เพิ่งได้ไปดู ม็อกกิ้งเจย์ มาค่ะ ตอนแรกก็แอบหวั่นอยู่เพราะหลายกระแสบอกว่าค่อนข้างผิดหวัง ยืดเยื้อ ไม่สนุกเหมือนภาคก่อนๆ
แต่!! .. สำหรับเราแล้วเราว่าเรารู้สึกตรงกันข้ามนะ มันเป็นอะไรที่น่าประทับใจมากๆ อินจนร้องห่มร้องไห้ 555
เราขอเล่าถึงความประทับใจ(ในมุมของเรา) และประเด็นเล็กๆน้อยๆเท่าที่จำได้แล้วกันนะคะ(มีสปอยล์นะ)
ใครที่ยังไม่ได้ไปดูเราแนะนำมากๆเลยค่ะ ส่วนคนที่ไปดูมาแล้วก็พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ^^
(ขอพูดอิงจากหนังเท่านั้น ไม่เปรียบเทียบกับหนังสือนะคะเพราะเราไม่ได้อ่าน)
เริ่มแรกต้องชมก่อนเลยในหลายเรื่อง ทั้งบท กราฟฟิค ซาวนด์ นักแสดง ฯลฯ ทุกอย่างมีส่วนทำให้เราอินไปกับหนังเรื่องนี้
ม็อกกิ้ง เจย์ ทำได้ดีในการเรียบเรียงข้อมูล ความสมเหตุสมผล ทำให้เราเชื่อ อุดช่องโหว่พวกคำถามประมาณ
เอ๊ย ทำไมเป็นแบบนั้น แบบนี้? ได้ดีทำให้เราคล้อยตามได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรมากมายว่างั้นเถอะ
พาร์ทนี้เหมือนเป็นการปูทาง ต้องการเน้นอารมณ์ตัวละครแล้วก็คนดู
ถ้าคุณหวังจะไปดูซีนแอคชั่นลุ้นระทึกเหมือนภาคก่อนๆ ก็คงจะมีความรู้สึกว่าภาคนี้มันน่าเบื่อไปหน่อย
แต่เรากลับคิดว่ามันสะท้อนอะไรหลายๆอย่างได้น่าประทับใจ เสียดสีโลกความจริงได้เจ็บ และมุกตลกที่แทรกเข้าไปก็ฮามากด้วย
ซีนที่ทำเราร้องไห้คือตอนที่ผู้คนไประเบิดเขื่อน มีเพลงแฮงกิ้งทรีเป็นซาวนด์ประกอบ ตอนนั้นคือแบบ..
เห็นชาวบ้านหลายคนวิ่งระดมมาถูกผู้พิทักษ์ยิงล้มตายกันไปหลายสิบ แต่ก็ยังวิ่งฝ่าไปจนทำลายเขื่อนได้
ตอนนั้นเราย้อนคิดไปว่า เออเนอะ บรรพบุรุษเราก็คงเคยทำอะไรแบบนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าชาวบ้านมือเปล่าวิ่งไปแบบนั้นต้องตายแน่ๆ
แต่เขาก็เต็มใจจะทำ ต่อสู้กับความอยุติธรรม การกดขี่ข่มเหง เพื่อหวังให้ลูกหลานหรือคนที่เขารักมีชีวิตที่ดีกว่าในวันข้างหน้า
มันเป็นการเสียสละที่น่านับถือมากๆ เป็นซีนที่ไม่มีพระนางไม่มีตัวเอกเลยด้วยซ้ำแต่เรากลับอินกับซีนนี้มากที่สุด
ซีนต่อมาคงไม่พ้นที่โรงพยาบาลเนอะ ตอนที่แคทนิสถูกถามว่าคุณจะสู้กับเราไหม พอตอบว่าใช่ทุกคนก็ยกสัญลักษณ์สามนิ้วให้
เรารู้สึกได้เลยว่ามันเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ รู้เลยว่าเราไม่ได้สู้อยู่คนเดียวแล้วทุกคนก็พร้อมที่จะสละทุกอย่างเพื่อเรียกร้อง
ในสิ่งที่ถูกต้องไปพร้อมๆกัน แต่ก็ไม่นึกว่าหลังจากนั้นแค่ไม่กี่นาที แคปปิตอลจะใจร้ายได้ขนาดนี้
เป็นเราเราคงทนไม่ไหวที่เห็นชาวบ้านพวกนั้นต้องตายไปต่อหน้า เราเลยอินมากๆกับคำพูดของแคตนิสที่ว่า
"If we burn, you burn with us" มันให้อารมณ์แบบว่า เรารู้อยู่แล้วว่าเราไม่มีทางสู้โดยไม่เกิดการสูญเสีย
เราไม่หวังที่จะมีชีวิตอยู่ แต่เราหวังให้แกวอดวายไปพร้อมกับเราด้วยอะไรประมาณนั้น
นอกนั้นก็มีประเด็นเล็กๆน้อยๆที่ดูแล้ว เออ.. ชอบจังแฮะ เช่น
- ตอนที่สโนว์จะแถลงข่าวแล้วให้แก้คำพูดใหม่ ให้ฝ่ายต่อต้านฟังดูแย่ลงไปอีก คือถ้ามองเป็นการเสียดสีถือว่าทำได้ดีเลยล่ะ
ทั้งในประเด็นการเมืองและในสังคมทั่วไป เราปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงๆไม่ใช่แค่ในหนัง
ในไทยก็เคยเกิดมาแล้ว.. ไม่ยกตัวอย่างดีกว่า ใครๆก็ไม่อยากไปกินข้าวแดงแทนข้าวหอมมะลิหรอกใช่ไหมคะ 555
- ตอนที่ฐานดิสทริก13 โดนถล่ม ทุกคนอยู่ในหลุมหลบภัยแล้วแคตนิสก็ขอให้พริมช่วยชวนคุยเรื่องอะไรก็ได้ เราชอบนะ
ในความเป็นจริงเราคงเคยเจออะไรแบบนี้กันบ้างล่ะ แบบว่าปลอบใจตัวเองหรือกลบเกลื่อนความกลัวด้วยอะไรสักอย่าง
ถ้าเราได้อยู่กับคนที่เรารักหรือคนที่เราไว้ใจในสถานการณ์แบบนั้น เชื่อเถอะว่าคำพูดของเขามันจะปัดเป่าความกลัวออกไปได้
ไม่มากก็น้อย แม้จะเป็นเพียงประโยคบอกเล่าธรรมดาๆก็ตาม
เหมือนที่พริมทำให้แคตนิสยิ้มออกมาได้กับเรื่องที่เธอได้เลื่อนขั้นในโรงพยาบาล
- ตอนที่ออกไปทำข่าวที่ดิสทริก12 แล้วเกลก็เป็นคนพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอง
(ตอนนั้นแคตนิสลังเลเพราะมีเรื่องพีต้าอยู่ในใจ)ถ้าเราเป็นแคตนิสเราคงรู้สึกเหมือนถูกบอกอยู่กลายๆว่าอย่าถอดใจนะ
ขนาดเกลเองที่เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นม็อกกิ้ง เจย์ ไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียง ไม่ได้มีคนรักและศรัทธาอย่าแคตนิส
เขายังทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนรอดให้มากที่สุด ต่อสู้เต็มความสามารถเท่าที่จะทำได้ และเราคงกลับมาย้อน
ถามตัวเองว่า แล้วเราที่เป็นเหมือนความหวังของคนทั้งพาเน็มน่ะ ทำได้ถึงครึ่งของเกลบ้างแล้วหรือยัง?
- เพลงแฮงกิ้งทรีที่กำลังโด่งดัง 55 จริงๆความหมายเพลงเศร้าและเนกาทีฟมากนะคะ ชวนกันไปผูกคอตายดีๆนี่เอง 555
แต่พอมารวมกับสถานการณ์ในหนังตอนนั้นมันกลับยิ่งทำให้ฮึกเหิม ปลุกระดมให้ไปร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน
โลกใบนี้มันผิดเพี้ยนบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว ไปเปลี่ยนมันด้วยกันเถอะ
- สั้นๆง่ายๆเลยตอนที่เฮมิชต์เดินเข้ามาหาแคตนิสที่เจอกุหลาบขาวและไม่อยากเป็นม็อกกิ้ง เจย์ แล้ว เฮมิชต์พูดว่า
ไม่ต้องเป็นม็อกกิ้ง เจย์หรอก"แค่เป็นแคตนิสแค่นั้นก็พอ" คือความบ้าบอของเฮมิชต์อ่ะนะมันแค่เปลือกนอกจริงๆ
ผู้ชายคนนี้นี่แหละที่เข้าใจความเป็นแคตนิสที่สุด มากกว่าพลูทาร์คซะอีก อย่างที่เขาบอกเลยว่าม็อกกิ้ง เจย์ มันก็แค่หัวโขน
แค่สัญลักษณ์ ความเป็นแคตนิสจริงๆต่างหากที่ต่อสู้กับแคปปิตอลได้
มาพูดถึงตัวละครกันบ้างดีกว่า(อาจจะไม่ครบทุกตัวนะคะ) เอาที่เราไม่พูดถึงไม่ได้ก็แล้วกัน
- อันดับแรกก็ต้องนางเอกแหละเนอะ 55 จริงๆสารภาพนะว่าแอบไม่เข้าใจความคิดเธออยู่นิดหน่อย
ผู้ชายคนนึงนี่สำคัญกว่าคนทั้งพาเน็มเลยเหรอ? 55แต่พอคิดไปคิดมาก็พอเข้าใจละ จริงๆแคตนิสเธอไม่ได้หวังอะไรตั้งแต่แรกแล้ว
ผู้หญิงคนนี้แค่ต้องการอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่นและผู้ชายที่เธอรักสักคน ไม่ได้ต้องการยุ่งเกี่ยวทำให้เรื่องบานปลาย
ไม่ได้ต้องการสู้รบหรือเรียกร้องอะไรเลย เธอแค่อยากปกป้องคนที่รักเท่านั้น พอคิดในจุดนี้ได้
ก็เลยเข้าใจมากขึ้นเวลาแคตนิสเห็นหน้าพีต้าแล้วจะถอดใจเอาง่ายๆ ไม่ทงไม่ทำอะไรมันแล้ว ขอแค่พีต้าปลอดภัยก็พอ
เข้าใจแล้วว่าทำไมเป็นแบบนั้น เพราะนั่นมันก็คือสิ่งที่เธอต้องการมาตั้งแต่แรก (มีใครรู้สึกไหมว่าภาคนี้เจน ลอว์ สวยขึ้นนะ 555)
- เกล โอยยย นี่มันพระรองในซีรีย์เกาหลีชัดๆ ทำทุกอย่างเพื่อเขาตลอด เจ็บสุดๆกับคำพูดที่ว่า
"ฉันต้องเจ็บปวดเท่านั้นแหละ เธอถึงจะสนใจ" ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอดสามภาคจริงๆ
อยากบอกเกลว่า มาหาเรานะคะ เราจะไม่ทำให้เธอเสียใจ TT (มโนแป๊บนึง) แล้วก็น้ำตาคลอตอนที่
เกลอาสาไปเป็นคนพาพีต้าออกมาเป็นคนแรก ทั้งๆที่พีต้านี่แหละศัตรูหัวใจแต่เกลก็ไม่เคยมองแบบนั้น ..ก็เขาไม่รักอ่ะเนอะ จะทำยังไงได้
จะโทษคนที่เขารักก็ไม่ถูก ถ้าเป็นเราเราคงโกรธที่แคตนิสมาทำดีด้วยนะ ทั้งที่ริมแม่น้ำทั้งเรื่องจูบ แต่เพราะนั่นเป็นเกล
เราเลยคิดว่าเกลคงไม่โกรธหรอกสำหรับแคตนิสแล้วจะให้เป็นอะไรเขาก็ยอมเป็นยอมทำให้ได้เสมอนั่นแหละ
(ชีวิตจริงมีผู้ชายแบบนี้อยู่สักกี่คน 5555)
- พริม พาร์ทนี้เรารู้สึกชอบพริมมาก ดูเป็นคนที่มีวุฒิภาวะเกินอายุ แอบคิดอยู่ว่าถ้าตอนที่อยู่ดิสทริก13นี้ไม่มีพริม
แคตนิสต้องแย่แน่ๆ เพราะไม่มีคนคอยปลอบโยนในหลายๆครั้งที่คิดมาก
- ฟินิค งื้อออ พาร์ทนี้ฟินิคออร่าคาริสม่ากระจายมากๆเลย หลงค่ะบอกตรงๆ 555 ฟังตอนไปทำข่าวแล้วชีวิตหนูรันทดมากค่ะ
หนูยังพูดถึงตอนขายตัวอยู่เหรอคะ เอาจริงๆนะ คือแอบฟิน เอ้ย! แอบตกใจตั้งแต่แคชชิ่ง ไฟร์ ที่รู้ว่าฟินิค(ถูกบังคับ)ให้ขายตัว
แบบ..เฮ้ยยย เลือดกำเดา โอ๊ย! น้ำตาไหล เสี่ยผู้ชายรวยๆเห็นหนูหน้าคมๆสวยๆสินะคะ ที่ไหนได้เขาก็บอกไว้อยู่ว่าขายให้ผู้หญิง
(แต่ไม่รู้ว่าให้ผชด้วยป่าวเพราะไม่ได้พูด) ยิ่งพาร์ทที่แล้วผายปอดพีต้านี่กรี๊ดลั่นโรง 555
ถ้าไม่ติดว่ามีคนรักเป็นผู้หญิงแล้วนี่จะฟินมาก 55555 //อะไรของเธอ = =
- เฮมิชต์/เอฟฟี่ สองคนนี้บ้าบอแต่น่ารักนะ ชอบเฮมิชต์มากขึ้นเยอะเลยคือในความบ้าก็มีความจริงจัง ถ้าไม่ติดเหล้านี่จะดีทุกอย่าง
ชอบที่สองคนนี้แหย่กันว่าผมชอบคุณตอนไม่แต่งหน้า เอฟฟี่ก็พูดว่าฉันก็ชอบตอนที่คุณไม่เมาเหล้า โอ๊ยฮา
- คอยน์/พลุทาร์ค กับคอยน์เราไม่รู้ตื้นลึกหนาบางมากเพราะยังไม่ได้อ่านพาร์ท 2 (แต่ก็โดนสปยล์มาบ้างแล้ว TT)
รู้แค่ว่าเธอเป็นคนเก่งมากๆดูจากตอนที่สั่งการตอนที่ถูกแคปปิตอลโจมตี ทึ่งไปเลยว่า เฮ้ยย ผู้หญิงคนเดียวทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ
ส่วนพลูทาร์คก็บ้าบอเหมือนเดิม หนังเรื่องนี้จะตลกไม่ได้เลยนะถ้าไม่มีพลูทาร์ค หลายๆมุกนี่มาจากลุงแกทั้งนั้น 555
- บ็อกซ์ ไม่รู้เป็นอะไรเราชอบตัวละครนี้มากเลย ดูมาดสมกับเป็นทหารมากๆ มุ่งมั่น จงรักภักดี คือแววตาและท่าทาง
ของตัวละครตัวนี้มีความเป็นทหารอยู่ครบทุกอย่างเลยค่ะ
- สามนักข่าว น่ารักดีนะ เครสสิด้าก็ดูลุยๆเป็นผู้หญิงเท่(จำชื่อได้คนเดียวง่ะ) อีกสองคนก็น่ารักดีโดยเฉพาะคนเป็นใบ้
ซีนที่ริมน้ำเล่นได้น่ารักมาก
- พีต้า อันนี้ไม่พูดถึงค่ะ ข้ามๆ 55 ออกมาทีไรขัดใจมาก ทำแคตนิสไขว้เขวทุกที เชื่อว่าทุกคนในดิสทริก13
คงเกลียดพีต้ากันทั่วหน้าค่ะ 555 (โอ๋ๆ หยอกๆนะตัวเอง)
..ก็คงจะมีเท่านี้ที่เราอยากพูด(ย้อนกลับไปดู นี่ก็ไม่น้อยเลยนะ 555) คืออยากจะบอกว่าหนังไม่ได้แย่เลยนะคะ
กลับกันเรากลับคิดว่าพาร์ทนี้ให้อะไรกับเราเยอะมาก ทุกอย่างมันดูเรียลจริงๆ โดยเฉพาะตัวละครที่เราคิดว่าเขาเป็นคาร์แรคเตอร์
นั้นๆไปแล้ว บอกตรงๆว่าจำเจน ลอว์คนที่เดินสะดุดพรมแดงไม่ได้เลย 5555 จำได้แต่แคตนิส เอเวอร์ดีนจริงๆ เล่นดีทุกคนเลย
เป็นอีกเรื่องที่ดูแล้วรู้สึกอิ่มแล้วก็ประทับใจมากค่ะ ได้อะไรเยอะแยะมาก ทำให้เราลืมไปเลยว่าการต่อสู้ในสองภาคแรกมันเป็นยังไง
การต่อสู้ที่แท้จริงมันจะเริ่มต่อจากนี้ไปต่างหาก..
เวิ่นเว้อมาซะเยอะเลย เขินจัง 555 ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ
นี่ก็เป็นเพียงความคิดเห็นอีกหนึ่งความคิดเห็นของเรา ใครมีอะไรอยากแชร์อยากพูดคุย ชอบตรงไหนไม่ชอบอะไรยังไง
อยากเล่าประเด็นอะไรก็เชิญได้เลยค่ะ (แต่ขอร้องอย่าเพิ่งสปอยล์พาร์ทสองน้า เรายังทำใจไม่ได้ ฮ่าๆ)
คุณได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ก็แชร์ความประทับใจไว้ที่นี่ได้เลย ขอบคุณมากค่า : ))
แล้วมารอม็อกกิ้ง เจย์ พาร์ท2 ไปด้วยกันนะคะ >3<
The Hunger Games : Mocking Jay (Part 1) ทำเราน้ำตาไหล
แต่!! .. สำหรับเราแล้วเราว่าเรารู้สึกตรงกันข้ามนะ มันเป็นอะไรที่น่าประทับใจมากๆ อินจนร้องห่มร้องไห้ 555
เราขอเล่าถึงความประทับใจ(ในมุมของเรา) และประเด็นเล็กๆน้อยๆเท่าที่จำได้แล้วกันนะคะ(มีสปอยล์นะ)
ใครที่ยังไม่ได้ไปดูเราแนะนำมากๆเลยค่ะ ส่วนคนที่ไปดูมาแล้วก็พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ^^
(ขอพูดอิงจากหนังเท่านั้น ไม่เปรียบเทียบกับหนังสือนะคะเพราะเราไม่ได้อ่าน)
เริ่มแรกต้องชมก่อนเลยในหลายเรื่อง ทั้งบท กราฟฟิค ซาวนด์ นักแสดง ฯลฯ ทุกอย่างมีส่วนทำให้เราอินไปกับหนังเรื่องนี้
ม็อกกิ้ง เจย์ ทำได้ดีในการเรียบเรียงข้อมูล ความสมเหตุสมผล ทำให้เราเชื่อ อุดช่องโหว่พวกคำถามประมาณ
เอ๊ย ทำไมเป็นแบบนั้น แบบนี้? ได้ดีทำให้เราคล้อยตามได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรมากมายว่างั้นเถอะ
พาร์ทนี้เหมือนเป็นการปูทาง ต้องการเน้นอารมณ์ตัวละครแล้วก็คนดู
ถ้าคุณหวังจะไปดูซีนแอคชั่นลุ้นระทึกเหมือนภาคก่อนๆ ก็คงจะมีความรู้สึกว่าภาคนี้มันน่าเบื่อไปหน่อย
แต่เรากลับคิดว่ามันสะท้อนอะไรหลายๆอย่างได้น่าประทับใจ เสียดสีโลกความจริงได้เจ็บ และมุกตลกที่แทรกเข้าไปก็ฮามากด้วย
ซีนที่ทำเราร้องไห้คือตอนที่ผู้คนไประเบิดเขื่อน มีเพลงแฮงกิ้งทรีเป็นซาวนด์ประกอบ ตอนนั้นคือแบบ..
เห็นชาวบ้านหลายคนวิ่งระดมมาถูกผู้พิทักษ์ยิงล้มตายกันไปหลายสิบ แต่ก็ยังวิ่งฝ่าไปจนทำลายเขื่อนได้
ตอนนั้นเราย้อนคิดไปว่า เออเนอะ บรรพบุรุษเราก็คงเคยทำอะไรแบบนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าชาวบ้านมือเปล่าวิ่งไปแบบนั้นต้องตายแน่ๆ
แต่เขาก็เต็มใจจะทำ ต่อสู้กับความอยุติธรรม การกดขี่ข่มเหง เพื่อหวังให้ลูกหลานหรือคนที่เขารักมีชีวิตที่ดีกว่าในวันข้างหน้า
มันเป็นการเสียสละที่น่านับถือมากๆ เป็นซีนที่ไม่มีพระนางไม่มีตัวเอกเลยด้วยซ้ำแต่เรากลับอินกับซีนนี้มากที่สุด
ซีนต่อมาคงไม่พ้นที่โรงพยาบาลเนอะ ตอนที่แคทนิสถูกถามว่าคุณจะสู้กับเราไหม พอตอบว่าใช่ทุกคนก็ยกสัญลักษณ์สามนิ้วให้
เรารู้สึกได้เลยว่ามันเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ รู้เลยว่าเราไม่ได้สู้อยู่คนเดียวแล้วทุกคนก็พร้อมที่จะสละทุกอย่างเพื่อเรียกร้อง
ในสิ่งที่ถูกต้องไปพร้อมๆกัน แต่ก็ไม่นึกว่าหลังจากนั้นแค่ไม่กี่นาที แคปปิตอลจะใจร้ายได้ขนาดนี้
เป็นเราเราคงทนไม่ไหวที่เห็นชาวบ้านพวกนั้นต้องตายไปต่อหน้า เราเลยอินมากๆกับคำพูดของแคตนิสที่ว่า
"If we burn, you burn with us" มันให้อารมณ์แบบว่า เรารู้อยู่แล้วว่าเราไม่มีทางสู้โดยไม่เกิดการสูญเสีย
เราไม่หวังที่จะมีชีวิตอยู่ แต่เราหวังให้แกวอดวายไปพร้อมกับเราด้วยอะไรประมาณนั้น
นอกนั้นก็มีประเด็นเล็กๆน้อยๆที่ดูแล้ว เออ.. ชอบจังแฮะ เช่น
- ตอนที่สโนว์จะแถลงข่าวแล้วให้แก้คำพูดใหม่ ให้ฝ่ายต่อต้านฟังดูแย่ลงไปอีก คือถ้ามองเป็นการเสียดสีถือว่าทำได้ดีเลยล่ะ
ทั้งในประเด็นการเมืองและในสังคมทั่วไป เราปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงๆไม่ใช่แค่ในหนัง
ในไทยก็เคยเกิดมาแล้ว.. ไม่ยกตัวอย่างดีกว่า ใครๆก็ไม่อยากไปกินข้าวแดงแทนข้าวหอมมะลิหรอกใช่ไหมคะ 555
- ตอนที่ฐานดิสทริก13 โดนถล่ม ทุกคนอยู่ในหลุมหลบภัยแล้วแคตนิสก็ขอให้พริมช่วยชวนคุยเรื่องอะไรก็ได้ เราชอบนะ
ในความเป็นจริงเราคงเคยเจออะไรแบบนี้กันบ้างล่ะ แบบว่าปลอบใจตัวเองหรือกลบเกลื่อนความกลัวด้วยอะไรสักอย่าง
ถ้าเราได้อยู่กับคนที่เรารักหรือคนที่เราไว้ใจในสถานการณ์แบบนั้น เชื่อเถอะว่าคำพูดของเขามันจะปัดเป่าความกลัวออกไปได้
ไม่มากก็น้อย แม้จะเป็นเพียงประโยคบอกเล่าธรรมดาๆก็ตาม
เหมือนที่พริมทำให้แคตนิสยิ้มออกมาได้กับเรื่องที่เธอได้เลื่อนขั้นในโรงพยาบาล
- ตอนที่ออกไปทำข่าวที่ดิสทริก12 แล้วเกลก็เป็นคนพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอง
(ตอนนั้นแคตนิสลังเลเพราะมีเรื่องพีต้าอยู่ในใจ)ถ้าเราเป็นแคตนิสเราคงรู้สึกเหมือนถูกบอกอยู่กลายๆว่าอย่าถอดใจนะ
ขนาดเกลเองที่เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นม็อกกิ้ง เจย์ ไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียง ไม่ได้มีคนรักและศรัทธาอย่าแคตนิส
เขายังทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนรอดให้มากที่สุด ต่อสู้เต็มความสามารถเท่าที่จะทำได้ และเราคงกลับมาย้อน
ถามตัวเองว่า แล้วเราที่เป็นเหมือนความหวังของคนทั้งพาเน็มน่ะ ทำได้ถึงครึ่งของเกลบ้างแล้วหรือยัง?
- เพลงแฮงกิ้งทรีที่กำลังโด่งดัง 55 จริงๆความหมายเพลงเศร้าและเนกาทีฟมากนะคะ ชวนกันไปผูกคอตายดีๆนี่เอง 555
แต่พอมารวมกับสถานการณ์ในหนังตอนนั้นมันกลับยิ่งทำให้ฮึกเหิม ปลุกระดมให้ไปร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน
โลกใบนี้มันผิดเพี้ยนบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว ไปเปลี่ยนมันด้วยกันเถอะ
- สั้นๆง่ายๆเลยตอนที่เฮมิชต์เดินเข้ามาหาแคตนิสที่เจอกุหลาบขาวและไม่อยากเป็นม็อกกิ้ง เจย์ แล้ว เฮมิชต์พูดว่า
ไม่ต้องเป็นม็อกกิ้ง เจย์หรอก"แค่เป็นแคตนิสแค่นั้นก็พอ" คือความบ้าบอของเฮมิชต์อ่ะนะมันแค่เปลือกนอกจริงๆ
ผู้ชายคนนี้นี่แหละที่เข้าใจความเป็นแคตนิสที่สุด มากกว่าพลูทาร์คซะอีก อย่างที่เขาบอกเลยว่าม็อกกิ้ง เจย์ มันก็แค่หัวโขน
แค่สัญลักษณ์ ความเป็นแคตนิสจริงๆต่างหากที่ต่อสู้กับแคปปิตอลได้
มาพูดถึงตัวละครกันบ้างดีกว่า(อาจจะไม่ครบทุกตัวนะคะ) เอาที่เราไม่พูดถึงไม่ได้ก็แล้วกัน
- อันดับแรกก็ต้องนางเอกแหละเนอะ 55 จริงๆสารภาพนะว่าแอบไม่เข้าใจความคิดเธออยู่นิดหน่อย
ผู้ชายคนนึงนี่สำคัญกว่าคนทั้งพาเน็มเลยเหรอ? 55แต่พอคิดไปคิดมาก็พอเข้าใจละ จริงๆแคตนิสเธอไม่ได้หวังอะไรตั้งแต่แรกแล้ว
ผู้หญิงคนนี้แค่ต้องการอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่นและผู้ชายที่เธอรักสักคน ไม่ได้ต้องการยุ่งเกี่ยวทำให้เรื่องบานปลาย
ไม่ได้ต้องการสู้รบหรือเรียกร้องอะไรเลย เธอแค่อยากปกป้องคนที่รักเท่านั้น พอคิดในจุดนี้ได้
ก็เลยเข้าใจมากขึ้นเวลาแคตนิสเห็นหน้าพีต้าแล้วจะถอดใจเอาง่ายๆ ไม่ทงไม่ทำอะไรมันแล้ว ขอแค่พีต้าปลอดภัยก็พอ
เข้าใจแล้วว่าทำไมเป็นแบบนั้น เพราะนั่นมันก็คือสิ่งที่เธอต้องการมาตั้งแต่แรก (มีใครรู้สึกไหมว่าภาคนี้เจน ลอว์ สวยขึ้นนะ 555)
- เกล โอยยย นี่มันพระรองในซีรีย์เกาหลีชัดๆ ทำทุกอย่างเพื่อเขาตลอด เจ็บสุดๆกับคำพูดที่ว่า
"ฉันต้องเจ็บปวดเท่านั้นแหละ เธอถึงจะสนใจ" ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอดสามภาคจริงๆ
อยากบอกเกลว่า มาหาเรานะคะ เราจะไม่ทำให้เธอเสียใจ TT (มโนแป๊บนึง) แล้วก็น้ำตาคลอตอนที่
เกลอาสาไปเป็นคนพาพีต้าออกมาเป็นคนแรก ทั้งๆที่พีต้านี่แหละศัตรูหัวใจแต่เกลก็ไม่เคยมองแบบนั้น ..ก็เขาไม่รักอ่ะเนอะ จะทำยังไงได้
จะโทษคนที่เขารักก็ไม่ถูก ถ้าเป็นเราเราคงโกรธที่แคตนิสมาทำดีด้วยนะ ทั้งที่ริมแม่น้ำทั้งเรื่องจูบ แต่เพราะนั่นเป็นเกล
เราเลยคิดว่าเกลคงไม่โกรธหรอกสำหรับแคตนิสแล้วจะให้เป็นอะไรเขาก็ยอมเป็นยอมทำให้ได้เสมอนั่นแหละ
(ชีวิตจริงมีผู้ชายแบบนี้อยู่สักกี่คน 5555)
- พริม พาร์ทนี้เรารู้สึกชอบพริมมาก ดูเป็นคนที่มีวุฒิภาวะเกินอายุ แอบคิดอยู่ว่าถ้าตอนที่อยู่ดิสทริก13นี้ไม่มีพริม
แคตนิสต้องแย่แน่ๆ เพราะไม่มีคนคอยปลอบโยนในหลายๆครั้งที่คิดมาก
- ฟินิค งื้อออ พาร์ทนี้ฟินิคออร่าคาริสม่ากระจายมากๆเลย หลงค่ะบอกตรงๆ 555 ฟังตอนไปทำข่าวแล้วชีวิตหนูรันทดมากค่ะ
หนูยังพูดถึงตอนขายตัวอยู่เหรอคะ เอาจริงๆนะ คือแอบฟิน เอ้ย! แอบตกใจตั้งแต่แคชชิ่ง ไฟร์ ที่รู้ว่าฟินิค(ถูกบังคับ)ให้ขายตัว
แบบ..เฮ้ยยย เลือดกำเดา โอ๊ย! น้ำตาไหล เสี่ยผู้ชายรวยๆเห็นหนูหน้าคมๆสวยๆสินะคะ ที่ไหนได้เขาก็บอกไว้อยู่ว่าขายให้ผู้หญิง
(แต่ไม่รู้ว่าให้ผชด้วยป่าวเพราะไม่ได้พูด) ยิ่งพาร์ทที่แล้วผายปอดพีต้านี่กรี๊ดลั่นโรง 555
ถ้าไม่ติดว่ามีคนรักเป็นผู้หญิงแล้วนี่จะฟินมาก 55555 //อะไรของเธอ = =
- เฮมิชต์/เอฟฟี่ สองคนนี้บ้าบอแต่น่ารักนะ ชอบเฮมิชต์มากขึ้นเยอะเลยคือในความบ้าก็มีความจริงจัง ถ้าไม่ติดเหล้านี่จะดีทุกอย่าง
ชอบที่สองคนนี้แหย่กันว่าผมชอบคุณตอนไม่แต่งหน้า เอฟฟี่ก็พูดว่าฉันก็ชอบตอนที่คุณไม่เมาเหล้า โอ๊ยฮา
- คอยน์/พลุทาร์ค กับคอยน์เราไม่รู้ตื้นลึกหนาบางมากเพราะยังไม่ได้อ่านพาร์ท 2 (แต่ก็โดนสปยล์มาบ้างแล้ว TT)
รู้แค่ว่าเธอเป็นคนเก่งมากๆดูจากตอนที่สั่งการตอนที่ถูกแคปปิตอลโจมตี ทึ่งไปเลยว่า เฮ้ยย ผู้หญิงคนเดียวทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ
ส่วนพลูทาร์คก็บ้าบอเหมือนเดิม หนังเรื่องนี้จะตลกไม่ได้เลยนะถ้าไม่มีพลูทาร์ค หลายๆมุกนี่มาจากลุงแกทั้งนั้น 555
- บ็อกซ์ ไม่รู้เป็นอะไรเราชอบตัวละครนี้มากเลย ดูมาดสมกับเป็นทหารมากๆ มุ่งมั่น จงรักภักดี คือแววตาและท่าทาง
ของตัวละครตัวนี้มีความเป็นทหารอยู่ครบทุกอย่างเลยค่ะ
- สามนักข่าว น่ารักดีนะ เครสสิด้าก็ดูลุยๆเป็นผู้หญิงเท่(จำชื่อได้คนเดียวง่ะ) อีกสองคนก็น่ารักดีโดยเฉพาะคนเป็นใบ้
ซีนที่ริมน้ำเล่นได้น่ารักมาก
- พีต้า อันนี้ไม่พูดถึงค่ะ ข้ามๆ 55 ออกมาทีไรขัดใจมาก ทำแคตนิสไขว้เขวทุกที เชื่อว่าทุกคนในดิสทริก13
คงเกลียดพีต้ากันทั่วหน้าค่ะ 555 (โอ๋ๆ หยอกๆนะตัวเอง)
..ก็คงจะมีเท่านี้ที่เราอยากพูด(ย้อนกลับไปดู นี่ก็ไม่น้อยเลยนะ 555) คืออยากจะบอกว่าหนังไม่ได้แย่เลยนะคะ
กลับกันเรากลับคิดว่าพาร์ทนี้ให้อะไรกับเราเยอะมาก ทุกอย่างมันดูเรียลจริงๆ โดยเฉพาะตัวละครที่เราคิดว่าเขาเป็นคาร์แรคเตอร์
นั้นๆไปแล้ว บอกตรงๆว่าจำเจน ลอว์คนที่เดินสะดุดพรมแดงไม่ได้เลย 5555 จำได้แต่แคตนิส เอเวอร์ดีนจริงๆ เล่นดีทุกคนเลย
เป็นอีกเรื่องที่ดูแล้วรู้สึกอิ่มแล้วก็ประทับใจมากค่ะ ได้อะไรเยอะแยะมาก ทำให้เราลืมไปเลยว่าการต่อสู้ในสองภาคแรกมันเป็นยังไง
การต่อสู้ที่แท้จริงมันจะเริ่มต่อจากนี้ไปต่างหาก..
เวิ่นเว้อมาซะเยอะเลย เขินจัง 555 ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ
นี่ก็เป็นเพียงความคิดเห็นอีกหนึ่งความคิดเห็นของเรา ใครมีอะไรอยากแชร์อยากพูดคุย ชอบตรงไหนไม่ชอบอะไรยังไง
อยากเล่าประเด็นอะไรก็เชิญได้เลยค่ะ (แต่ขอร้องอย่าเพิ่งสปอยล์พาร์ทสองน้า เรายังทำใจไม่ได้ ฮ่าๆ)
คุณได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ก็แชร์ความประทับใจไว้ที่นี่ได้เลย ขอบคุณมากค่า : ))
แล้วมารอม็อกกิ้ง เจย์ พาร์ท2 ไปด้วยกันนะคะ >3<