลึงไม่ต่างจากหญิงสาว เจ็ดแปดปีที่ผ่านมาแม้จะใช้ชีวิตส่วนมากอยู่กับป่าเขาเสียส่วนใหญ่ ทว่าก็ไม่เคยเห็นอะไรที่แปลกประหลาดแบบนี้เช่นกัน

            “ไม่แน่นะครับ นี่อาจจะเป็นต้นกาหลง ต้นไม้ในตำนานก็เป็นได้”

            “ต้นไม้ในตำนาน หมายความว่าอย่างไรกันคะ?”

            “ครับ ผมเคยได้ยินมาว่าต้นกาหลงเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่ามีเทพเทวดาคอยปกปักษ์รักษาคุ้มครองอยู่ และยังเชื่อกันว่าบริเวณที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้นจะเป็นประตูเชื่อมต่อไปสู่เมืองลับแล นกกาที่หลงมาเกาะกิ่งหรือบินผ่านเป็นอันต้องตกอยู่ในความเสน่หา ลุ่มหลง ไม่เป็นอันกินอันนอน มิเป็นอันบินกลับคอนกลับรัง เพราะเทพที่ดูแลรักษาทางเข้าเมืองลับแลไม่ต้องการให้สิ่งใดผ่านเข้าไปได้ นกกาหรือสัตว์ที่หลงผ่านเข้ามาในบริเวณนี้จึงต้องมนตร์กาหลงและตายอยู่ใต้ต้นกาหลงทุกตัว”

            หญิงสาวมองไปยังหมู่นกกาที่เกาะกลุ่มอยู่บนกิ่งก้านของต้นไม้ที่ชายหนุ่มเชื่อว่าคือต้นกาหลง บางตัวก็โผบินอยู่รอบๆ ต้น หลายตัวร่วงหล่นลงมาขาดใจตายที่พื้นดินก็มี ใต้ร่มไม้ยังซากกระต่ายป่า หนู และสัตว์ฟันแทะหน้าตาแปลกๆ ที่ไม่เคยรู้จักอีกหลายชนิด

            “แล้วคุณเชื่อว่ามีเมืองลับแลอยู่ในป่านี้ไหมคะ” จู่ๆ ชลธิชาก็ถามความเห็นของชายหนุ่ม แม้จะไม่เคยชื่อถือและศรัทธาเรื่องลึกลับพวกนี้มาตลอด แต่หลากหลายเรื่องเล่าเกี่ยวกับป่าภูเขาหลงที่ได้ยินได้ฟัง ก็ทำให้ศรัทธาเริ่มสั่นคลอน เธอกลัวเหลือเกิน กลัวว่าคู่แฝดของเธอจะพลัดหลงเข้าไปในเมืองลับแลจริงๆ  

            “เราเข้าไปดูใกล้ๆ กันไหมคะ” ยังไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย เธอก็ออกปากชวน  

            “อย่าเลยครับ”

            “ทำไมล่ะ”

            “ผมว่า...เราอยู่ห่างๆ จากต้นไม้ต้นนั้นจะดีกว่า” แม้ตัวเองจะไม่ปักษ์ใจเชื่อเรื่องที่เล่าให้หญิงสาวฟังทั้งหมด แต่กวินก็เลี่ยงที่จะไม่เข้าไปใกล้ต้นไม้ในตำนานอย่างเด็ดขาด เพราะจะว่าไปแล้วยังมีอีกหนึ่งเรื่องเล่าเกี่ยวกับต้นกาหลงที่เขาไม่ได้เล่าให้หญิงสาวฟัง

            ต้นกาหลงเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่สถิตของเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ จึงมักเกิดขึ้นในป่าอาถรรพ์ลึกลับที่คนทั่วไปเข้ามาไม่ถึง และบริเวณโดยรอบจะมีภูตพรายและเหล่าเทวดาปกปักรักษาไม่ให้สิ่งใดกล้ำกรายเข้าใกล้ได้ หากทะเล่อทะล่าเข้าไปใกล้ อาจจะมีสภาพไม่แตกต่างจากนกกาพวกนั้นก็เป็นได้

            “เอ็งคิดถูกแล้วละไอ้หนุ่มที่ไม่บุ่มบ่ามเข้าไปใกล้ต้นกาหลง” จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลัง เป็นเหตุให้คนหลงทางหันขวับกลับมาในทันทีทันควัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่