ขอพื้นที่ระบายความรู้สึกที่มีต่อคนคนหนึ่งก่อนที่จะตัดใจค่ะ T^T

กระทู้สนทนา
อมยิ้ม14 คือเราเพิ่งไปรู้อะไรบางอย่างที่เราไม่ควรรู้มาเกี่ยวกับ ผช ที่เราแอบชอบมานานแสนนาน พอรู้แล้วก็ทำให้เรารู้สึกแย่และช็อกมากถึงมากที่สุด จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องตัดใจจากเค้าจริงๆ แต่ก่อนที่เราจะตัดใจจากเค้า เราก็อยากเขียนความรู้สึกที่เรามีต่อเค้าไว้ก่อน เผื่อจะได้มีเนื้อที่ให้ความทรงจำดีๆ ของเราได้หลงเหลืออยู่บนโลกนี้บ้าง

อมยิ้ม17 นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้ามันยาวเวิ่นเว้อไปบ้าง ก็อย่าว่ากันเลยน้าาาาาา


ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน สมัยที่โปรแกรม MSN เป็นโปรแกรมแชทยอดฮิต เราก็ได้คุยกับเค้าผ่านเจ้าโปรแกรมนี้ล่ะ
แต่เรากับเค้าเคยเจอกันมาก่อนที่ป้ายรถเมล์ ตอนนั้นรู้แค่ว่า ผช คนนี้เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันเท่านั้นเอง
ตอนแรกที่เจอกันก็ไม่ได้รู้สึกแบบรักแรกพบอะไรนะ คือรู้สึกเฉยๆ มาก
แอบคิดในใจว่า ผช อะไร หน้าตาเซื่องๆ ชะมัด เห็นแล้วนึกถึงหมาหงอยที่ถูกเจ้าของทิ้งเลย


พอเวลาผ่านไปเรากับเค้าก็เจอกันบ่อยขึ้น เพราะเค้าต้องนั่งรถเมล์ผ่านป้ายหน้าบ้านเราทุกวัน แล้วเราก็ต้องยืนรอส่งเพื่อนขึ้นรถเมล์กลับบ้านทุกวันเหมือนกัน ก็เลยทำให้เราเจอเค้าบ่อยมากขึ้นและก็แอบเผลอมองเค้าบ่อยขึ้นด้วย
ตอนนั้นก็คิดว่า ผช คนนี้แปลกดี ดูนิ่งๆ ไม่ค่อยยิ้ม ขี้เก๊กชะมัด นึกว่าตัวเองหล่อมากเหรอ คือตอนนั้นเราแอบหมั่นไส้เค้าจริงๆ
แต่พอเจอกันบ่อยขึ้นก็เลยได้แอบมองเค้าบ่อยขึ้นด้วย เลยเห็นมุมน่ารักๆ ของเค้าหลายมุม บางทีเค้าก็จะนั่งเหม่อมองท้องฟ้า บางทีเค้าก็นั่งสัปหงกบ้าง บางทีเค้าก็หลับแบบนิ่งๆ บางทีเค้าก็นั่งอมยิ้มนิดๆ ตามสไตล์เค้า จนเราแอบคิดในใจว่า ผช คนนี้ น่ารักชะมัดเลย ก็เลยกลายเป็นแอบปลื้มเค้าไปในที่สุด


เราเป็นคนขี้อายและค่อนข้างเจียมตัว คือเราไม่ใช่ ผญ สวย ที่ ผช เห็นครั้งแรกแล้วจะชอบ แล้วแบบนี้ ผช ที่ไหนเค้าจะมาชอบเราล่ะ
บรรดาเพื่อนๆ ที่รู้จักนิสัยเรา รู้ดีว่าเราไม่มีทางเข้าไปคุยกับเค้าตรงๆ เป็นแน่แท้ ก็เลยพยายามเสาะแสวงหาข้อมูลของเค้าทุกวิถีทาง จนสุดท้ายได้อีเมล์ของเค้ามา ตอนแรกเราก็คิดว่าจะแอดไปดีหรือเปล่า กลัวว่าถ้าแอดไปแล้วเค้าไม่รับก็เศร้า แล้วถ้าเค้ารับแล้วไม่คุยก็รู้สึกแย่เหมือนกัน แต่ถ้าไม่แอดไปก็ไม่ได้รู้จักกันซักทีนะซิ แถมเวลาก็มีจำกัดด้วย อีกปีหนึ่งก็จะเรียนจบแล้ว ถ้าเรียนจบแล้วเราจะไปแอบมองเค้าได้ที่ไหนต่อล่ะ พอคิดได้ดังนั้นแล้ว ก็เลยทำใจดีสู้เสือไป "เอาว่ะ ลองแอดไปดู คุยไม่คุยค่อยว่ากันอีกที" ตอนนั้นจำได้ขึ้นใจเลย มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก ยิ่งกว่าไปแข่งขันเข้าประกวดซะอีก


สักพักหนึ่งเค้าก็รับแอดเรา แล้วถามว่าเราเป็นใคร? แต่ตอนนั้นมันเป็นช่วงพีคมาก หูอื้อตาลายไปหมด เราเลยไม่เห็นประโยคที่เค้าถาม เลยปล่อยไก่ออกไปทั้งเล้าด้วยประโยคที่เตี๊ยมกับเพื่อนมาอย่างดีว่า ถ้าเค้ารับแอดปุ๊บก็ก๊อปประโยคนี้ไปวางเลยนะ "พอดีได้เมลมาจากเพื่อน เลยแอดมา อยากรู้จัก อยากคุยด้วย" ตอนนั้นอายมากกกกก อยากจะไซน์เอ้าท์ใจจะขาดอยู่แล้ว เล่นวางไปไม่ดูตาม้าตาเรือเลย ใจหนึ่งก็อยากคุย แต่อีกใจก็ไม่อยากแล้ว แต่เค้าก็ยังน่ารัก อุส่าตอบกลับมาด้วยว่า "อืม ได้สิ ยินดีที่ได้รู้จักนะ" โหยยยยย ตอนนั้นเราแบบกรี๊ดลั่นบ้าน ประหนึ่งว่าได้เหรียญทองมาคล้องใจ


หลังจากนั้นเราก็ทักเค้าไปทุกวัน ด้วยประโยคเดิมๆ ว่า "สวัสดีจ้า" "กินข้าวยังจ้า" "ไม่กวนแล้วจ้า" "บายบ๊ายจ้า" คือเราก็อยากคุยกับเค้านะ แต่มันไม่รู้จะคุยอะไรจริงๆ เลยได้แต่ทักประโยคเห่ยๆ แบบนี้ไปทุกวัน แล้วก็กลัวด้วยว่าเค้าจะรำคาญเราขึ้นมา ถ้าเกิดไปเซ้าซี้ถามอะไรนู้นนั่นนี้ แล้วพอเพื่อนเราถามว่าคุยไรกับเค้าบ้าง พอเราตอบว่าคุยกันแบบนี้ บลาๆๆๆ ทุกคนก็ลงความเห็นว่า เป็นการคุยที่ไม่ได้ช่วยทำให้รู้จักกันขึ้นเยอะเลย แต่เราคิดแค่ว่าได้คุยกันด้วยประโยคแค่นี้ เราก็มีความสุขแล้ว เพราะเราไม่ได้อยากจะจีบเค้ามาเป็นแฟนอะไรแบบนั้นนะ แค่คิดว่าเค้าเป็น ผช ที่น่ารักดี เลยอยากคุยด้วยก็เท่านั้นเอง


พอเพื่อนเราเห็นบทสนทนาที่ชักจะไม่เวิร์คของเรา ก็เลยช่วยกันวางแผนให้เรากับเค้าได้คุยกันจริงๆ โดยการไปแกล้งหยอกเค้าต่างๆ นานา แต่เราไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรเลยนะ คือแบบพวกเพื่อนเราแกล้งเค้าแล้วไม่มีการมาบอกเราล่วงหน้า พอมารู้อีกทีก็จัดการแกล้งเค้าไปเรียบร้อยแล้ว มีครั้งหนึ่งที่เพื่อนเราแกล้งเอาของประหลาดๆ ไปให้เค้ากิน แล้วบอกว่าเราฝากมาให้ แถมเค้ายังกล้ากินด้วยนะ พอเรากลับมาถึงบ้าน เค้าก็ทักเอ็มมาขอบคุณเราเรื่องขนม แล้วยังบอกด้วยว่ามันก็อร่อยดีนะ ซึ่งเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย นานวันเข้าการแกล้งของเพื่อนเราเริ่มหนักข้อขึ้น จนทำให้เรากับเค้ามีเรื่องพูดคุยกันมากขึ้นเรื่อยๆๆๆ จนเราสามารถเปลี่ยนประโยคทักทายสุดเห่ยนั่น ให้กลายเป็นประโยคสนทนาทั่วไปได้


ถึงเพื่อนเราจะแกล้งหยอกเค้าหนักแค่ไหน ถึงเรากับเค้าจะคุยเอ็มกันมานานเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ยังไม่เคยได้คุยกันจริงๆ สักที ทำได้แค่มองกันไปมองกันมาเท่านั้นเอง เวลาพักกลางวันแล้วเค้าเดินผ่านหน้าห้องเรา ตอนที่อาจารย์ยังไม่ปล่อยห้องเราให้ไปพัก มันเป็นอะไรที่ฟินมากเลย แค่เห็นรอยยิ้มเค้า เราก็แทบจะละลายไปกับโต๊ะแล้ว เค้าเป็น ผช ที่น่ารักมากจริงๆ บางทีเจอกันที่โรงอาหาร ทั้งเรากับเค้าต่างก็ไม่เคยจะเข้ามาทักทายกัน เอาแต่มองกันไปมองกันมา แล้วเรากับเค้าชอบกินข้าวร้านเดียวกัน บางทีเราก็สั่งเลียนแบบเค้านะ ทั้งๆ ที่เราไม่ชอบกินผัดวุ้นเส้นกับข้าวเลย ให้ตายเถอะ ผักเยอะชะมัด แต่เราก็ยังกิน เพราะแค่เค้าสั่ง บางทีช่วงไหนที่เป็นคาบว่าง เราก็จะชวนเพื่อนเราไปเข้าห้องน้ำบ่อยมาก เพราะจะได้เดินผ่านห้องเค้าบ่อยๆ แต่เราทำแค่เดินผ่านน่ะ ไม่เคยมองเข้าไปในห้องเลย มันเขิน กลัวว่าเค้าจะจับได้ว่าเราแอบชอบ


แต่ส่วนใหญ่เรากับเค้าจะเจอกันบ่อยที่ป้ายรถเมล์ตอนกลับบ้าน เพราะต้องกลับทางเดียวกัน เคยเจอกันอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยมีความกล้าเข้าไปทักทายเค้าสักที ทำได้แค่ยืนบิดไปบิดมาด้วยความเขิน พอเห็นรถที่จะขึ้นก็กระโจนขึ้นด้วยความเร็วแสงเลย บางครั้งยิ่งหนักเลย เคยไปเจอกันบนรถเมล์ แล้วเค้านั่งข้างหลัง แต่เรานั่งตรงกลาง พอถึงตอนจะลง เราต้องเดินไปข้างหลัง เลยได้เจอกับเค้า เราทำอะไรไม่ถูกเลย กริ่งนี้หากันไม่เจอเลยทีเดียว โชคดีที่มีรุ่นน้องอีกคนลงป้ายเดียวกัน เค้าเลยกดให้ แถมยังเกือบตกรถเมล์ต่อหน้าเค้าอีกต่างหาก


มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เรากับเค้าขึ้นรถเมล์คันเดียวกัน แต่เราขึ้นมาก่อน แล้วเค้าขึ้นมาทีหลัง พอเรากับเพื่อนเราจ่ายตัง เค้ากับเพื่อนเค้าก็คงจ่ายตังเหมือนกันล่ะมั้ง แต่พี่กระเป๋าแกคงขี้เกียจฉีกตั๋วหลายรอบ พี่แกก็เลยฉีกตั๋วรอบเดียวและก็ส่งตั๋วรถที่ยาวเป็นหางว่าวมาให้เรา แล้วบอกว่า " อยู่โรงเรียนเดียวกัน เคลียร์กันเองก็แล้วกัน" คือตอนแรกเราก็งง อะไรว่ะ เคลียร์กับใคร มากัน 4 คน แต่ตั๋วมีตั้ง 8 ใบ สักพักเพื่อนเราก็สะกิดหลังเรา พอเราหันหลังไปเท่านั้นแหละ โอ้วววววว!!!! คุณพระ นั่นมันเค้านี่หว่า ผช ที่เราแอบปลื้มมาเป็นปีดีดัก ตายๆ ทำไมเค้ามาอยู่บนรถคันนี้ ไม่ได้กลับบ้านไปแล้วเหรอ ตอนนั้นเราแบบตื่นเต้นมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย เค้าก็เอาแต่ยิ้มๆ โอ๊ยยยยย วินาทีนั้นอยากจะเป็นลมล้มตึงลงไปเลย ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาเจอกันบนรถเมล์ แถมยังได้ใช้ตั๋วร่วมกันอีก ช็อกมากจนพูดไม่อะไรไม่ออกเลย ปกติเราเป็นคนพูดเก่งมาก แต่วันนั้นจำได้ว่าเรานั่งเงียบกริบเลย ไม่กล้าพูดอะไรออกมาซักแอะ ราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปาก


พอรถเมล์วิ่งผ่านไปเรื่อยๆ ทีละป้าย เพื่อนเรากับเพื่อนเค้าต่างก็ทยอยลงจากรถกันจนหมด สุดท้ายเหลือแค่เรากับเค้า คือเรากับเค้านั่งอยู่แถวเดียวกัน แต่เค้านั่งริมหน้าต่างฝั่งหนึ่ง เรานั่งริมหน้าต่างอีกฝั่งหนึ่ง แล้วทั้งแถบนั้นก็ไม่มีใคร เพราะเพื่อนเรากับเค้าลงไปหมดแล้ว ไอ้เราก็มัวแต่ตื่นเต้น เลยลืมเรื่องสำคัญไปเลยว่า ถ้าเพื่อนเราลงหมดแล้ว ใครกันล่ะจะเอาตั๋วที่เราถืออยู่ไปให้เค้า เพราะบ้านเค้าอยู่ไกลกว่าเรา พอคิดได้ดังนั้นก็แทบจะสิ้นใจตายไปเลย นี่เราต้องเข้าไปคุยกับเค้าหรือไง จะบ้าเหรอ! สคริปที่จะพูดกับเค้าก็ยังไม่ได้คิดเลย ถ้าพูดตามธรรมชาติต้องปล่อยไก่แน่ๆ เอาไงดีอ่ะ ถ้าไม่ให้ตั๋วเค้า แล้วถ้ามีพนักงานมาขอตรวจตั๋วล่ะ เค้าก็จะเดือดร้อนน่ะ เอาว่ะ แสดงสปิริตซักนิดนึง พูดก็พูด! เราก็เลยตัดสินใจเรียกชื่อเค้าแล้วยื่นตั๋วให้ เค้าก็ทำแค่ยิ้ม แต่แค่ยิ้มของเค้าก็ทำเอาเราเขินจนทำอะไรไม่ถูกเลย ตอนนั้นในใจแบบ อยากขอบคุณความขี้เกียจของกระเป๋ารถเมล์มากที่ไม่ยอมฉีกตั๋วให้ เลยทำให้เรามีโอกาสได้คุยกับเค้าเป็นครั้งแรก ประทับสุดๆ ไปเลย


หลังจากนั้นซักพักพอใกล้จะถึงป้ายที่เราต้องลง เราก็คิดในใจนะว่า ควรจะบอกลาเค้าดีมั้ย คือเราจะลงอยู่แล้ว จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินไปได้ไงกัน เหมือนเค้าจะรู้ด้วยนะว่าเราต้องลงป้ายหน้า พอเรากำลังจะขยับออกจากเบาะ เค้าก็หันหน้ามาหาแล้วยิ้มให้ เราเลยพูดไปสั้นๆ แค่ว่า เราไปก่อนน่ะ แล้วยิ้มแบบประหลาดๆ ส่งไปให้เค้า คือแบบตอนนั้นอายมาก หูอื้อ ตาลาย หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม แต่ก็ยังมีแก่ใจนึกอยู่เหมือนกันว่า โชคดีแค่ไหนที่ไม่ตัดสินใจลงพร้อมเพื่อนตัวเอง แล้วต่อรถคันใหม่กลับบ้านน่ะ


หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเรากับเค้าก็ได้คุยกันมากขึ้น บางครั้งเราก็ตั้งใจไปรอเค้าที่ป้ายรถเมล์ เวลาเจอกันเค้าก็ยิ้มและเข้ามาทักทาย พอกลับบ้านก็มาคุยเอ็มกันต่อ ซึ่งมันเป็นอะไรที่มากพอแล้วสำหรับ ผญ คนหนึ่งที่แอบชอบ ผช น่ารักๆ สักคน แล้วแบบตอนนั้นเราชอบอ่านการ์ตูนอยู่เรื่องหนึ่ง แล้วเค้าก็ชอบด้วย เค้าเคยถามเราว่า ชอบการ์ตูนเรื่องนี้เหรอ แล้วเค้าก็ชอบมาสปอยให้ฟัง เพราะเมื่อก่อนเราไม่ชอบอ่านสปอยในเว็บ ก็เลยกลายเป็นว่าในบันทึกสนทนามีแต่เรื่องการ์ตูนซะเป็นส่วนมาก แต่นานๆ ก็แอบมีเรื่องส่วนตัวบ้าง ถึงมันก็น้อยมาก แต่มันก็ทำให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น


มีอยู่ครั้งหนึ่งช่วงนั้นเป็นเทศกาลลอยกระทง เราเป็นคนที่ชอบเทศกาลนี้มาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ก็เลยมีความคิดว่าอยากชวนเค้าไปลอยกระทงด้วย แต่ถ้าให้ไปด้วยกันจริงๆ เราก็คงไม่กล้าและเค้าก็คงไม่ไปด้วย ก็เลยทำได้แค่ชวนเค้าลอยกระทงออนไลน์แค่นั้น คือแบบว่า ได้นิดหน่อยก็ยังจะเอาอ้ะ แค่ลอยพร้อมกันในเวบก็ยังดี


อมยิ้ม08 พื้นที่ไม่พอแล้ววววว เอาเท่านี้ก่อนก็ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่