วันนี้จะมารีวิวการขอวีซ่า เชงเก้น จาก อิตาลีนะคะ
เนื่องจากต้นปีมีแพลนที่จะไปอิตาลี (ล้วนๆ) 9 วันคะ ก่อนเตรียมตัวหาข้อมูลมาเยอะมากกกกกก พบว่าวีซ่าที่อิตาลีนี่ค่อนข้างจะยุ่งคะ ไม่ยากแต่ยุ่ง เอกสารเยอะกว่าประเทศอื่นๆ
ขั้นเตรียมเอกสาร
1. กรอก แบบฟอร์ม คำขอวีซ่า ดาวน์โหลดได้จากเว็บ VFS Italy คะ
2. รูปถ่าย ขนาด 3.5 x 4.5 cm ขนาดใบหน้ารวมผม 3 cm : อันนี้เราไปถ่ายร้านที่สยามคะ ร้านที่เค้าไปถ่ายรูปสมัครแอร์เยอะๆอ่ะคะ เค้าจะมี ขนาดไว้แล้ว แถมถ่ายครั้งเดียวได้ 2 ขนาด คือ ขนาดของเชงเก้น กับขนาดของวีซ่าอเมริกาคะ ได้รวมๆมา30 ใบ ราคา 250 บาทเองคะ
3. Passport ที่มีอายุเหลือมากกว่า 3 เดือน ในวันเดินทาง(ในวีซ่าระบุว่าแค่3เดือนคะ แต่ทั่วไปควรเหลือมากกว่า6เดือนนะคะ)
4. ตั๋วเครื่องบินไปกลับ : เราจองการบินไทยไปคะ จองแบบจ่ายตังไปเรย ปริ้น E-ticket ไปคะ
5. ใบจองโรงแรม : ต้องมีใบจองที่ระบุชื่อทุกคนที่ไปขอวีซ่า และต้องมีครบตามจำนวนวันที่จะไปคะ อันนี้สำคัญนะคะ เพราะเราเห็นเค้าตรวจอันนี้นานมากกกกก ดูแล้วดูอีกคะ
6. แผนการเที่ยว : โดยละเอียดและสอดคล้องกับใบจองโรงแรมคะ เอกสารนี้บางประเทศไม่ต้องการแล้ว แต่อิตาลีต้องการคะ ดูละเอียดด้วยคะ
7. เอกสารรับรองการทำงาน : ต้องระบุตำแหน่ง ระยะเวลาที่เริ่มทำงาน เงินเดือน ในส่วนรายละเอียดต้องบอกชื่อที่ทำงาน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ บางคนบอกว่าต้องระบุวันลา แต่ของเราไม่ได้ระบุวันลาคะ เอกสารต้องอายุไม่เกิน 1 เดือนคะ
8. เอกสารทางการเงิน : สำหรับอิตาลีต้องใช้เอกสาร 2 อย่างคะ คือ bank certificate และ statement
ใช้คู่กันเท่านั้นนะคะ อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้คะ สำหรับ bank certificate จะเป็นภาษาอังกฤษคะ บอกให้พนักงานระบุจำนวนเงินลงไปใน remark ด้วยนะคะ เราขอที่ SCB ใช้เวลา 15 นาทีคะ และขอ statement 3 เดือนของ บัญชีเดียวกันด้วยคะ เพราะต้องใช้คู่กันคะ สำหรับ statement เราเป็นภาษาไทย ใช้ได้เลยไม่ต้องแปลคะ เพราะมี bank certificate ด้วยอยู่แล้ว เอกสารนี้ต้องอายุไม่เกิน 15 วันคะ
9. สำเนาทะเบียนบ้านภาษาไทย และแบบแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยคะ
10. กรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางภาษาอังกฤษ มีหลายบริษัทคะ ต้องใช้แบบมียอดการคุ้มครองค่ารักษา ทั้งเชงเก้นนะคะ แค่ในเขตประเทศอิตาลีไม่ได้คะ ต้องครอบคลุมทั้งเชงเก้น ยอดคุ้มครองค่ารักษา ต้องมากกว่า 30000 ยูโรคะ
11. สำเนาหน้า passport 2 ชุด และ หน้าที่มีการเดินทาง หรือวีซ่าเก่าทุกหน้า 1 ชุดคะ
พอเตรียมเอกสารพร้อมก้อเตรียมยื่นคะ
ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า
สำหรับที่VFSอิตาลี สำนักงานอยู่ที่สีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 15 คะ เริ่มเปิดให้ยื่นได้ 8.30น แต่มีคนไปเข้าคิวรอกันแต่เช้าคะ เนื่องจากที่ VFS อิตาลีตอนนี้ไม่มีระบบจองคิวนะคะ walk in เท่านั้นคะ
เราไปถึงที่ VFS ตอน 7.45 คะ มีคนรออยู่เยอะคะ มากกว่า 20 คน แต่ไม่มีคนเข้าคิวแบบเป็นระเบียบคะ ต่างคนต่างยืน เราเรยไปเข้าคิวรอหน้าประตูเป็นคิวแรกคะ พอเราเริ่มเข้าคิวก้อเริ่มมีคนมาต่อคิวคะ แต่บางคนก้อยังไม่ได้มาต่อคิวนะคะ เสียโอกาสมากเรยคะ เพราะประมาณ 8.15 น เจ้าหน้าที่เดินมาหน้าประตูบอกให้เข้าคิวเรียง 1 คะ คนที่มาก่อนแต่ไม่ได้เข้าคิวต้องไปต่อท้ายแถวซึ่งตอนนี้น่าจะประมาณ 40 คิวได้คะ
8.25น ประตูเปิดคะ เจ้าหน้าที่เค้าเตอร์ด้านหน้าจะขอดูใบคำขอวีซ่า และบอกจุดที่ต้องเซ็นชื่อเพิ่มเติม จากนั้นกดบัตรคิวให้เราเข้าไปนั่รอด้านในคะ
8.35น เราเป็นคิวที่ 1 คะ เรียกตรวจเอกสาร เราไป2คนนะคะ เรียกตรวจพร้อมกันคะ ตรวจเอกสารนานมากกกกกกกกกกกคะ คือเค้าตรวจละเอียดมาก ดูโรงแรมกับแผนการท่องเที่ยวละเอียดมากคะ คือนั่งดูเค้าตรวจตลอด เค้าอ่านทุกตัวอักษรจริงๆคะ และเจ้าหน้าที่รับเอกสารตรวจเสร็จแล้ว ยังต้องมีเจ้าหน้าที่ต่างชาติตรวจซ้ำอีกรอบคะ รวมตรวจ 2 รอบ นาน 1 ชม.40นาทีคะ คือรอนานมากจนงง เอกสารเราครบมากๆ หลักฐานทุกอย่างไม่มีปัญหายังตรวจนานเรยคะ จากนั้นจ่ายเงินคะ เราจ่ายไป 3083 บาทคะ
10.20 เราไปรอสแกนนิ้วคะ ขั้นตอนนี้รอประมาณ15นาทีคะ
10.45 เสร็จการขอวีซ่าคะ ขนาดเราคิวที่ 1 นะคะ ปาเข้าไปเกือบเที่ยง แต่เราว่าการที่เค้าตรวจละเอียดก้อดีนะคะ เพราะมีคนอื่นที่ขอแล้วเอกสารมีปัญหาเค้าก้อจะขอเพิ่มเติมเรยคะ แล้วก้อให้ไปหาเอกสารเพิ่มเติมก่อน จะได้ไม่ต้องเสียเงินยื่นแล้วไม่ผ่านคะ
เราไปยื่นวันศุกร์นะคะ กลับมารอผลที่บ้าน พอวันพุธมี SMS และมีเจ้าหน้าที่จาก VFS โทรมาให้ไปรับ passport คะ เราไปรับมา ผ่านเรียบร้อยดี ได้10วัน แต่ระยะเวลาที่ใช้ได้เกินมานิดหน่อยคะ รวมเวลา แค่ 3 วันทำการเท่านั้นคะ
หวังว่ากระทู้คงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่จะเดินทางนะคะ
[CR] รีวิวการขอวีซ่าเชงเก้น จากอิตาลีคะ
เนื่องจากต้นปีมีแพลนที่จะไปอิตาลี (ล้วนๆ) 9 วันคะ ก่อนเตรียมตัวหาข้อมูลมาเยอะมากกกกกก พบว่าวีซ่าที่อิตาลีนี่ค่อนข้างจะยุ่งคะ ไม่ยากแต่ยุ่ง เอกสารเยอะกว่าประเทศอื่นๆ
ขั้นเตรียมเอกสาร
1. กรอก แบบฟอร์ม คำขอวีซ่า ดาวน์โหลดได้จากเว็บ VFS Italy คะ
2. รูปถ่าย ขนาด 3.5 x 4.5 cm ขนาดใบหน้ารวมผม 3 cm : อันนี้เราไปถ่ายร้านที่สยามคะ ร้านที่เค้าไปถ่ายรูปสมัครแอร์เยอะๆอ่ะคะ เค้าจะมี ขนาดไว้แล้ว แถมถ่ายครั้งเดียวได้ 2 ขนาด คือ ขนาดของเชงเก้น กับขนาดของวีซ่าอเมริกาคะ ได้รวมๆมา30 ใบ ราคา 250 บาทเองคะ
3. Passport ที่มีอายุเหลือมากกว่า 3 เดือน ในวันเดินทาง(ในวีซ่าระบุว่าแค่3เดือนคะ แต่ทั่วไปควรเหลือมากกว่า6เดือนนะคะ)
4. ตั๋วเครื่องบินไปกลับ : เราจองการบินไทยไปคะ จองแบบจ่ายตังไปเรย ปริ้น E-ticket ไปคะ
5. ใบจองโรงแรม : ต้องมีใบจองที่ระบุชื่อทุกคนที่ไปขอวีซ่า และต้องมีครบตามจำนวนวันที่จะไปคะ อันนี้สำคัญนะคะ เพราะเราเห็นเค้าตรวจอันนี้นานมากกกกก ดูแล้วดูอีกคะ
6. แผนการเที่ยว : โดยละเอียดและสอดคล้องกับใบจองโรงแรมคะ เอกสารนี้บางประเทศไม่ต้องการแล้ว แต่อิตาลีต้องการคะ ดูละเอียดด้วยคะ
7. เอกสารรับรองการทำงาน : ต้องระบุตำแหน่ง ระยะเวลาที่เริ่มทำงาน เงินเดือน ในส่วนรายละเอียดต้องบอกชื่อที่ทำงาน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ บางคนบอกว่าต้องระบุวันลา แต่ของเราไม่ได้ระบุวันลาคะ เอกสารต้องอายุไม่เกิน 1 เดือนคะ
8. เอกสารทางการเงิน : สำหรับอิตาลีต้องใช้เอกสาร 2 อย่างคะ คือ bank certificate และ statement
ใช้คู่กันเท่านั้นนะคะ อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้คะ สำหรับ bank certificate จะเป็นภาษาอังกฤษคะ บอกให้พนักงานระบุจำนวนเงินลงไปใน remark ด้วยนะคะ เราขอที่ SCB ใช้เวลา 15 นาทีคะ และขอ statement 3 เดือนของ บัญชีเดียวกันด้วยคะ เพราะต้องใช้คู่กันคะ สำหรับ statement เราเป็นภาษาไทย ใช้ได้เลยไม่ต้องแปลคะ เพราะมี bank certificate ด้วยอยู่แล้ว เอกสารนี้ต้องอายุไม่เกิน 15 วันคะ
9. สำเนาทะเบียนบ้านภาษาไทย และแบบแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยคะ
10. กรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางภาษาอังกฤษ มีหลายบริษัทคะ ต้องใช้แบบมียอดการคุ้มครองค่ารักษา ทั้งเชงเก้นนะคะ แค่ในเขตประเทศอิตาลีไม่ได้คะ ต้องครอบคลุมทั้งเชงเก้น ยอดคุ้มครองค่ารักษา ต้องมากกว่า 30000 ยูโรคะ
11. สำเนาหน้า passport 2 ชุด และ หน้าที่มีการเดินทาง หรือวีซ่าเก่าทุกหน้า 1 ชุดคะ
พอเตรียมเอกสารพร้อมก้อเตรียมยื่นคะ
ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า
สำหรับที่VFSอิตาลี สำนักงานอยู่ที่สีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 15 คะ เริ่มเปิดให้ยื่นได้ 8.30น แต่มีคนไปเข้าคิวรอกันแต่เช้าคะ เนื่องจากที่ VFS อิตาลีตอนนี้ไม่มีระบบจองคิวนะคะ walk in เท่านั้นคะ
เราไปถึงที่ VFS ตอน 7.45 คะ มีคนรออยู่เยอะคะ มากกว่า 20 คน แต่ไม่มีคนเข้าคิวแบบเป็นระเบียบคะ ต่างคนต่างยืน เราเรยไปเข้าคิวรอหน้าประตูเป็นคิวแรกคะ พอเราเริ่มเข้าคิวก้อเริ่มมีคนมาต่อคิวคะ แต่บางคนก้อยังไม่ได้มาต่อคิวนะคะ เสียโอกาสมากเรยคะ เพราะประมาณ 8.15 น เจ้าหน้าที่เดินมาหน้าประตูบอกให้เข้าคิวเรียง 1 คะ คนที่มาก่อนแต่ไม่ได้เข้าคิวต้องไปต่อท้ายแถวซึ่งตอนนี้น่าจะประมาณ 40 คิวได้คะ
8.25น ประตูเปิดคะ เจ้าหน้าที่เค้าเตอร์ด้านหน้าจะขอดูใบคำขอวีซ่า และบอกจุดที่ต้องเซ็นชื่อเพิ่มเติม จากนั้นกดบัตรคิวให้เราเข้าไปนั่รอด้านในคะ
8.35น เราเป็นคิวที่ 1 คะ เรียกตรวจเอกสาร เราไป2คนนะคะ เรียกตรวจพร้อมกันคะ ตรวจเอกสารนานมากกกกกกกกกกกคะ คือเค้าตรวจละเอียดมาก ดูโรงแรมกับแผนการท่องเที่ยวละเอียดมากคะ คือนั่งดูเค้าตรวจตลอด เค้าอ่านทุกตัวอักษรจริงๆคะ และเจ้าหน้าที่รับเอกสารตรวจเสร็จแล้ว ยังต้องมีเจ้าหน้าที่ต่างชาติตรวจซ้ำอีกรอบคะ รวมตรวจ 2 รอบ นาน 1 ชม.40นาทีคะ คือรอนานมากจนงง เอกสารเราครบมากๆ หลักฐานทุกอย่างไม่มีปัญหายังตรวจนานเรยคะ จากนั้นจ่ายเงินคะ เราจ่ายไป 3083 บาทคะ
10.20 เราไปรอสแกนนิ้วคะ ขั้นตอนนี้รอประมาณ15นาทีคะ
10.45 เสร็จการขอวีซ่าคะ ขนาดเราคิวที่ 1 นะคะ ปาเข้าไปเกือบเที่ยง แต่เราว่าการที่เค้าตรวจละเอียดก้อดีนะคะ เพราะมีคนอื่นที่ขอแล้วเอกสารมีปัญหาเค้าก้อจะขอเพิ่มเติมเรยคะ แล้วก้อให้ไปหาเอกสารเพิ่มเติมก่อน จะได้ไม่ต้องเสียเงินยื่นแล้วไม่ผ่านคะ
เราไปยื่นวันศุกร์นะคะ กลับมารอผลที่บ้าน พอวันพุธมี SMS และมีเจ้าหน้าที่จาก VFS โทรมาให้ไปรับ passport คะ เราไปรับมา ผ่านเรียบร้อยดี ได้10วัน แต่ระยะเวลาที่ใช้ได้เกินมานิดหน่อยคะ รวมเวลา แค่ 3 วันทำการเท่านั้นคะ
หวังว่ากระทู้คงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่จะเดินทางนะคะ