[Loser Voice] “แผงลอย VS Uber Taxi” หรือนี่คือ “2 มาตรฐาน” ของเหล่า “ผู้เจริญ” ทั้งหลาย?

[Loser Voice] “แผงลอย VS Uber Taxi” หรือนี่คือ “2 มาตรฐาน” ของเหล่า “ผู้เจริญ” ทั้งหลาย?
.
.
By : TonyMao_NK51
E-Mail : tonymao_nk51@hotmail.com
Facebook : TonyMao Nk
.
“..เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าการให้บริการรับส่งผู้โดยสารในลักษณะรถแท็กซี่ผ่าน Application ด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์บริการดังกล่าว ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ฐานใช้รถยนต์ผิดประเภทจากที่จดทะเบียนไว้นอกจากนี้ยังมีความผิดฐานไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่ทางราชการกำหนดผู้ขับรถไม่มีใบขับขี่สาธารณะและไม่เข้าสู่ระบบทะเบียนของศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะ
นอกจากนี้การชำระค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิตอาจส่งผลต่อความปลอดภัยด้านธุรกรรมของผู้ใช้บริการในอนาคตหากตรวจพบกรมการขนส่งทางบกจะเปรียบเทียบปรับสูงสุดทุกราย ได้แก่ ความผิดฐานใช้รถผิดประเภท โทษปรับสูงสุด 2,000 บาท ไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่ทางราชการกำหนด โทษปรับสูงสุด 1,000 บาท ไม่มีใบขับขี่รถสาธารณะปรับสูงสุด 1,000 บาท
ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบกขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเลือกใช้บริการรถแท็กซี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ และอย่าหลงเชื่อการสร้างแรงจูงใจด้วยเหตุผลต่าง ๆ เนื่องจากหากคำนวณค่าโดยสารแล้วจะพบว่ามีการแฝงค่าใช้จ่ายต่อระยะทางและเวลา รวมทั้งมีการประกันค่าโดยสารขั้นต่ำ
ซึ่งเมื่อเทียบกับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ในปัจจุบันแล้ว พบว่า Uber Taxi จะมีราคาที่สูงกว่าและข้อสำคัญ ผู้โดยสารอาจไม่ได้รับความปลอดภัย เนื่องจากรถดังกล่าวไม่เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลในการตรวจสอบรถสาธารณะของกรมการขนส่งทางบก รวมทั้งต้องใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตซึ่งอาจมีมาตรฐานความปลอดภัยไม่เพียงพอ..”

.
ธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก
.
ที่มา : http://news.mthai.com/general-news/402948.html
.
-----------------------
.
ชัดเจนกันเสียทีหลังจากมีข้อถกเถียงกันมานานแล้วว่า การที่มีบริษัทนายหน้า ทำตนเป็นคนกลางจัดหารถรับ-ส่งผ่านระบบออนไลน์ โดยคนขับรถนั้นไม่จำเป็นต้องมีใบขับขี่สาธารณะ และรถยนต์ที่นำมาใช้ไม่จำเป็นต้องเป็นรถจดทะเบียนรับจ้างนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้หรือไม่? ซึ่งล่าสุดก็ตามคำที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบกประกาศ นั่นคือ “ผิดกฏหมาย” แน่นอน และหลังจากนี้จะเริ่มกวดขันจับกุมอย่างเอาจริงเอาจัง
.
เรื่องของกฎหมายและทางการ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของทางการไป แต่สิ่งที่ทำให้ผมหัวเราะหึๆ พร้อมกับยิ้มที่มุมปากเบาๆ ก็คือกระแสบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะบรรดา Comment บนเว็บบอร์ดแหล่งรวมเหล่าเทวดา-นางฟ้า ผู้เพียบพร้อมและเคร่งครัดในความถูกต้องนี่แหละครับ
.
ทำไมน่ะหรือ?..ก็เพราะว่าวันนี้ผมเห็นแล้วว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย แท้ที่จริงก็ “ไม่ต่างกัน”!!!
.
ที่ผ่านมาท่านผู้อ่านคงจะเห็นผมพยายามพูดถึง “หาบเร่แผงลอย” ในแง่ความจำเป็นของสังคมไทยที่ต้องมีร้านค้าข้างถนนเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งอาหารที่หาง่ายที่สุดในมหานครที่เป็น “ชุมชนแออัด” อย่างกรุงเทพมหานคร ( ไม่ให้แออัดได้ไง คนตั้ง 13-15 ล้านคน มาอัดกันที่จุดเล็กๆ จุดเดียวของประเทศไทย ) เมืองที่ต้องผจญกับ “การจราจรขั้นนรก” ตั้งแต่เช้ามืดไปจนดึกดื่น จนแทบไม่มีเวลาละเมียดละไมในการรับประทานอาหาร ( เพราะเวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการเดินทาง ) และเป็นเมืองที่คนอีกมากยังมีรายได้แบบหาเช้ากินค่ำ ( ทราบกันไหมว่ารายได้ที่จะอยู่ กทม. อย่างมีความสุข ต้องเดือนละ 2 หมื่นบาทขึ้นไป )
.
“วิถีชีวิต” หรือเรียกให้มันโก้หรูแบบฝรั่งๆ หน่อย คือ “Lifestyle” ของคน กทม. เลยกลายเป็นว่า อะไรที่ “กินได้-กินอิ่ม-กินไว-กินถูก” นั่นแหละ ตอบโจทย์คนที่ต้องดิ้นรน ปากกัดเท้าถีบในเมืองหลวงได้ จนเกิดแผงค้าแบบนี้เป็นดอกเห็ดมากมาย
.
ผมจำได้ว่า แม้จะยกความเห็นของคนที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กทม. เอง หรือแม้แต่นักวิชาการที่ทำวิจัยเรื่องนี้ มายืนยันว่า เราไม่อาจทำให้หาบเร่แผงลอยหมดไปจาก กทม. หรือสังคมไทยได้ เพราะสังคมเรามีวิวัฒนาการมาเช่นนี้ ดังนั้นสิ่งที่ผู้มีอำนาจได้ทำอยู่ คือการจัดระเบียบเพื่อรักษาสมดุลระหว่างทางเท้าที่เดินได้ กับแผงลอยที่ประกอบอาชีพได้ เช่น เรื่องของจุดผ่อนผัน หรือการควบคุมด้านความสะอาด-สุขอนามัย แต่ไม่ใช่ให้เลิกไปเลยทั้งหมด จึงเหมาะสมที่สุดแล้วกับบริบทไทยๆ อย่างเรา ทว่าเหล่าผู้เจริญทั้งหลายกลับต่อว่า (หรือแม้แต่ประณามก่นด่า) ผู้ดำเนินมาตรการดังกล่าว ว่าเป็นการ “ทำสิ่งผิดกฏหมายให้ถูกกฏหมาย”
.
ก็เช่นเดียวกับ “มอเตอร์ไซค์รับจ้าง” อีกบริการที่เหมาะกับวิถีชีวิตใน กทม. ที่เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยต่างๆ มากมาย อีกทั้งสามารถลัดเลาะไปตามทางลัดต่างๆ ท่ามกลางสภาพการจราจรที่แสนมหาโหดของเมืองหลวงแห่งนี้ได้ ในราคาที่ไม่แพง เหมาะสมกับรากหญ้าและชนชั้นกลางค่อนล่าง หรือ "รถตู้" ที่วิ่งทางลัดอ้อมเมืองจากทิศหนึ่งไปอีกทิศหนึ่ง พอทางการจะเอาขึ้นมาบนดิน จดทะเบียนลงประวัติคนขับ เหล่าผู้เจริญก็ไปหาว่าทางการกำลังให้ท้ายคนผิด
.
อ่า...ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ท่านช่างเป็นผู้ที่เคร่งครัดในกฎหมายจริงๆ!!!
.
จนวันนี้แหละครับ..ขนาดเจ้ากรมท่านก็บอกแล้วว่า “Uber Taxi” มันผิดกฎหมาย อีกทั้งก็มีผู้รู้กฎหมายบางท่านเตือนด้วยว่า รถยนต์ส่วนบุคคลแบบนี้ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ผู้โดยสารมีสิทธิ์ “เจ็บฟรี-ตายฟรี” เพราะไม่รู้จะไปฟ้องใคร เช่นเดียวกับบรรดาคนมีรถที่ไป “รับงาน” บริษัทนายหน้า หากเกิดอุบัติเหตุ บริษัทจะคุ้มครองหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่กลับกลายเป็นว่า เสียงเรียกร้องของท่านผู้เจริญทั้งหลาย ต้องการให้ Uber Taxi ได้รับรองถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งๆ ที่ Application นายหน้าทำนองเดียวกัน แต่ใช้แท็กซี่ปกติ (เช่น Grab Taxi) และเป็นสิ่งไม่ผิดกฏหมาย ก็ยังมีอยู่
.
เสียงสะท้อนจากผู้เจริญทั้งหลาย พยายามช่วยกันปกป้อง Uber Taxi สุดฤทธิ์ เพราะเป็นบริการที่ “สบาย-อบอุ่น-ปลอดภัย” และยืนยันจะสนับสนุนต่อไปทั้งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ได้ต่างจากคนที่มองว่าหาบเร่แผงลอยก็ดี ร่มเตียงชายหาดก็ดี เป็นสิ่งที่เหมาะกับสังคมไทย “คนจนมีงานทำ คนขายมีรายได้ คนซื้อได้ความสะดวก” แม้จะเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายเช่นกัน
.
ความ “เคร่งครัด” หายไปไหนแล้ว? ทั้งที่เป็น “เรื่องทำนองเดียวกัน” แท้ๆ!!!
.
ก็ถ้าพวกท่านเชื่อในหลักการที่ว่า “สิ่งใดที่ผิดกฎหมาย สิ่งนั้นรัฐไม่ควรนำมันขึ้นมาบนดินเพื่อรับรองให้ถูกต้อง” จริงๆ แล้วละก็ ท่านก็ควรจะใช้หลักการนี้กับทุกๆ เรื่อง แต่เหตุใดถึงช่วยกันปกป้องบริษัทนายหน้าที่กำลังทำผิดกฎหมายอยู่? หรือเพียงเพราะบริษัทนั้นกลายเป็นทางเลือกที่ทำให้พวกท่านสบายขึ้น?
.
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่ได้ต่างจากคนกลุ่มอื่นๆ ที่สนับสนุนหาบเร่แผงลอย , ร่มเตียงชายหาด , ร้านค้ารุกป่า , มอเตอร์ไซค์รับจ้าง , รถตู้ , ทางลัดเถื่อนข้ามทางรถไฟที่ชาวบ้านทำเอง หรือแม้แต่การท่องเที่ยวเชิง Dark Side ที่หมิ่นเหม่กับวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทยเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีและควรทำให้ถูกกฏหมาย เพราะมองว่าเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงทั้งของตัวปัจเจกบุคคล และของเศรษฐกิจระดับประเทศเลยแม้แต่น้อย
.
ผมถึงบอกว่า..ท่านไม่ได้ต่างจากพวกเราเลย เพราะพวกท่านก็ “2 มาตรฐาน” เข้าทำนอง “ถึงผิดก็จะรัก” เช่นเดียวกันกับคนที่พวกท่านเที่ยวดูถูก ดูหมิ่นอยู่ทุกวี่วัน
.
วันนี้ผมนอนหลับแล้วครับ..หลับอย่างมีความสุขจริงๆ ที่เห็นเหล่าเทวดา-นางฟ้า ผู้เจริญแล้ว ดาวน์เกรดมาอยู่ร่วมกับไพร่ชั้นต่ำคนอื่นๆ ที่เคยดูหมิ่นดูแคลนพวกเขาไว้
.
“ห้าห้าห้า” ขอหัวเราะดังๆ สักที
.
แล้วพบกันใหม่..สวัสดีครับ
.
-------------
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แท็กซี่ รถโดยสาร การจราจร ปัญหาสังคม
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่