การบริการที่ลืมไม่ลง จากการบินไทย...รักคุณเท่าฟ้า

สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่นต้องบอกว่า นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของดิฉัน หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้เกิดขึ้นจริงกับคุณพ่อและคุณแม่ของสามีดิฉันซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งดิฉันและสามีรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่พวกท่านเจอเป็นอย่างมากที่เป็นคนเกลี้ยกล่อมให้ท่านใช้บริการกับการบินไทย จึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้ฝากถึงสายการบินไทยสายการบินแห่งชาติของเราชาวไทยด้วยนะคะ


หมายเหตุ จดหมายฉบับนี้คุณสามีของดิฉันได้เขียนขึ้นมา โดยให้ดิฉันแปลให้ จึงใช้สรรพนามที่ 1 คือ 'ผม' ซึ่งหมายถึงตัวสามี ที่เป็นผู้เขียนข้อความดังต่อไปนี้ค่ะ

-------------------------------------


เนื่องจากผมเป็นคนที่เดินทางกับสายการบินไทยเป็นประจำทุกสัปดาห์ ผมไม่สามารถนิ่งนอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่ของผมได้  พวกท่านเดินทางด้วยสายการบินไทย ปีละ 2 ครั้ง จากเมืองบรัสเซล (ประเทศเบลเยี่ยม) เพื่อมาเยี่ยมหลานๆ ที่กรุงเทพฯ จริงๆแล้วพวกท่านมีทางเลือกอื่นๆอีกมากมาย แต่ผมเองที่เป็นคนหว่านล้อมให้ท่านเลือกเดินทางกับการบินไทย ซึ่งเป็นสายการบินที่ภาคภูมิใจของเรา

ในความคิดของผม พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (หรือที่เรารู้จักกันดีว่า แอร์โฮสเตส หรือ สจ๊วต) จะเป็นบุคคลแรกที่นักท่องเที่ยวจะพบเจอและติดต่อด้วย ซึ่งพวกเค้ามีหน้าที่ที่ต้องนำเสนอความเป็นไทยให้ออกมาในทางที่ดีที่สุด
น่าเสียดายที่การบริการอันสุดวิเศษของการบินไทยเหมือนกับจะจางหายไปแล้ว รวมถึงรอยยิ้มไทยๆที่มีก็ดูไม่เป็นมิตรเอามากๆ ราวกับเป็นการแสดงออกมาถึงความคิดที่ว่า "ฉันไม่แคร์"

เรื่องมีอยู่ว่า...

คุณพ่อคุณแม่ของผม
ได้เดินทางมาเยี่ยมผมและครอบครัว ตามปกติ ซึ่งทุกครั้งก็ได้รับความประทับใจในการบริการของสายการบินไทยตลอดมา

จนครั้งนี้เมื่อ วันที่ 15 พ.ย.2014 ท่านได้ เที่ยวบินที่ TG935 BRU-BKK 12:30น.  ท่านทั้งสองมาเช็คอินก่อนเวลาเคาท์เตอร์เปิดครึ่งชม. เป็นคิวที่ พอถึงคิวท่านพนักงานเห็นท่านดูมีอายุแล้วก็เปลี่ยนที่นั่งให้จาก 47D 47E เป็น 71 และ 71 ( ตัวอักษรต่อจากเลขที่นั่งผมต้องถามท่านอีกครั้ง) ซึ่งท่านทั้งสองไม่ทราบเลยว่าเป็นที่นั่งท้ายเครื่อง พอ Boarding จึงทราบว่าเป็นที่แคบๆและเกิดปัญหาเหยียดขาไม่สุดคือเหยียดไม่ได้เต็มที่

คุณพ่อจึงสอบถามขอเปลี่ยนที่นั่งใหม่กับพนักงานต้อนรับด้วยความสุภาพว่า "ถ้าเป็นไปได้ พอจะมีที่ที่กว้างกว่านี้ซักนิดหรือไม่ครับ" แต่ว่าพนักงานคนนั้นก็ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้จึงได้เรียกหัวหน้าพนักงานต้อนรับมาคุย ซึ่งคุณพ่อบอกว่าไม่รู้ว่าจะเรียกว่าการคุยหรืออะไรดี เนื่องจากเมื่อหัวหน้าฯคนนั้นซึ่งเป็นผู้หญิงดูท่าทางอาวุโสที่สุดมาถึง ก็กรีดเสียงใส่คุณพ่อคุณแม่ว่า"จะเปลี่ยนได้ยังงัย มาเช็คอินก็สาย บลาๆๆ! คุณไม่มีสิทธิมาcomplain อะไรทั้งนั้น!"

คุณพ่อคุณแม่ผมท่านพยายามบอกว่า "ไม่นะ เราไม่ได้มาสายเลย เรามาก่อนเคาน์เตอร์เช็คอินเปิดด้วยซ้ำ!" แต่ดูท่าทางเจ้าหล่อนไม่ฟังอะไร พูดๆๆกระแทกเสียงใส่ท่านทั้งคู่ ด้วยเสียงแหวๆ จนกระทั่งคุณแม่ผมบอกให้หยุดแล้วท่านก็ร้องไห้ แต่คุณพ่อได้ถามชื่อเจ้าหน้าที่คนนั้น เธอก็บอกชื่อเธอทันที ( เสียดายเหลือเกินที่ท่านจำไม่ได้ เพราะชาวต่างชาติจะไม่คุ้นกับชื่อยาวๆและอ่ายบากของคนไทย) และนอกจากนี้เธอแอ่นหน้าอกให้ดูป้ายชื่อเธอด้วยอย่างไม่สะทกสะท้าน จากนั้นเธอก็จากไป
พระเจ้าช่วย!! คุณแม่ผมเสียใจมาก ร้องไห้ นอนไม่หลับ ตลอดการเดินทาง10:30 ช.ม.จนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ

คุณพ่อท่านบอกเล่าให้ผมฟังทันทีที่เห็นหน้ากันเมื่อผมและครอบครัวไปรับท่านทั้งสองที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งผมสีหน้าของคุณแม่อิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ผมตกใจมาก เพราะปกติ คุณแม่เป็นโรคหัวใจอ่อนๆ แต่ถ้าไม่มีอะไรสะเทือนใจจนถึงที่สุด ท่านจะไม่มีน้ำตาให้ใครเห็นเลย แม้ว่าท่านจะอายุ 75 ปีแล้วก็ตาม คุณพ่อบอกว่า "พูดจากันดีๆไม่ได้เชียวเหรอ เราเพียงถามว่า พอจะเป็นไปได้ไหม? เราไม่ได้บอกว่าให้เปลี่ยนที่ให้เรา หรือ บอกว่าต้องเปลี่ยนให้เดี๋ยวนี้!" "และที่บอกว่าเรามาเช็คอินสาย ก็ไม่ถูกต้องอีก ไม่รู้จริงแล้วปรักปรำเราได้อย่างไร"

อันที่จริงใครผิดใครถูกเราค่อยๆพูดกันก็ได้เพราะคุณพ่อผมก็เป็นคนมีมารยาทสังคมในแวดวงข้าราชการ เพราะท่านเคยดำรงตำแหน่งข้าราชการระดับสูงถึง 40 ปี ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว ท่านไม่เคยตวาดลูกน้องและเป็นเจ้านายที่ลูกน้องรักตลอดอายุราชการ ดังนั้นพูดบอกกันดีๆก็น่าจะรู้เรื่อง ว่าเปลี่ยนไม่ได้ หรืออะไรยังงัยก็ว่ากันไป

ในฐานะที่ผมเป็นผู้ที่เดินทางด้วยสายการบินไทยอยู่เป็นประจำ ผมรับไม่ได้กับการกระทำที่ขาดความเคารพยำเกรง และดูหมิ่นของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทั้งหลาย ที่ทำให้คุณแม่ วัย 75 ปี ของผมต้องถึงกับร้องไห้แทบจะตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน

ผมขอฝากข้อความถึงพนักงานท่านนั้นสักนิดนะครับ

เรียน พนักงานบริการบนเครื่องบินหญิงสูงวัยท่านหนึ่ง (เพอร์เซอร์ หรือ ตำแหน่งอะไรก็ตาม ที่ได้ "ให้บริการ" ผู้โดยสารในแถวที่ 71 เที่ยวบินที่ TG935 BRU-BKK (วันที่ 15 / 11 / 2014):

คุณควรรู้สึกละอายแก่ใจกับสิ่งที่คุณได้ทำลงไป คุณไม่ควรค่ากับยูนิฟอร์มอันมีเกียรติของสายการบินแห่งชาติแม้แต่นิดเดียว
และมันจะแย่เข้าไปอีกหากคุณเป็นเพอร์เซอร์ของเที่ยวบินนี้ เพราะตำแหน่งไม่ได้ทำให้คุณกลายเป็นพระเจ้าขึ้นมาหรอกครับ
คุณสร้างความเสื่อมเสียให้แก่วัฒนธรรมไทยอันดีงาม และผมหวังว่าคุณจะไม่มีเหตุจำเป็นใดๆเลยที่จะต้องเป็นคนให้บริการผมบนเที่ยวบินใดๆก็ตามที่ผมเดินทางด้วยสายการบินนี้

สุดท้ายนี้ แค่การขอโทษอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ความรู้สึกดีๆกลับคืนมาดังเดิมได้ครับ


-------------------------------------------------

ดิฉันในฐานะ ลูกสะใภ้ชาวไทย รู้สึกเสียใจ และเสียหน้ามากนะคะ ที่คนไทยแสดงอากัปกิริยาเช่นนี้กับแขกต่างบ้านต่างเมือง โดยเฉพาะผู้รับบริการเป็นผู้สูงวัยเกิน 70 ปีขนาดนี้  และดิฉันหวังว่า การบินไทยจะปรับปรุงการให้บริการ การแสดงออก การใช้คำพูดที่สุภาพกับผู้โดยสารต่อไป


ขอบคุณทุกท่านที่ได้อ่านจนจบ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่