พบพ่อแม่ลูกปลูกกระต๊อบอยู่ในที่ของรถไฟ ไม่มีอาชีพ ซ้ำพ่อยังสติไม่สมประกอบ แต่รักลูกมาก เดินไปรับไปส่งที่ ร.ร.ทุกวัน ร่วม 20 กม. ครูบอกเป็นห่วงลูกศิษย์ ในอนาคตไม่รู้จะเป็นอย่างไร และจะต้องรื้อกระต๊อบเร็วๆ นี้ เพราะรถไฟจะสร้างรางคู่
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 20 พ.ย.57 ผู้สื่อข่าวเดินทางไป บ้านไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ริมทางรถไฟ ทางเข้าวัดละหาน หมู่ 4 เขตเทศบาลตำบลบางสะพาน อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังทราบว่ามีชายสติไม่สมประกอบ ปลูกเพิงพักเป็นที่อยู่อาศัยกับภรรยาและลูกชาย มีความเป็นอยู่ลำบาก และในวันเปิดเรียน ยังต้องเดินเท้าไปรับส่งลูกชายไปกลับโรงเรียนวันละ 20 กม.
พบเพิงพักหลังคามุงสังกะสี ฝากั้นด้วยปีกไม้มะพร้าวกับกระดานอัด พื้นปูด้วยไม้ไผ่ผ่าซีก มีนายอนันต์ หรือคลุด กลับแกล้ว อายุ 49 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 4 ต.ปากแพรก อ.บางสะพานน้อย เป็นเจ้าของที่พัก อยู่กับนางวันเพ็ญ กลับแกล้ว อายุ 53 ปี ภรรยา และ ด.ช.ปกาสิต กลับแกล้ว อายุ 8 ปี ลูกชาย
โดยนางวันเพ็ญ เปิดเผยว่าได้ใช้ชีวิตคู่กับนายอนันต์ ประมาณ 12 ปี จนมีลูกชายด้วยกัน 1 คน คือ ด.ช.ปกาสิต หรือน้องปาด อายุ 8 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.1 โรงเรียนบ้านทุ่งกะโตน ตนเองและสามีไม่มีทรัพย์สินใดๆ บ้านก็ไม่มี มาอาศัยที่ดินข้างทางรถไฟปลูกกระต๊อบอยู่โดยไม่มีอาชีพ บางครั้งมีคนมาว่าจ้างให้เหลาไม้ไผ่ทำเป็นไม้ปิ้งไก่ บางครั้งไม่มีข้าวกิน ต้องอาศัยข้าวก้นบาตรที่วัดละหาน ส่วนลูกชายก็ได้กินอาหารเที่ยงจากโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน บางครั้งลูกยังบอกว่าวันนี้คุณครูให้เงินกินขนมด้วย เป็นห่วงลูกจริงๆ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะชีวิตเกิดมาเป็นอย่างที่เห็น
ทางด้าน นายอาราวุฒ ว่องไวรุด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย กล่าวว่า นายอนันต์ หรือ คลุด ซึ่งมีสติไม่ค่อยสมประกอบและภรรยา มีที่อยู่ตามทะเบียนราษฎรนอกเขตรับผิดชอบ ทราบว่านายอนันต์มีพี่ชายพ่อแม่เดียวกัน 1 คน แต่พี่ชายเดินไม่ได้เนื่องจากป่วยเป็นโปลิโอ นายอนันต์มาปลูกเพิงพักอยู่บริเวณที่ดินของการรถไฟ โดยนำภรรยา ซึ่งบางครั้งมีอาการพูดจาเลอะเลือน และลูกชายมาอาศัยอยู่ รับจ้างเหลาไม้ปิ้งไก่ขาย ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก อีกทั้งนายอนันต์ หรือคลุด รักลูกชายมาก จะเดินไปส่งที่โรงเรียนและรับกลับทุกวัน รวมระยะทางไปกลับประมาณ 20 กิโลเมตร
ขณะที่ นายจเร พวงเดช ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านทุ่งกะโตน กล่าวว่า ได้รับทราบความเป็นอยู่ครอบครัวของ ด.ช. ปกาสิต ซึ่งในส่วนของโรงเรียนได้ดูแลเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทุนต่างๆ อาหารกลางวัน ค่าเครื่องแบบ และบางครั้ง คณะครูยังรวบรวมเงินให้ผู้ปกครองของเด็กไปใช้ดำรงชีพ ส่วนผลการเรียนของเด็กนั้นอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างแย่ แต่ ด.ช.ปกาสิต จะขยันมาเรียนหนังสือทุกวันไม่ขาดเรียน โดยมีพ่อเดินมาส่งและมารับทุกวัน ที่ผ่านมาโรงเรียนได้ซื้อจักรยานให้ แต่ครอบครัวนี้ใช้รถจักรยานไม่เป็น ซึ่งตนก็เป็นห่วงลูกศิษย์คนนี้ว่าในอนาคตใครจะดูแล เด็กต้องลำบากแน่ หากไม่มีหน่วยงานหลักเข้ามาช่วยเหลือ
"ทางโรงเรียนได้แจ้งเรื่องไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ ได้รับทราบแล้ว และล่าสุดทราบว่าที่อยู่อาศัยของครอบครัวนี้จะมีปัญหา เนื่องจากการรถไฟจะสร้างทางรถไฟรางคู่ หลัง ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงประจวบคีรีขันธ์–ชุมพร จึงประสานไปยัง นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร นายอำเภอบางสะพานน้อย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อหาวิธีการช่วยเหลือแบบยั่งยืน และหาที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ให้กับครอบครัวนี้" นายจเรกล่าว พร้อมกับแจ้งหมายเลขโทรศัพท์
สำหรับผู้ที่ต้องการจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้ สามารถแจ้งความจำนงมาได้ที่นายจเร พวงเดช ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านทุ่งกะโตน โทร.086-033-6410
เครดิต:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.thairath.co.th/content/464482
ปล.จขกท รู้สึกเห็นใจเขาจังเลย ชะตาชีวิตคนเราไม่เหมือนกันจริงๆ ดีที่น้องเขายังรักเรียน
ถึงผลการเรียนไม่ดีมาก ส่วนคุณพ่อเขาก็น่าสงสาร สติไม่ดีแต่รักลูกมาก
คุณแม่ก็ทำอาชีพที่ไม่แน่นอน อยากให้คนที่มีอำนาจ หรือหน่วยงานที่มีกำลังในการสนับสนุน ช่วยเหลือมาช่วยเหลือพวกเขา
เราว่าถ้าน้องเขามีโอกาสการศึกษาและอื่นๆ ก็คงมีอาชีพเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ในอนาคต
ครอบครัวริมถนน! พ่อไม่สมประกอบเดินรับส่งลูกไปร.ร.ไกล20กม.
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 20 พ.ย.57 ผู้สื่อข่าวเดินทางไป บ้านไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ริมทางรถไฟ ทางเข้าวัดละหาน หมู่ 4 เขตเทศบาลตำบลบางสะพาน อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังทราบว่ามีชายสติไม่สมประกอบ ปลูกเพิงพักเป็นที่อยู่อาศัยกับภรรยาและลูกชาย มีความเป็นอยู่ลำบาก และในวันเปิดเรียน ยังต้องเดินเท้าไปรับส่งลูกชายไปกลับโรงเรียนวันละ 20 กม.
พบเพิงพักหลังคามุงสังกะสี ฝากั้นด้วยปีกไม้มะพร้าวกับกระดานอัด พื้นปูด้วยไม้ไผ่ผ่าซีก มีนายอนันต์ หรือคลุด กลับแกล้ว อายุ 49 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 4 ต.ปากแพรก อ.บางสะพานน้อย เป็นเจ้าของที่พัก อยู่กับนางวันเพ็ญ กลับแกล้ว อายุ 53 ปี ภรรยา และ ด.ช.ปกาสิต กลับแกล้ว อายุ 8 ปี ลูกชาย
โดยนางวันเพ็ญ เปิดเผยว่าได้ใช้ชีวิตคู่กับนายอนันต์ ประมาณ 12 ปี จนมีลูกชายด้วยกัน 1 คน คือ ด.ช.ปกาสิต หรือน้องปาด อายุ 8 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.1 โรงเรียนบ้านทุ่งกะโตน ตนเองและสามีไม่มีทรัพย์สินใดๆ บ้านก็ไม่มี มาอาศัยที่ดินข้างทางรถไฟปลูกกระต๊อบอยู่โดยไม่มีอาชีพ บางครั้งมีคนมาว่าจ้างให้เหลาไม้ไผ่ทำเป็นไม้ปิ้งไก่ บางครั้งไม่มีข้าวกิน ต้องอาศัยข้าวก้นบาตรที่วัดละหาน ส่วนลูกชายก็ได้กินอาหารเที่ยงจากโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน บางครั้งลูกยังบอกว่าวันนี้คุณครูให้เงินกินขนมด้วย เป็นห่วงลูกจริงๆ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะชีวิตเกิดมาเป็นอย่างที่เห็น
ทางด้าน นายอาราวุฒ ว่องไวรุด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย กล่าวว่า นายอนันต์ หรือ คลุด ซึ่งมีสติไม่ค่อยสมประกอบและภรรยา มีที่อยู่ตามทะเบียนราษฎรนอกเขตรับผิดชอบ ทราบว่านายอนันต์มีพี่ชายพ่อแม่เดียวกัน 1 คน แต่พี่ชายเดินไม่ได้เนื่องจากป่วยเป็นโปลิโอ นายอนันต์มาปลูกเพิงพักอยู่บริเวณที่ดินของการรถไฟ โดยนำภรรยา ซึ่งบางครั้งมีอาการพูดจาเลอะเลือน และลูกชายมาอาศัยอยู่ รับจ้างเหลาไม้ปิ้งไก่ขาย ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก อีกทั้งนายอนันต์ หรือคลุด รักลูกชายมาก จะเดินไปส่งที่โรงเรียนและรับกลับทุกวัน รวมระยะทางไปกลับประมาณ 20 กิโลเมตร
ขณะที่ นายจเร พวงเดช ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านทุ่งกะโตน กล่าวว่า ได้รับทราบความเป็นอยู่ครอบครัวของ ด.ช. ปกาสิต ซึ่งในส่วนของโรงเรียนได้ดูแลเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทุนต่างๆ อาหารกลางวัน ค่าเครื่องแบบ และบางครั้ง คณะครูยังรวบรวมเงินให้ผู้ปกครองของเด็กไปใช้ดำรงชีพ ส่วนผลการเรียนของเด็กนั้นอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างแย่ แต่ ด.ช.ปกาสิต จะขยันมาเรียนหนังสือทุกวันไม่ขาดเรียน โดยมีพ่อเดินมาส่งและมารับทุกวัน ที่ผ่านมาโรงเรียนได้ซื้อจักรยานให้ แต่ครอบครัวนี้ใช้รถจักรยานไม่เป็น ซึ่งตนก็เป็นห่วงลูกศิษย์คนนี้ว่าในอนาคตใครจะดูแล เด็กต้องลำบากแน่ หากไม่มีหน่วยงานหลักเข้ามาช่วยเหลือ
"ทางโรงเรียนได้แจ้งเรื่องไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ ได้รับทราบแล้ว และล่าสุดทราบว่าที่อยู่อาศัยของครอบครัวนี้จะมีปัญหา เนื่องจากการรถไฟจะสร้างทางรถไฟรางคู่ หลัง ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงประจวบคีรีขันธ์–ชุมพร จึงประสานไปยัง นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร นายอำเภอบางสะพานน้อย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อหาวิธีการช่วยเหลือแบบยั่งยืน และหาที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ให้กับครอบครัวนี้" นายจเรกล่าว พร้อมกับแจ้งหมายเลขโทรศัพท์
สำหรับผู้ที่ต้องการจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้ สามารถแจ้งความจำนงมาได้ที่นายจเร พวงเดช ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านทุ่งกะโตน โทร.086-033-6410
เครดิต: [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล.จขกท รู้สึกเห็นใจเขาจังเลย ชะตาชีวิตคนเราไม่เหมือนกันจริงๆ ดีที่น้องเขายังรักเรียน
ถึงผลการเรียนไม่ดีมาก ส่วนคุณพ่อเขาก็น่าสงสาร สติไม่ดีแต่รักลูกมาก
คุณแม่ก็ทำอาชีพที่ไม่แน่นอน อยากให้คนที่มีอำนาจ หรือหน่วยงานที่มีกำลังในการสนับสนุน ช่วยเหลือมาช่วยเหลือพวกเขา
เราว่าถ้าน้องเขามีโอกาสการศึกษาและอื่นๆ ก็คงมีอาชีพเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ในอนาคต