สวัสดีคะ เพื่อนๆต่างแดนคนไหนมีประสบการณ์ติดต่อกับ สำนักกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ ที่เมืองไทย บ้างไหมคะ
เจ้าของกระทู้อยากแชร์ประสบการณ์การติดต่อกับ เจ้าหน้าที่กงศุลในไทย สำนักกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ ซึ่งพึ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆวันนี้เลยคะ
เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าของกระทู้พักอาศัยอยู่ที่ประเทศแห่งนึงใกล้ๆเยอรมันกับสามีและลูกสาว อายุเกือบสองขวบ ลูกสาวเกิดที่ประเทศต่างประเทศ ถือสองสัญชาติ
อยู่มาวันนึง สามีได้ไปร้องขอกับศาล ให้ทางศาลยึดพาสปอร์ตลูกสาวทั้งสองเล่ม โดยอ้างว่ากลัวเราจะนำลูกกลับประเทศ โดยไม่มีการซักถามเรื่องราวจากทางเรา ศาลก็มีคำสั่งอย่างเร่งด่วนให้เรานำพาสปอร์ตไปยื่นที่ศาล
ณ วันไปศาล ศาลแจ้งแค่ว่า ตัดสินไปแล้ว ไม่ต้องการคำชี้แจง หากทางเราไม่เห็นด้วย หรืออยากชี้แจงอะไรให้ตั้งทนายและมาสู้คดี
ซึ่งทางเราก็ได้ดำเนินการตั้งทนายที่ต่างประเทศไปเรียบร้อยแล้ว
แต่เนื่องจากติดใจเรื่องที่ศาลยึดพาสปอร์ตไทยของลูกสาวไปด้วย เลยโทรหากงศุลที่เมืองไทยเพื่อสอบถามว่า ศาลต่างประเทศมีสิทธิยึดพาสปอร์ตไทยได้หรือไม่ เพราะอะไร
ความเข้าใจของเจ้าของกระทู้ก็คือ หากศาลไม่อยากให้ลูกสาวเดินทาง ก็ยึดแค่พาสปอร์ตต่างประเทศเล่มเดียว เด็กก็เดินทางออกนอกประเทศไม่ได้อยู่ดี (ถูกหรือเปล่าก็ไม่ทราบเพราะกงศุลก็ไม่ตอบคำถามอันนี้)
กลับมาที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
เจ้าของกระทู้โทรเพื่อสอบถามข้อมูลทางกฎหมาย หลายครั้ง ที่โชคดีได้คุย 3 ครั้ง แต่ทั้ง 3 ครั้งคนที่มาให้ข้อมูลเป็นคนๆเดียวกัน เดาเอาจากในเว็บไซด์กงศุลว่าหากผู้ตกทุกข์อยู่ในยุโรป คงต้องเป็นป้าคนนี้ เป็นผู้ตอบคำถาม
ป้าเริ่ม บทสนทนาโดยการโยนเรื่องมาที่สถานทูตไทยในประเทศที่ จขกท อยู่ โดยไม่มีการซักถามเรื่องราว
ทางจขกท แจ้งว่าได้โทรคุยกับทางสถานทูตเรียบร้อย แต่ที่โทรมาที่กงศุลเพราะมีคำถามด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ณ เวลาที่โทรคือ ตี 5:33 AM ณ ยุโรป
แล้ว จขกท ถึงมีโอกาสได้เล่าเรื่องและถามคำถามๆเดียวว่า "ทางศาลตปท มีสิทธิเรียกเก็บพาสปอร์ตคนไทยได้หรือไม่"
จากการคุยกับป้า 3 ครั้ง รวบเวลาสิบกว่านาทีด้วยกัน จนปัจจุบันยังไม่ได้รับคำตอบที่ถามไป
ตลอดเวลาที่คุยกันป้าพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ เหวี่ยง และตัดจบบทสนทนาโดยการวางสายใส่ทั้ง 3 ครั้ง
โดยจขกท ได้ทำการบันทึกเสียงสนทนากับป้ากงศุลไว้ด้วย
ทั้งนี้จขกท ได้ส่งอีเมล์ร้องเรียนไปทางผอ กอง พร้อมเสียงบทสนทนาที่บันทึกไว้
ทางกองได้ชี้แจงมาว่า
"ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องของท่านแล้ว
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ปลายสายเสียงเงียบไปจึงคิดว่า
ต้นสายวางสายแล้ว และหากเป็นการเข้าใจผิด
ทางกองคุ้มครองฯ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
หากท่านยืนยันจะร้องเรียน กรณีบุตรของท่าน ขอให้
ท่านกรุณาทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดส่งมายังกองคุ้มครองฯ ทางโทรสาร 025751052
เพื่อกองคุ้มครองฯ จะได้ส่งเรื่องไปยัง สถานเอกอัครราชทูต ณ xxx เพื่อตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือต่อไป"
ซึ่งไม่ได้ตอบเรื่องน้ำเสียง มารยาท การกระแทกกระทั้น -ดันผู้ร้องทุกข์ และในเทปเสียง ชัดเจนว่าป้าตัดบทการสนทนาเพราะไม่อยากตอบคำถามโดยการพูดตัดบท "โอเคนะคะ สวัสดีคะ"
จขกท ตอบกลับอีเมล์ทางกองคุ้มครอง ดังนี้
"ขอบคุณที่ติดตามเรื่องให้นะคะ
ไม่ทราบว่าทางผอ ได้เปิดฟังเสียงที่บันทึกการสนทนาไว้หรือยังคะ
ซึ่งเสียงที่บันทึกไว้น่าจะยืนยันได้ว่าเจ้าพนักงานไม่ได้ชี้แจงความจริงกับทางผู้บังคับบัญชา
เพราะเป็นหลักฐานที่แน่ชัดว่า พนักงานเป็นคนตัดวางสายไปเอง และเป็นอย่างนี้ถึงสามครั้ง อีกทั้งตอบคำถามที่ผู้ร้องทุกข์ถามไปอีกด้วย
รบกวนทางกองชี้แจงเรื่องนี้ด้วยนะคะ จะรอติดตามผลคะ"
เชื่อว่าคนไทยในต่างประเทศที่โทรหากองคุ้มครองคือคนที่มีปัญหา คนที่มานั่งเป็นเจ้าหน้าที่ตรงนี้ได้น่าจะมีจิตบริการกว่านี้หรือเปล่าคะ
ร้องเรียนเจ้าพนักงานกงศุล กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
เจ้าของกระทู้อยากแชร์ประสบการณ์การติดต่อกับ เจ้าหน้าที่กงศุลในไทย สำนักกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ ซึ่งพึ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆวันนี้เลยคะ
เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าของกระทู้พักอาศัยอยู่ที่ประเทศแห่งนึงใกล้ๆเยอรมันกับสามีและลูกสาว อายุเกือบสองขวบ ลูกสาวเกิดที่ประเทศต่างประเทศ ถือสองสัญชาติ
อยู่มาวันนึง สามีได้ไปร้องขอกับศาล ให้ทางศาลยึดพาสปอร์ตลูกสาวทั้งสองเล่ม โดยอ้างว่ากลัวเราจะนำลูกกลับประเทศ โดยไม่มีการซักถามเรื่องราวจากทางเรา ศาลก็มีคำสั่งอย่างเร่งด่วนให้เรานำพาสปอร์ตไปยื่นที่ศาล
ณ วันไปศาล ศาลแจ้งแค่ว่า ตัดสินไปแล้ว ไม่ต้องการคำชี้แจง หากทางเราไม่เห็นด้วย หรืออยากชี้แจงอะไรให้ตั้งทนายและมาสู้คดี
ซึ่งทางเราก็ได้ดำเนินการตั้งทนายที่ต่างประเทศไปเรียบร้อยแล้ว
แต่เนื่องจากติดใจเรื่องที่ศาลยึดพาสปอร์ตไทยของลูกสาวไปด้วย เลยโทรหากงศุลที่เมืองไทยเพื่อสอบถามว่า ศาลต่างประเทศมีสิทธิยึดพาสปอร์ตไทยได้หรือไม่ เพราะอะไร
ความเข้าใจของเจ้าของกระทู้ก็คือ หากศาลไม่อยากให้ลูกสาวเดินทาง ก็ยึดแค่พาสปอร์ตต่างประเทศเล่มเดียว เด็กก็เดินทางออกนอกประเทศไม่ได้อยู่ดี (ถูกหรือเปล่าก็ไม่ทราบเพราะกงศุลก็ไม่ตอบคำถามอันนี้)
กลับมาที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ
เจ้าของกระทู้โทรเพื่อสอบถามข้อมูลทางกฎหมาย หลายครั้ง ที่โชคดีได้คุย 3 ครั้ง แต่ทั้ง 3 ครั้งคนที่มาให้ข้อมูลเป็นคนๆเดียวกัน เดาเอาจากในเว็บไซด์กงศุลว่าหากผู้ตกทุกข์อยู่ในยุโรป คงต้องเป็นป้าคนนี้ เป็นผู้ตอบคำถาม
ป้าเริ่ม บทสนทนาโดยการโยนเรื่องมาที่สถานทูตไทยในประเทศที่ จขกท อยู่ โดยไม่มีการซักถามเรื่องราว
ทางจขกท แจ้งว่าได้โทรคุยกับทางสถานทูตเรียบร้อย แต่ที่โทรมาที่กงศุลเพราะมีคำถามด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ณ เวลาที่โทรคือ ตี 5:33 AM ณ ยุโรป
แล้ว จขกท ถึงมีโอกาสได้เล่าเรื่องและถามคำถามๆเดียวว่า "ทางศาลตปท มีสิทธิเรียกเก็บพาสปอร์ตคนไทยได้หรือไม่"
จากการคุยกับป้า 3 ครั้ง รวบเวลาสิบกว่านาทีด้วยกัน จนปัจจุบันยังไม่ได้รับคำตอบที่ถามไป
ตลอดเวลาที่คุยกันป้าพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ เหวี่ยง และตัดจบบทสนทนาโดยการวางสายใส่ทั้ง 3 ครั้ง
โดยจขกท ได้ทำการบันทึกเสียงสนทนากับป้ากงศุลไว้ด้วย
ทั้งนี้จขกท ได้ส่งอีเมล์ร้องเรียนไปทางผอ กอง พร้อมเสียงบทสนทนาที่บันทึกไว้
ทางกองได้ชี้แจงมาว่า
"ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องของท่านแล้ว
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ปลายสายเสียงเงียบไปจึงคิดว่า
ต้นสายวางสายแล้ว และหากเป็นการเข้าใจผิด
ทางกองคุ้มครองฯ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
หากท่านยืนยันจะร้องเรียน กรณีบุตรของท่าน ขอให้
ท่านกรุณาทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดส่งมายังกองคุ้มครองฯ ทางโทรสาร 025751052
เพื่อกองคุ้มครองฯ จะได้ส่งเรื่องไปยัง สถานเอกอัครราชทูต ณ xxx เพื่อตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือต่อไป"
ซึ่งไม่ได้ตอบเรื่องน้ำเสียง มารยาท การกระแทกกระทั้น -ดันผู้ร้องทุกข์ และในเทปเสียง ชัดเจนว่าป้าตัดบทการสนทนาเพราะไม่อยากตอบคำถามโดยการพูดตัดบท "โอเคนะคะ สวัสดีคะ"
จขกท ตอบกลับอีเมล์ทางกองคุ้มครอง ดังนี้
"ขอบคุณที่ติดตามเรื่องให้นะคะ
ไม่ทราบว่าทางผอ ได้เปิดฟังเสียงที่บันทึกการสนทนาไว้หรือยังคะ
ซึ่งเสียงที่บันทึกไว้น่าจะยืนยันได้ว่าเจ้าพนักงานไม่ได้ชี้แจงความจริงกับทางผู้บังคับบัญชา
เพราะเป็นหลักฐานที่แน่ชัดว่า พนักงานเป็นคนตัดวางสายไปเอง และเป็นอย่างนี้ถึงสามครั้ง อีกทั้งตอบคำถามที่ผู้ร้องทุกข์ถามไปอีกด้วย
รบกวนทางกองชี้แจงเรื่องนี้ด้วยนะคะ จะรอติดตามผลคะ"
เชื่อว่าคนไทยในต่างประเทศที่โทรหากองคุ้มครองคือคนที่มีปัญหา คนที่มานั่งเป็นเจ้าหน้าที่ตรงนี้ได้น่าจะมีจิตบริการกว่านี้หรือเปล่าคะ