ช่วยเหลือคนๆนึงด้วยความสงสาร เเต่เค้าไม่เกรงใจเราเลย

จริงๆเรากับเค้าไม่ได้สนิทกันเลยเคยเรียนด้วยกันตอนประถม อยู่ม.บ้านเดียวกันแต่ไม่เคยไปสุงสิงกัน ตอนป.5เราย้ายไปอยู่ รร.ประจำ เลยขาดหายกันไป

จนมาบังเอิญเจอกันเมื่อไม่นานมานี่ เพราะเค้าพักอยู่ใกล้ที่ที่เราขายของ ก็ทักทายกันตามปกติ

จนมีอยู่วันนึง เค้าก็มายืมเงินเราบอกกระเป๋าหายไม่มีเงินไปซื้อหนังสือถึงกำหนดจ่ายเราเลยให้ยืมไป3000

ครั้งที่2 ถัดมาอีกอาทิตย์นึงก็มายืมอีก คราวนี้บอกจะกลับบ้าน เราก็ให้ยืมอีก2000

ครั้งที่3 เริ่มถี่ขึ้นถัดมาอีก3-4วัน เราเห็นเค้ามารอรถเมล์ไปไหนไม่รู้สักชั่วโมงนึง ก็โทรมาหาเรา(มีเบอร์เพราะ เราเคยจะฝากของไปให้ที่บ้าน เพราะเราเห็นว่ากลับบ้านบ่อย) โทรมาหาเราบอกให้ช่วยเติมเงินออนไลน์ให้ เราก็ไม่ได้รับปากเพราะขายของอยู่มีลูกค้ามาเรื่อยๆ  สักพักก็โทรมาเร่งเราอีก บอกมีเงินติดตัวเเค่12บาท  จะให้ที่บ้านโอนเงินให้ เราก็สงสารอ่ะ พอเก็บร้านเสร็จเราก็ไปเติมให้ เเต่ก็แอบตะหงิดๆคือ อยากรู้ว่าเค้าไม่มีเพื่อนที่สนิทหรอ  เพราะกับเราถือว่าไม่สนิทเลย ให้ยืมเงินนี่ถือว่ามากไปแล้วนะทำไมถึงกล้าใช้เรา เเต่อีกใจก็คิดว่าคงจนตรอกจริงๆถึงได้กล้าบากหน้ามาพึ่งเรา

พอเค้าเอาเงินมาคืนเราเสร็จเค้าก็หาหน้าไปหลายวัน พอกลับมาก็มาคุยกับเราเหมือนสนิทกันมาก  เริ่มเล่าปัญหาให้ฟัง บอกว่าเลิกกับแฟน เพราะเเฟนติดผู้หญิงคนใหม่ แอบขนของหนี เอาไปแต่ของที่มีราคา  ทิ้งภาระหนี้สอนไว้ให้ เพราะค้างค่าเช่าห้องไว้2เดือน  ค่างวดรถ ฯลฯ แล้วก็หนีหายไปเลยพร้อมรถยนต์1คัน บิ๊กไบค์ที่เพิ่งออกใหม่อีก1คัน ทีวีตู้เย็นแอร์เอาไปหมด คือขนใส่รถไปตอนเค้าไม่อยู่  แล้วก็พวกของโทรศัพท์ ไอโฟน5  กับซัมซุงอีกเครื่อง  ทองอะไรก็ไปจำนำหมดแล้ว ไม่มีเงินไปต่อดอกเบี้ย ผู้ชายทิ้งภาระไว้ให้ทุกอย่าง พอไปถามเจ้าของห้องเช่าเค้าบอกว่าพาผู้หญิงคนใหม่มาด้วย. เราฟังเราก็สงสารอ่ะ ผู้ชายแมร่งเลวมากๆ เพราะทิ้งตอนที่ฝ่ายหญิงตกงาน แต่ก่อนผู้ชายให้ผู้หญิงหาเลี้ยงตลอด(ผู้ชายอายุ30แล้วนะ) เพิ่งมาทำงานตอนออกรถยนต์ ทำงานได้5-6เดือน ฝ่ายผู้หญิงโดนเลิกจ้างพอดีผู้ชายก็ดูถูก เหน็บเเนม ด่าผู้หญิงเหมือนเป็นตัวถ่วง (อันนี้เค้าเล่าให้เราฟัง ฟังเเล้วโมโหแทน)   เราก็แนะนำให้ไปแจ้งความ เค้าก็บอกว่ารอก่อน ถ้าวันที่25ไม่มาทำเอกสารสัญญาอะไร(เรื่องรถฯ) ก็จะเเจ้งความแต่จะให้ผู้ใหญ่ไปคุยกันก่อน  

ระหว่างนี่เค้าก็ถามเราตลอดว่ารู้จักหอพักตรงไหนถูกๆบ้างเพราะจะย้ายห้อง เราเลยแนะนำว่าแถวบ้านเรามีหลายหอไปหาดู   เค้าก็ขอให้เราช่วยพาไป  แต่พอดี2-3วันนั้นเราไม่มีเวลา  พอถึงวันหยุดเราเค้าก็โทรมา พอดีเราว่างเลยพาไป เพราะเค้าไม่มีรถ  ถามทุกหอ แต่ละหอค่าห้องพอกันแต่ค่ามัดจำค่าประกันค่อนข้างแพง เค้ามีเงินอยู่2,000  (แม่เค้าโอนมาให้)  เราก็แย้งไปว่ามันไม่พอนะ สุดท้ายเลยมาได้หอที่อยู่ตรงข้ามบ้านเรา ซึ่งเรากับลุงเจ้าของสนิทกัน เราก็ไปช่วยคุย  ลุงแกก็เอาแค่มัดจำ2,000 เข้าอยู่ได้เลย สิ้นเดือนจ่ายค่าประกัน3,000  ยังไม่คิดค่าห้องคิดแต่ค่าน้ำค่าไฟ  เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนเรา  เราก็บอกให้รับปากนะว่าจะไม่ทำลุงกับเราเดือดร้อน   เพราะเราก็ไม่อยากเสีย. เค้าก็โอเค

วันนั้นเค้าก็อยู่บ้านเราทั้งวัน กินข้าวบ้านเราเสร็จสรรพ แม้แต่ค่าน้ำมันรถตระเวรหาหอก็ไม่ได้ แต่ก็พยายามเข้าใจว่าคงไม่มีเงินจริงๆแหล่ะ ช่วยเอาบุญไป  แต่มันเริ่มจากตรงนี้เเหล่ะ  เพราะปกติเราจะทำกับข้าวทุกวัน เราก็บอกให้หาข้าวกินกัน เค้าก็ไม่ยอมลุกมาช่วยนะ เราก็ต้องหาให้กิน เค้าทำอยู่อย่างเดียวคือพยายามโทรหาผู้ชาย  พอกินข้าวเสร็จเค้าลุกหนีเลย. แล้วก็ไปโทรหาผู้ชายต่อ  เราก็เริ่มอึดอัดแล้ว  เพราะ ทำให้กิน หาให้กิน แล้วยังเก็บล้างให้อีก   พอเย็นมาต้องขับรถไปส่งอีก ทั้งๆที่เค้าขึ้นรถ2แถวกลับก็ได้ต่อเดียวถึง ไม่ใช่ว่าขึ้นไม่เป็นด้วย เพราะรอรถหน้าบ้านเราได้เลย มีสายเดียว.    คือยังงงๆตัวเองว่าธุระก็ไม่ใช่ลำบากตัวเองอีก  ทั้งทำงานประจำทั้งขายของตอนเช้า ปกติเวลาก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว หยุดอาทิตย์ละวัน จะซักผ้า ขัดห้องน้ำทำความสะอาดแต่เช้า  วันนั้นกว่าจะซักผ้าเสร็จปาไปตี1.   พอตี4ต้องตื่นเตรียมตัวไปขายของอีก.

พอเลิกงานตอนเย็น เค้าก็โทรมาหาเราบอกให้เอารถเราย้ายห้องได้มั๊ย. เราก็บอกไม่ได้นะ รถเก๋งเรากลัวมันเป็นรอย มีเเต่ตู้แต่ชั้น ให้ไปหาจ้างกระบะเอา คือทำไมต้องลำบากเราทุกเรื่องด้วยหว่ะ  แล้วก็ขอให้เราไปช่วยยกของชิ้นใหญ่ๆช่วย (ตู้ เตียง ที่นอน6ฟุต ตู้เย็น โต๊ะคอม ชั้นอีก3)ถ้าเราไม่ไปช่วยยกก็จะหาว่าเเล้งน้ำใจอีก   จริงๆไม่ใช่ธุระเลย
เหนื่อยนอนดึก ตื่นเช้า เหนื่อยขายของ เหนื่อยทำงาน แล้วยังต้องมายกของขึ้นชั้น2อีก

พอขนของเสร็จเราก็กลับบ้าน มาล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ที่เอาไว้ทำขาย. เค้าก็มาบ้านเราอีก (แบบไม่ได้เชิญ)  เห็นเรานั่งล้างของ ทำนู่นนี่นั่นเสร็จ ทำกับข้าวต่อ  เค้าก็นั่งดูทีวีเฉยอ่ะ ไม่ถามสักคำ   พอทำเสร็จเค้าก็กิน กินเสร็จเค้าก็ไม่เก็บไม่ล้างอีกแล้ว นั่งดูทีวีจนดึก  คือเราเหนื่อยต้องการพักผ่อน แต่ต้องมานั่งเฝ้าเค้า ไม่ยอมกลับสักที จนเราทำเป็นทำทีพูดว่า  ให้ไปถามเจ้าของหอเผื่อมีทีวีให้เช่า.    จน5ทุ่มชวนเราไปเซเว่น เราก็ไม่ไป ก็รบเร้าให้เราขับรถพาไปให้ได้       เราก็มานอนคิดว่าเอ้อเราใจดีมากไปเปล่า หรือเราโง่เอง  แต่ก็พยายามคิดว่าถือว่าช่วยคนกำลังลำบาก

เช้ามาเราก็ไปขายของปกติ 9โมงกลับมาบ้านเเต่งตัวไปทำงานเห็นแต่ถือตระกร้าผ้า หอบผ้านวมผ้าห่มมา มาขอใช้เครื่องซักผ้าบ้านเรา เราเลยบอกไปว่าเดี๋ยวจะไปทำงานเเล้ว  เค้ายังกล้าขอกุญแจบ้านเราไว้บอกเสร็จแล้วจะล็อคบ้านให้  เเต่เราก็บอกเรารีบ ให้ไปหยอดเหรียญเอา เค้าก็บอกไม่มีเงินเพราะต้องซักหลายถัง.เราเลยพูดเลี่ยงๆส่งๆไปว่าตอนเย็นค่อยว่ากัน พอเลิกงานมาเราต้องมานั่งเฝ้าเค้าปั่นผ้า เพราะเราเองก็ไม่ได้ไว้ใจอะไรเค้าเลย.  
ช่วงนี้คือ อดหลับอดนอนเพราะวุ่นวายอยู่กับคนๆเดียว  แต่ก่อนมีเวลาหลังเลิกงานเราจะนอนก่อนสัก2ชั่วโมง ค่อยตื่นมากินข้าวเย็น


เราเต็มใจช่วยในเรื่องที่พอช่วยได้  แต่ตอนนี้เหมือนต้องเลี้ยงดูคนอีกคนนึงเลยอ่ะ เราลำบากใจนะ ปกติเพื่อนที่สนิทๆยังไม่ค่อยให้มาบ้าน ถ้าจะมาต้องโทรบอกก่อน  แต่นี่นึกจะเดินมาาตอนไหนก็มา  มาแล้วก็มาอยู่ยันดึก ซึ่งเราก็อยากได้ความเป็นส่วนตัวอ่ะ. เรื่องอาหารการกิน เราไม่หวงนะ ทำใส่ตู้ไว้ ถ้าหิวเอาจานตัวเองมาตักไปกินได้เลย.
เเต่นี่ไม่ใช่อ่ะ มาถึงถามเรามีอะไรกินบ้าง  ต้องให้เราตักให้ อิ่มแล้วนั่งแช่ เป็นชั่วโมง2ชั่วโมง  เราก็กลัวแมลงวันเข้าบ้าน  พอจะไปก็ไปเลย แม้เเต่จานข้าวก็ไม่เก็บ

เรายังเครียดอยู่เนี่ยะกลัวเค้าผิดคำพูดกับจข.หอ ถ้าไม่มีเงินมาจ่าย เราจะเสียไปด้วย.  
เราจะจัดการยังไงดี ใจเราคือหาห้องเป็นธุระให้แล้วก็ต่างคนต่างอยู่กันไปช่วยเรื่แงเงินได้นิดหน่อย แต่นี่มาวุ่นวายกับบ้านเราเกินไป ทำยังไงดี เราไม่กล้าไล่ตรงๆ.สงสารเค้า  กลัวเค้าเหงามากๆ คิดว่าตัวเองไม่เหลทแใครแะไรแบบนี่แล้วจะคิดสั้นขึ้นมา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่