พิชิตสันวัดใจ และความสวยที่ลืมไม่ได้ เขาช้างเผือก

ความสุขของการเดินทาง นอกจากปลายทาง และระหว่างทางแล้ว ประสบการณ์ในขณะเดินทางก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความสุขในระยะยาวได้ อย่างการเดินทางไปยังที่แสนไกล ที่ต้องบุกป่า ฝ่าดง

ถามว่า ณ ตอนที่เรากำลังเดินทางนั้นเหนื่อยไหม...เหนื่อย แต่พอถึงจุดหมาย และเวลาผ่านไป เรื่องราวประสบการณ์การเดินทางครั้งนั้น มันสร้างความภูมิใจสร้างความสุขในยามที่เราย้อนมานึกถึงมัน



หนึ่งในกิจกรรมของคนกล้า ชอบความท้าทาย และชอบการผจญภัย คือทริปพิชิตยอดเขา ที่ยิ่งสูงแค่ไหน ยิ่งเดินทางไกลเท่าไร ก็ยิ่งท้าทาย แล้วไหนจะประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมระหว่างเดินทางอีก ใครเล่าจะไม่อยากออกเดินทาง

เส้นทางครั้งนี้ เราพามาผจญยัง ภูเขาอีกลูกหนึ่ง ที่โอกาสในการเดินทางไปพิชิตยอดเขานั้น มีเพียง แค่ 3 เดือน ที่อนุญาตให้ขึ้นไปเท่านั้น...เขาช้างเผือก

ถ้าลองนับดูในบรรดาเขาที่ให้เดินทางไปพิชิต เขาช้างเผือกถือเป็นเขาที่สวยงาม น่าไปกางเต้นท์นอน แห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ และหลังจากที่มีการปิดเขาช้างเผือก มาสักพักใหญ่เขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวเขาช้างเผือก และพร้อมที่จะให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมความงามของเขาช้างเผือกได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2558 เป็นเวลา 3เดือน


เขาช้างเผือก เป็นยอดเขาสูงสุดของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติแนวผจญภัยอีกแห่งใน จ. กาญจนบุรี สันเขาทอดยาวขึ้นลงเหมือนหลังช้าง คือภาพที่ติดตาของบรรดานักเดินทาง และนี่ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางผจญภัยที่สุดจะท้าทายคนกล้า เพราะว่าจะต้องเดือนเท้าไปพิชิตเท่านั้น แถมในแต่ละปี ก็มีโอกาสเพียง3 เดือนเท่านั้นที่เปิดให้เข้าไปได้ และนักท่องเที่ยวต้องจองล่วงหน้า 7 วัน ต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานพาไปเท่านั้น และรับจำกัดจำนวนเพียงวันละ ไม่เกิน 60 คน

แม้จะดูมีระเบียบที่เคร่งครัด แต่เขาช้างเผือกไม่ได้ถูกซ่อนอยู่ไกล ไม่ได้ลึกลับอะไรมาก ใครมาถึงบ้านอีต่อง หรืออุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ก็ต้องมองเห็น ตั้งเด่นเป็นสง่า เพียงแต่น้อยคนนักที่จะกล้าขึ้นไป นอกเสียจากชาวบ้านที่ไปหาของป่า

ที่ระดับความสูง 1249 เมตร ของการพิชิตเขาช้างเผือก นักเดินทางต้องเตรียมตัวให้พร้อม อากาศยอดเขาหนาวเหน็บ หมอกปกคลุม อย่างน้อยๆต้องมีถุงมือ เสือแขนยาว กางเกงขายาว แป้งฝุ่น แก๊ชพกพา ยารักษาโรค และของใช้ส่วนตัว




ตอนแรกก่อนออกพิชิตยอดเขา เห็นเส้นทางแล้วดูเหมือนไม่สาหัสเท่าไหร่ แต่ไปๆมาๆพอเดินจริงๆกลับกินแรงอย่างไม่น่าเชื่อ เหนื่อยมากมาย ไม่มาเองไม่รู้จริงๆ


กว่าจะถึงยอดเขาจะต้องเดินข้ามเขาทีละลูก ทีละลูกมาเรื่อยๆ ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงกว่าจะถึงยอดเขา ซึ่งระหว่างทางเจ้าหน้าที่ก็จะพาพักเหนื่อย พักทานอาหารกลางวัน ก่อนที่จะเดินทางต่อ


และจุดที่ขึ้นชื่อเรื่องความท้าทาย เสียวสุดๆ คือตรงสันคมมีด ใกล้จุดยอดสูงสุดของเขาช้างเผือก ซึ่งจะมีลักษณะเป็นกิ่วที่สันเขา ซ้ายเหว ขวาก็เหว เขาเรียกกันว่า "สันวัดใจ" ลักษณะเป็นทางไล่ระดับที่แคบมากๆ ราวกับสันคมมีด แต่ก่อนเดินลำบากไม่มีเชือก แต่เดี๋ยวนี้มีเชือกแล้วครับ ช่วยให้ปีนง่ายขึ้นกว่าเดิมหน่อย มองไปเบื้องล่างนี่เห็นพื้นอยู่ไกลลิบ ใจไม่ถึงอย่ามองนะครับ เพราะขนาดผมไม่กล้วความสูง แต่พอเดินก็ใจหวิวน่าดู ถ้ามีลมพัดมานี่ ตัวจะเอนๆ หวาดเสียวเลยล่ะ
(ภาพสันเขานี้ผมไม่ได้ถ่ายรูปมา เลยขอยืมจากคุณJuone สักนิดนะครับ)
พอผ่านสันวัดใจมาได้ ก็อีกไม่กี่อึดใจ ก็จะถึง ยอดเขาช้างเผือก ปลายทางที่ทำให้ความเหนื่อยล้ามันหายไปหมดเลย ด้วยความภูมิใจ สุขใจที่ได้มาถึง แถมทิวทัศน์รอบข้างยังสวยเขียวขจี อากาศดี๊ดี ประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่ทำให้ติดใจกับความรู้สึก ณ ตรงนั้น จนถึงบัดนี้

ใครจะเดินทางมาพิชิตเขาช้างเผือกอาจจะต้องกางเต้นท์ค้างที่นี่ 1 คืน ซึ่งคุ้มค่ากับความเหนื่อย เพราะบรรยากาศนั้นสวยจับใจ


ถ้าใครอยากจะลองมาสัมผัสประสบการณ์สุดยอดแบบนี้ ที่เขาช้างเผือกก็ให้ติดต่อที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิได้ที่เบอร์ 081-3820359, 034-532114 เพื่อนัดวันเดินทางกับเจ้าหน้าที่ และจองลูกหาบ

ค่าเจ้าหน้าที่ที่พาเดินขึ้นเขาอยู่ที่ 700 บาทต่อกลุ่ม (ไม่อนุญาตให้ไปเอง) และค่าลูกหาบหนึ่งคนอยู่ที่ 700 บาทครับ ถ้าไม่มีเต็นท์สามารถจองกับทางอุทยานได้เลยครับ ส่วนอาหารการกิน หรืออุปกรณ์ทำอาหารต้องเตรียมไปเองนะครับ

แล้วความท้าทายจะพาให้คุณสุขใจไปอีกนานเท่านาน...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่