[CR] CR: อ้วนอย่างมีคุณภาพ @shinsei..omakase เจ้าใหม่ในย่านอารีย์

กระทู้รีวิว
วันนี้มาที่ร้านซูชิเปิดใหม่ย่านอารีย์อีกร้านครับ ชื่อว่า shinsei  ร้านนี้จะขายทั้งซูชิ ซาชิมิ โรล เหมือนกับร้านทั่วๆไป แต่จะมีจุดเด่นคือ มี section ขาย omakase course ที่จุที่นั่งรอบละ 7 คนด้วยครับ

ร้านนี้ เค้าบอกว่าเปิดมาได้ 2 เดือน สภาพร้านนี้ใหม่เอี่ยมอ่องเลย ตบแต่งภายในด้วยวัสดุไม้ เรียบๆ และหลังบาร์เป็นรูปขนาดใหญ่อารมณ์แบบญี่ปุ่นๆ ร้านรองรับลูกค้าได้ประมาณ 20-30 คน บรรยากาศสบายๆ เหมาะสำหรับทั้งพาเพื่อน แฟน หรือครอบครัวมากินข้าวครับ



ตามภาพก็จะเห็นว่า มีทั้งโต๊ะแยก ส่วนที่นั่งบาร์ และส่วนที่เสิร์ฟ omakase course วันนี้ฤกษ์งามยามดี ผมขอลอง omakase เป็นครั้งแรกเลยดีกว่าครับ

omakase ที่นี่เค้ามีให้เลือกสามแบบ
1 แบบ 12 course ราคา 1500 บาท
2 แบบ 15 course ราคา 2300 บาท
3 แบบ 18 course ราคา 3000 บาท

สำหรับร้านนี้ ไม่มี service charge แต่ๆ มี vat 7% และช่วงที่ไปชิม (พ.ย.57) นี้ มีส่วนลด 30% สำหรับ omakase course

หลายๆท่านอาจสงสัยว่า สิบๆคำนี่ สามารถบรรจุลงไปในกระเพาะได้อย่างไร ต้องบอกว่า course หนึ่งของทาง omakase จะรวมถึงของร้อน หรือซาชิมิมาคั่น และ นับพวกของหวานตบท้ายเป็น course นึงด้วยครับ

เชฟที่ดูแลพวกเราวันนี้ชื่อเชฟป้อมครับ เชฟบอกว่า วันที่พวกเรามากินเป็นวันพุธ โชคดี เพราะของจะลงทุกวันอังคาร พวกปลาเนื้อขาวใช้เวลาบ่มหนึ่งคืน ก็พอดีพวกเรามาชิมกันเลย ทว่า เชฟอาทิตย์ซึ่งเป็นเชฟใหญ่หยุดครับ อาจจะบริการได้ช้าไปนิดนึง เพราะปกติทำคู่กันเลยสองคน



Omakase คืออะไร
คือการกินแบบ ”ทำอะไรมาก็ได้ แล้วแต่เชฟจะกรุณา” ประมาณนี้ครับ เชฟจะคอยบรรยายสรรพคุณของแต่ละจานว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ควรได้รสชาติอย่างไร คอนเซ็ปต์จานนี้คืออะไร และสอดแทรกเกร็ดความรู้เรื่องอาหาร เราก็นั่งดูเชฟปรุง หูฟังเค้าอธิบาย เจ้าสิ่งนี้แหละครับที่กระตุ้นความอยากอาหาร ชวนติดตาม ถ้าไม่ลองนี่ไม่รู้จริงๆ ครับ อย่างถ้าเป็นซูชิ เชฟจะเป็นคนเลือกปลาให้เราว่าจะมีปลาอะไรเสิร์ฟบ้าง อะไรก่อน อะไรหลัง ปลาส่วนใหญ่ที่เลือกก็จะใช้เกรดที่ดีกว่าที่เสิร์ฟทั่วไปในร้าน มักเลือกเสิร์ฟปลาตามฤดู และจะลำดับจากปลาเนื้อขาว ปลาสีเงิน ปลาเนื้อแดง ไล่ไปพวกรสชาติเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หรือมันขึ้นเรื่อยๆ เช่น otoro ตามด้วยไข่อะไรก็ตาม ไปจบที่ตระกูลปลาไหล ปิดด้วย tamagoyaki หรือไข่หวาน เป็นการบอกว่าจบมื้อแล้วนะ

ผมเลือกแบบ 15 คอร์สไปครับ

1 (ชื่ออะไรสะกดไม่ถูกครับ)



อารมณ์ว่าเป็น appetizer น่ะครับ มี uni, hotate, ikura, ebi, tamako, avocado
ก็ทานเพลินๆครับ เชฟบอกว่า ไม่ต้องจิ้มโชยุเพิ่ม เพราะวัตถุดิบแต่ละตัวมีรสชาติที่ขัดเจนอยู่แล้ว
ต่อไปเข้าพื้นที่ของ sushi nigiriแล้วครับ
Nigiri ของ omakase จะเสิร์ฟแบบสไตล์ edomae ไซส์ข้าวและปลาจะพอดีกัน ขนาดจะพอดีคำ
โชยุไม่ต้องจิ้มเองนะครับ เชฟจะทามาให้เลย ประมาณนี้ครับ



2 madai
ปลากระพงแดงญี่ปุ่น
การที่ madai เป็นปลาเนื้อขาว กลิ่นอ่อน เนื้อหวานนิดๆ กรอบหน่อยๆ การตัดกลิ่นด้วยวาซาบิก็ไม่ควรรุนแรงมาก แต่ว่าคำนี้วาซาบิกลบกลิ่นปลาผมซะเกลี้ยงเลย เสียดายยย



3 shima-aji
หรือเรียกบ้านๆว่า ปลาทูญี่ปุ่น ให้สัมผัสเนื้อเหนียวๆหนึบๆ หน่อยครับ อร่อยดี กลิ่นจะคาวกว่าปลาอื่นๆ ตามสไตล์ปลาทู



สำหรับข้าวปั้น เวลาทำ omakase คอร์ส เค้าจะเอาใจใส่เป็นพิเศษอยู่ครับ อุณหภูมิอะไรต้องพอเหมาะ ได้ลองถามเชฟดูว่ามีวิธีปั้นต่างจากปกติหรือไม่ เพราะรู้สึกว่า ข้าวไม่ได้อัดแน่นอึ้กเหมือนที่เคยกินมาหลายๆที่ เชฟก็สาธยายว่า จริงๆปั้นได้หลายแบบ แต่พยายามให้ตรงกลางก้อนข้าวมีร่องไว้หน่อย ไม่ให้ข้าวแน่นมาก เวลาเคี้ยว ข้าวกับปลาจะได้แตกตัวพร้อมๆกัน ไม่ใช่ว่าปลาเคี้ยวหมด ฟันต้องบดข้าวต่อ….. โอ้ววว!!!
ชอบข้าวร้านนี้นะครับ รสชาติจัด ชัดเจนดี ไม่ชืด

4 madai แล่บาง เสิร์ฟพร้อมซอส ponzu





Madai ปลาเนื้อขาว เนื้อแน่นเด้ง ทานคู่ซอส ponzu รสเปรี้ยว เสริมกลิ่นและรสด้วยกระเทียม หัวไชเท้า เชฟบอกว่า ponzu ของร้านใส่เปลือกส้มยูซุลงไปด้วย จะให้กลิ่นหอมสดชื่นมากขึ้น (detect ไม่ได้ครับกลิ่นส้มเนี่ย)



ต่อกันด้วยตระกูล honmaguro เลย

5 akami zuke หรือ marinated bluefin

โชว์การปั้นครับ



เชฟบอกว่า เนื้อแดงทูน่านี้ หลายๆ คนจะไม่ชอบเพราะว่า กลิ่นจะค่อนข้างแรง ทางร้านจะใช้การหมักในโชยุมาก่อน แล้วมาซับซอสส่วนเกินออกด้วยกระดาษ นอกจากนี้ยังจะช่วยให้รสชาติปลาเข้มข้นขึ้น แล้วจึงปั้นเป็นซูชิ คำนี้ (แต่เคยอ่านเจอมาว่าที่แช่โชยุก่อนเพราะทูน่า lean จะเนื้อแน่นมาก ซอสไม่ค่อยเกาะผิวเวลาทา เลยต้องจุ่มลงไปเลย อันนี้ไม่รู้ว่าอย่างไรครับ รบกวนผู้รู้ด้วย) ยอมรับจริงๆ ครับว่าส่วนปลานั้นคาวลดลง โดยยังมีสัมผัสที่แน่นละเอียด และ กลิ่นของ akami ที่พอเหมาะ  แต่ๆๆๆ วาซาบิตัดรสแรงมากกก เสียดายครับ ส่วนตัวคิดว่าการอัดวาซาบิมากไป มันทำให้เสียอรรถรสในการกินอะครับ เพราะเวลาเสียเก้าในสิบจะมีแต่กลิ่นเผ็ดขึ้นจมูก จะได้ กลิ่นปลาแค่ช่วงท้าย เสียดายๆ



6 otoro



โอโทโร่ของที่นี่ คือ ละลาย ละลายจริงๆ texture ดี ค่อนข้างหอม แล้วก็คำนี้ปาดวาซาบิมากำลังดีครับ ดึงคะแนนรวมด้านรสชาติขึ้นมาเลย เสียนิดเดียวว่า คำที่ผมได้กิน แล่ติดเอ็นมาหน่อยนึง เซ็งนิดๆ (แต่ของเพื่อนนี่ละลายเกลี้ยงเลย เพื่อนได้กล่าวไว้)
สังเกตอยู่อย่างนึงว่า หน้าตาซูชิสองชิ้นที่ปั้นมาให้ผมกะเพื่อนมันไม่ค่อยเหมือนกัน อันนี้ผมว่าต้องมีความคงที่ของการปั้นมากกว่านี้นะครับถ้าจะเอาดีทาง omakase กันจริงจัง

7 เบรคด้วยจานร้อน เป็นหอยเชลล์ตัวโตจาก hokkaido และไข่ปลาเมนไทโกะ



อร่อยๆ ผมกะเพื่อนชอบจานนี้ทั้งคู่ครับ เมนไทโกะ จะมีรสนำมาก่อน เคี้ยวๆไปตอนท้ายๆ กลิ่นและความหวานของหอยเชลล์จะเริ่มเด่นมาแทน ลงตัวดีครับ

8 botan ebi
ใช้ torch พ่นไฟให้หอม



เตรียมกินเลยครับ



หวาน กรอบ และตัวใหญ่ดี สีเหลืองๆ ที่ top อยู่ด้านบนคือ เป็นส่วนที่เอามาจากมันตรงหัวกุ้งแล้วเอาtorchพ่นไฟใส่ เพิ่มมิติด้านกลิ่นให้คำนี้ หอม และเป็นเอกลักษณ์มากกว่าร้านที่เคยกินมา

9 hotate



ทางร้านบอกว่า ใช้หอยเชลล์สด จากฮอกไกโด โรยด้วยเกลือ โดยไม่ปาดโชยุ เพราะอยากให้ด้วยรสหวาน ตัดด้วยเค็มนิดๆ แบบธรรมชาติ
แต่ผมว่าหอยเชลล์ร้านนี้เนื้อมันแข็งๆ ด้านๆ อย่างบอกไม่ถูกครับ ไม่หวานเหมือนบางร้านที่เคยไปกินมา ไม่ถูกใจเท่าไหร่(คหสต.)

10 ikura
ค่อยๆหยอดลงไป



พร้อมเสิร์ฟ



คำนี้เฉยๆครับ มันๆ เค็มๆ

11 uni
ยกมาโชว์กันทั้งถาดเลยครับ



เสร็จพร้อมกิน



ทำมาเป็น gunkan คำนี้ เลิศครับ uni หอมและหวาน หอมกลิ่นจางๆของทะเล สำหรับผม ผมว่าไม่มีที่ติครับ แต่เพื่อนที่ไปด้วย บอกว่ายังขมไปนิดนึง

12 anago



นานๆทีจะเจอ anago ที่รู้สึกว่ามันอร่อย คำนี้ทางร้านเค้าก็ภูมิใจเสนออยู่
anago เค้าจะเอาไปต้มแล้วห่อใบไผ่ย่างไฟครับ ทำให้ได้กลิ่นหอมและไม่คาว
จากนั้นก็ราดซอสรสหวาน โดยซอสที่ราดจะใช้ซอสแบบ original ที่ได้จากกระบวนการประมาณนี้ครับ (เคยอ่านเจอ)

คือตอนที่เอา anago ไปต้มเนี่ย เค้าจะต้มในซอสที่ reuse จากการต้มครั้งก่อน บวกกับซอสใหม่ที่เกิดจากการเอา หัวปลาที่กินครั้งนี้ไปต้ม แล้วปรุงรสเพิ่มเติม ดังนั้นทุกครั้งที่เราเตรียมปลาเนี่ย ซอสใหม่กะซอสเก่าจะผสมกัน เอาส่วนนึงมาราดเสิร์ฟบนnigiri ให้ลูกค้ากิน อีกส่วนเก็บไว้ เตรียม reuse
เค้าว่ากันว่ามันจะให้รสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เตรียมซอสเลยล่ะครับ ของร้านนี้ก็คงอายุสองเดือนแหละครับ
จบด้วยขูดผิวเปลือกส้มยูซุลงไปบน nigiri sushi ให้กลิ่นที่สดชื่น เข้ากันได้ดี ลงตัว จริงๆ

13 tamakoyaki



เสิร์ฟมาแบบอุ่นๆ

14 miso soup
ไม่ได้แสดง

15 ice cream/ melon



ปกติแล้วทางร้านจะเสิร์ฟเมล่อน แต่วันที่ไปหมดเฉยเลยครับ เลยให้เลือกระหว่างไอศกรีมชาเขียวหรือวาซาบิ เราเลือกชาเขียวไป ซึ่งก็รสชาติดีนะครับ ไม่หวานมาก เข้มข้นดี

หากท่านใดทุนทรัพย์หนากว่านี้สักนิด สั่งเซ็ตใหญ่ ก็จะได้ chutoro, foie gras ชิ้นโตที่ผมนั่งมองโต๊ะข้างๆ แล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อกๆ และ เนื้อฮิดะ เพิ่มมา สามเมนู



อย่างไรก็ตาม ได้สอบถามเชฟว่า ทำไมถึงไม่มีพวก ปลาสีเงินหรือ หอยโน่นนี่ เชฟก็บอกว่า เพิ่งเปิดร้านใหม่ๆ ขอเวลาอีกไม่นาน กำลังพิจารณาสั่งพวกกั้งอะไรงี้เข้ามาทำอยู่ครับ

สำหรับซูชิเซ็ท ซาชิมิ โรลต่างๆ ทางร้านก็มีบริการนะครับ ตอนแรกจะขอถ่ายเมนูมารีวิว แต่เชฟขอว่าอย่าถ่ายเลย

สรุปว่าร้านนี้เป็นร้านซูชิน้องใหม่ที่มีความตั้งใจที่จะรังสรรค์อาหารดีๆ มีคุณภาพมาให้พวกเราได้ชิม เป็น omakase ที่ราคาย่อมเยาสัมพัทธ์กับร้านที่จัดอาหารสไตล์นี้ในท้องตลาดบ้านเรา ขอชื่นชมครับ แต่ก็ยังมีข้อที่ต้องปรับปรุงแก้ไขอีกมากพอควร อาจเป็นเพราะร้านยังเปิดใหม่ น่าให้โอกาสปรับปรุงดูครับ ถ้ามีโอกาส อีกสักพัก จะกลับไปลองใหม่



พิกัดร้านนะครับ
71/2-3 พหลโยธิน ซอย 7 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม 10400 (เดินเข้ามาจาก BTS อารีย์ 100 เมตร ตรงข้ามอาคารยศวดี)

ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันในรีวิวถัดไปครับ
Reviewed by TTK

ฝากงานรีวิวที่ผ่านมาครับ
CR: อ้วนอย่างมีคุณภาพ @ sousaku ซูชิคุ้มราคาในย่านอารีย์
http://pantip.com/topic/32897642

แล้วก็
ผมได้รวบรวมงานรีวิวกระทู้ทั้งหมดไว้ในเพจนะครับ
https://www.facebook.com/food.fit.for.fat
ชื่อสินค้า:   shinsei sushi
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่