แรงผลักทางความคิด
สวัสดีครับบทความนี้ถ่ายทอดมาจากประสบการณ์จริงของผม ที่ได้สัมผัสเองและจากผู้คนรอบตัวนะครับ หวังว่าทุกคนเพื่อนๆคงได้ประโยชน์
กติกาของเรา
1 อ่านและเอาไปเผยแพร่ต่อได้ฟรีตามที่ต่างๆอย่างไม่คิดมูลค่า
2 อย่ามักง่ายเอาไปแปะแล้วอ้างดื้อๆๆว่ากรุเขียนเองเจ๋งไหม
3 ถ้าเห็นว่ากระทู้นี้ดีมีประโยชน์นก้อกดโหวตขึ้นกระทู้แนะนำเพื่อทุกคนที่เข้ามาจะได้อ่านโดยทั่วถึงกัน
ติดตามอ่านของเก่าได้ที่นี่
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=chawna ส่วนภาค1-4ของโค้ชแห่งความคิดเปนอีบุค ไงจะเรียบเรียงใหม่เอาลงให้นะครับ
สมัยวัยรุ่นผมเคยอ่านหนังสือ บทสัมสัมภาษณ์เจ้าสัวปัญญา เจ้าพ่อสนามกอลฟ์ดังของไทย ได้ใจความว่า สมัยก่อนเจ้าสัวปัญญาจนมาถึงขั้นต้องเข็นรถขายน้ำหวานขายแทบไม่มีตังค์กินข้าว แต่พอเจ้าสัวเห็นรถเบ็นซ์ ทีจอดไว้ในที่ไหนสักที เจ้าสัวจะยกมือไหว้แล้วตั้งปณิธานในจ่าเค้าจะต้องมีแบบนี้ให้ได้ ทุกวันนี้เจ้าสัวรวยขนาดไหนคงไม่ต้องบอกนะครับ ซื้อเบ็นซ์แถมปอร์เช่เฟอร์รารี่ยังได้ ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์แม่ทีมขายตรงค่ายดังค่ายนึง ตอนนี้ขับรถเบ็นซ์คันละ7ล้าน เธอบอกว่า พอทำขายตรงแล้ว เริ่มมีรายได้เข้ามาก้อแรกถึงจะแค่100กว่าบาท แต่เธอก้อตัดสินใจเลยว่านี่คืออู่ข่าวอู่น้ำของเธอ เธอจะเอาดีทางด้านนี้ ทุกวันนี้รายได้เธอเหยียบหลายล้านบาทต่อปีรวยมากอีกคน เข้าใจเรื่องแรงผลักทางความคิดรึยังล่ะครับ ถ้ามีอะไรเข้ามาแล้วคุณเฉยๆแบบแบบเปนมนุษย์แช่แข็งอันนั้นไม่เกิดอะไร แต่ถ้าเมื่อไหร่ทีมีอะไรเข้ามาในความคิดแล้วเกิดปฎิกิริยากับคุณจนส่งผลเปนการกระทำเปนเอฟเฟคอะไรสักอย่างนี่แหล่ะที่เค้าเรียกว่าแรงผลักทางความคิด
ตัวอย่างที่จะยกให้ฟังเปนเรื่องของชาวอเมริกันชื่อ จัสติน ดีแอนเจโล จัสตินมีแรงผลักทางความคิดว่าเขาอยากหาธุรกิจที่มีรายได้1แสนเหรียญต่อปี และไม่ใช่งานประจำ และเปนงานที่ต้อลงมือทำวันละ8ชั่วโมงทุกวัน จากแรงผลักทางความคิดนี้ จัสตินไล่เรียงถึงความชอบความถนัดท่ตัวเขามีจนจัสติน ได้รู้ว่าตัวเองชอบและถนัดทางด้านอีคอมเมิรส์ จนกลายเปนที่มาของการทำธุรกิจเวบไซต์ อีคอมเมิรส์ชื่อproof chair ที่จัสตินใช้เวลาดูแลเวบแค่เพียงวันละ1ชั่วโมงตามที่เค้าตั้งใจ
อีกตัวอย่างนึงที่ผมเคยเขียนไปคือเรื่องนากุ้ง หลายคนพอได้ยินว่านากุ้งทำแล้วรวยคนทำขายกุ้งได้ราคาซื้อโรเล็กซ์มาใส่รวยเปนแถบ เท่านี้แหล่ะเพราะได้ยินแรงผลักทางความคิดว่าทำแล้วรวย คนเราหูผึ่งกันหมดขอร่วมกลัวตกขบวนด้วย
นอกจากนี้แรงผลักทางความคิดมันคือวินาทีแรกคุณได้สัมผัสสิ่งเหล่านั้น ผมขอเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังสดๆร้อนๆเลยแล้วกัน เรืองการเมืองในเวบนึงที่ผมเล่นไปอ่านเจอผู้หญิงคนนึงโพสว่า เจอชายคนนึงขับรถกระบะไปปั้มน้ำมันพร้อมถังใส่น้ำมันขนาด200ลิตร3ถังแล้วชายคนนี้ใส่เสื้อสีแดงหุ้มด้วยแจคเกตดำ ผมเห็นหลายคนเข้ามาอ่านมาตอบบอกจะรีบแชร์ต่อๆกันทีว่าเปนฝีมือเสื้อแดงเตรียมจะเผาเมือง แต่ผมอ่านเรื่องนี้จบ แรงผลักทางความคิดผมคือ รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลแล้วมันต้องใช้สติผมจะไม่รีบแชร์ต่อ ผมไม่ได้รู้สึกว่าน่าตกใจกลัวตามที่เจ้าของเรื่องพยามจะเล่าเลยตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกแปลกประหลาด เพราะเจ้าของเรื่องเล่าบรรยายมาละเอียดยิบ แถมยังคุยอีกว่ายืนส่องรถชายต้องสงสัยนานสองนานแต่น่าแปลกที่ไม่มีภาพ และถ้าเปนผมมีคนแปลกหน้ามายืนส่องจ้องมองรถผมนานขนาดนี้ผมคงสงสัยและรู้สึกตัวคงเข้าไปถามรึเอาเรื่องไปแล้ว และน่าแปลกอีก ที่แปลกใจสุดๆเพียงแค่ชายคนนั้น ใส่เสื้อสีแดงแล้วมีแจคเกตสีดำหุ้มเขาอาจะเปนใครไม่รู้ แต่ผู้เขียนชิงสรุปเปนนัยแล้วว่าคือเสื้อแดงเตรียมรวมน้ำมันจะเผา ยิ่งมานึกขึ้นได้ตอนหลังว่า ผู้เขียนคนนี้บุชาพรรค ปชป และสนธิ ลิ้ม ทองกุล ระดับแฟนคลับคนนึง เคยเอาเรื่องกุมาแชร์บ่อยๆพอจะเข้าใจได้เลยว่าเรื่องนี้น่าจะจริงรึเท็จโชคดีของเราแค่ไหนที่ไม่บ้าจี้แชร์ต่อทำให้สังคมแย่กว่านี้ (เรื่องนี้เปนการยกตัวอย่างงดแสดงความเห็นพาลากเข้าการเมือง)
ถ้าแรงผลักความคิดผมไปในทางกลัวตกใจไปในทางลบ ผมคงรีบกระพือข่าวเฟสบุคทำร้ายชาติไทยอย่างที่กระแสสังคมส่วนมากในตอนนี้เปนกันไม่ตรวจสอบแชร์โลด แต่นี่แรงผลักทางความคิดผมไปในทางบวกผมจึงมีสติรับมือในข่าวค้นหาไตร่ตรองตรองดูมูลก่อนว่าเปนไปได้ไหมก่อนจะตัดสินใจว่าแชร์ไม่แชร์
หลักการแรงผลักทางความคิดนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องของชีวิตนะครับ อย่าล้อเล่นไป อย่างที่กูรูฝรั่งระดับโลกสอนบ่อยๆลองเชื่อความรู้สึกเชื่อความคิดเชื่อเสียงในหัวดู
แรงผลักทางคามคิดต่างจากแรงบันดาลใจนะครับ
แรงบันดาลใจคือ ชั้นอยากทำแบบนั้นตามนั้น มีคนนี้เปนต้นแบบ มันต้องมีที่มา
แต่แรงผลักทางความคิด อยู่ดีๆคุณรู้สึกว่า เฮ้ย ชั้นอยากทำ ชั้นอยากเปนแบนั้นมันใช่ชั้น นี่แหล่ะตัวชั้น ไม่จำเปนว่าคุณจะต้องมีต้นแบบไหม
ครั้งนึงนิตยสารธุรกิจฃื่อดังรายเดือนของเมืองไทยเล่มนึง เคยไปสัมภาษณ์ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็กชั้นนำคนนึงของไทย สวัสดิ์บอกว่าที่เขาทำงานหนักทุกวันในตอนนั้น เพราะแรงขับเคลื่อนสิ่งที่ผลักดันเขาคือ ข้าวของราคาแพง งงๆไหมครับ คือสวัสดิ์เปนคนชอบสะสมรถโบราณหายากที่มีน้อยคันในโลก ชอบใส่เสื้อผ้าตัดเย็บอย่างดีจากเมืองนอก แน่อนครับ สิ่งเหลานี้มันคือแรงขับเคลื่อนผลักดันในชีวิตเขาถ้าเขามีรายได้ต่ำๆเขาจะไม่มีทางใช้ชีวิตตามความชอบได้แน่นอน ดังนั้นถ้าเขาอยากจะใช้ชีวิตแบบนี้ได้เขาต้องมีรายได้สูงๆ จึงเปนที่มาของการทำงานหนักให้ตัวเองประสบความสำเร็จ
แฟรงค์ โอเดีย ผู้ก่อตั้งแบรนด์กาแฟ SECOND CUP ของแคนนดา ที่เคยติดเหล้า ไร้บ้าน โดนละเมิดทางเพศมาก่อน ชีวิตเฮงซวยขั้นเทพแทบไม่ต่างอะไรจากขอทาน แฟรงค์บอกถึงแรงผลักทางความคิดของตัวเองว่า วันนึงในปี1971 เขาบังเอิญได้ฟังรายการวิทยุพูดถึงโปรแกรมบำบัดผู้ติดสุรา
“จู่ๆ ผมก้อคิดขึ้นมาได้เองว่า ตัวเองเหลือทางเลือกอยู่สองทาง 1 ถ้าไม่ลุกขึ้นเปลี่ยนชีวิตทันที 2 ก้อควรจะตายเสียวันนี้เลย”
แค่เปลี่ยนพรุ่งนี้เปนวันนี้ฉับพลันชีวิตก้อเปลี่ยน แค่ลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ผัดผ่อนไว้ เขาก้อรู้ตัวเองว่าจะเดินไปทางไหนขึ้นมาทันที แค่การค้นพบจุดหมายเท่านั้น สุดท้ายแฟรงค์บอกว่า “จากคนไม่มีบ้าน ผมกลายเปนเศรษฐีเงินล้าน ในเวลาไม่กี่ปี’
(จากหนังสือของอมิตา อริยอัชฌา)
ลองเปิดใจอ่านที่ผมเขียนดูแล้วเก็บไปคิดกับตัวเองว่าจริงไหมกลับไปหาคำตอบ
คำถามสุดท้ายที่ผมอยากจะฝากถามทุกคนที่เข้ามาอ่านสั้นๆนะครับ
“วันนี้คุณเจอแรงผลักทางความคิดคุณ รึยังครับ ”
ผมฝากข้อคิดข้อสุดท้ายให้นะครับ คนเรายอมจ่ายเงินราคาแพงเพื่อความล้มเหลวเพื่อเรื่องไร้สาระรึยอมเสียเวลาทุ่มเทกับมัน
ทำนองเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย เช่นกันครับ บทความฉบับนี้อาจจะไม่มีสำนวนดึงดูดใจแบบนิยายดัง หลายๆคนจึงมองผ่านรึรู้สึกว่าเรื่องธุรกิจเครียดน่าเบื่อ และพอพูดถึงที่ปรึกษาธุรกิจ ทำไมฉันต้องยอมจ่ายเงินให้คนพวกนี้ตัวกุของกุทำเองก้อได้ แล้วสุดท้ายผลคือทำพลาดผิดจ่ายเงินเสียหายหนักกว่าที่คาดไว้ นี่แหล่ะครับนิสัยคนไทย ความสำเร็จมันจะเกิดขึ้นได้ถ้าคุณเปิดใจรับความรู้นะครับเปิดใจเรียนรู้กล้าจะเข้าหาคนเก่งมาแนะนำ ริชารด์ แบรนสัน เรียนน้อย แต่รอบตัวเขามีที่ปรึกษาธุรกิจเก่งๆคอยแนะนำ เขายอมลงทุนจนตัวเขาไปได้ไกลขนาดนี้ ลองถามกับตัวเองดู
สวัสดีครับ
เกี่ยวกับคนเขียน
**ที่ปรึกษาธุรกิจ เจ้าของเวบ นักเขียนเรื่องธุรกิจและรงบันดาลใจในพันทิพห้องสีลม อาสาเพื่อสังคม
มีความสุขในการอ่านนะครับ
psmith241022@gmail.com รึไอดีไลน์p241011 ช่วยทักมาก่อนนะครับจะได้รับแอด แล้วรอผมหน่อย บางทีผมอ่านรับแอดช้าคุณไม่รอผมเลย
มีอะไรก้อมาปรึกษาเมลมาคุยกันได้ครับรึหลังไมค์มาตามสะดวก
โค้ชแห่งความคิด ภาค3 แรงผลักทางความคิด
สวัสดีครับบทความนี้ถ่ายทอดมาจากประสบการณ์จริงของผม ที่ได้สัมผัสเองและจากผู้คนรอบตัวนะครับ หวังว่าทุกคนเพื่อนๆคงได้ประโยชน์
กติกาของเรา
1 อ่านและเอาไปเผยแพร่ต่อได้ฟรีตามที่ต่างๆอย่างไม่คิดมูลค่า
2 อย่ามักง่ายเอาไปแปะแล้วอ้างดื้อๆๆว่ากรุเขียนเองเจ๋งไหม
3 ถ้าเห็นว่ากระทู้นี้ดีมีประโยชน์นก้อกดโหวตขึ้นกระทู้แนะนำเพื่อทุกคนที่เข้ามาจะได้อ่านโดยทั่วถึงกัน
ติดตามอ่านของเก่าได้ที่นี่http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=chawna ส่วนภาค1-4ของโค้ชแห่งความคิดเปนอีบุค ไงจะเรียบเรียงใหม่เอาลงให้นะครับ
สมัยวัยรุ่นผมเคยอ่านหนังสือ บทสัมสัมภาษณ์เจ้าสัวปัญญา เจ้าพ่อสนามกอลฟ์ดังของไทย ได้ใจความว่า สมัยก่อนเจ้าสัวปัญญาจนมาถึงขั้นต้องเข็นรถขายน้ำหวานขายแทบไม่มีตังค์กินข้าว แต่พอเจ้าสัวเห็นรถเบ็นซ์ ทีจอดไว้ในที่ไหนสักที เจ้าสัวจะยกมือไหว้แล้วตั้งปณิธานในจ่าเค้าจะต้องมีแบบนี้ให้ได้ ทุกวันนี้เจ้าสัวรวยขนาดไหนคงไม่ต้องบอกนะครับ ซื้อเบ็นซ์แถมปอร์เช่เฟอร์รารี่ยังได้ ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์แม่ทีมขายตรงค่ายดังค่ายนึง ตอนนี้ขับรถเบ็นซ์คันละ7ล้าน เธอบอกว่า พอทำขายตรงแล้ว เริ่มมีรายได้เข้ามาก้อแรกถึงจะแค่100กว่าบาท แต่เธอก้อตัดสินใจเลยว่านี่คืออู่ข่าวอู่น้ำของเธอ เธอจะเอาดีทางด้านนี้ ทุกวันนี้รายได้เธอเหยียบหลายล้านบาทต่อปีรวยมากอีกคน เข้าใจเรื่องแรงผลักทางความคิดรึยังล่ะครับ ถ้ามีอะไรเข้ามาแล้วคุณเฉยๆแบบแบบเปนมนุษย์แช่แข็งอันนั้นไม่เกิดอะไร แต่ถ้าเมื่อไหร่ทีมีอะไรเข้ามาในความคิดแล้วเกิดปฎิกิริยากับคุณจนส่งผลเปนการกระทำเปนเอฟเฟคอะไรสักอย่างนี่แหล่ะที่เค้าเรียกว่าแรงผลักทางความคิด
ตัวอย่างที่จะยกให้ฟังเปนเรื่องของชาวอเมริกันชื่อ จัสติน ดีแอนเจโล จัสตินมีแรงผลักทางความคิดว่าเขาอยากหาธุรกิจที่มีรายได้1แสนเหรียญต่อปี และไม่ใช่งานประจำ และเปนงานที่ต้อลงมือทำวันละ8ชั่วโมงทุกวัน จากแรงผลักทางความคิดนี้ จัสตินไล่เรียงถึงความชอบความถนัดท่ตัวเขามีจนจัสติน ได้รู้ว่าตัวเองชอบและถนัดทางด้านอีคอมเมิรส์ จนกลายเปนที่มาของการทำธุรกิจเวบไซต์ อีคอมเมิรส์ชื่อproof chair ที่จัสตินใช้เวลาดูแลเวบแค่เพียงวันละ1ชั่วโมงตามที่เค้าตั้งใจ
อีกตัวอย่างนึงที่ผมเคยเขียนไปคือเรื่องนากุ้ง หลายคนพอได้ยินว่านากุ้งทำแล้วรวยคนทำขายกุ้งได้ราคาซื้อโรเล็กซ์มาใส่รวยเปนแถบ เท่านี้แหล่ะเพราะได้ยินแรงผลักทางความคิดว่าทำแล้วรวย คนเราหูผึ่งกันหมดขอร่วมกลัวตกขบวนด้วย
นอกจากนี้แรงผลักทางความคิดมันคือวินาทีแรกคุณได้สัมผัสสิ่งเหล่านั้น ผมขอเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังสดๆร้อนๆเลยแล้วกัน เรืองการเมืองในเวบนึงที่ผมเล่นไปอ่านเจอผู้หญิงคนนึงโพสว่า เจอชายคนนึงขับรถกระบะไปปั้มน้ำมันพร้อมถังใส่น้ำมันขนาด200ลิตร3ถังแล้วชายคนนี้ใส่เสื้อสีแดงหุ้มด้วยแจคเกตดำ ผมเห็นหลายคนเข้ามาอ่านมาตอบบอกจะรีบแชร์ต่อๆกันทีว่าเปนฝีมือเสื้อแดงเตรียมจะเผาเมือง แต่ผมอ่านเรื่องนี้จบ แรงผลักทางความคิดผมคือ รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลแล้วมันต้องใช้สติผมจะไม่รีบแชร์ต่อ ผมไม่ได้รู้สึกว่าน่าตกใจกลัวตามที่เจ้าของเรื่องพยามจะเล่าเลยตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกแปลกประหลาด เพราะเจ้าของเรื่องเล่าบรรยายมาละเอียดยิบ แถมยังคุยอีกว่ายืนส่องรถชายต้องสงสัยนานสองนานแต่น่าแปลกที่ไม่มีภาพ และถ้าเปนผมมีคนแปลกหน้ามายืนส่องจ้องมองรถผมนานขนาดนี้ผมคงสงสัยและรู้สึกตัวคงเข้าไปถามรึเอาเรื่องไปแล้ว และน่าแปลกอีก ที่แปลกใจสุดๆเพียงแค่ชายคนนั้น ใส่เสื้อสีแดงแล้วมีแจคเกตสีดำหุ้มเขาอาจะเปนใครไม่รู้ แต่ผู้เขียนชิงสรุปเปนนัยแล้วว่าคือเสื้อแดงเตรียมรวมน้ำมันจะเผา ยิ่งมานึกขึ้นได้ตอนหลังว่า ผู้เขียนคนนี้บุชาพรรค ปชป และสนธิ ลิ้ม ทองกุล ระดับแฟนคลับคนนึง เคยเอาเรื่องกุมาแชร์บ่อยๆพอจะเข้าใจได้เลยว่าเรื่องนี้น่าจะจริงรึเท็จโชคดีของเราแค่ไหนที่ไม่บ้าจี้แชร์ต่อทำให้สังคมแย่กว่านี้ (เรื่องนี้เปนการยกตัวอย่างงดแสดงความเห็นพาลากเข้าการเมือง)
ถ้าแรงผลักความคิดผมไปในทางกลัวตกใจไปในทางลบ ผมคงรีบกระพือข่าวเฟสบุคทำร้ายชาติไทยอย่างที่กระแสสังคมส่วนมากในตอนนี้เปนกันไม่ตรวจสอบแชร์โลด แต่นี่แรงผลักทางความคิดผมไปในทางบวกผมจึงมีสติรับมือในข่าวค้นหาไตร่ตรองตรองดูมูลก่อนว่าเปนไปได้ไหมก่อนจะตัดสินใจว่าแชร์ไม่แชร์
หลักการแรงผลักทางความคิดนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องของชีวิตนะครับ อย่าล้อเล่นไป อย่างที่กูรูฝรั่งระดับโลกสอนบ่อยๆลองเชื่อความรู้สึกเชื่อความคิดเชื่อเสียงในหัวดู
แรงผลักทางคามคิดต่างจากแรงบันดาลใจนะครับ
แรงบันดาลใจคือ ชั้นอยากทำแบบนั้นตามนั้น มีคนนี้เปนต้นแบบ มันต้องมีที่มา
แต่แรงผลักทางความคิด อยู่ดีๆคุณรู้สึกว่า เฮ้ย ชั้นอยากทำ ชั้นอยากเปนแบนั้นมันใช่ชั้น นี่แหล่ะตัวชั้น ไม่จำเปนว่าคุณจะต้องมีต้นแบบไหม
ครั้งนึงนิตยสารธุรกิจฃื่อดังรายเดือนของเมืองไทยเล่มนึง เคยไปสัมภาษณ์ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็กชั้นนำคนนึงของไทย สวัสดิ์บอกว่าที่เขาทำงานหนักทุกวันในตอนนั้น เพราะแรงขับเคลื่อนสิ่งที่ผลักดันเขาคือ ข้าวของราคาแพง งงๆไหมครับ คือสวัสดิ์เปนคนชอบสะสมรถโบราณหายากที่มีน้อยคันในโลก ชอบใส่เสื้อผ้าตัดเย็บอย่างดีจากเมืองนอก แน่อนครับ สิ่งเหลานี้มันคือแรงขับเคลื่อนผลักดันในชีวิตเขาถ้าเขามีรายได้ต่ำๆเขาจะไม่มีทางใช้ชีวิตตามความชอบได้แน่นอน ดังนั้นถ้าเขาอยากจะใช้ชีวิตแบบนี้ได้เขาต้องมีรายได้สูงๆ จึงเปนที่มาของการทำงานหนักให้ตัวเองประสบความสำเร็จ
แฟรงค์ โอเดีย ผู้ก่อตั้งแบรนด์กาแฟ SECOND CUP ของแคนนดา ที่เคยติดเหล้า ไร้บ้าน โดนละเมิดทางเพศมาก่อน ชีวิตเฮงซวยขั้นเทพแทบไม่ต่างอะไรจากขอทาน แฟรงค์บอกถึงแรงผลักทางความคิดของตัวเองว่า วันนึงในปี1971 เขาบังเอิญได้ฟังรายการวิทยุพูดถึงโปรแกรมบำบัดผู้ติดสุรา
“จู่ๆ ผมก้อคิดขึ้นมาได้เองว่า ตัวเองเหลือทางเลือกอยู่สองทาง 1 ถ้าไม่ลุกขึ้นเปลี่ยนชีวิตทันที 2 ก้อควรจะตายเสียวันนี้เลย”
แค่เปลี่ยนพรุ่งนี้เปนวันนี้ฉับพลันชีวิตก้อเปลี่ยน แค่ลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ผัดผ่อนไว้ เขาก้อรู้ตัวเองว่าจะเดินไปทางไหนขึ้นมาทันที แค่การค้นพบจุดหมายเท่านั้น สุดท้ายแฟรงค์บอกว่า “จากคนไม่มีบ้าน ผมกลายเปนเศรษฐีเงินล้าน ในเวลาไม่กี่ปี’
(จากหนังสือของอมิตา อริยอัชฌา)
ลองเปิดใจอ่านที่ผมเขียนดูแล้วเก็บไปคิดกับตัวเองว่าจริงไหมกลับไปหาคำตอบ
คำถามสุดท้ายที่ผมอยากจะฝากถามทุกคนที่เข้ามาอ่านสั้นๆนะครับ
“วันนี้คุณเจอแรงผลักทางความคิดคุณ รึยังครับ ”
ผมฝากข้อคิดข้อสุดท้ายให้นะครับ คนเรายอมจ่ายเงินราคาแพงเพื่อความล้มเหลวเพื่อเรื่องไร้สาระรึยอมเสียเวลาทุ่มเทกับมัน
ทำนองเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย เช่นกันครับ บทความฉบับนี้อาจจะไม่มีสำนวนดึงดูดใจแบบนิยายดัง หลายๆคนจึงมองผ่านรึรู้สึกว่าเรื่องธุรกิจเครียดน่าเบื่อ และพอพูดถึงที่ปรึกษาธุรกิจ ทำไมฉันต้องยอมจ่ายเงินให้คนพวกนี้ตัวกุของกุทำเองก้อได้ แล้วสุดท้ายผลคือทำพลาดผิดจ่ายเงินเสียหายหนักกว่าที่คาดไว้ นี่แหล่ะครับนิสัยคนไทย ความสำเร็จมันจะเกิดขึ้นได้ถ้าคุณเปิดใจรับความรู้นะครับเปิดใจเรียนรู้กล้าจะเข้าหาคนเก่งมาแนะนำ ริชารด์ แบรนสัน เรียนน้อย แต่รอบตัวเขามีที่ปรึกษาธุรกิจเก่งๆคอยแนะนำ เขายอมลงทุนจนตัวเขาไปได้ไกลขนาดนี้ ลองถามกับตัวเองดู
สวัสดีครับ
เกี่ยวกับคนเขียน
**ที่ปรึกษาธุรกิจ เจ้าของเวบ นักเขียนเรื่องธุรกิจและรงบันดาลใจในพันทิพห้องสีลม อาสาเพื่อสังคม
มีความสุขในการอ่านนะครับ
psmith241022@gmail.com รึไอดีไลน์p241011 ช่วยทักมาก่อนนะครับจะได้รับแอด แล้วรอผมหน่อย บางทีผมอ่านรับแอดช้าคุณไม่รอผมเลย
มีอะไรก้อมาปรึกษาเมลมาคุยกันได้ครับรึหลังไมค์มาตามสะดวก