"สมัยก่อนแถวบ้านนอกเรา ตอนอาตมาเป็นเด็กเคยเห็น...เวลาเขามาสำรวจให้เด็กเข้าโรงเรียน
ถ้าลูกใครยังไม่ถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียน พ่อ-แม่ของเด็กดีใจเหลือเกิน คิดว่าลูกเราไม่ต้องไปเรียนหนังสือ
จะได้มีคนเลี้ยงควาย เลี้ยงน้อง รดน้ำผักในสวนให้เรา ถ้าถูกเกณฑ์เรียนแล้ว จะไม่มีใครเลี้ยงควาย เลี้ยงน้อง
ไม่มีใครตักน้ำตักท่า หรือถ้าลูกสอบตก ก็ยิ่งดีใจเหลือเกิน สมัยนั้นคิดอย่างนี้
คนอ่านหนังสือไม่ได้ ก็เหมือนคนตาบอด จะไปไหนก็ยาก เข้าไปในเมืองไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน?
จะไปห้องน้ำห้องส้วม จะไปไหนก็ไม่รู้จัก เพราะอ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้เรื่อง ไม่ทันเหตุการณ์
การเรียนรู้ธรรมะนี่ก็เหมือนกัน ถ้าเรามีชีวิตอยู่ไปเฉยๆ ไม่ได้ฟังธรรมะ ใจจะไม่สูงขึ้น ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร?
บางคนเกิดมามีชีวิตเหมือนไก่ตัวหนึ่งเท่านั้น ไก่เกิดมาโตขึ้นมีลูก พาลูกๆคุ้ยเขี่ยหากินไปตามเรื่องราว
ตกเย็นนอน เช้ามาก็กระโจนลงดินร้องกุ๊กๆออกหากินไป ตอนเย็นก็กลับมานอนอีกวันๆ หนึ่งทำอยู่อย่างนี้
ถ้ามนุษย์ใช้ชีวิตแบบนี้ ชีวิตจะมีประโยชน์อะไรไหม? ไม่มีประโยชน์ ก็เหมือนกับสัตว์ที่ไม่มีปัญญาเท่านั้นเอง ค
นเลี้ยงไก่ เขาจับมันยกขึ้นดูทุกวันๆ เอาอาหารให้กินเรื่อยๆ ไก่ก็นึกว่าเขารักเรา แต่เจ้าของเขาคิดว่านี่มันหนักเท่าไหร่แล้ว? พอจะเอาไปขายได้หรือยัง?
เจ้าไก่ไม่รู้เรื่อง พอสอง-สามเดือนต่อมา เอาแล้ว...เขาเอาไปตลาดแล้ว
คนเราอยู่กันทุกวันนี้ก็คล้ายๆอย่างนั้น ไม่ค่อยได้นึกถึงอันตรายชีวิต เพราะมัวแต่หลงไม่รู้เรื่องชีวิตตัวเอง
จึงเหมือนกับไก่ในเข่งที่เขากำลังเอาไปขาย เขายกขึ้นรถก็ยังขันโอ๊กๆสนุกสนาน
ไปถึงที่แล้วเขาจับถอนขน ก็นึกว่าเขาทำความสะอาดให้ มันโง่ขนาดนั้น
พอมีดเชือดเข้าไป โอ้!...มันตายนี่นะ ไม่เห็นชีวิตตัวเองไม่รู้จักแก้ไข จึงตายไปโดยไม่มีประโยชน์
เราทุกคนก็เหมือนกัน ไม่รู้จักพอ ดิ้นรนไปทุกสิ่งทุกอย่าง ดิ้นรนในการทำมาหากิน หาชื่อเสียงเกียรติยศ
แต่หาในทางที่ชอบก็ยังดีนะ บางคนดิ้นรนไปอิจฉาพยาบาทเขา มันไม่ค่อยดี
คนขาดการฟังธรรมก็เป็นอย่างนั้น มันโง่ไปเรื่อยแหละ เราอิจฉาคนอื่นอยู่ ก็หาว่าเขาอิจฉาเรา
คนพวกนี้ไม่ค่อยรู้จักตนเอง เป็นปทปรมะบุคคล พระพุทธองค์ท่านไม่สอนคนจำพวกนี้ เพราะมันสอนไม่ได้เป็นคนที่ถูกท่านทิ้ง
ปทปรมะบุคคล ไม่ใช่คนไม่มีความรู้นะ เป็นคนมีความรู้อยู่ แต่ไม่ทำตามใคร ไม่ยอมเชื่อใคร
ตาสีตาสา ไม่ได้เรียนหนังสือ...โง่! แต่ว่าเขาฟังถ้าครูบาอาจารย์แนะนำให้ทำอย่างนั้น ปฏิบัติอย่างนี้ เขาก็ทำ ไม่โต้แย้งอะไรมาก
นี่เป็นคนไม่ค่อยมีความรู้แต่พอสอนได้
แต่คนรู้แล้วไม่ทำ เป็นปทปรมะบุคคล เป็นคนใช้ไม่ได้ เพราะขาดธรรมะ ไม่สนใจธรรมะ
บางคนมีความเข้าใจว่า ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมแล้วจะมีประโยชน์อะไร? มัวแต่ถือศีลถือธรรมก็ไม่ต้องทำมาหากินกัน นี่คิดผิดมาก
เพราะธรรมะจริงๆ ก็คือเรื่องของความถูกต้อง มันรวมเรื่องถูกต้องของชีวิตเราไว้ทั้งหมด
จะหากินอย่างไร? จะเก็บรักษายังไง? คบหากับคนอื่นอย่างไร? ดำเนินชีวิตอย่างไรจึงจะไม่เป็นทุกข์?
นี่เรื่องธรรมะ ทำไมจะไม่มีประโยชน์?
ฉะนั้น ปทปรมะบุคคล ไม่ใช่ใครคนอื่น คือ คนที่ฉลาดไปในทางที่ผิดที่ชั่ว
เหมือนเขาพูดว่ายาพิษนี่ดี แต่ดีนั้นกินเข้าไปแล้วตาย เมื่อถามว่า ถ้าปืนดีก็ยิงตัวคุณซิ...อ้าว!...ยิงไม่ได้...ไม่ดีซะแล้ว แต่ทำไมพูดว่าปืนดี ยาพิษดี
คนเรามักหลงอยู่อย่างนี้ คิดไม่ถูก คิดไม่ดี คิดร้ายต่อกัน ทุกวันนี้จึงเดือดร้อนไปทั่ว
ถ้าทุกคนมีเมตตากัน รู้จักให้อภัย เห็นอกเห็นใจกัน บุญกุศลก็เกิดขึ้นแก่ทุกคน ค
วามเป็นอยู่ของเราก็เรียบร้อยเป็นสุขไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจทะเลาะเบาะแว้งกัน"
ลป.ชา
https://www.facebook.com/pages/สาขาวัดหนองป่าพง/182989118504002
บางคนเกิดมามีชีวิตเหมือนไก่ตัวหนึ่งเท่านั้น ไก่เกิดมาโตขึ้นมีลูก พาลูกๆคุ้ยเขี่ยหากินไปตามเรื่องราว
ถ้าลูกใครยังไม่ถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียน พ่อ-แม่ของเด็กดีใจเหลือเกิน คิดว่าลูกเราไม่ต้องไปเรียนหนังสือ
จะได้มีคนเลี้ยงควาย เลี้ยงน้อง รดน้ำผักในสวนให้เรา ถ้าถูกเกณฑ์เรียนแล้ว จะไม่มีใครเลี้ยงควาย เลี้ยงน้อง
ไม่มีใครตักน้ำตักท่า หรือถ้าลูกสอบตก ก็ยิ่งดีใจเหลือเกิน สมัยนั้นคิดอย่างนี้
คนอ่านหนังสือไม่ได้ ก็เหมือนคนตาบอด จะไปไหนก็ยาก เข้าไปในเมืองไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน?
จะไปห้องน้ำห้องส้วม จะไปไหนก็ไม่รู้จัก เพราะอ่านหนังสือไม่ออก ไม่รู้เรื่อง ไม่ทันเหตุการณ์
การเรียนรู้ธรรมะนี่ก็เหมือนกัน ถ้าเรามีชีวิตอยู่ไปเฉยๆ ไม่ได้ฟังธรรมะ ใจจะไม่สูงขึ้น ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร?
บางคนเกิดมามีชีวิตเหมือนไก่ตัวหนึ่งเท่านั้น ไก่เกิดมาโตขึ้นมีลูก พาลูกๆคุ้ยเขี่ยหากินไปตามเรื่องราว
ตกเย็นนอน เช้ามาก็กระโจนลงดินร้องกุ๊กๆออกหากินไป ตอนเย็นก็กลับมานอนอีกวันๆ หนึ่งทำอยู่อย่างนี้
ถ้ามนุษย์ใช้ชีวิตแบบนี้ ชีวิตจะมีประโยชน์อะไรไหม? ไม่มีประโยชน์ ก็เหมือนกับสัตว์ที่ไม่มีปัญญาเท่านั้นเอง ค
นเลี้ยงไก่ เขาจับมันยกขึ้นดูทุกวันๆ เอาอาหารให้กินเรื่อยๆ ไก่ก็นึกว่าเขารักเรา แต่เจ้าของเขาคิดว่านี่มันหนักเท่าไหร่แล้ว? พอจะเอาไปขายได้หรือยัง?
เจ้าไก่ไม่รู้เรื่อง พอสอง-สามเดือนต่อมา เอาแล้ว...เขาเอาไปตลาดแล้ว
คนเราอยู่กันทุกวันนี้ก็คล้ายๆอย่างนั้น ไม่ค่อยได้นึกถึงอันตรายชีวิต เพราะมัวแต่หลงไม่รู้เรื่องชีวิตตัวเอง
จึงเหมือนกับไก่ในเข่งที่เขากำลังเอาไปขาย เขายกขึ้นรถก็ยังขันโอ๊กๆสนุกสนาน
ไปถึงที่แล้วเขาจับถอนขน ก็นึกว่าเขาทำความสะอาดให้ มันโง่ขนาดนั้น
พอมีดเชือดเข้าไป โอ้!...มันตายนี่นะ ไม่เห็นชีวิตตัวเองไม่รู้จักแก้ไข จึงตายไปโดยไม่มีประโยชน์
เราทุกคนก็เหมือนกัน ไม่รู้จักพอ ดิ้นรนไปทุกสิ่งทุกอย่าง ดิ้นรนในการทำมาหากิน หาชื่อเสียงเกียรติยศ
แต่หาในทางที่ชอบก็ยังดีนะ บางคนดิ้นรนไปอิจฉาพยาบาทเขา มันไม่ค่อยดี
คนขาดการฟังธรรมก็เป็นอย่างนั้น มันโง่ไปเรื่อยแหละ เราอิจฉาคนอื่นอยู่ ก็หาว่าเขาอิจฉาเรา
คนพวกนี้ไม่ค่อยรู้จักตนเอง เป็นปทปรมะบุคคล พระพุทธองค์ท่านไม่สอนคนจำพวกนี้ เพราะมันสอนไม่ได้เป็นคนที่ถูกท่านทิ้ง
ปทปรมะบุคคล ไม่ใช่คนไม่มีความรู้นะ เป็นคนมีความรู้อยู่ แต่ไม่ทำตามใคร ไม่ยอมเชื่อใคร
ตาสีตาสา ไม่ได้เรียนหนังสือ...โง่! แต่ว่าเขาฟังถ้าครูบาอาจารย์แนะนำให้ทำอย่างนั้น ปฏิบัติอย่างนี้ เขาก็ทำ ไม่โต้แย้งอะไรมาก
นี่เป็นคนไม่ค่อยมีความรู้แต่พอสอนได้
แต่คนรู้แล้วไม่ทำ เป็นปทปรมะบุคคล เป็นคนใช้ไม่ได้ เพราะขาดธรรมะ ไม่สนใจธรรมะ
บางคนมีความเข้าใจว่า ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมแล้วจะมีประโยชน์อะไร? มัวแต่ถือศีลถือธรรมก็ไม่ต้องทำมาหากินกัน นี่คิดผิดมาก
เพราะธรรมะจริงๆ ก็คือเรื่องของความถูกต้อง มันรวมเรื่องถูกต้องของชีวิตเราไว้ทั้งหมด
จะหากินอย่างไร? จะเก็บรักษายังไง? คบหากับคนอื่นอย่างไร? ดำเนินชีวิตอย่างไรจึงจะไม่เป็นทุกข์?
นี่เรื่องธรรมะ ทำไมจะไม่มีประโยชน์?
ฉะนั้น ปทปรมะบุคคล ไม่ใช่ใครคนอื่น คือ คนที่ฉลาดไปในทางที่ผิดที่ชั่ว
เหมือนเขาพูดว่ายาพิษนี่ดี แต่ดีนั้นกินเข้าไปแล้วตาย เมื่อถามว่า ถ้าปืนดีก็ยิงตัวคุณซิ...อ้าว!...ยิงไม่ได้...ไม่ดีซะแล้ว แต่ทำไมพูดว่าปืนดี ยาพิษดี
คนเรามักหลงอยู่อย่างนี้ คิดไม่ถูก คิดไม่ดี คิดร้ายต่อกัน ทุกวันนี้จึงเดือดร้อนไปทั่ว
ถ้าทุกคนมีเมตตากัน รู้จักให้อภัย เห็นอกเห็นใจกัน บุญกุศลก็เกิดขึ้นแก่ทุกคน ค
วามเป็นอยู่ของเราก็เรียบร้อยเป็นสุขไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจทะเลาะเบาะแว้งกัน"
ลป.ชา
https://www.facebook.com/pages/สาขาวัดหนองป่าพง/182989118504002