เริ่มต้นการเขียนกระทู้นี้ เนื่องจากรูปในคอมเริ่มหายไปเรื่อยๆ 555 เผลอลบไปบ้าง ไฟล์เสียบ้าง เลยตัดสินใจเขียนบันทึกซะหน่อย เผื่อวันหนึ่งได้ย้อนกลับมาดูวีรกรรม 555 และเผื่อว่าจะช่วยใครที่กำลังมองหาทริปเจ๋งๆอยู่ค่ะ ทริปนี้หมักหมมยาวนานมาเป็นปี กะจะเขียนตอนกลับมาจากทริป แต่ก็ไม่ได้เขียนซะที ผ่านไปปีหนึ่งล่ะเพิ่งมาเขียน5555 เป็นทริปช่วงปีใหม่ ส่งท้ายปี56ค่ะ ตัดสินใจเลือกจังหวัดเชียงใหม่ ที่ขึ้นชื่อเรื่องหนาวๆอันดับต้นๆของไทย เริ่มจากเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเลยค่ะ แบกเป้ไปกันสองคน เพราะตั้งใจจะไปแบบลุยๆ นี่แหละท่องเที่ยวขนานแท้ อิอิ
เริ่มต้นออกเดินทางที่สถานขนส่งผู้โดยสารหมอชิตตอนเย็น บอกเค้าว่าไปลงปากทางขึ้นดอยอ่างข่าง ล้อเริ่มหมุนก็เริ่มตื่นเต้นค่ะ หลับยาวๆกันไป
ถึงปากทางขึ้นดอยก็ประมาณหกโมงเช้าค่ะ เดินไปนิดเดียวก็จะเจอคิวรถ เค้าบอกว่าต้องรอคนขึ้นไปพร้อมกันเยอะๆ รถถึงจะออก รอไปสักพักมีกระบะจากไหนไม่รู้มาจอดซื้อของซัดภาษาใต้กันระนัว อ๋อ …..คนบ้านเดียวกันนี้เอง5555 เดาได้ว่าน่าจะขึ้นไปเที่ยวบนดอยเหมือนเรา รอช้าอยู่ใย เพื่อนเข้าไปถามว่าขึ้นดอยรึเปล่า ขอติดรถไปด้วยได้ไหมค่ะ พอพูดใต้ด้วยกันหน่อย พี่บ่าวใจดีให้ติดรถไปด้วย ดีใจจริงคนใจดีอยู่ทั่วไทย อิอิ สุดท้ายก็ได้ติดรถพี่เค้าขึ้นดอย ไม่ต้องรอ รถสองแถว ไม่เสียตังด้วยอิอิ
ทางขึ้นดอยค่ะ อันที่จริงมีรูปเพื่อนใจดีที่ให้นั่งรถขึ้นดอยไปด้วยแต่ รูปหายยยยยยยยยยยยยยยยยยย!! แง
พอถึงบนดอยรีบขอบคุณพี่เค้าแล้วก็รีบเดินหาที่พักบนดอยค่ะ เดินวนไปมาหลายรอบ ก็มีคนมาถามแล้วก็ช่วยเดินหาที่พักให้ แต่ก็ไม่ค่อยมีว่างเลยค่ะ อีพวกเราก็ไม่ได้จองล่วงหน้าด้วย งามไส้55 สรุปมีที่พักเหลือแต่ราคาสามสี่พัน ก็เลยตัดสินใจไม่เอาค่ะเนื่องจากแพงไปไม่อยู่ในแพลน555 ก็เลยคิดกันว่านอนเต้นท์น่าจะได้บรรยากาศกว่าเลยถามคนแถวนั้น เค้าบอกมีจุดกางเต้นท์แถวนี้ มีเจ้าหน้าที่เค้าให้บริการอยู่ แต่จากตรงนี้กับกระเป๋าหนักๆ คงเดินไปไม่ไหว ตัดสินใจเช่ามอไซด์ ไปค่ะ จำราคาไม่ได้ แต่ไม่แพงค่ะ พี่เค้าบอกถ้าจะเช่ามอไซด์ขี่บนดอยให้ระวังหน่อยเพราะทาง
มันชัน แต่ก็สบายค่ะ แว๊นบ่อย อิอิ
มาถึงจุดกางเต้นก็รีบเข้าไปติดต่อเรื่องเต้นท์ค่ะ ได้มาเสร็จก็รีบล้างหน้าแปรงฟันเก็บกระเป๋าแล้วเริ่มไปแว๊นทัวร์ดอยกันค่ะ ปล. น้ำเย็นมากกกกกกกกกก เลยไม่ต้องอาบน้ำ อิอิ
เริ่มต้นที่สถานีเกษตรหลวงอ่างข่าง อากาศดีมากค่ะ แต่คนก็เยอะใช้ได้
ขับไปได้นิดเดียวก็เริ่มหิวค่ะ เลยแวะหาไรทานสักหน่อย คนเพียบบบ!!
หาไรทานเสร็จ เริ่มมีแรงแล้วก็ไปต่อค่ะ ขี่ไปเรื่อยๆ ตามจุดต่างๆในแผนที่ของดอยเกษตรหลวงอ่างข่างค่ะ และที่สำคัญตามหาดอกพยาเสือโคร่ง ซากุระเมืองไทย แต่เจอบานไม่มากค่ะ แต่ก็ยังพอมีให้ชมบ้าง
ขี่ไปเรื่อยจนหมดเกือบทุกจุดแล้วมั้งค่ะ เท่าที่จำได้ และที่สุดท้ายที่ตามหาคือ ไร่สตอเบอร์รี่ค่ะ ขับไปไกลมากก็ไม่เจอป้ายหรืออะไรเขียนบอกค่ะ จนต้องถามคนแถวนั้นเค้าบอกนี้จะออกไปฝั่งพม่าแล้วค่ะ555 ก็ว่าไมไกลจัง แต่มองดูฝั่งเพื่อนบ้านก็สวยใช่ย่อยเหมือนกัน ไม่เสียเที่ยวที่หลง อิอิ
หลงจนเริ่มตกบ่ายแล้ว ก็เลยรีบแว๊นกลับ ขนาดช่วงบ่ายแล้วอากาศยังเย็นๆอยู่เลยค่ะ ขับไปนี้ปากสั่น555 และแล้วก็จอดรถเดินไปถามทางไปไร่สตอเบอร์รี่อีกรอบค่ะ
เค้าบอกว่าให้ขับกลับไปจะมีซอยเล็กๆเข้าไปในไร่ค่ะ ในที่สุดดดดดดดดดดดด
เจอทางเข้าค่ะ แต่กว่าจะมาถึงทางเปลี่ยวใช้ได้ค่ะ ระหว่างทาง ไม่มีบ้านคนเลย ทางเป็นดินแดง เป็นเนินขึ้นๆลงๆ ทางขรุขระ น่ากลัวใช้ได้ค่ะ เพื่อนนี้บีบไหล่ซะแน่นเลย ตอนแรกคิดว่าหลงอีก เพราะไม่มีใครให้ถามเลย เงียบมาก แต่โชคดีมีนักท่องเที่ยวเค้าขับมอไซด์สวนออกมาจากไร่พอดี เค้าเลยบอกให้ขับเข้าไปอีกค่ะ ตามรูปด้านบน พอถึงไร่ก็ผิดหวังนิดหน่อยค่ะ เพราะอีสตอเบอร์รี่ย์เพิ่งจะเป็นลูกเล็กๆ ยังไม่โต5555555555555 แต่ไม่เป็นไรค่ะ บรรยากาศดีทีเดียว เลยได้มีโอกาศคุยกับชาวบ้านแถวนั้นด้วยค่ะ และเก็บภาพสวยๆมาฝาก อิอิ
ยังเล็กอยู่เลยยยยยยยยยย
เสร็จจากไร่สตอเบอร์รี่ก็เริ่มเย็นๆแล้วค่ะ เลยรีบขับกลับเพราะมืดๆแล้วเริ่มน่ากลัว แล้วก้เริ่มหิวอีกรอบ5555
พอถึงก็เอามอไซด์ไปคืนค่ะ แล้วก้หาซื้ออะไรไปกินก่อนกลับที่พัก แต่ปัญหาคือคืนรถแล้วจะกลับไปจุดกางเต้นท์ยังไง ไม่ใช่ใก้ลๆด้วย5555 ใช้วิธีการเดิมค่ะ โบกรถที่เค้าเริ่มพากันกลับลงจากดอยไปค่ะ ได้รถกระบะ ที่เค้ามาเที่ยวกันเป็นครอบครัว พี่เค้าใจดีให้ติดรถไปลงจุดกางเต้นท๋ด้วยยยยย อิอิโ ชคดีอีกแล้ว....
พอถึงจุดกางเต้นท์ก็มืดแล้วค่ะ อากาศเริ่มหนาวขึ้น น้ำนี้ยังกะใครเอาไปแช่ตู้เย็นมาให้อาบ สรุปล้างหน้าแปรงฟันอีกรอบ 555 สะอาดกันจริงๆ
เจ้าหน้าที่เค้าก็เอาหมอนผ้าห่มมาให้ค่ะ แต่ดึกๆนี้ไม่ไหวจริงๆค่ะ หนาวมาก ประมาณสิบห้าสิบหกองศามั้งค่ะ ถ้าจำไม่ผิด ต้องออกไปหาเตาผิงมานั่งผิงกัน
นอนเต้นท์โดยไม่เตรียมของมาเองนี้ทรมานเหมือนกัน กลางดึกนอนไม่หลับเลย ผ้าห่มเจ้าหน้าที่ยังกะเพิ่งซักมายังไม่ได้ตาก ห่มไม่ได้เลย นอนซบกับเพื่อนก็หลับๆตื่นๆ จำได้ว่าตีสองแล้วลุกขึ้นมานั่งหลังชนกัน นอนไม่ได้เลยอีเต้นท์นี้เหมือนเปียกน้ำไปหมด 55555 ก็ต้องทนนอนไปค่ะ ถือว่าแลกกับบรรยาศดีดีนอกเต้นท์ 555
ตื่นขึ้นมาใกล้รุ่งหน่อยๆ นี่คือวิวจากจุดกางเต้นท์ค่ะ อย่างกะเมืองสวรรค์ ในม่านหมอก สวยมากก
พอเช้าก็ออกไปหาไรกินค่ะ แล้วกลับมาเก็บกระเป๋าเพื่อลงจากดอย ตอนขาลงก็จะมีรถสองแถวจอดรออยู่ค่ะ แต่ต้องเหมาลงไป เราก็ขอติดรถสองแถวคนที่เค้าเหมาลงดอยค่ะ ก็ช่วยเค้าหารค่ารถไป
พอลงจากดอยมา จุดหมายต่อไปของเราคือไร่ส้มธนาธรค่ะอยู่ที่อำเภอฝาง นั่งรถกันยาวๆ พอถึงตัวเมืองก้ถามคนแถวนั้นเค้าบอกต้องนั่งสองแถวไปค่ะ มันจะผ่าน แล้วค่อยหารถต่อเข้าไปอีก แต่พอสองแถวไปส่งคนจนหมด เค้าก็บอกว่ามันไม่ค่อยมีรถโดยสารผ่านเข้าไปค่ะ เลยต้องอ้อนวอนให้พี่เค้าเข้าไปส่งในไร่ พี่เค้าก็ใจดีไปส่งถึงที่เลยค่ะ

แต่ก็แอบกังวลตอนกลับอยู่เหมือนกันเพราะไม่มีรถโดยสารวิ่งเลยค่ะ จะมีแต่รถส่วนตัว แต่ก้ไม่เป็นไรค่อยหาทางอีกทีตอนนี้ไปทัวร์ที่พักกันก่อน......
นี่คือที่พักที่จองไว้ค่ะ ราคาแค่ห้าร้อยบาท เงียบสงบ อากาศดีมากๆ คุ้มเกินคุ้ม อิอิ แต่รู้สึกเพื่อนบอกว่าไร่ส้มนี้เค้าเปิดให้เข้ามาพักเป็นช่วงๆน่ะค่ะ ไม่ตลอดทั้งปี เผื่อใครอยากมาพัก สอบถามกันก่อนน่ะค่ะ เพื่อความแน่ใจ
ห้องพักของเราค่ะ
อันนี้เป็นภาพจากมือถือเพื่อนค่ะ อย่างที่บอก รูปในคอมหายยยไปบางส่วน

อยากให้เห็นข้างในค่ะ สวย คลาสสิคมาก อิอิ เดี๋ยวจะแป๊ะลิ้งวีดีโอที่ทำไว้ให้อีกทีค่ะ เผื่อใครอยากเห็นชัดๆ
เท่เลย55555
พอเห็นห้องกับบรรยากาศดีดีก็อดงีบไม่ไหวค่ะ เดินทางมากก้ไกลพอควร เลยแอบงีบไปหน่อยค่ะ บรรยากาศดี เป็นที่ที่เรียกว่าได้พักผ่อนจริงๆ ฟิน555555
[CR] กล้องหนึ่งตัว เพื่อนหนึ่งคน กับหนึ่งจังหวัด ณ เชียงใหม่ Part 1
เริ่มต้นออกเดินทางที่สถานขนส่งผู้โดยสารหมอชิตตอนเย็น บอกเค้าว่าไปลงปากทางขึ้นดอยอ่างข่าง ล้อเริ่มหมุนก็เริ่มตื่นเต้นค่ะ หลับยาวๆกันไป
ถึงปากทางขึ้นดอยก็ประมาณหกโมงเช้าค่ะ เดินไปนิดเดียวก็จะเจอคิวรถ เค้าบอกว่าต้องรอคนขึ้นไปพร้อมกันเยอะๆ รถถึงจะออก รอไปสักพักมีกระบะจากไหนไม่รู้มาจอดซื้อของซัดภาษาใต้กันระนัว อ๋อ …..คนบ้านเดียวกันนี้เอง5555 เดาได้ว่าน่าจะขึ้นไปเที่ยวบนดอยเหมือนเรา รอช้าอยู่ใย เพื่อนเข้าไปถามว่าขึ้นดอยรึเปล่า ขอติดรถไปด้วยได้ไหมค่ะ พอพูดใต้ด้วยกันหน่อย พี่บ่าวใจดีให้ติดรถไปด้วย ดีใจจริงคนใจดีอยู่ทั่วไทย อิอิ สุดท้ายก็ได้ติดรถพี่เค้าขึ้นดอย ไม่ต้องรอ รถสองแถว ไม่เสียตังด้วยอิอิ
ทางขึ้นดอยค่ะ อันที่จริงมีรูปเพื่อนใจดีที่ให้นั่งรถขึ้นดอยไปด้วยแต่ รูปหายยยยยยยยยยยยยยยยยยย!! แง
พอถึงบนดอยรีบขอบคุณพี่เค้าแล้วก็รีบเดินหาที่พักบนดอยค่ะ เดินวนไปมาหลายรอบ ก็มีคนมาถามแล้วก็ช่วยเดินหาที่พักให้ แต่ก็ไม่ค่อยมีว่างเลยค่ะ อีพวกเราก็ไม่ได้จองล่วงหน้าด้วย งามไส้55 สรุปมีที่พักเหลือแต่ราคาสามสี่พัน ก็เลยตัดสินใจไม่เอาค่ะเนื่องจากแพงไปไม่อยู่ในแพลน555 ก็เลยคิดกันว่านอนเต้นท์น่าจะได้บรรยากาศกว่าเลยถามคนแถวนั้น เค้าบอกมีจุดกางเต้นท์แถวนี้ มีเจ้าหน้าที่เค้าให้บริการอยู่ แต่จากตรงนี้กับกระเป๋าหนักๆ คงเดินไปไม่ไหว ตัดสินใจเช่ามอไซด์ ไปค่ะ จำราคาไม่ได้ แต่ไม่แพงค่ะ พี่เค้าบอกถ้าจะเช่ามอไซด์ขี่บนดอยให้ระวังหน่อยเพราะทาง
มันชัน แต่ก็สบายค่ะ แว๊นบ่อย อิอิ
มาถึงจุดกางเต้นก็รีบเข้าไปติดต่อเรื่องเต้นท์ค่ะ ได้มาเสร็จก็รีบล้างหน้าแปรงฟันเก็บกระเป๋าแล้วเริ่มไปแว๊นทัวร์ดอยกันค่ะ ปล. น้ำเย็นมากกกกกกกกกก เลยไม่ต้องอาบน้ำ อิอิ
เริ่มต้นที่สถานีเกษตรหลวงอ่างข่าง อากาศดีมากค่ะ แต่คนก็เยอะใช้ได้
ขับไปได้นิดเดียวก็เริ่มหิวค่ะ เลยแวะหาไรทานสักหน่อย คนเพียบบบ!!
หาไรทานเสร็จ เริ่มมีแรงแล้วก็ไปต่อค่ะ ขี่ไปเรื่อยๆ ตามจุดต่างๆในแผนที่ของดอยเกษตรหลวงอ่างข่างค่ะ และที่สำคัญตามหาดอกพยาเสือโคร่ง ซากุระเมืองไทย แต่เจอบานไม่มากค่ะ แต่ก็ยังพอมีให้ชมบ้าง
ขี่ไปเรื่อยจนหมดเกือบทุกจุดแล้วมั้งค่ะ เท่าที่จำได้ และที่สุดท้ายที่ตามหาคือ ไร่สตอเบอร์รี่ค่ะ ขับไปไกลมากก็ไม่เจอป้ายหรืออะไรเขียนบอกค่ะ จนต้องถามคนแถวนั้นเค้าบอกนี้จะออกไปฝั่งพม่าแล้วค่ะ555 ก็ว่าไมไกลจัง แต่มองดูฝั่งเพื่อนบ้านก็สวยใช่ย่อยเหมือนกัน ไม่เสียเที่ยวที่หลง อิอิ
หลงจนเริ่มตกบ่ายแล้ว ก็เลยรีบแว๊นกลับ ขนาดช่วงบ่ายแล้วอากาศยังเย็นๆอยู่เลยค่ะ ขับไปนี้ปากสั่น555 และแล้วก็จอดรถเดินไปถามทางไปไร่สตอเบอร์รี่อีกรอบค่ะ
เค้าบอกว่าให้ขับกลับไปจะมีซอยเล็กๆเข้าไปในไร่ค่ะ ในที่สุดดดดดดดดดดดด
เจอทางเข้าค่ะ แต่กว่าจะมาถึงทางเปลี่ยวใช้ได้ค่ะ ระหว่างทาง ไม่มีบ้านคนเลย ทางเป็นดินแดง เป็นเนินขึ้นๆลงๆ ทางขรุขระ น่ากลัวใช้ได้ค่ะ เพื่อนนี้บีบไหล่ซะแน่นเลย ตอนแรกคิดว่าหลงอีก เพราะไม่มีใครให้ถามเลย เงียบมาก แต่โชคดีมีนักท่องเที่ยวเค้าขับมอไซด์สวนออกมาจากไร่พอดี เค้าเลยบอกให้ขับเข้าไปอีกค่ะ ตามรูปด้านบน พอถึงไร่ก็ผิดหวังนิดหน่อยค่ะ เพราะอีสตอเบอร์รี่ย์เพิ่งจะเป็นลูกเล็กๆ ยังไม่โต5555555555555 แต่ไม่เป็นไรค่ะ บรรยากาศดีทีเดียว เลยได้มีโอกาศคุยกับชาวบ้านแถวนั้นด้วยค่ะ และเก็บภาพสวยๆมาฝาก อิอิ
ยังเล็กอยู่เลยยยยยยยยยย
เสร็จจากไร่สตอเบอร์รี่ก็เริ่มเย็นๆแล้วค่ะ เลยรีบขับกลับเพราะมืดๆแล้วเริ่มน่ากลัว แล้วก้เริ่มหิวอีกรอบ5555
พอถึงก็เอามอไซด์ไปคืนค่ะ แล้วก้หาซื้ออะไรไปกินก่อนกลับที่พัก แต่ปัญหาคือคืนรถแล้วจะกลับไปจุดกางเต้นท์ยังไง ไม่ใช่ใก้ลๆด้วย5555 ใช้วิธีการเดิมค่ะ โบกรถที่เค้าเริ่มพากันกลับลงจากดอยไปค่ะ ได้รถกระบะ ที่เค้ามาเที่ยวกันเป็นครอบครัว พี่เค้าใจดีให้ติดรถไปลงจุดกางเต้นท๋ด้วยยยยย อิอิโ ชคดีอีกแล้ว....
พอถึงจุดกางเต้นท์ก็มืดแล้วค่ะ อากาศเริ่มหนาวขึ้น น้ำนี้ยังกะใครเอาไปแช่ตู้เย็นมาให้อาบ สรุปล้างหน้าแปรงฟันอีกรอบ 555 สะอาดกันจริงๆ
เจ้าหน้าที่เค้าก็เอาหมอนผ้าห่มมาให้ค่ะ แต่ดึกๆนี้ไม่ไหวจริงๆค่ะ หนาวมาก ประมาณสิบห้าสิบหกองศามั้งค่ะ ถ้าจำไม่ผิด ต้องออกไปหาเตาผิงมานั่งผิงกัน
นอนเต้นท์โดยไม่เตรียมของมาเองนี้ทรมานเหมือนกัน กลางดึกนอนไม่หลับเลย ผ้าห่มเจ้าหน้าที่ยังกะเพิ่งซักมายังไม่ได้ตาก ห่มไม่ได้เลย นอนซบกับเพื่อนก็หลับๆตื่นๆ จำได้ว่าตีสองแล้วลุกขึ้นมานั่งหลังชนกัน นอนไม่ได้เลยอีเต้นท์นี้เหมือนเปียกน้ำไปหมด 55555 ก็ต้องทนนอนไปค่ะ ถือว่าแลกกับบรรยาศดีดีนอกเต้นท์ 555
ตื่นขึ้นมาใกล้รุ่งหน่อยๆ นี่คือวิวจากจุดกางเต้นท์ค่ะ อย่างกะเมืองสวรรค์ ในม่านหมอก สวยมากก
พอเช้าก็ออกไปหาไรกินค่ะ แล้วกลับมาเก็บกระเป๋าเพื่อลงจากดอย ตอนขาลงก็จะมีรถสองแถวจอดรออยู่ค่ะ แต่ต้องเหมาลงไป เราก็ขอติดรถสองแถวคนที่เค้าเหมาลงดอยค่ะ ก็ช่วยเค้าหารค่ารถไป
พอลงจากดอยมา จุดหมายต่อไปของเราคือไร่ส้มธนาธรค่ะอยู่ที่อำเภอฝาง นั่งรถกันยาวๆ พอถึงตัวเมืองก้ถามคนแถวนั้นเค้าบอกต้องนั่งสองแถวไปค่ะ มันจะผ่าน แล้วค่อยหารถต่อเข้าไปอีก แต่พอสองแถวไปส่งคนจนหมด เค้าก็บอกว่ามันไม่ค่อยมีรถโดยสารผ่านเข้าไปค่ะ เลยต้องอ้อนวอนให้พี่เค้าเข้าไปส่งในไร่ พี่เค้าก็ใจดีไปส่งถึงที่เลยค่ะ
นี่คือที่พักที่จองไว้ค่ะ ราคาแค่ห้าร้อยบาท เงียบสงบ อากาศดีมากๆ คุ้มเกินคุ้ม อิอิ แต่รู้สึกเพื่อนบอกว่าไร่ส้มนี้เค้าเปิดให้เข้ามาพักเป็นช่วงๆน่ะค่ะ ไม่ตลอดทั้งปี เผื่อใครอยากมาพัก สอบถามกันก่อนน่ะค่ะ เพื่อความแน่ใจ
ห้องพักของเราค่ะ
อันนี้เป็นภาพจากมือถือเพื่อนค่ะ อย่างที่บอก รูปในคอมหายยยไปบางส่วน
เท่เลย55555
พอเห็นห้องกับบรรยากาศดีดีก็อดงีบไม่ไหวค่ะ เดินทางมากก้ไกลพอควร เลยแอบงีบไปหน่อยค่ะ บรรยากาศดี เป็นที่ที่เรียกว่าได้พักผ่อนจริงๆ ฟิน555555
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น