:: อีกครั้งกับ "แนะนำการเลือกซื้อ TV" ::

*อนึ่ง แท็ค "ภาพยนตร์" กับ "เกม" เข้ามาด้วย เพราะ TV เป็นปัจจัยอภิมหาหลักควบคู่กับ 2 สิ่งนี้




สวัสดีครับ จริงๆ เคยเขียนมาแล้วรอบนึง รอบนี้เพิ่มข้อมูลใหม่ น่าจะครบถ้วนกว่าเดิม

ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง จัดเลยก็แล้วกัน ตามชาร์ตด้านบนเลยครับ

สิ่งที่ควรทราบและจดจำในการเลือกซื้อทีวีใหม่ คือ "ระยะหว่างระหว่างเรากับทีวี", "ขนาดหน้าจอ", และ "ความละเอียดของหน้าจอ"

อย่างแรกมารู้จักกับความละเอียดหรือ Resolution กันก่อน ปัจจุบันจะมี
"HD Ready" (720P) (1280 x 720)
"Full HD" (1080P) (1920 x 1080)
"4K" (2160P) (3840 x 2160)


ภาพแสดงเปรียบเทียบความละเอียดต่างๆ ของหน้าจอ

ซึ่งแน่นอนครับว่า 4K ที่เพิ่งออกมาได้ไม่นานก็เทพสุด แพงสุด โหดสุด นั่นล่ะครับ

ความละเอียด หรือ Resolution ยิ่งมากก็ยิ่งชัด ยิ่งละเอียด ปัจจุบันมาตรฐานอยู่ที่ Full HD หรือ 1920 x 1080 หรือเทคโนโลยีสุดยอดอย่าง 4K ที่ความละเอียดเทียบแล้วก็เหมือนกับเอา Full HD มาต่อกัน 4 จอ คุณพระ! ดังนั้นถ้าเป็น 4K ในหน้าจอขนาดเดียวกันกับ Full HD ก็จะชัดขึ้นชนิดเป็นเท่าตัว!

** แต่ **

ความละเอียดที่ว่าเทพมากมาย จะสัมพันธ์กับอีก 2 ปัจจัยด้านบนก็คือ "ขนาดหน้าจอ" และ "ระยะห่างระหว่างคนดูกับหน้าจอ" ด้วยครับ

เช่นว่า ถึงคุณจะมีทีวีขนาด 80 นิ้ว! แต่ถ้าดูที่ระยะหว่าง 9 เมตร (30 ฟุต) สายตามนุษย์จะไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างความชมชัดแค่ 480P กับเทพ 4K ได้ครับ

สายตามนุษย์เราก็มีข้อจำกัดนั่นเองล่ะครับ

ยิ่งเราอยู่ใกล้หน้าจอเท่าไหร่ เรายิ่งสามารถแยกแยะความแตกต่างของความคมชัดได้มากขึ้นเท่านั้น (ก็แหงล่ะนะ) และในทางเดียว ยิ่งหน้าจอใหญ่เท่าไหร่ เราก็ยิ่งเห็นความแตกต่างของความคมชัดนั้นได้ที่ระยะไกลขึ้น

เช่น ถ้าจะซื้อทีวีรุ่นใหม่ล่าสุด 4K ขนาด 55 นิ้ว เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด คุณไม่ควรอยู่ห่างจากหน้าจอเกิน 7.5 ฟุต (2.25 เมตร) ถ้าเลยระยะนี้ออกไป สายตาคุณจะแยกแยะความแตกต่างระหว่าง Full HD กับ 4K ไม่ออก

และยิ่งถ้าถอยห่างออกไปถึงระยะประมาณ 12 ฟุตขึ้นไป (3.6 เมตร) คุณจะแยกแยะระหว่าง HD Ready (720P) กับ Full HD หรือ 4K ไม่ออก


พูดให้ง่าย ความคมชัดระดับเทพๆ ทั้งหลาย จะมีประสิทธิภาพ จะประจักษ์ต่อสายตาคนเราได้ มันต้องมาพร้อมกับ "ขนาดหน้าจอ" ที่ใหญ่พอให้มันแสดงผลได้เต็มที่ และที่ระยะพอดีอีกด้วย

ถ้าใครจะซื้อทีวีขนาด 32 นิ้ว ซื้อแค่ HD Ready (720P) ก็พอแล้วครับ หน้าจอขนาดเล็กแค่นั้น ถ้าจะเห็นประสิทธิภาพของ Full HD หรือ 4K คุณต้องเอาหน้าจ่อหน้าจอชนิด 4-6 ฟุต ประมาณไม่เกิน 1-2 เมตรเท่านั้นเอง


สิ่งแรกเลยที่คุณต้องคิดก่อนเวลาจะซื้อทีวี คือ

"ระยะห่างระหว่างคนดูกับหน้าจอ" เพราะนี่เป็นปัจจัยตายตัว คุณเปลี่ยนหรือแก้ไขมันไม่ได้ คุณคงไม่ทุบกำแพงบ้านเพื่อดูทีวีเครื่องใหม่ใช่มั้ย?

พอได้ระยะห่างมาแล้ว ก็ดูว่า ที่ระยะนี้ ขนาดหน้าจอเท่าไหร่ที่เหมาะกับคุณที่สุด


อันที่จริงแล้ว กฏพื้นฐานชิวๆ สามัญอย่าง "มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อขนาดใหญ่ที่สุด" ก็ถูก เพียงแต่ว่าบางคนมีหลายห้อง ก็ต้องดูว่า เอาทีวีไว้ที่ไหน ถ้าเอาไว้ในห้องนอนเล็กๆ ทีวีอยู่แค่ปลายเท่า ระยะแค่ 2 เมตร จะซื้อ 4K ขนาด 50 นิ้วมาก็ดูจะไม่เหมาะสม แค่ 32 นิ้วหรือต่ำกว่านั้นก็พอ

หรือถ้าเป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ ระยะห่างทีวีเป็น 5-6 เมตร ก็ย่อมต้องซื้อขนาดใหญ่ตามไปด้วย

และก็อย่างที่บอกไป เมื่อได้ขนาดที่เหมาะสมแล้ว ก็ให้ดูทีวีความละเอียด หรือ Resolution ที่เหมาะสมด้วย เพราะถ้าอยู่ไกลๆ จะ Full HD หรือ 4K ก็ดูไม่ต่างกันนั่นเอง










อย่างที่บอกครับ ใกล้ๆ มันเทพ แต่ไกลๆ มาก็แยกไม่ค่อยออกแล้ว


ส่วนเรื่องเทคโนโลยี จะเป็น LED หรือ Plasma (ถ้ายังหาได้) อันไหนก็ได้ครับ ตามสบาย

คุณสมบัติที่ดีของ TV สักเครื่องคือ

Contrast Ratio: ค่ายิ่งมาก จะยิ่งให้สีดำที่เป็นธรรมชาติได้มาก ถ้าค่านี้น้อย สีดำในทีวีมันจะไม่ดำสนิท มันจะแค่เทาเข้มๆ เปรียบเทียบกับขอบทีวีหรือเวลาปิดไฟดูจะเห็นชัด

Color Accuracy: สีไม่เพี้ยน ถ้ามีหลายจอลองเปรียบเทียบดู เช่นเปิดหนังผ่านจอคอมพ์กับทีวี อันนี้เวลาไปซื้อตามห้างก็ดูได้เลย บางอันสดเกิน แสบตา บางอันดันซีดเกินซะงั้น

Response Time: คือค่าระยะเวลาที่หน้าจอใช้ในการเปลี่ยนสีจาก ดำสนิท เป็นสีขาว แล้วเปลี่ยนกลับมาเป็นดำอีกครั้ง หน่วยเป็น millisecond (ms) ทีวี LED มาตรฐานตามห้างทั่วไป จะอยู่ที่ราวๆ 8-9 ms (0.008-9) ค่านี้ยิ่งน้อยยิ่งดี และถ้าเยอะ (ช้า) เกิน อาจสังเกตได้เวลาเล่นวีดีโอที่เร็วๆ พวกแอ็คชั่นเร็วๆ หรือภาพกีฬา จะมีเงา มี ghost เบลอๆ


เกริ่นพวกนี้มาก่อน เพราะค่าต่างๆ เหล่านี้กลายเป็นเทคโนโลยีที่เก่ากว่าอย่าง Plasma กลับทำได้ดีกว่า LED เสียอย่างนั้น ทั้ง Contrast Ratio ที่ดีกว่าและ Response Time ที่ต่ำกว่า (0.001) พวกจอ LED

ส่วนข้อเสียของ Plasma ก็เช่นว่า
- มีอาการ burn คือ เงา หรืออาการภาพค้างหากมีการฉายภาพนั้นค้างไว้ที่หน้าจอนาน (เช่น จอคอมพ์) ซึ่งหากใช้เป็นทีวีก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
- หน้าจอเป็นกระจก ทำให้มีการสะท้อน และดูในห้องที่สว่างมากๆ ไม่ดี
- กินไฟกว่า LED และร้อนกว่า
- เมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน สีจะซีดได้ (ลองไปดูตามโลตัส พวกเครื่องโชว์เปิดนานๆ มักจะซีดกว่า LED)

น่าจะพูดได้ว่า ถ้าใครจะซื้อทีวีมาเพื่อเล่นเกมล่ะก็ Plasma น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีมาก พวกข้อเสียบางอย่างถ้าไม่กระทบจริงๆ ก็พอรับได้อย่างเรื่องการสะท้อน ยิ่งเรื่อง burn ยิ่งยากเพราะภาพเคลื่อนไหวตลอดเวลา ส่วนเรื่องซีด ก็น่าจะต้องใช้เวลานานมากชนิดหลายปีถึงจะเห็นผล

อันนี้แล้วแต่ความชอบเลยครับ


ส่วนแบรนด์ ทุกเสียงไปทางเดียวกันหมด ว่า Sony เมพสุด และการ review จากหลายเว็บตปท. โดยเฉพาะเรื่อง Response Time กับ Input Lag ที่มีผลต่อการเล่นเกม (แม้จะเสี้ยววินาที) ปรากฏว่า Sony ทำได้ดีที่สุด (และราคาแพงที่สุด ฮาาา)


ยังไงก็ลองหาข้อมูลเทคนิค (พวก Specs ต่างๆ) จากอินเตอร์เน็ทไปก่อนเลยครับ เพราะตอนผมไปซื้อก็เจอจนท.ที่โลตัสให้ข้อมูลผิด

ลองไปเดินดูก่อนสัก 1-2 รอบ จด/จำตัวเลือกในใจไว้ แล้วนำมาหาข้อมูล ค่อยกลับไปซื้อ ลองถามพนักงานดูอีกทีก็ได้ว่าเค้ามีข้อมูลอะไรเจ๋งๆ มาบอกเรามั้ย (แต่ส่วนตัวตอนผมไปพี่แกไม่มีอะไร แค่เชียร์รุ่นใหม่ๆ เท่านั้น)


เครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับทุกครัวเรือนแบบนี้ ยังไงก็ใช้เวลาศึกษาและหาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจนะครับ ขอให้โชคดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่