**ก่อนแสดงความคิดเห็นอะไร โปรดคิดถึงสภาพจิตใจเราด้วยค่ะ**
เหตุผลที่ตั้งกระทู้เพราะอยากระบายค่ะ และหวังว่าจะมีคนเข้าใจเราบ้าง คิดอยู่นานว่าควรตั้งมั้ย??
อาการของโรค:อยากตายวันละหลายรอบ,ไม่มีความสุข,ไม่รู้มีชีวิตไปเพื่ออะไร,ความจำสั้น(เราคิดเอาเองนะค่ะ ว่าเป็นเพราะสมองพยายามลบเรื่องแย่ๆออก) ,ร้องไห้ทุกวัน
ปกติโรคนี้จะหายใน 6 เดือน(จิตแพทย์บอก) ถ้านานกว่านี้คือกรณีที่รักษายาก
เรารักษากับหมอ(จิตแพทย์)มาหลายท่าน หลายรพ. ทั้งศิริราช,รามา,รพ.มหาลัย ต้องไปหาประมาณเดือนละครั้งค่ะ กินยาทุกวัน เคยกินมากสุด5-6เม็ดต่อวัน
น้ำหนักเราขึ้นจากประมาน55มาเป็น120 เพราะผลข้างเคียงของยา(เซิสgoogleสำหรับลายละเอียดนะค่ะ)
>> เข้าเรื่องตอนม.6 ปี52-53 ช่วงสุดท้ายของการเอ็น รอสอบo-net ก็เสร็จสิ้นการ admiss เรารู้สึกว่าตัวเองแปลกๆ รู้สึกประมาณว่าปวดใจ เสียใจ แต่ไม่รู้สาเหตุ พยายามอ่านการ์ตูน ดูหนัง ก็ไม่หาย ทำอะไรก็รู้สึกเซงๆนอยๆไปหมด รู้สึกไม่อยากทำอะไร ที่สำคัญอยากตายค่ะ เราเลยตัดสินใจไปจิตแพทย์ที่รพ.ศิริราช หมอบอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า เราก็ถามหมอว่าเราเป็นได้ไง หมอก็บอกว่าอยู่ดีดีเป็นขึ้นมาก็ได้ หรือไม่ก็เกิดจากเครียดมานาน เราก็คิดว่าคงเรื่องสอบเอ็น หมอให้ยาเรามากินค่ะ 1เดือนผ่านไปน้ำหนักขึ้นมา5โล ขุ่นพระ!!! แต่ตอนนั้นอยากหายค่ะ กินยาต่อเนื่อง ไปพบหมอตลอด ผ่านไป 3-4เดือน นน.ประมาณ70แล้ว จนผลเอ็นประกาศ เราได้ตามที่หวังไว้ แต่ยังไม่หายจากอาการแปลกๆ ถามหมอว่าเมื่อไหร่จะหาย หมอบอกว่าต้องใช้เวลา แล้วถามว่ามีเรื่องเครียดอะไรอีกมั้ย
1.เรื่องตาเราค่ะ ตอนเด็กๆยังไม่เข้าเรียน แม่เราเอาเราไปให้ตากับยายเลี้ยงที่ตจว. พอเข้าเรียน ตอนปิดเทมอก็ให้ไปอยู่กับตายาย ต่อมายายเราเป็นโรคอัลไซเมอร์ค่ะ แม่เราประมาณว่าบ่นกับเรา เหมือนไม่รู้จะระบายกับใคร ว่าที่ยายเป็นอัลไซเมอร์เพราะตามีชู้ ตาทำร้ายยาย ซึ่งเราก็เคยเห็น ทีนี้พอเราโตขึ้นก็รู้สึกไม่ดีกับการที่ต้องไปอยู่กับตายายตอนปิดเทอม แต่ก็ยังอดทนไปหาตายายค่ะ เพราะสงสารยาย รู้ว่ายายคิดถึงเรา ยายรักเรา ยายเลี้ยงเรามา พอยายตาย เราตัดขาดตาไปเลย ไม่แคร์ไม่สนใจ ไม่ไปหา ทำตัวเหมือนไม่มีตัวตน ถ้าใครสงสัยว่าเราเล่าทำไม ลองคิดว่าตัวเองเป็นเรานะค่ะ แล้วเห็นตาทำร้ายยา+แม่พูดกรอกหูบ่อยๆ จะรู้สึกยังไง
2.แม่เราค่ะ เป็นคนที่น่ารำคาญมาก บ่นทุกเรื่อง ห้ามทุกเรื่อง ทุกสิ่งอันที่มนุษย์แม่เป็นมารวมที่แม่เราหมดเลยค่ะ เรารู้สึกขาดอิสระ เพื่อนไปเที่ยวกัน แม่ก็ไม่ให้เราไปอยู่คนเดียว เรารู้สึกเหมือนนกน้อยในกรงทอง บังคับให้เราเรียนพิเศษ ทั้งๆที่เราไม่ได้อยากเรียน เราอยากเรียนศิลปะ ก็ไม่ให้เราเรียน บอกแพง แต่บังคับให้ไปเรียนพิเศษ ช่วงมัธยมเราเบื่อแม่มาก รู้สึกทำไมต้องมีแม่แบบนี้ อยากไปให้พ้นๆบ้านนี้
3.พ่อเราค่ะ เสาร์-อาทิตย์ไม่อยู่บ้าน จันทร์-ศุกร์หลับมาแค่มานอน ตื่นเช้าไปทำงาน เราแทบไม่ได้คุยกับพ่อเลย งงมาก เรามีพ่อไว้ทำไมวะเนี่ย ถ้าวันไหนพ่ออยู่บ้าน สิ่งที่พ่อทำคือด่าแม่ ทะเลาะกับแม่ เราเคยถามพ่อว่า ทำไมพ่อกลับดึก ทำไมเสาร์-อาทิตย์ไม่อยู่บ้าน คำตอบเดียวที่เราได้คือทำงาน คุณคงเราแล้วว่าพ่อเราทำงานอะไร.... แม่บอกเราค่ะว่าพ่อไม่ช่วยออกค่าเทมอ ค่าเลี้ยงดูเราเลย ถามเราถามพ่อ พ่อก็ว่าพ่อเงินเดือนน้อยไม่พอใช้ ไม่รู้เลยค่ะว่าพ่อเอาเงินไปทำไรหมด...
3เรื่องหลักๆประมาณนี้ หมอรับฟังค่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าให้เราทำไงกับ3เรื่องนี้ ให้ยามากินเรื่อยๆ เราขอให้พ่อกับแม่มาพบหมอ เพื่อให้หมออธิบายว่าเราเป็นอะไร ผ่านไปประมานปีครึ่งกับการรักษาที่รพ.ศิริราช อาการเราไม่ดีขึ้น ยังเหมือนเดิมทุกประการ ยกเว้นน้ำหนัก น่าจะ80กก.ได้
เราเลยย้ายมารักษาที่รามาค่ะ อาการดีขึ้นบ้าง เราคิดว่าเพราะทานยาต่อเนื่อง เพราะการรักษาที่รามาก็คล้ายกับที่ศิริราช ผ่านมาอีกครึ่งปี เราอายุ20แล้วค่ะ เบิกค่ารักษาที่รามาไม่ได้แล้ว (ค่ายาถ้าไม่เบิกก็หลายพันต่อเดือนค่ะ) พ่อเราเป็นทหาร แม่เป็นข้าราชการค่ะ เราเลยต้องย้ายมารักษาที่รพ.มหาลัย
การรักษาที่รพ.มหาลัย หมอเปลี่ยนยาให้เรา เป็นยาคนละตัวกับยาที่หมอศิริราชกับรามาให้เราทานค่ะ หมอบอกว่ายาตัวนี้ทานแล้วไม่มีผลข้างเคียง รับฟังปัญหาเรา และแนะนำวิธีแก้ปัญหา คุยกับแม่เรา ให้เข้าใจเรามากขึ้น
ช่วง5ปีมานี้ แม่เราเลิกบ่น บังคับเราน้อยลง รู้สึกดีขึ้นกับแม่มากมาก แต่ก็ยังมีปมกับแม่ อาจจะเพราะตอนเด็กๆไม่ได้อยู่กับแม่ ทำให้เรารู้สึกว่าเราขาดความอบอุ่นจากแม่ อยากให้แม่กอดเรา อยู่กับเรามากกว่านี้ แต่แม่เราต้องทำงานทั้งที่ทำงานและงานบ้าน เพราะพ่อไม่ช่วยอะไรเลย ส่วนพ่อก็อยู่บ้านเยอะขึ้น มีกิจกรรมร่วมกับเรามากขึ้น เช่นพาไปกินข้าว ดูหนัง ช่วยออกค่าเทมอเราบ้าง แต่ก็ยังด่าแม่ให้เราเห็น ให้ฟัง
เพราะนอกจาก3เรื่องที่เล่ามาแล้ว ยังมีเรื่องที่มหาลัยอีกค่ะ
เมื่อฉันเป็น '' โรคซึมเศร้า '' มา 5 ปี
เหตุผลที่ตั้งกระทู้เพราะอยากระบายค่ะ และหวังว่าจะมีคนเข้าใจเราบ้าง คิดอยู่นานว่าควรตั้งมั้ย??
อาการของโรค:อยากตายวันละหลายรอบ,ไม่มีความสุข,ไม่รู้มีชีวิตไปเพื่ออะไร,ความจำสั้น(เราคิดเอาเองนะค่ะ ว่าเป็นเพราะสมองพยายามลบเรื่องแย่ๆออก) ,ร้องไห้ทุกวัน
ปกติโรคนี้จะหายใน 6 เดือน(จิตแพทย์บอก) ถ้านานกว่านี้คือกรณีที่รักษายาก
เรารักษากับหมอ(จิตแพทย์)มาหลายท่าน หลายรพ. ทั้งศิริราช,รามา,รพ.มหาลัย ต้องไปหาประมาณเดือนละครั้งค่ะ กินยาทุกวัน เคยกินมากสุด5-6เม็ดต่อวัน
น้ำหนักเราขึ้นจากประมาน55มาเป็น120 เพราะผลข้างเคียงของยา(เซิสgoogleสำหรับลายละเอียดนะค่ะ)
>> เข้าเรื่องตอนม.6 ปี52-53 ช่วงสุดท้ายของการเอ็น รอสอบo-net ก็เสร็จสิ้นการ admiss เรารู้สึกว่าตัวเองแปลกๆ รู้สึกประมาณว่าปวดใจ เสียใจ แต่ไม่รู้สาเหตุ พยายามอ่านการ์ตูน ดูหนัง ก็ไม่หาย ทำอะไรก็รู้สึกเซงๆนอยๆไปหมด รู้สึกไม่อยากทำอะไร ที่สำคัญอยากตายค่ะ เราเลยตัดสินใจไปจิตแพทย์ที่รพ.ศิริราช หมอบอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า เราก็ถามหมอว่าเราเป็นได้ไง หมอก็บอกว่าอยู่ดีดีเป็นขึ้นมาก็ได้ หรือไม่ก็เกิดจากเครียดมานาน เราก็คิดว่าคงเรื่องสอบเอ็น หมอให้ยาเรามากินค่ะ 1เดือนผ่านไปน้ำหนักขึ้นมา5โล ขุ่นพระ!!! แต่ตอนนั้นอยากหายค่ะ กินยาต่อเนื่อง ไปพบหมอตลอด ผ่านไป 3-4เดือน นน.ประมาณ70แล้ว จนผลเอ็นประกาศ เราได้ตามที่หวังไว้ แต่ยังไม่หายจากอาการแปลกๆ ถามหมอว่าเมื่อไหร่จะหาย หมอบอกว่าต้องใช้เวลา แล้วถามว่ามีเรื่องเครียดอะไรอีกมั้ย
1.เรื่องตาเราค่ะ ตอนเด็กๆยังไม่เข้าเรียน แม่เราเอาเราไปให้ตากับยายเลี้ยงที่ตจว. พอเข้าเรียน ตอนปิดเทมอก็ให้ไปอยู่กับตายาย ต่อมายายเราเป็นโรคอัลไซเมอร์ค่ะ แม่เราประมาณว่าบ่นกับเรา เหมือนไม่รู้จะระบายกับใคร ว่าที่ยายเป็นอัลไซเมอร์เพราะตามีชู้ ตาทำร้ายยาย ซึ่งเราก็เคยเห็น ทีนี้พอเราโตขึ้นก็รู้สึกไม่ดีกับการที่ต้องไปอยู่กับตายายตอนปิดเทอม แต่ก็ยังอดทนไปหาตายายค่ะ เพราะสงสารยาย รู้ว่ายายคิดถึงเรา ยายรักเรา ยายเลี้ยงเรามา พอยายตาย เราตัดขาดตาไปเลย ไม่แคร์ไม่สนใจ ไม่ไปหา ทำตัวเหมือนไม่มีตัวตน ถ้าใครสงสัยว่าเราเล่าทำไม ลองคิดว่าตัวเองเป็นเรานะค่ะ แล้วเห็นตาทำร้ายยา+แม่พูดกรอกหูบ่อยๆ จะรู้สึกยังไง
2.แม่เราค่ะ เป็นคนที่น่ารำคาญมาก บ่นทุกเรื่อง ห้ามทุกเรื่อง ทุกสิ่งอันที่มนุษย์แม่เป็นมารวมที่แม่เราหมดเลยค่ะ เรารู้สึกขาดอิสระ เพื่อนไปเที่ยวกัน แม่ก็ไม่ให้เราไปอยู่คนเดียว เรารู้สึกเหมือนนกน้อยในกรงทอง บังคับให้เราเรียนพิเศษ ทั้งๆที่เราไม่ได้อยากเรียน เราอยากเรียนศิลปะ ก็ไม่ให้เราเรียน บอกแพง แต่บังคับให้ไปเรียนพิเศษ ช่วงมัธยมเราเบื่อแม่มาก รู้สึกทำไมต้องมีแม่แบบนี้ อยากไปให้พ้นๆบ้านนี้
3.พ่อเราค่ะ เสาร์-อาทิตย์ไม่อยู่บ้าน จันทร์-ศุกร์หลับมาแค่มานอน ตื่นเช้าไปทำงาน เราแทบไม่ได้คุยกับพ่อเลย งงมาก เรามีพ่อไว้ทำไมวะเนี่ย ถ้าวันไหนพ่ออยู่บ้าน สิ่งที่พ่อทำคือด่าแม่ ทะเลาะกับแม่ เราเคยถามพ่อว่า ทำไมพ่อกลับดึก ทำไมเสาร์-อาทิตย์ไม่อยู่บ้าน คำตอบเดียวที่เราได้คือทำงาน คุณคงเราแล้วว่าพ่อเราทำงานอะไร.... แม่บอกเราค่ะว่าพ่อไม่ช่วยออกค่าเทมอ ค่าเลี้ยงดูเราเลย ถามเราถามพ่อ พ่อก็ว่าพ่อเงินเดือนน้อยไม่พอใช้ ไม่รู้เลยค่ะว่าพ่อเอาเงินไปทำไรหมด...
3เรื่องหลักๆประมาณนี้ หมอรับฟังค่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าให้เราทำไงกับ3เรื่องนี้ ให้ยามากินเรื่อยๆ เราขอให้พ่อกับแม่มาพบหมอ เพื่อให้หมออธิบายว่าเราเป็นอะไร ผ่านไปประมานปีครึ่งกับการรักษาที่รพ.ศิริราช อาการเราไม่ดีขึ้น ยังเหมือนเดิมทุกประการ ยกเว้นน้ำหนัก น่าจะ80กก.ได้
เราเลยย้ายมารักษาที่รามาค่ะ อาการดีขึ้นบ้าง เราคิดว่าเพราะทานยาต่อเนื่อง เพราะการรักษาที่รามาก็คล้ายกับที่ศิริราช ผ่านมาอีกครึ่งปี เราอายุ20แล้วค่ะ เบิกค่ารักษาที่รามาไม่ได้แล้ว (ค่ายาถ้าไม่เบิกก็หลายพันต่อเดือนค่ะ) พ่อเราเป็นทหาร แม่เป็นข้าราชการค่ะ เราเลยต้องย้ายมารักษาที่รพ.มหาลัย
การรักษาที่รพ.มหาลัย หมอเปลี่ยนยาให้เรา เป็นยาคนละตัวกับยาที่หมอศิริราชกับรามาให้เราทานค่ะ หมอบอกว่ายาตัวนี้ทานแล้วไม่มีผลข้างเคียง รับฟังปัญหาเรา และแนะนำวิธีแก้ปัญหา คุยกับแม่เรา ให้เข้าใจเรามากขึ้น
ช่วง5ปีมานี้ แม่เราเลิกบ่น บังคับเราน้อยลง รู้สึกดีขึ้นกับแม่มากมาก แต่ก็ยังมีปมกับแม่ อาจจะเพราะตอนเด็กๆไม่ได้อยู่กับแม่ ทำให้เรารู้สึกว่าเราขาดความอบอุ่นจากแม่ อยากให้แม่กอดเรา อยู่กับเรามากกว่านี้ แต่แม่เราต้องทำงานทั้งที่ทำงานและงานบ้าน เพราะพ่อไม่ช่วยอะไรเลย ส่วนพ่อก็อยู่บ้านเยอะขึ้น มีกิจกรรมร่วมกับเรามากขึ้น เช่นพาไปกินข้าว ดูหนัง ช่วยออกค่าเทมอเราบ้าง แต่ก็ยังด่าแม่ให้เราเห็น ให้ฟัง
เพราะนอกจาก3เรื่องที่เล่ามาแล้ว ยังมีเรื่องที่มหาลัยอีกค่ะ