เรื่องมีอยู่ว่า...
ผมเป็น นศ.ป.ตรี เพิ่งย้ายหอพักมาอยู่หอพักแห่งใหม่ได้ประมาณเดือนนึง ซึ่งสงบน่าอยู่ ผมได้ห้องบนชั้น ๒ ไม่เคยมีปัญหากับห้องไหนเลย เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษา ปี ๔ ด้วยกันเกือบทั้งหมด ถือว่าเริ่มมีวุฒิภาวะกันแล้ว ดังนิดดังหน่อยหยวน ๆ กันไป ในหอพักแห่งนี้จะมีสุนัขอยู่ ๑ ตัว เป็นแม่ลูกอ่อนด้วย ใจดี เชื่อง ไม่เคยกัดใครในหอพักเลย ผมก็รู้สึกเอ็นดูชอบจับตัว ชอบลูบหัวมัน และห้องข้าง ๆ ถัดห้องผมไปอีก ๓ - ๔ ห้อง ก็ยังให้ข้าวให้ขนมมันอยู่ตลอด
แต่มีอยู่วันหนึ่ง
เวลาประมาณ สามทุ่มครึ่งผมกลับจากรับประทานอาหารข้างนอกกำลังจะขึ้นไปบนห้องพักชั้นสอง ปรากฏว่ามีสุนัขแม่ลูกอ่อนตัวนั้นวิ่งตามมาติด ๆ ผมก็ไม่ได้สนใจ รู้สึกอีกทีคือมันงับเข้าไปที่ส้นเท้าอย่างแรง ผมตกใจรีบกระชากเท้าออก และกลับหลังหันมาดู เพื่อจะขว้างหมวกกันน็อคใส่ มันก็วิ่งหนีไปที่อื่นแล้ว ผมเลยรีบขึ้นมาทำแผลก่อนเลือดเต็มส้นเท้าเลย และไม่ได้ไปหาหมอด้วย ซึ่งโชคดีอยู่อย่างคือแผลไม่ลึกมาก วันนั้นทั้งคืนผมจึงไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย เช้าวันรุ่งขึ้นผมโทรศัพท์กลับไปคุยที่บ้านกับแม่แม่ก็กำชับให้ผมไปโรงพยาบาลทันที (เพราะค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าคลินิค) เพราะอาจจะติดโรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคบาดทะยักได้ ผมจึงลงไปคุยกับเจ๊เจ้าของหอพักซึ่งบ้านแกก็ตั้งอยู่หน้าหอพักพอดี ผมก็แจ้งแกว่าถูกสุนัขในหอพักกัด และถามว่าสุนัขตัวนี้ฉีดวัคซีนหรือไม่ แต่คุยไปคุยมาแกบอกว่าไม่ใช่สุนัขแก มันหลงมาอยู่ด้วยเอง แกก็มีท่าทีว่าไม่อยากจะดำเนินการอะไรให้ผมเลย มีแนวโน้มว่าสงสารมัน รอให้ลูก ๆ ของมันโตขึ้นอีกสักหน่อยได้ไหม แถมยังบอกอีกว่า "หอนี้ไม่เคยมีใครโดนมันกัดเลย เราเพิ่งย้ายมาอยู่ซึ่งโดนเป็นรายแรก คิดเสียว่าเป็นคราวเคราะห์ของเราละกันนะ" พอจะสรุปได้ดังนี้ผมก็รู้ว่าแกคงไม่จัดการอะไรแน่ ผมเลยปลงว่าคงเป็นคราวเคราะห์ของเราจริง ๆ ถือว่าฟาดเคราะห์ไป ถ้าสุนัขไม่ชิงกัดเรา เราอาจจะเจ็บตัวอย่างอื่นก็ได้ จากนั้นก็รีบไปโรงพยาบาล หมอตรวจเบ็ดเสร็จบอกว่าต้องฉีดยากันโรคพิษสุนัขบ้ากับบาดทะยัก ๕ เข็ม ประเดิมไปก่อน ๒ เข็มแรก ที่เหลือนัดวันอื่น ผมต้องเสียเวลาอีกแล้ว (ในความคิด) แต่ยังดีที่แผลผมไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บปวดเลย
จนมาถึงเช้าอีกวัน
เช้านี้ผมออกไปรับประทานข้าวเช้าข้างนอกพอกลับมากำลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง เจอหมาตัวนี้ยืนดักไว้อีกแล้ว แยกเขี้ยวเตรียมพร้อมจะเข้าใส่ ผมไม่กลัวอยู่แล้ว แต่มือเปล่า ๆ ก็จะกระไรอยู่ จึงค่อย ๆ ถอย ๆ กลับไปที่โรงจอดรถแต่มันก็ไม่ได้ตามลงมา ในใจก็คิดตลอดว่า อย่าจองเวรจองกรรมอะไรกันเลย ต่างคนต่างอยู่เถอะนะแม่หมา ไม่อยากจะทำร้ายเลย แต่มันก็ยังคงยืนแยกเขี้ยวอยู่ตรงนั้น ผมเหลือบไปเห็นด้ามจอบ (ถอดหน้าจอบออกแล้วเหลือเพียงแต่ด้าม) เหมาะมือมาก ๆ ฉวยได้ขึ้นมา บวกกับอารมณ์ซึ่งเริ่มโมโหทวีขึ้น ผมไม่คิดที่จะนั่งรอให้มันหนีผมไปเอง จึงเดินเข้าหาด้วยอารมณ์โมโหขีดสุด มันทำท่าจะกระโดดแยกเขี้ยวเข้าใส่ ผมไม่มีรอฟาดไปเต็มกำลังวังชา โดนบริเวณหน้าผาก จนมันร้องเสียงดัง (คงได้ยินไปทั้งหอพัก) หมอบกระแต พยายามคลานหนีไป ผมก็ฟาดปิดท้ายไปที่บั้นท้ายมัน ทั้งหมดที่ตี ๒ ที ร้องเอ็ดตะโร้วิ่งหนีโดยเร็วลงไปด้านล่างหายไปทางด้านหลังหอพัก
ผมค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ กำลังเดินกลับไปที่ห้องพัก ก็ปรากฏว่าได้ยินเสียง ๒ - ๓ ห้องเปิดประตูแง้มออกมา อุทานประมาณว่าสุนัขที่พวกเขาเคยเลี้ยงดูมันเป็นอะไร ใครทำอะไรมัน มันถึงร้อง และมองมาที่ผม ซึ่งผมก็ตกเป็นเป้าสายตาเพราะในมือยังถือกระบองด้ามจอบอยู่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรด้วย จนกำลังจะไขกุญแจเข้าห้องก็มีชายหนุ่มก้าวออกมาหน้าห้องของเขาแล้วถามผมว่า "พี่ไปตีมันทำไมอ่ะครับ" ผมขณะที่ยืนอยู่หน้าห้องตนเองก็ตอบกลับไปพยายามใช้เหตุผลคุยกับเขาว่า "คุณรู้ไหมครับว่าเมื่อวานสุนัขตัวนี้กัดผม เมื่อวานผมต้องเสียงานเสียการไปหาหมอโดนฉีดยาไป ๒ เข็ม (และชี้ให้เขาดูที่ส้นเท้าของผม) เขาก็ตอบว่า "พี่ใช่ไหมครับที่ถูกมันกัด" (เพราะเขาก็พอจะทราบว่ามีคนในหอพักถูกสุนัขกัด) ผมเลยอธิบายไปอีกว่า "ใช่แล้วครับ ผมนี่แหละที่ถูกกัด เมื่อวานก่อนผมยังนั่งลูบหัวมันเล่นอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่มันก็ท้องก่อนหน้าแล้ว แต่มันไม่เคยมีทีท่าว่าจะดุขนาดนี้เลย และที่สำคัญผมก็ไม่เคยไปทำร้ายมันก่อน ผมก็รักสุนัขเหมือนกัน ผมเข้าใจพวกคุณว่าพวกคุณรักมัน คอยให้ข้าวให้ขนมมันกิน แต่กับผมมันจะกัดท่าเดียว แล้วเมื่อสักครู่ที่ตีมันเพราะมันไม่ยอมให้ผมขึ้นมาบนชั้น ๒ มันเอาผมแน่ คุณจะให้ผมนั่งรอจนมันหายไปเอง ลงไปเอง แล้วผมค่อยขึ้นมาอย่างนั้นหรอ ผมตีไปเพราะผมป้องกันตัวเองนะครับ ผมไม่ยอมให้มันซ้ำผมอีกแผลแน่" เขาเลยอึ้งมองมาที่แผลของผม และพูดอะไรไม่ออก ผมเลยบอกอีกว่า "แต่ถ้าพวกคุณไม่เชื่อผม เพราะคิดว่าสุนัขที่คุณเลี้ยงมันใจดี ไม่ทำร้ายใครแน่ และคิดว่าผมสร้างเรื่องเพื่อที่จะรังแกมันคืน เอาอย่างนี้ไหมครับ ผมให้สัญญาว่าจะไม่มีการตีมันอีก ถึงแม้ว่ามันจะมากัดผมอีก แต่มีข้อแม้ว่าพวกคุณซึ่งคอยเลี้ยงข้าวให้มันจะต้องรับผิดชอบไหมครับ" เขาเลยอึ้ง และผมก็ขอตัว
เลยอยากจะขอคำแนะนำหน่อยครับว่าผมควรทำอย่างไร ควรปรับตัวอย่างไร และผมทำไปอย่างนั้นมันผิดไหม ผมกลัวว่าสมาชิกในหอพักจะพากันเกลียดผม เพราะผมไปทำร้ายสุนัขของพวกเขา (ต้องขออภัยกับพี่น้องคนรักสัตว์เลี้ยงด้วยครับ)
โดนสุนัขในหอพักกัด เจ้าของหอปฏิเสธว่าเป็นสุนัขจากที่อื่นมาอาศัยอยู่ ไม่ดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น
ผมเป็น นศ.ป.ตรี เพิ่งย้ายหอพักมาอยู่หอพักแห่งใหม่ได้ประมาณเดือนนึง ซึ่งสงบน่าอยู่ ผมได้ห้องบนชั้น ๒ ไม่เคยมีปัญหากับห้องไหนเลย เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษา ปี ๔ ด้วยกันเกือบทั้งหมด ถือว่าเริ่มมีวุฒิภาวะกันแล้ว ดังนิดดังหน่อยหยวน ๆ กันไป ในหอพักแห่งนี้จะมีสุนัขอยู่ ๑ ตัว เป็นแม่ลูกอ่อนด้วย ใจดี เชื่อง ไม่เคยกัดใครในหอพักเลย ผมก็รู้สึกเอ็นดูชอบจับตัว ชอบลูบหัวมัน และห้องข้าง ๆ ถัดห้องผมไปอีก ๓ - ๔ ห้อง ก็ยังให้ข้าวให้ขนมมันอยู่ตลอด
แต่มีอยู่วันหนึ่ง
เวลาประมาณ สามทุ่มครึ่งผมกลับจากรับประทานอาหารข้างนอกกำลังจะขึ้นไปบนห้องพักชั้นสอง ปรากฏว่ามีสุนัขแม่ลูกอ่อนตัวนั้นวิ่งตามมาติด ๆ ผมก็ไม่ได้สนใจ รู้สึกอีกทีคือมันงับเข้าไปที่ส้นเท้าอย่างแรง ผมตกใจรีบกระชากเท้าออก และกลับหลังหันมาดู เพื่อจะขว้างหมวกกันน็อคใส่ มันก็วิ่งหนีไปที่อื่นแล้ว ผมเลยรีบขึ้นมาทำแผลก่อนเลือดเต็มส้นเท้าเลย และไม่ได้ไปหาหมอด้วย ซึ่งโชคดีอยู่อย่างคือแผลไม่ลึกมาก วันนั้นทั้งคืนผมจึงไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย เช้าวันรุ่งขึ้นผมโทรศัพท์กลับไปคุยที่บ้านกับแม่แม่ก็กำชับให้ผมไปโรงพยาบาลทันที (เพราะค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าคลินิค) เพราะอาจจะติดโรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคบาดทะยักได้ ผมจึงลงไปคุยกับเจ๊เจ้าของหอพักซึ่งบ้านแกก็ตั้งอยู่หน้าหอพักพอดี ผมก็แจ้งแกว่าถูกสุนัขในหอพักกัด และถามว่าสุนัขตัวนี้ฉีดวัคซีนหรือไม่ แต่คุยไปคุยมาแกบอกว่าไม่ใช่สุนัขแก มันหลงมาอยู่ด้วยเอง แกก็มีท่าทีว่าไม่อยากจะดำเนินการอะไรให้ผมเลย มีแนวโน้มว่าสงสารมัน รอให้ลูก ๆ ของมันโตขึ้นอีกสักหน่อยได้ไหม แถมยังบอกอีกว่า "หอนี้ไม่เคยมีใครโดนมันกัดเลย เราเพิ่งย้ายมาอยู่ซึ่งโดนเป็นรายแรก คิดเสียว่าเป็นคราวเคราะห์ของเราละกันนะ" พอจะสรุปได้ดังนี้ผมก็รู้ว่าแกคงไม่จัดการอะไรแน่ ผมเลยปลงว่าคงเป็นคราวเคราะห์ของเราจริง ๆ ถือว่าฟาดเคราะห์ไป ถ้าสุนัขไม่ชิงกัดเรา เราอาจจะเจ็บตัวอย่างอื่นก็ได้ จากนั้นก็รีบไปโรงพยาบาล หมอตรวจเบ็ดเสร็จบอกว่าต้องฉีดยากันโรคพิษสุนัขบ้ากับบาดทะยัก ๕ เข็ม ประเดิมไปก่อน ๒ เข็มแรก ที่เหลือนัดวันอื่น ผมต้องเสียเวลาอีกแล้ว (ในความคิด) แต่ยังดีที่แผลผมไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บปวดเลย
จนมาถึงเช้าอีกวัน
เช้านี้ผมออกไปรับประทานข้าวเช้าข้างนอกพอกลับมากำลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง เจอหมาตัวนี้ยืนดักไว้อีกแล้ว แยกเขี้ยวเตรียมพร้อมจะเข้าใส่ ผมไม่กลัวอยู่แล้ว แต่มือเปล่า ๆ ก็จะกระไรอยู่ จึงค่อย ๆ ถอย ๆ กลับไปที่โรงจอดรถแต่มันก็ไม่ได้ตามลงมา ในใจก็คิดตลอดว่า อย่าจองเวรจองกรรมอะไรกันเลย ต่างคนต่างอยู่เถอะนะแม่หมา ไม่อยากจะทำร้ายเลย แต่มันก็ยังคงยืนแยกเขี้ยวอยู่ตรงนั้น ผมเหลือบไปเห็นด้ามจอบ (ถอดหน้าจอบออกแล้วเหลือเพียงแต่ด้าม) เหมาะมือมาก ๆ ฉวยได้ขึ้นมา บวกกับอารมณ์ซึ่งเริ่มโมโหทวีขึ้น ผมไม่คิดที่จะนั่งรอให้มันหนีผมไปเอง จึงเดินเข้าหาด้วยอารมณ์โมโหขีดสุด มันทำท่าจะกระโดดแยกเขี้ยวเข้าใส่ ผมไม่มีรอฟาดไปเต็มกำลังวังชา โดนบริเวณหน้าผาก จนมันร้องเสียงดัง (คงได้ยินไปทั้งหอพัก) หมอบกระแต พยายามคลานหนีไป ผมก็ฟาดปิดท้ายไปที่บั้นท้ายมัน ทั้งหมดที่ตี ๒ ที ร้องเอ็ดตะโร้วิ่งหนีโดยเร็วลงไปด้านล่างหายไปทางด้านหลังหอพัก
ผมค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ กำลังเดินกลับไปที่ห้องพัก ก็ปรากฏว่าได้ยินเสียง ๒ - ๓ ห้องเปิดประตูแง้มออกมา อุทานประมาณว่าสุนัขที่พวกเขาเคยเลี้ยงดูมันเป็นอะไร ใครทำอะไรมัน มันถึงร้อง และมองมาที่ผม ซึ่งผมก็ตกเป็นเป้าสายตาเพราะในมือยังถือกระบองด้ามจอบอยู่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรด้วย จนกำลังจะไขกุญแจเข้าห้องก็มีชายหนุ่มก้าวออกมาหน้าห้องของเขาแล้วถามผมว่า "พี่ไปตีมันทำไมอ่ะครับ" ผมขณะที่ยืนอยู่หน้าห้องตนเองก็ตอบกลับไปพยายามใช้เหตุผลคุยกับเขาว่า "คุณรู้ไหมครับว่าเมื่อวานสุนัขตัวนี้กัดผม เมื่อวานผมต้องเสียงานเสียการไปหาหมอโดนฉีดยาไป ๒ เข็ม (และชี้ให้เขาดูที่ส้นเท้าของผม) เขาก็ตอบว่า "พี่ใช่ไหมครับที่ถูกมันกัด" (เพราะเขาก็พอจะทราบว่ามีคนในหอพักถูกสุนัขกัด) ผมเลยอธิบายไปอีกว่า "ใช่แล้วครับ ผมนี่แหละที่ถูกกัด เมื่อวานก่อนผมยังนั่งลูบหัวมันเล่นอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่มันก็ท้องก่อนหน้าแล้ว แต่มันไม่เคยมีทีท่าว่าจะดุขนาดนี้เลย และที่สำคัญผมก็ไม่เคยไปทำร้ายมันก่อน ผมก็รักสุนัขเหมือนกัน ผมเข้าใจพวกคุณว่าพวกคุณรักมัน คอยให้ข้าวให้ขนมมันกิน แต่กับผมมันจะกัดท่าเดียว แล้วเมื่อสักครู่ที่ตีมันเพราะมันไม่ยอมให้ผมขึ้นมาบนชั้น ๒ มันเอาผมแน่ คุณจะให้ผมนั่งรอจนมันหายไปเอง ลงไปเอง แล้วผมค่อยขึ้นมาอย่างนั้นหรอ ผมตีไปเพราะผมป้องกันตัวเองนะครับ ผมไม่ยอมให้มันซ้ำผมอีกแผลแน่" เขาเลยอึ้งมองมาที่แผลของผม และพูดอะไรไม่ออก ผมเลยบอกอีกว่า "แต่ถ้าพวกคุณไม่เชื่อผม เพราะคิดว่าสุนัขที่คุณเลี้ยงมันใจดี ไม่ทำร้ายใครแน่ และคิดว่าผมสร้างเรื่องเพื่อที่จะรังแกมันคืน เอาอย่างนี้ไหมครับ ผมให้สัญญาว่าจะไม่มีการตีมันอีก ถึงแม้ว่ามันจะมากัดผมอีก แต่มีข้อแม้ว่าพวกคุณซึ่งคอยเลี้ยงข้าวให้มันจะต้องรับผิดชอบไหมครับ" เขาเลยอึ้ง และผมก็ขอตัว
เลยอยากจะขอคำแนะนำหน่อยครับว่าผมควรทำอย่างไร ควรปรับตัวอย่างไร และผมทำไปอย่างนั้นมันผิดไหม ผมกลัวว่าสมาชิกในหอพักจะพากันเกลียดผม เพราะผมไปทำร้ายสุนัขของพวกเขา (ต้องขออภัยกับพี่น้องคนรักสัตว์เลี้ยงด้วยครับ)