ออกตัวก่อนค่ะว่าเราเพิ่งไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบแบ็คแพ็คไปเองเป็นครั้งแรกกัน 2 คนกับพี่ชายเมื่อวันที่ 14-20 พฤศจิกายนที่ผ่านมานี่เอง
เป็นการไปครั้งแรกแบบมือใหม่ ไม่รู้เหนือรู้ใต้อะไรเลย pass อะไรก็ไม่รู้ รถไฟสายไหนอะไรก็ไม่เคยทราบ แต่เราเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อน และเคยไปโครงการเล็กๆ อยู่กับโฮสต์แฟมิลี่ ไปโรงเรียนญี่ปุ่นระยะเวลา 10 วันเมื่อหลายปีก่อนเท่านั้น แต่เราไม่เคยเตรียมตัวเดินทางเองแบบนี้ค่ะ - -" โฮสต์ขับรถพาไปทุกครั้ง
เพราะอย่างนั้นเราจึงหาข้อมูลในห้องนี้เยอะมาก และศึกษาก่อนไปพอสมควร เพราะเราไม่อยากให้ทริปเรามีปัญหา ประกอบกับได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาสมาชิกที่น่ารักหลายท่านในห้องนี้ช่วยในการจัดทริปเราหลายครั้ง
ซึ่งพอไปกลับมา ทำให้เราพอเข้าใจวิธีการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองมากขึ้นเลยทีเดียว เราจึงอยากแบ่งปันวิธีการเริ่มต้นจัดทริปในแบบของเรา ให้หลายคนที่อาจงงๆในการจัด ว่าจะจัดยังไง เตรียมตัวยังไง ได้ลองอ่านเป็นข้อมูลอีกทางหนึ่งค่ะ
ทั้งนี้ เราเพิ่งไปเพียงครั้งเดียวอย่างที่บอก เราอาจจะมีข้อมูลที่ผิดพลาดบางประการได้ ถ้าอย่างไรหากมีอะไรผิดพลาด รบกวนผู้รู้บอกแก้ไขได้ทุกเมื่อเลยนะคะ
มาเริ่มกันเลย [กระทู้นี้ยาวหน่อยนะคะ ขออภัยล่วงหน้า แหะๆ]
1.อันดับแรก ทุกคนควรเล็งๆไว้ก่อนว่าจะไปเมืองไหนบ้าง โซนไหน เช่น คันโต หรือ คันไซ คันโตคือแถบเมืองหลวงอย่างโตเกียว ที่มีดิสนี่ย์ ชิราคาวาโกะ อะไรงี้ หรือ คันไซ คือแถบเมืองเก่าอย่างเกียวโต โอซาก้าที่มี usj เป็นต้น เพราะการเที่ยวควรแบ่งโซนกัน เพื่อประหยัดเวลาและการเดินทาง
การจะดูว่าเมืองไหนน่าไปดี เสิร์ชอากู๋ดูข้อมูลเอาได้ ว่าเมืองดังกล่าวมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง
2.ถ้าเล็งเมืองที่อยากไปเอาไว้แล้ว เข้าห้องบลูแพลนเน็ตมาเลยค่ะ อ่านทุกกระทู้ที่เกี่ยวกับ ทริปไปญี่ปุ่น อะไรก็ได้ที่เป็นญี่ปุ่น ที่ขึ้นหัวกระทู้ถามถึงเมืองที่เราอยากไปก็ดีค่ะ หลายครั้งจะมีคนเอาทริปมาให้ตรวจ บางทีเขาจะเรียกว่า'ตรวจการบ้าน' ตรวจทริปการเดินทางอะไรงี้ หรือมีคนรีวิวทริปที่ไปมา ช่วงแรกยังนึกภาพอะไรไม่ออกก็ไม่เป็นไร อ่านๆไปก่อนค่ะ แนะนำอ่านทุกกระทู้ ทุกคอมเมนต์เลยค่ะ เพราะบางทีจะมีการให้คำแนะนำและคุยกันในบางอย่างถึงเทคนิค วิธีการเดินทางที่ผ่านหูผ่านตาเราบ้าง
3.ระหว่างที่อ่าน เพื่อความสะดวกและแน่นในข้อมูลมากขึ้น ซื้อหนังสือคู่มือนำเที่ยวค่ะ ลองอ่านดูเลยว่าเล่มไหนอ่านรู้เรื่อง มีข้อมูลเยอะดีและเข้าใจง่าย ก็ซื้อมาอ่านเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นก็ได้ ที่สำคัญเขาจะมีแผนที่มาให้ด้วย (แต่ส่วนตัวที่ซื้อมาแล้ว นึกภาพไม่ออก ดูรีวิวง่ายกว่ามากค่ะ = =")
อันนี้เป็นหนังสือที่เราซื้อมาเองค่ะ
4.ดูรีวิวทริปที่เม็มบางคนไปมาแล้ว แนะนำให้ดูเยอะๆ เพราะแต่ละคนแพลนไม่เหมือนกัน และข้อมูลที่อธิบายเราไม่เหมือนกัน ตรงนี้บอกเลยว่ารีวิวช่วยเราได้มาก ดูแล้วรีวิวไหนน่าสนใจ เซฟเก็บเอาไว้เลยค่ะ ถ้าเรามองว่ารีวิวนี้โอเค เราจะไปตามเขาทุกอย่างเลย เราก็ลอกแพลนการเดินทางของเขาในกระทู้นั้นๆเลยก็ได้ หรือถ้าไม่ได้ตามเขาทุกอย่าง เราก็ต้องปรับๆแพลนให้เข้ากับเรานิดนึง
5.ตรงนี้สำคัญมาก ที่ญี่ปุ่นจะมี pass หลายรูปแบบ คันไซทรูพาส(KTP) เอย บัตร osaka amazing pass JR pass แบบทั้งประเทศ(แพงสุด) JR pass แบบตามภูมิภาค เช่น jr west jr wide อะไรงี้ หรือเราอาจไม่ต้องใช้ pass ใช้บัตร ICOCA หรือบัตร Suica ที่เป็นเหมือนบัตร rabbit บ้านเราแตะก็ได้ เสิร์ชกูเกิ้ลดูเอาว่า pass แต่ละอย่างครอบคลุมพื้นที่ที่คุณจะเที่ยวหรือไม่ ซึ่งยังนึกไม่ออกไม่เป็นไร(อีกครั้ง)อ่านไปก่อนค่ะ
หน้าตาตัวอย่าง pass ต่างๆที่ยกมา จริงๆมี pass หลายแบบมากกว่านี้ แต่ละอย่างจะมีข้อกำหนดและการใช้งานต่างกันไป อันนี้เราไม่สามารถแจกแจงรายละเอียดไหว ยังไงทุกท่านลองหาข้อมูลเพิ่มเติม pass ต่างๆกันได้จากการเสิร์ช google ดูนะคะ
6.ถึงประมาณนี้ จะพอมีอะไรบ้างในหัวกันบ้างแล้วล่ะค่ะ คราวนี้ ลองทำแพลนดูว่าวันนึงไปไหนบ้าง ทำเป็นวันๆเลยไปก่อน ตรงนี้จะถูกจะผิดไม่เป็นไร ที่ทำคือเพื่อจะดูว่าจะใช้ pass อะไร พักที่ไหนและเดินทางไปไหนบ้างให้เห็นภาพคร่าวๆ
เช่นอันนี้เป็นแพลนเราเองที่ทำไว้คร่าวๆ ซึ่งต่อมาเรามีการปรับแพลนให้ต่างไปจากนี้พอสมควรค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้14 ขึ้นเครื่องจากไทย 11 : 00 ไปลงโอซาก้าคันไซ เวลา 18 : 10 ไปพักที่ย่านนัมบะ และเดินกินข้าวซื้อของที่ ชินไซบาชิ กับ dotonbori ได้นิดหน่อย
15 USJ ทั้งวัน พักนัมบะที่เดิม
16 ไปปราสาทโอซาก้าครึ่งเช้า แล้วเข้าเกียวโตไป ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ , วัดโทฟุคุจิ ตกเย็นไป shopping ที่ shinkyogoku-dori พักที่เกียวโต
17 เที่ยวเกียวโต วัดคิโยมิซุ , วัดเงิน , วัดเทนเรียวจิ , วัดทอง , ปราสาทนิโจ พักที่เกียวโต
18 ไปนารา เที่ยววัดโทไดจิ กับสวนสาธารณะ
19 นั่งชินคันเซ็นไปโตเกียวแต่เช้า ไปอาซาคุสะ , อากิฮาบาระ , ameyoko พักที่ ueno
20 ขึ้นเครื่องบินที่นาริตะ กลับไทยเวลา 11 : 45 ถึงไทย 16 : 45
7.หาดูที่พักแต่เนิ่นๆ ว่าราคาราวๆไหน ดูในเว็บ agoda หรือ booking.com ซึ่ง booking เราทราบมาว่าจะดีกว่าอะโกด้าหน่อยตรงที่หากเราต้องยกเลิกการจอง เราจะไม่เสียค่าธรรมเนียมการจอง แต่ออกตัวเลยว่าเราไม่เคยจองบุ๊คกิ้งนะคะ เราจองแต่ agoda แล้วไม่เคยมีปัญหาแล้วสะดวกในการอ่านรีวิวคนเข้าพักมากกว่า ดังนั้นเราขอโนคอมเมนต์ของเว็บบุ๊คกิ้ง
ใน agoda จะมีรีวิวโรงแรมแต่ละอัน ดูละเอียดๆเลยว่าโรงแรมนั้นมีคนติเยอะมั้ย ถ้าเขาบอกไม่ดีกันก็ตัดออก พยายามเลือกอันที่มีคนรีวิวติน้อยที่สุด และพยายามเลือกโรงแรมที่ใกล้สถานีรถไฟ(ที่เราจะไปเที่ยว)ให้มากที่สุด จะช่วยในการเดินทางได้มาก
8.ต่อมา จะมาลองดูกันว่าเราจะใช้ pass มั้ย แล้วใช้ pass แต่ละอย่างจะคุ้มหรือเปล่า คือ pass แต่ละอย่างจะมีหลายราคา ดูมาเลยว่าราคา pass ที่คิดว่าจะซื้อเท่าไหร่เสร็จ ทีนี้เข้าเว็บ hyperdia เว็บนี้จะดีมากๆตรงนี้ ถ้ากดสถานีต้นทางกับปลายทางได้ จะโชว์มาเลยว่าขึ้นรถไฟสายไหนและราคากี่เยน
hyperdia จะทำให้เรารู้ว่า เราสมควรใช้ pass มั้ย คือราคาลองคำนวณดูว่าเกิน pass ที่เราจะจ่ายหรือเปล่า ถ้าเกินก็ซื้อเลยคุ้มแน่ แต่ถ้าไม่ถึง ก็ไม่ควรใช้
แล้วจะทำให้เราทราบอีกว่า เวลาขึ้นรถไฟ เราควรขึ้นเส้นไหน และเวลาเดินทางรถไฟเท่าไหร่ ต้องต่อสถานีอะไร ตรงนี้ดีมากๆ ช่วยให้เราคิดแพลนเที่ยวได้ง่ายขึ้น
หน้าตาเว็บจะแบบนี้ค่ะ เป็นภาพที่เราเซฟเก็บไว้ระหว่างเที่ยวที่ผ่านมา
วิธีการดูสัญญลักษณ์ในเว็บ hyperdia สามารถอ่านที่กระทู้ของติวเตอร์ตู่ (คุณCEOTHAI42) กระทู้นี้ได้เลยค่ะ ละเอียดมากๆ ^^"
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/10/E11236146/E11236146.html
10.เสร็จแล้ว ถ้ายังไม่แน่ใจว่าแพลนวันต่อวันที่ทำอยู่เที่ยวได้ครบมั้ย เข้าใจถูกหรือเปล่า pass ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้แบบไหนดี ตั้งกระทู้สอบถามสมาชิกในห้องนี้กันได้เลยค่ะ อาจจะตั้งหัวกระทู้ว่า รบกวนตรวจทริปญี่ปุ่น ตรวจการบ้าน อะไรงี้กับรายละเอียดอีกเล็กน้อยก็ได้ว่า ไปกี่วัน ไปเมืองไหนบ้าง ตามแต่เลยค่ะ จะทำให้สมาชิกห้องนี้เข้ามาช่วยดูได้ง่ายว่า เราศึกษาข้อมูลมาแล้วนะ ทำการบ้านมาพอประมาณนึงแล้ว ถึงมาให้เขาช่วยดูให้ ซึ่งจะง่ายในการให้คำแนะนำกับเราด้วยค่ะ พวกเขาจะบอกจุดบกพร่องให้ เช่น วันจันทร์แน่นไป ควรตัดโปรแกรมเที่ยวออกซักที่ เพราะเวลาเดินทางเท่านั้นเท่านี้ และบางทีจะแนะนำ pass ให้เราด้วยว่าควรใช้แบบไหนที่เหมาะสมค่ะ ^^
11.จัดแพลนใหม่ตามที่ท่านๆทั้งหลายบอกเสร็จ ตั้งกระทู้ให้ตรวจทริปอีกรอบเพื่อความแน่ใจว่าทุกอย่างที่เราเตรียมไว้โอเค ถ้าเม็มในห้องไม่ได้บอกให้เปลี่ยนแปลงอะไร ก็เป็นอันเรียบร้อย
12.เพื่อความสะดวก ควรหาเช่า pocket wifi จากไทยไป (หรือจะเช่าจากที่ญี่ปุ่นก็ได้ค่ะ ตามแต่สะดวกแล้วแต่ท่านๆจะเลือก) ส่วนตัวเราแนะนำ bs-mobile(ซึ่งอีกชื่อคือ samurai mobile) ขออนุญาตบอกชื่อเลยนะคะ เพราะเราบอกแล้วว่า CR เราจ่ายเงินเช่ามาเอง ไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรทั้งสิ้น แค่ประทับใจในตัว wifi เจ้านี้เท่านั้น แบตทนดี อยู่ได้วันนึง ไม่มีปัญหาเลย สัญญาณดีมากๆ ใช้ได้ตลอด จะช่วยเราในการเปิด google map เดินหาสถานที่ต่างๆ หรือเดินหาโรงแรมได้ และช่วยเราเปิด hyperdia ดูสายรถไฟในตอนนั้นได้
หน้าตา pocket wifi ที่เราได้มาใช้
13.ควรศึกษาวัฒนธรรมประเทศเขามาบ้าง เพื่อหน้าตาของคนในประเทศไทยเราเอง 5555 และเพื่อให้คุณจะไม่ต้องโดนเขามองด้วยสายตาตำหนิ เช่นการยืนบันไดเลื่อนให้ชิดซ้ายทุกครั้ง หรือถ้าจะชิดขวาคือคุณต้องเดินต่อไปอย่างเดียวอะไรงี้ บางทีเขาจะยืนชิดขวา ก็ยืนตามเขาไป (แต่ที่ส่วนใหญ่เห็นยืนชิดซ้ายนะคะ = =" ต่อให้เกียวโต โตเกียวก็เถอะ งงเหมือนกัน)
หรือ การใช้ทิชชู่ในห้องน้ำ ใช้เสร็จไม่ใช่ทิ้งขยะตามแบบไทยเรา โยนลงโถส้วมแล้วกดน้ำลงไปได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะตันอะไรแบบบ้านเรา เป็นต้น
หรือ การต่อราคา ไม่ควรต่อราคาที่ญี่ปุ่นนะคะ ถือเป็นเรื่องเสียมารยาท
14.ภาษาอังกฤษ สามารถใช้ได้กับเจ้าหน้าที่สถานี,information center อะไรพวกนี้ได้เลย แต่ในบางครั้งเจ้าหน้าที่สถานีไม่อยู่ ณ ตรงนั้น คุณอาจจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษกับคนทั่วไป กรณีนี้อาจลำบากนิดนึงที่จะไปเจอคนไม่รู้ภาษาอังกฤษแล้วจะสื่อสารลำบาก แนะนำว่าเตรียมศัพท์ญี่ปุ่นง่ายๆเวลาถามทางไปด้วยก็จะดีมากๆเลย [ประโยคภาษาญี่ปุ่นที่ควรเตรียมไป เราจะขอพูดถึงท้ายกระทู้ในหัวข้อเทคนิคต่างๆนะคะ]
15.เวลาสั่งอาหาร ถ้ามีรูปภาพก็ง่ายในการสั่งหน่อย คือชี้เอาได้สบาย แต่ในบางครั้งจะเป็นเมนูญี่ปุ่นเป็นพรืดดดไม่มีรูปภาพ กรณีแบบนี้คุณสามารถขอเมนูภาษาอังกฤษกับเขาได้ (ซึ่งส่วนใหญ่ที่เจอมามักจะมี)
เทคนิคต่างๆ
ตรงนี้เป็นหัวข้อเสริมที่เราอยากแนะนำ เราไม่รู้จะใช้คำไหนดี เลยขอใช้คำว่า 'เทคนิคต่างๆ' ไปก่อนนะคะ ซึ่งไม่ใช่หัวข้อกว้างๆ เราเลยขอยกมาเฉพาะส่วนที่เราทราบอย่างเดียวนะคะ
1.กรณีบางท่านอยากเข้า universal studio japan ซึ่งจากที่เราไปมา คนเยอะมากกกกกก (แม้จะเป็นวันธรรมดา) ซึ่งแม้คุณจะไปแต่เช้าแล้วก็ตาม แต่คุณก็ยังต้องรอซื้อตั๋วเข้าสวนสนุก และหากจะเข้าแฮร์รี่ก็ต้องวิ่งไปกดบัตรคิวเข้าส่วนแฮร์รี่ พ็อตเตอร์อีก
ดังนั้น เรามองว่าเพื่อความสะดวกและประหยัดเวลา คุณควรซื้อบัตรเข้า usj มาก่อนจากไทยค่ะ มีหลายบริษัทให้ซื้อได้ล่วงหน้าเลย เพื่อที่พอคุณไปถึงแล้ว คุณก็สามารถเดินเข้าสวนสนุกได้ทันที ไม่ต้องรอต่อคิวซื้อตั๋ว
ตรงนี้ อยากแนะนำว่า หากมีกำลังทรัพย์เพิ่ม ควรซื้อบัตร express 3,5,7 (ตัวเลขคือจำนวนเครื่องเล่นที่เราใช้บัตรนี้เข้าได้ เขาจะกำหนดมาให้ค่ะ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บของ universal japan ได้เลย) ตามแต่กำลังทรัพย์ของท่านด้วยเพิ่มเติมด้วยก็จะดีมากค่ะ เพราะบัตร express จะช่วยให้คุณไม่ต้องต่อคิวนาน (คือถ้าไม่มีบัตรด่วน express ตัวนี้ รอคิวต่อเครื่องเล่นราวๆ 3-4 ชม.เลยค่ะ = =")
ซึ่ง บัตร express 3,5,7 นี้ สามารถซื้อที่ไทยล่วงหน้าได้อีกเช่นกัน แต่ได้บางบริษัท ส่วนตัวเราซื้อจากบริษัท compax world แนะนำว่าให้ซื้อล่วงหน้าก่อนกำหนดไปหลายเดือนหน่อยนะคะ เพราะจะได้เลือกเวลาส่วนเข้าแฮร์รี่พ็อตเตอร์ได้เช้าๆหน่อย เรามาซื้อกระทันหันเอาก่อนไป 2 วัน ตั๋วด่วนนี้หมด ต้องแพลนเอาวุ่นวาย ได้วันที่ยังเหลือก็จริง แต่ได้เอาเวลาซะเย็นเลย = =
...มีต่อนะคะ จำนวนตัวอักษรไม่พอ...[/center
[CR]แบ่งปันวิธีเริ่มต้นจัดทริปเที่ยวญี่ปุ่นสำหรับมือใหม่ไปครั้งแรก+เทคนิคต่างๆค่ะ
เป็นการไปครั้งแรกแบบมือใหม่ ไม่รู้เหนือรู้ใต้อะไรเลย pass อะไรก็ไม่รู้ รถไฟสายไหนอะไรก็ไม่เคยทราบ แต่เราเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อน และเคยไปโครงการเล็กๆ อยู่กับโฮสต์แฟมิลี่ ไปโรงเรียนญี่ปุ่นระยะเวลา 10 วันเมื่อหลายปีก่อนเท่านั้น แต่เราไม่เคยเตรียมตัวเดินทางเองแบบนี้ค่ะ - -" โฮสต์ขับรถพาไปทุกครั้ง
เพราะอย่างนั้นเราจึงหาข้อมูลในห้องนี้เยอะมาก และศึกษาก่อนไปพอสมควร เพราะเราไม่อยากให้ทริปเรามีปัญหา ประกอบกับได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาสมาชิกที่น่ารักหลายท่านในห้องนี้ช่วยในการจัดทริปเราหลายครั้ง
ซึ่งพอไปกลับมา ทำให้เราพอเข้าใจวิธีการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองมากขึ้นเลยทีเดียว เราจึงอยากแบ่งปันวิธีการเริ่มต้นจัดทริปในแบบของเรา ให้หลายคนที่อาจงงๆในการจัด ว่าจะจัดยังไง เตรียมตัวยังไง ได้ลองอ่านเป็นข้อมูลอีกทางหนึ่งค่ะ
ทั้งนี้ เราเพิ่งไปเพียงครั้งเดียวอย่างที่บอก เราอาจจะมีข้อมูลที่ผิดพลาดบางประการได้ ถ้าอย่างไรหากมีอะไรผิดพลาด รบกวนผู้รู้บอกแก้ไขได้ทุกเมื่อเลยนะคะ
มาเริ่มกันเลย [กระทู้นี้ยาวหน่อยนะคะ ขออภัยล่วงหน้า แหะๆ]
1.อันดับแรก ทุกคนควรเล็งๆไว้ก่อนว่าจะไปเมืองไหนบ้าง โซนไหน เช่น คันโต หรือ คันไซ คันโตคือแถบเมืองหลวงอย่างโตเกียว ที่มีดิสนี่ย์ ชิราคาวาโกะ อะไรงี้ หรือ คันไซ คือแถบเมืองเก่าอย่างเกียวโต โอซาก้าที่มี usj เป็นต้น เพราะการเที่ยวควรแบ่งโซนกัน เพื่อประหยัดเวลาและการเดินทาง
การจะดูว่าเมืองไหนน่าไปดี เสิร์ชอากู๋ดูข้อมูลเอาได้ ว่าเมืองดังกล่าวมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง
2.ถ้าเล็งเมืองที่อยากไปเอาไว้แล้ว เข้าห้องบลูแพลนเน็ตมาเลยค่ะ อ่านทุกกระทู้ที่เกี่ยวกับ ทริปไปญี่ปุ่น อะไรก็ได้ที่เป็นญี่ปุ่น ที่ขึ้นหัวกระทู้ถามถึงเมืองที่เราอยากไปก็ดีค่ะ หลายครั้งจะมีคนเอาทริปมาให้ตรวจ บางทีเขาจะเรียกว่า'ตรวจการบ้าน' ตรวจทริปการเดินทางอะไรงี้ หรือมีคนรีวิวทริปที่ไปมา ช่วงแรกยังนึกภาพอะไรไม่ออกก็ไม่เป็นไร อ่านๆไปก่อนค่ะ แนะนำอ่านทุกกระทู้ ทุกคอมเมนต์เลยค่ะ เพราะบางทีจะมีการให้คำแนะนำและคุยกันในบางอย่างถึงเทคนิค วิธีการเดินทางที่ผ่านหูผ่านตาเราบ้าง
3.ระหว่างที่อ่าน เพื่อความสะดวกและแน่นในข้อมูลมากขึ้น ซื้อหนังสือคู่มือนำเที่ยวค่ะ ลองอ่านดูเลยว่าเล่มไหนอ่านรู้เรื่อง มีข้อมูลเยอะดีและเข้าใจง่าย ก็ซื้อมาอ่านเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นก็ได้ ที่สำคัญเขาจะมีแผนที่มาให้ด้วย (แต่ส่วนตัวที่ซื้อมาแล้ว นึกภาพไม่ออก ดูรีวิวง่ายกว่ามากค่ะ = =")
อันนี้เป็นหนังสือที่เราซื้อมาเองค่ะ
4.ดูรีวิวทริปที่เม็มบางคนไปมาแล้ว แนะนำให้ดูเยอะๆ เพราะแต่ละคนแพลนไม่เหมือนกัน และข้อมูลที่อธิบายเราไม่เหมือนกัน ตรงนี้บอกเลยว่ารีวิวช่วยเราได้มาก ดูแล้วรีวิวไหนน่าสนใจ เซฟเก็บเอาไว้เลยค่ะ ถ้าเรามองว่ารีวิวนี้โอเค เราจะไปตามเขาทุกอย่างเลย เราก็ลอกแพลนการเดินทางของเขาในกระทู้นั้นๆเลยก็ได้ หรือถ้าไม่ได้ตามเขาทุกอย่าง เราก็ต้องปรับๆแพลนให้เข้ากับเรานิดนึง
5.ตรงนี้สำคัญมาก ที่ญี่ปุ่นจะมี pass หลายรูปแบบ คันไซทรูพาส(KTP) เอย บัตร osaka amazing pass JR pass แบบทั้งประเทศ(แพงสุด) JR pass แบบตามภูมิภาค เช่น jr west jr wide อะไรงี้ หรือเราอาจไม่ต้องใช้ pass ใช้บัตร ICOCA หรือบัตร Suica ที่เป็นเหมือนบัตร rabbit บ้านเราแตะก็ได้ เสิร์ชกูเกิ้ลดูเอาว่า pass แต่ละอย่างครอบคลุมพื้นที่ที่คุณจะเที่ยวหรือไม่ ซึ่งยังนึกไม่ออกไม่เป็นไร(อีกครั้ง)อ่านไปก่อนค่ะ
หน้าตาตัวอย่าง pass ต่างๆที่ยกมา จริงๆมี pass หลายแบบมากกว่านี้ แต่ละอย่างจะมีข้อกำหนดและการใช้งานต่างกันไป อันนี้เราไม่สามารถแจกแจงรายละเอียดไหว ยังไงทุกท่านลองหาข้อมูลเพิ่มเติม pass ต่างๆกันได้จากการเสิร์ช google ดูนะคะ
6.ถึงประมาณนี้ จะพอมีอะไรบ้างในหัวกันบ้างแล้วล่ะค่ะ คราวนี้ ลองทำแพลนดูว่าวันนึงไปไหนบ้าง ทำเป็นวันๆเลยไปก่อน ตรงนี้จะถูกจะผิดไม่เป็นไร ที่ทำคือเพื่อจะดูว่าจะใช้ pass อะไร พักที่ไหนและเดินทางไปไหนบ้างให้เห็นภาพคร่าวๆ
เช่นอันนี้เป็นแพลนเราเองที่ทำไว้คร่าวๆ ซึ่งต่อมาเรามีการปรับแพลนให้ต่างไปจากนี้พอสมควรค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
7.หาดูที่พักแต่เนิ่นๆ ว่าราคาราวๆไหน ดูในเว็บ agoda หรือ booking.com ซึ่ง booking เราทราบมาว่าจะดีกว่าอะโกด้าหน่อยตรงที่หากเราต้องยกเลิกการจอง เราจะไม่เสียค่าธรรมเนียมการจอง แต่ออกตัวเลยว่าเราไม่เคยจองบุ๊คกิ้งนะคะ เราจองแต่ agoda แล้วไม่เคยมีปัญหาแล้วสะดวกในการอ่านรีวิวคนเข้าพักมากกว่า ดังนั้นเราขอโนคอมเมนต์ของเว็บบุ๊คกิ้ง
ใน agoda จะมีรีวิวโรงแรมแต่ละอัน ดูละเอียดๆเลยว่าโรงแรมนั้นมีคนติเยอะมั้ย ถ้าเขาบอกไม่ดีกันก็ตัดออก พยายามเลือกอันที่มีคนรีวิวติน้อยที่สุด และพยายามเลือกโรงแรมที่ใกล้สถานีรถไฟ(ที่เราจะไปเที่ยว)ให้มากที่สุด จะช่วยในการเดินทางได้มาก
8.ต่อมา จะมาลองดูกันว่าเราจะใช้ pass มั้ย แล้วใช้ pass แต่ละอย่างจะคุ้มหรือเปล่า คือ pass แต่ละอย่างจะมีหลายราคา ดูมาเลยว่าราคา pass ที่คิดว่าจะซื้อเท่าไหร่เสร็จ ทีนี้เข้าเว็บ hyperdia เว็บนี้จะดีมากๆตรงนี้ ถ้ากดสถานีต้นทางกับปลายทางได้ จะโชว์มาเลยว่าขึ้นรถไฟสายไหนและราคากี่เยน
hyperdia จะทำให้เรารู้ว่า เราสมควรใช้ pass มั้ย คือราคาลองคำนวณดูว่าเกิน pass ที่เราจะจ่ายหรือเปล่า ถ้าเกินก็ซื้อเลยคุ้มแน่ แต่ถ้าไม่ถึง ก็ไม่ควรใช้
แล้วจะทำให้เราทราบอีกว่า เวลาขึ้นรถไฟ เราควรขึ้นเส้นไหน และเวลาเดินทางรถไฟเท่าไหร่ ต้องต่อสถานีอะไร ตรงนี้ดีมากๆ ช่วยให้เราคิดแพลนเที่ยวได้ง่ายขึ้น
หน้าตาเว็บจะแบบนี้ค่ะ เป็นภาพที่เราเซฟเก็บไว้ระหว่างเที่ยวที่ผ่านมา
วิธีการดูสัญญลักษณ์ในเว็บ hyperdia สามารถอ่านที่กระทู้ของติวเตอร์ตู่ (คุณCEOTHAI42) กระทู้นี้ได้เลยค่ะ ละเอียดมากๆ ^^"
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/10/E11236146/E11236146.html
10.เสร็จแล้ว ถ้ายังไม่แน่ใจว่าแพลนวันต่อวันที่ทำอยู่เที่ยวได้ครบมั้ย เข้าใจถูกหรือเปล่า pass ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้แบบไหนดี ตั้งกระทู้สอบถามสมาชิกในห้องนี้กันได้เลยค่ะ อาจจะตั้งหัวกระทู้ว่า รบกวนตรวจทริปญี่ปุ่น ตรวจการบ้าน อะไรงี้กับรายละเอียดอีกเล็กน้อยก็ได้ว่า ไปกี่วัน ไปเมืองไหนบ้าง ตามแต่เลยค่ะ จะทำให้สมาชิกห้องนี้เข้ามาช่วยดูได้ง่ายว่า เราศึกษาข้อมูลมาแล้วนะ ทำการบ้านมาพอประมาณนึงแล้ว ถึงมาให้เขาช่วยดูให้ ซึ่งจะง่ายในการให้คำแนะนำกับเราด้วยค่ะ พวกเขาจะบอกจุดบกพร่องให้ เช่น วันจันทร์แน่นไป ควรตัดโปรแกรมเที่ยวออกซักที่ เพราะเวลาเดินทางเท่านั้นเท่านี้ และบางทีจะแนะนำ pass ให้เราด้วยว่าควรใช้แบบไหนที่เหมาะสมค่ะ ^^
11.จัดแพลนใหม่ตามที่ท่านๆทั้งหลายบอกเสร็จ ตั้งกระทู้ให้ตรวจทริปอีกรอบเพื่อความแน่ใจว่าทุกอย่างที่เราเตรียมไว้โอเค ถ้าเม็มในห้องไม่ได้บอกให้เปลี่ยนแปลงอะไร ก็เป็นอันเรียบร้อย
12.เพื่อความสะดวก ควรหาเช่า pocket wifi จากไทยไป (หรือจะเช่าจากที่ญี่ปุ่นก็ได้ค่ะ ตามแต่สะดวกแล้วแต่ท่านๆจะเลือก) ส่วนตัวเราแนะนำ bs-mobile(ซึ่งอีกชื่อคือ samurai mobile) ขออนุญาตบอกชื่อเลยนะคะ เพราะเราบอกแล้วว่า CR เราจ่ายเงินเช่ามาเอง ไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรทั้งสิ้น แค่ประทับใจในตัว wifi เจ้านี้เท่านั้น แบตทนดี อยู่ได้วันนึง ไม่มีปัญหาเลย สัญญาณดีมากๆ ใช้ได้ตลอด จะช่วยเราในการเปิด google map เดินหาสถานที่ต่างๆ หรือเดินหาโรงแรมได้ และช่วยเราเปิด hyperdia ดูสายรถไฟในตอนนั้นได้
หน้าตา pocket wifi ที่เราได้มาใช้
13.ควรศึกษาวัฒนธรรมประเทศเขามาบ้าง เพื่อหน้าตาของคนในประเทศไทยเราเอง 5555 และเพื่อให้คุณจะไม่ต้องโดนเขามองด้วยสายตาตำหนิ เช่นการยืนบันไดเลื่อนให้ชิดซ้ายทุกครั้ง หรือถ้าจะชิดขวาคือคุณต้องเดินต่อไปอย่างเดียวอะไรงี้ บางทีเขาจะยืนชิดขวา ก็ยืนตามเขาไป (แต่ที่ส่วนใหญ่เห็นยืนชิดซ้ายนะคะ = =" ต่อให้เกียวโต โตเกียวก็เถอะ งงเหมือนกัน)
หรือ การใช้ทิชชู่ในห้องน้ำ ใช้เสร็จไม่ใช่ทิ้งขยะตามแบบไทยเรา โยนลงโถส้วมแล้วกดน้ำลงไปได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะตันอะไรแบบบ้านเรา เป็นต้น
หรือ การต่อราคา ไม่ควรต่อราคาที่ญี่ปุ่นนะคะ ถือเป็นเรื่องเสียมารยาท
14.ภาษาอังกฤษ สามารถใช้ได้กับเจ้าหน้าที่สถานี,information center อะไรพวกนี้ได้เลย แต่ในบางครั้งเจ้าหน้าที่สถานีไม่อยู่ ณ ตรงนั้น คุณอาจจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษกับคนทั่วไป กรณีนี้อาจลำบากนิดนึงที่จะไปเจอคนไม่รู้ภาษาอังกฤษแล้วจะสื่อสารลำบาก แนะนำว่าเตรียมศัพท์ญี่ปุ่นง่ายๆเวลาถามทางไปด้วยก็จะดีมากๆเลย [ประโยคภาษาญี่ปุ่นที่ควรเตรียมไป เราจะขอพูดถึงท้ายกระทู้ในหัวข้อเทคนิคต่างๆนะคะ]
15.เวลาสั่งอาหาร ถ้ามีรูปภาพก็ง่ายในการสั่งหน่อย คือชี้เอาได้สบาย แต่ในบางครั้งจะเป็นเมนูญี่ปุ่นเป็นพรืดดดไม่มีรูปภาพ กรณีแบบนี้คุณสามารถขอเมนูภาษาอังกฤษกับเขาได้ (ซึ่งส่วนใหญ่ที่เจอมามักจะมี)
เทคนิคต่างๆ
ตรงนี้เป็นหัวข้อเสริมที่เราอยากแนะนำ เราไม่รู้จะใช้คำไหนดี เลยขอใช้คำว่า 'เทคนิคต่างๆ' ไปก่อนนะคะ ซึ่งไม่ใช่หัวข้อกว้างๆ เราเลยขอยกมาเฉพาะส่วนที่เราทราบอย่างเดียวนะคะ
1.กรณีบางท่านอยากเข้า universal studio japan ซึ่งจากที่เราไปมา คนเยอะมากกกกกก (แม้จะเป็นวันธรรมดา) ซึ่งแม้คุณจะไปแต่เช้าแล้วก็ตาม แต่คุณก็ยังต้องรอซื้อตั๋วเข้าสวนสนุก และหากจะเข้าแฮร์รี่ก็ต้องวิ่งไปกดบัตรคิวเข้าส่วนแฮร์รี่ พ็อตเตอร์อีก
ดังนั้น เรามองว่าเพื่อความสะดวกและประหยัดเวลา คุณควรซื้อบัตรเข้า usj มาก่อนจากไทยค่ะ มีหลายบริษัทให้ซื้อได้ล่วงหน้าเลย เพื่อที่พอคุณไปถึงแล้ว คุณก็สามารถเดินเข้าสวนสนุกได้ทันที ไม่ต้องรอต่อคิวซื้อตั๋ว
ตรงนี้ อยากแนะนำว่า หากมีกำลังทรัพย์เพิ่ม ควรซื้อบัตร express 3,5,7 (ตัวเลขคือจำนวนเครื่องเล่นที่เราใช้บัตรนี้เข้าได้ เขาจะกำหนดมาให้ค่ะ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บของ universal japan ได้เลย) ตามแต่กำลังทรัพย์ของท่านด้วยเพิ่มเติมด้วยก็จะดีมากค่ะ เพราะบัตร express จะช่วยให้คุณไม่ต้องต่อคิวนาน (คือถ้าไม่มีบัตรด่วน express ตัวนี้ รอคิวต่อเครื่องเล่นราวๆ 3-4 ชม.เลยค่ะ = =")
ซึ่ง บัตร express 3,5,7 นี้ สามารถซื้อที่ไทยล่วงหน้าได้อีกเช่นกัน แต่ได้บางบริษัท ส่วนตัวเราซื้อจากบริษัท compax world แนะนำว่าให้ซื้อล่วงหน้าก่อนกำหนดไปหลายเดือนหน่อยนะคะ เพราะจะได้เลือกเวลาส่วนเข้าแฮร์รี่พ็อตเตอร์ได้เช้าๆหน่อย เรามาซื้อกระทันหันเอาก่อนไป 2 วัน ตั๋วด่วนนี้หมด ต้องแพลนเอาวุ่นวาย ได้วันที่ยังเหลือก็จริง แต่ได้เอาเวลาซะเย็นเลย = =