สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน
สำหรับเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบเกี่ยวกับคีบอร์ดคอมพิวเตอร์น่าจะต้องเคยได้ยินหรือผ่านตามาบ้างสำหรับชื่อ Happy Hacking Keyboard หรือ เขียนย่อๆ ได้ว่า HHKB
ส่วนตัวผมสนใจเจ้า Layout HHKB นี้อยู่ก่อนแล้วแต่ด้วยราคาที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตร แถมหาในไทยไม่ได้ เลยปล่อยๆ ผ่านมาโดยตลอด มาวันนึงระหว่างสำรวจราคาของอยู่ใน eBay เห็นมีประกาศขายเจ้าคีบอร์ดนี้อยู่ เลยลองจิ้มเข้าไปดู เป็นของมือสอง แต่เจ้าของใช้งานได้เดี๋ยวเดียวแล้วขายต่อ
หลังบวกลบเปรียบเทียบราคารวมค่าขนส่งแล้วก็ยังถูกกว่าซื้อของมือหนึ่งอยู่ เลยเคลิ้มๆ กดสั่งซื้อมา...กะว่าถ้าใช้ไม่ถูกใจค่อยขายต่อ
สำหรับรุ่นที่ผมกดสั่งมาเป็นตัว HHKB Lite 2 for Mac ปุ่มกดจะเป็น Rubber dome ธรรมดา ไม่ใช่รุ่น Pro ที่ปุ่มจะเป็น Topre Switch ซึ่งราคาแพงมหาโหด
โดยความพิเศษของ Topre Switch สามารถอ่านได้ที่กระทู้
http://pantip.com/topic/32613238 ของคุณ สมาชิกหมายเลข 804151 นะครับ เขียนได้ดีมากๆ
ความพิเศษที่เพิ่มเข้ามาของรุ่น for Mac นอกจากจะเปลี่ยนปุ่มให้ตรงกับคีบอร์ดของเครื่อง Mac แล้วตัวคีย์บอร์ดยังเป็นสีขาวสว่างโดยทาง PFU System ตั้งรหัสสีของรุ่น for Mac ให้ว่า
Snow White (อ้างอิง
http://deskthority.net/wiki/HHKB_Lite)
9 วันเต็มสำหรับการรอคอยในที่สุดของก็มาถึง
คนขายใจดีรู้งานเช็คมาให้ว่าเป็น "Gift" นะจ่ะ
แต่พี่ศุลกากรก็ทำงานแข็งขันรู้งานเช่นกัน จัดการคิดภาษีให้เรียบร้อย...งานนี้โดนเพิ่มไปอีก 140 บาท
คนขายชาวญี่ปุ่นยัดวัสดุกันกระแทกเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์มาให้อย่างแน่นหนาชนิดที่ว่างานนี้พี่ไปรฯ ทำอะไรไม่ได้แน่ๆ
หลังจากถอดวัสดุกันกระแทกออกก็เห็นตัวกล่องสีขาวปิ๊ง ยาวได้ฟุตหนึ่งตามภาพ
เมื่อแง้มกล้องออกมาก็เจอ Snow White นอนรออยู่ประหนึ่งรอเจ้าชายมากระแทก(แป้นพิมพ์) ไม่ใช่สิต้อง จุมพิต
ภายในกล่องประกอบไปด้วย คู่มือเป็นภาษาญี่ปุ่น แผ่น Driver และ ตัวคีย์บอร์ด
จับมาวางเปรียบเทียบขนาดกับคีย์บอร์ดขนาดมาตรฐาน
ด้วยว่าตัว HHKB เป็นคีย์บอร์ดขนาด Compact พวกปุ่ม F ต่างๆ , ปุ่ม Home, End, PgUp, PgDw และ ปุ่ม ลูกศร ต้องมาซ่อนเอาไว้ โดยต้องกดพร้อมกับปุ่ม Fn ถึงจะทำงาน

สำหรับรุ่น for Mac จะมีปุ่มควบคุม เสียง และปุ่ม Eject แผ่น มาให้ด้วย
ความพิเศษของ HHKB คือ การวางปุ่มจะใช้เป็นแบบ
Sun Type3 ซึ่งเป็น Unix Key layout จะเห็นว่าตัดปุ่ม Caps Lock ออกไปมาเป็นปุ่ม Control แทน และ เลื่อนปุ่ม Esc ลงมาอยู่ในระดับที่กดสะดวกขึ้น ซึ่งการวางปุ่มแบบนี้สำหรับคนที่ใช้งาน Unix/Linux ที่ต้องทำงานกับ editor อย่าง Emac หรือ Vim อยู่เป็นประจำถือว่าเป็นการวางปุ่มที่ถูกต้อง เพิ่มความสะดวกในการกดและ เป็นการลดการเคลื่อนที่ของมือลงไปอย่างมาก
อีก 3 ปุ่มที่ถูกจัดวางใหม่นั้นคือ ปุ่ม [\|] [`~] และ ปุ่ม [Backspace] การเลื่อนปุม Backspace ลงมาอยู่เหนือปุ่ม Enter ทำให้ไม่กดได้ค่อยถนัดนักในตอนแรก ต้องอาศัยปรับความคุ้นเคยกันอยู่พักใหญ่ๆ ส่วนอีก สองปุ่ม ถ้าเป็น user ธรรมดาคงไม่ค่อยได้ใช้งานกัน แต่ถ้าทำงานด้าน การเขียนโปรแกรม หรือ ด้าน System Admin คงได้กดกันบ่อย ก็ต้องปรับความคุ้นเคยกันเหมือนปุ่ม Backspace
หงายมาให้ดูด้านล้างบ้าง งานประกอบถือว่าแน่นหนาดีครับ
ส่วนตัวชอบตรงขาตั้งที่ให้มามากครับ ดูใหญ่และมั่นคงดีแท้ แถมเวลาพับขึ้นลงยังให้เสียงแน่นสะใจดีครับ

ด้านบนมี USB มาให้ 2 port ให้ไฟสูงสุดที่ 100mA แถมเป็น USB 1.1 อีก (จุดนี้น่าเสียดายมาก) ดังนั้น น่าจะใช้ได้กับ mouse หรือ flash drive เท่านั้น Device อื่นๆ ที่ต้องการไฟเยอะ น่าจะหมดสิทธิ์ครับ
พลิกมาดูด้านหลังอีกที Made in China นะจ่ะ
ลองมาเทียบความสูงกับคีย์บอร์ดตัวเดิมดู จะเห็นว่าสูงกว่าชาวบ้านเขาอยู่เล็กน้อย ทั้ง ยกขาตั้ง และ ตอนไม่ได้ยกขาตั้ง
ได้เวลาปรับ DIP Switch กัน โดยถ้าไม่ปรับแต่งอะไรปุ่ม Delete ที่อยู่เหนือปุ่ม Enter จะทำงานเหมือนปุ่ม Delete ที่จะลบตัวอักษรที่อยู่หลัง Cursor ถ้าจะให้ทำงานเป็นปุ่ม Backspace ต้องมาปรับปุ่ม DIP Switch ตามที่ระบุเอาไว้ที่ด้านล่างของคีย์บอร์ด

ตามคุ่มือต้อง Turn-On switch 3
ตัวรุ่น Lite 2 ปุ่มจะเป็นแบบ Rubber Dome เลยลองแงะปุ่มออกมาดู ปรากฎว่าแงะยากมากครับ ไม่เหมือนคีย์บอร์ดอื่นๆ ที่ผมเคยแกะปุ่มเล่นเป็นประจำ ตัวปุ่มทำได้แข็งแรงดีมาก กว่าจะแงะออกต้องระวังกันเป็นพิเศษเลย แงะออกมาก็เป็นปุ่มยางที่ค่อนข้างใหญ่ ลองเอาไขควมจิ้มๆ ดูเป็นยางทีแข็งดี มีแฟนบอยต่างประเทศบางคนบอกว่าถึงมันจะเป็น rubber dome แต่ก็เป็น rubber dome ที่ดีกว่าทั่วไป อันนี้คงต้องดูกันไปยาวๆ ครับ
มาดู Key Cap กันบ้าง ดูๆ ไปแล้วเป็นพลาสติกแบบ ABS ตัวอักษรเป็นแบบพิมพ์ลงบนหน้าคีย์ครับ แต่พลาสติกค่อนข้างหนาดีทีเดียว แต่ก็ยังสังเกตเห็นรอยตัดจากโรงงานอยู่ ลองๆ บีบดู แข็งพอดูครับ
เอามาจัดวางดู ประหยัดพื้นที่บนโต๊ะ ไปเยอะเลยครับ ลดช่องว่างการยื่นมือไปจับ mouse ได้เยอะเลยครับ
สำหรับความรู้สึกในการพิมพ์ เจ้า HHKB Lite 2 ตัวนี้ถึงจะเป็น rubber dome แต่ก็ให้ความรู้สึกในการพิมพ์ที่ดีเลยครับ คียืไม่แข็ง ไม่นิ้มเหลว จนเกินไป แต่ก็ยังให้ความรู้สึกได้ไม่ดีเท่าพวก Cherry MX Switch ครับ ด้านเสียง ถ้าพิมพ์ด้วยระดับปกติไม่ใส่อารมณ์ในการพิมพ์มาก เจ้า HHKB ตัวนี้เสียงจัดว่าไม่ดังมากครับ จัดว่าเป็นมิตรกับคนรอบข้างอยุ่ ตาม คลิป ครับ (วางมือถือเอาไว้ใกล้แป้นไปหน่อยของจริงเสียงไม่ดังขนาดนั้นนะครับ)

ด้านราคากับคุณภาพที่ได้ อันนี้แล้วแต่บุคคลนะครับ ผมซื้อมือสองจาก eBay รายละเอียดตามนี้ครับ
ค่าตัว HHKB Lite 2 for Mac (มือสอง eBay) --> $54.99
ค่าขนส่งแบบ Standard Int'l Shipping จากญี่ปุ่น --> $29
ค่าภาษีเมื่อเข้าไทย ราคาประเมิน 2,000 บ. --> 140 บ.
ส่วนตัวผมให้เจ้า HHKB Lite 2 for Mac นี้ที่ 4 ดาวครับ ผม
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับผม
[CR] แกะกล่อง + รีวิว Happy Hacking Keyboard Lite 2 for Mac
สำหรับเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบเกี่ยวกับคีบอร์ดคอมพิวเตอร์น่าจะต้องเคยได้ยินหรือผ่านตามาบ้างสำหรับชื่อ Happy Hacking Keyboard หรือ เขียนย่อๆ ได้ว่า HHKB
ส่วนตัวผมสนใจเจ้า Layout HHKB นี้อยู่ก่อนแล้วแต่ด้วยราคาที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตร แถมหาในไทยไม่ได้ เลยปล่อยๆ ผ่านมาโดยตลอด มาวันนึงระหว่างสำรวจราคาของอยู่ใน eBay เห็นมีประกาศขายเจ้าคีบอร์ดนี้อยู่ เลยลองจิ้มเข้าไปดู เป็นของมือสอง แต่เจ้าของใช้งานได้เดี๋ยวเดียวแล้วขายต่อ
หลังบวกลบเปรียบเทียบราคารวมค่าขนส่งแล้วก็ยังถูกกว่าซื้อของมือหนึ่งอยู่ เลยเคลิ้มๆ กดสั่งซื้อมา...กะว่าถ้าใช้ไม่ถูกใจค่อยขายต่อ
สำหรับรุ่นที่ผมกดสั่งมาเป็นตัว HHKB Lite 2 for Mac ปุ่มกดจะเป็น Rubber dome ธรรมดา ไม่ใช่รุ่น Pro ที่ปุ่มจะเป็น Topre Switch ซึ่งราคาแพงมหาโหด
โดยความพิเศษของ Topre Switch สามารถอ่านได้ที่กระทู้ http://pantip.com/topic/32613238 ของคุณ สมาชิกหมายเลข 804151 นะครับ เขียนได้ดีมากๆ
ความพิเศษที่เพิ่มเข้ามาของรุ่น for Mac นอกจากจะเปลี่ยนปุ่มให้ตรงกับคีบอร์ดของเครื่อง Mac แล้วตัวคีย์บอร์ดยังเป็นสีขาวสว่างโดยทาง PFU System ตั้งรหัสสีของรุ่น for Mac ให้ว่า Snow White (อ้างอิง http://deskthority.net/wiki/HHKB_Lite)
9 วันเต็มสำหรับการรอคอยในที่สุดของก็มาถึง
คนขายใจดีรู้งานเช็คมาให้ว่าเป็น "Gift" นะจ่ะ
แต่พี่ศุลกากรก็ทำงานแข็งขันรู้งานเช่นกัน จัดการคิดภาษีให้เรียบร้อย...งานนี้โดนเพิ่มไปอีก 140 บาท
คนขายชาวญี่ปุ่นยัดวัสดุกันกระแทกเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์มาให้อย่างแน่นหนาชนิดที่ว่างานนี้พี่ไปรฯ ทำอะไรไม่ได้แน่ๆ
หลังจากถอดวัสดุกันกระแทกออกก็เห็นตัวกล่องสีขาวปิ๊ง ยาวได้ฟุตหนึ่งตามภาพ
เมื่อแง้มกล้องออกมาก็เจอ Snow White นอนรออยู่ประหนึ่งรอเจ้าชายมากระแทก(แป้นพิมพ์) ไม่ใช่สิต้อง จุมพิต
ภายในกล่องประกอบไปด้วย คู่มือเป็นภาษาญี่ปุ่น แผ่น Driver และ ตัวคีย์บอร์ด
จับมาวางเปรียบเทียบขนาดกับคีย์บอร์ดขนาดมาตรฐาน
ด้วยว่าตัว HHKB เป็นคีย์บอร์ดขนาด Compact พวกปุ่ม F ต่างๆ , ปุ่ม Home, End, PgUp, PgDw และ ปุ่ม ลูกศร ต้องมาซ่อนเอาไว้ โดยต้องกดพร้อมกับปุ่ม Fn ถึงจะทำงาน
สำหรับรุ่น for Mac จะมีปุ่มควบคุม เสียง และปุ่ม Eject แผ่น มาให้ด้วย
ความพิเศษของ HHKB คือ การวางปุ่มจะใช้เป็นแบบ Sun Type3 ซึ่งเป็น Unix Key layout จะเห็นว่าตัดปุ่ม Caps Lock ออกไปมาเป็นปุ่ม Control แทน และ เลื่อนปุ่ม Esc ลงมาอยู่ในระดับที่กดสะดวกขึ้น ซึ่งการวางปุ่มแบบนี้สำหรับคนที่ใช้งาน Unix/Linux ที่ต้องทำงานกับ editor อย่าง Emac หรือ Vim อยู่เป็นประจำถือว่าเป็นการวางปุ่มที่ถูกต้อง เพิ่มความสะดวกในการกดและ เป็นการลดการเคลื่อนที่ของมือลงไปอย่างมาก
อีก 3 ปุ่มที่ถูกจัดวางใหม่นั้นคือ ปุ่ม [\|] [`~] และ ปุ่ม [Backspace] การเลื่อนปุม Backspace ลงมาอยู่เหนือปุ่ม Enter ทำให้ไม่กดได้ค่อยถนัดนักในตอนแรก ต้องอาศัยปรับความคุ้นเคยกันอยู่พักใหญ่ๆ ส่วนอีก สองปุ่ม ถ้าเป็น user ธรรมดาคงไม่ค่อยได้ใช้งานกัน แต่ถ้าทำงานด้าน การเขียนโปรแกรม หรือ ด้าน System Admin คงได้กดกันบ่อย ก็ต้องปรับความคุ้นเคยกันเหมือนปุ่ม Backspace
หงายมาให้ดูด้านล้างบ้าง งานประกอบถือว่าแน่นหนาดีครับ
ส่วนตัวชอบตรงขาตั้งที่ให้มามากครับ ดูใหญ่และมั่นคงดีแท้ แถมเวลาพับขึ้นลงยังให้เสียงแน่นสะใจดีครับ
ด้านบนมี USB มาให้ 2 port ให้ไฟสูงสุดที่ 100mA แถมเป็น USB 1.1 อีก (จุดนี้น่าเสียดายมาก) ดังนั้น น่าจะใช้ได้กับ mouse หรือ flash drive เท่านั้น Device อื่นๆ ที่ต้องการไฟเยอะ น่าจะหมดสิทธิ์ครับ
พลิกมาดูด้านหลังอีกที Made in China นะจ่ะ
ลองมาเทียบความสูงกับคีย์บอร์ดตัวเดิมดู จะเห็นว่าสูงกว่าชาวบ้านเขาอยู่เล็กน้อย ทั้ง ยกขาตั้ง และ ตอนไม่ได้ยกขาตั้ง
ได้เวลาปรับ DIP Switch กัน โดยถ้าไม่ปรับแต่งอะไรปุ่ม Delete ที่อยู่เหนือปุ่ม Enter จะทำงานเหมือนปุ่ม Delete ที่จะลบตัวอักษรที่อยู่หลัง Cursor ถ้าจะให้ทำงานเป็นปุ่ม Backspace ต้องมาปรับปุ่ม DIP Switch ตามที่ระบุเอาไว้ที่ด้านล่างของคีย์บอร์ด
ตามคุ่มือต้อง Turn-On switch 3
ตัวรุ่น Lite 2 ปุ่มจะเป็นแบบ Rubber Dome เลยลองแงะปุ่มออกมาดู ปรากฎว่าแงะยากมากครับ ไม่เหมือนคีย์บอร์ดอื่นๆ ที่ผมเคยแกะปุ่มเล่นเป็นประจำ ตัวปุ่มทำได้แข็งแรงดีมาก กว่าจะแงะออกต้องระวังกันเป็นพิเศษเลย แงะออกมาก็เป็นปุ่มยางที่ค่อนข้างใหญ่ ลองเอาไขควมจิ้มๆ ดูเป็นยางทีแข็งดี มีแฟนบอยต่างประเทศบางคนบอกว่าถึงมันจะเป็น rubber dome แต่ก็เป็น rubber dome ที่ดีกว่าทั่วไป อันนี้คงต้องดูกันไปยาวๆ ครับ
มาดู Key Cap กันบ้าง ดูๆ ไปแล้วเป็นพลาสติกแบบ ABS ตัวอักษรเป็นแบบพิมพ์ลงบนหน้าคีย์ครับ แต่พลาสติกค่อนข้างหนาดีทีเดียว แต่ก็ยังสังเกตเห็นรอยตัดจากโรงงานอยู่ ลองๆ บีบดู แข็งพอดูครับ
เอามาจัดวางดู ประหยัดพื้นที่บนโต๊ะ ไปเยอะเลยครับ ลดช่องว่างการยื่นมือไปจับ mouse ได้เยอะเลยครับ
สำหรับความรู้สึกในการพิมพ์ เจ้า HHKB Lite 2 ตัวนี้ถึงจะเป็น rubber dome แต่ก็ให้ความรู้สึกในการพิมพ์ที่ดีเลยครับ คียืไม่แข็ง ไม่นิ้มเหลว จนเกินไป แต่ก็ยังให้ความรู้สึกได้ไม่ดีเท่าพวก Cherry MX Switch ครับ ด้านเสียง ถ้าพิมพ์ด้วยระดับปกติไม่ใส่อารมณ์ในการพิมพ์มาก เจ้า HHKB ตัวนี้เสียงจัดว่าไม่ดังมากครับ จัดว่าเป็นมิตรกับคนรอบข้างอยุ่ ตาม คลิป ครับ (วางมือถือเอาไว้ใกล้แป้นไปหน่อยของจริงเสียงไม่ดังขนาดนั้นนะครับ)
ด้านราคากับคุณภาพที่ได้ อันนี้แล้วแต่บุคคลนะครับ ผมซื้อมือสองจาก eBay รายละเอียดตามนี้ครับ
ค่าตัว HHKB Lite 2 for Mac (มือสอง eBay) --> $54.99
ค่าขนส่งแบบ Standard Int'l Shipping จากญี่ปุ่น --> $29
ค่าภาษีเมื่อเข้าไทย ราคาประเมิน 2,000 บ. --> 140 บ.
ส่วนตัวผมให้เจ้า HHKB Lite 2 for Mac นี้ที่ 4 ดาวครับ ผม
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับผม