"โบรกเกอร์ คาด WHA เพิ่มทุน 200 ล้านหุ้น ขาย RO หุ้นละ 44 บาท ระบุอยู่ระหว่างปรับประมาณการราคาหุ้น มองการเทคโอเวอร์ HEMRAJ เป็นบวก"
บทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า กรณี คณะกรรมการของบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA อนุมัติแผนการประกาศเจตนาจะเข้าถือหลักทรัพย์ของบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ HEMRAJ โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจด้วยราคาซื้อหุ้นละ 4.50 บาทต่อหุ้น ตามประกาศจากทางตลาดหลักทรัพย์ บริษัทอาจยกเลิกการทำคำเสนอซื้อถ้าหากสิ้นสุดระยะเวลารับซื้อแล้วมีผู้เสนอขายหุ้นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 50 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ บริษัท เหมราชฯ นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติการลงนามในการทำบันทึกความเข้าใจกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เหมราชฯ (“MOU”) เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 โดยภายใต้ MOU ดังกล่าว บริษัทฯ ได้แสดงความประสงค์ที่จะเข้าทำสัญญาเพื่อให้มีการเสนอขายหุ้นบริษัท เหมราชฯ จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ในจำนวนร้อยละ 22.53 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ บริษัท เหมราชฯ ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท โดยเงินทุนสำหรับการเข้าซื้อในครั้งนี้มาจาก : 1) การเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) มูลค่าไม่เกิน 8,800 ล้านบาท และ 2) เงินกู้จากสถาบันทางการเงินมุมมองของเรา เราประเมินว่า WHA จำเป็นต้องใช้เงิน 21,841 ล้านบาท เพื่อที่จะซื้อหุ้นของ HEMRAJ ในสัดส่วน 50.01% ของหุ้นชำระแล้ว หรือคิดเป็น 4,854 ล้านหุ้นของ HEMRAJ เพื่อที่จะสามารถควบคุมการบริหารงานของบริษัทได้ สำหรับการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 8,800 ล้านบาทนั้น เราคาดว่าบริษัทจะออกหุ้นสามัญใหม่ 200 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 44 บาท ซึ่งจะทำให้จำนวนหุ้นชำระแล้วรวมหลังการออกหุ้นสามัญใหม่เท่ากับ 1,164 ล้านหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 21% ในจำนวนหุ้น และเนื่องจาก WHA จำเป็นต้องใช้เงินขั้นต่ำ 21,841 ล้านบาท เพื่อที่จะซื้อหุ้น HEMRAJ ในสัดส่วน 50.01% ของหุ้นชำระแล้วเป็นอย่างน้อย ดังนั้นเราคาดว่าบริษัทจำเป็นต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินทั้งหมด 13,041 ล้านบาท ณ วันที่ 14 กันยายน สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) และสัดส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิ (net D/E) อยู่ที่ 3.6 เท่า และ 3.0 เท่า ตามลำดับ ซึ่งถ้าหากเป็นไปตามสมมติฐานที่เรากล่าวไว้ข้างต้น D/E และ net D/E ของบริษัทจะอยู่ที่ 1.9 เท่า และ 1.5 เท่าภายในสิ้นปี 2558 สำหรับกรณีที่ WHA ต้องซื้อหุ้นทั้ง 100% ของ HEMRAJ จากคำเสนอซื้อโดยสมัครใจ บริษัทจะต้องจัดหาเงินเพิ่มขึ้นถึง 43,673 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากอิงตามคำกล่าวของบริษัทที่จะไม่เพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมเกินกว่า 8,800 ล้านบาท นั่นหมายถึง WHA จะต้องใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินถึง 34,873 ล้านบาท อันจะทำให้สัดส่วน net D/E สูงกว่า 3.0 เท่า อย่างไรก็ตาม ในกรณีเช่นนี้เราเชื่อว่าบริษัทจะหาเงินลงทุนจากทางเลือกอื่นๆ เพื่อที่จะทำให้สัดส่วนของหนี้สินลดลง เรายังอยู่ระหว่างทบทวนรายได้, กำไรสุทธิ (รวมผลของไดลูชั่น) และมูลค่าที่เหมาะสม (อิงวิธี DCF) แต่จากการวิเคราะห์เบื้องต้นนั้น เรามองว่าการเข้าซื้อ HEMRAJ ครั้งนี้เป็นผลดีต่อ WHA อย่างไรก็ตามเราจะอัพเดตข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยการเข้าซื้อ HEMRAJ นั้นจะขยายฐานลูกค้าของ WHA โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลังสินค้าแบบ built-to-suit ในลักษณะ option-to-buy ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าที่สำคัญของ HEMRAJ และมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์มากที่สุดติดสิบอันดับแรกของโลก เราเชื่อว่า WHA จะเข้าไปเพิ่มบริการที่ครบวงจรมากขึ้นให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความเป็นผู้นำในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมของHEMRAJ อีกทั้งยังทำให้ WHA มีความพร้อมยิ่งขึ้นในการมาของ AEC รวมถึงการโยกย้ายเงินทุนเข้ามาลงทุนในไทยมาขึ้นของบริษัทต่างชาติ ในมุมมองของเรา การเข้าซื้อครั้งนี้จะทำให้ WHA อยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งมากขึ้นในการควบคุมห่วงโซ่มูลค่าและทิศทางธุรกิจของบริษัท เราอยู่ระหว่างการปรับประมาณการของ WHA
โบรกเกอร์ คาด WHA เพิ่มทุน 200 ล้านหุ้น ขาย RO หุ้นละ 44 บาท
บทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า กรณี คณะกรรมการของบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA อนุมัติแผนการประกาศเจตนาจะเข้าถือหลักทรัพย์ของบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ HEMRAJ โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจด้วยราคาซื้อหุ้นละ 4.50 บาทต่อหุ้น ตามประกาศจากทางตลาดหลักทรัพย์ บริษัทอาจยกเลิกการทำคำเสนอซื้อถ้าหากสิ้นสุดระยะเวลารับซื้อแล้วมีผู้เสนอขายหุ้นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 50 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ บริษัท เหมราชฯ นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติการลงนามในการทำบันทึกความเข้าใจกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เหมราชฯ (“MOU”) เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 โดยภายใต้ MOU ดังกล่าว บริษัทฯ ได้แสดงความประสงค์ที่จะเข้าทำสัญญาเพื่อให้มีการเสนอขายหุ้นบริษัท เหมราชฯ จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ในจำนวนร้อยละ 22.53 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ บริษัท เหมราชฯ ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท โดยเงินทุนสำหรับการเข้าซื้อในครั้งนี้มาจาก : 1) การเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) มูลค่าไม่เกิน 8,800 ล้านบาท และ 2) เงินกู้จากสถาบันทางการเงินมุมมองของเรา เราประเมินว่า WHA จำเป็นต้องใช้เงิน 21,841 ล้านบาท เพื่อที่จะซื้อหุ้นของ HEMRAJ ในสัดส่วน 50.01% ของหุ้นชำระแล้ว หรือคิดเป็น 4,854 ล้านหุ้นของ HEMRAJ เพื่อที่จะสามารถควบคุมการบริหารงานของบริษัทได้ สำหรับการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 8,800 ล้านบาทนั้น เราคาดว่าบริษัทจะออกหุ้นสามัญใหม่ 200 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 44 บาท ซึ่งจะทำให้จำนวนหุ้นชำระแล้วรวมหลังการออกหุ้นสามัญใหม่เท่ากับ 1,164 ล้านหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 21% ในจำนวนหุ้น และเนื่องจาก WHA จำเป็นต้องใช้เงินขั้นต่ำ 21,841 ล้านบาท เพื่อที่จะซื้อหุ้น HEMRAJ ในสัดส่วน 50.01% ของหุ้นชำระแล้วเป็นอย่างน้อย ดังนั้นเราคาดว่าบริษัทจำเป็นต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินทั้งหมด 13,041 ล้านบาท ณ วันที่ 14 กันยายน สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) และสัดส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิ (net D/E) อยู่ที่ 3.6 เท่า และ 3.0 เท่า ตามลำดับ ซึ่งถ้าหากเป็นไปตามสมมติฐานที่เรากล่าวไว้ข้างต้น D/E และ net D/E ของบริษัทจะอยู่ที่ 1.9 เท่า และ 1.5 เท่าภายในสิ้นปี 2558 สำหรับกรณีที่ WHA ต้องซื้อหุ้นทั้ง 100% ของ HEMRAJ จากคำเสนอซื้อโดยสมัครใจ บริษัทจะต้องจัดหาเงินเพิ่มขึ้นถึง 43,673 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากอิงตามคำกล่าวของบริษัทที่จะไม่เพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมเกินกว่า 8,800 ล้านบาท นั่นหมายถึง WHA จะต้องใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินถึง 34,873 ล้านบาท อันจะทำให้สัดส่วน net D/E สูงกว่า 3.0 เท่า อย่างไรก็ตาม ในกรณีเช่นนี้เราเชื่อว่าบริษัทจะหาเงินลงทุนจากทางเลือกอื่นๆ เพื่อที่จะทำให้สัดส่วนของหนี้สินลดลง เรายังอยู่ระหว่างทบทวนรายได้, กำไรสุทธิ (รวมผลของไดลูชั่น) และมูลค่าที่เหมาะสม (อิงวิธี DCF) แต่จากการวิเคราะห์เบื้องต้นนั้น เรามองว่าการเข้าซื้อ HEMRAJ ครั้งนี้เป็นผลดีต่อ WHA อย่างไรก็ตามเราจะอัพเดตข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยการเข้าซื้อ HEMRAJ นั้นจะขยายฐานลูกค้าของ WHA โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลังสินค้าแบบ built-to-suit ในลักษณะ option-to-buy ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าที่สำคัญของ HEMRAJ และมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์มากที่สุดติดสิบอันดับแรกของโลก เราเชื่อว่า WHA จะเข้าไปเพิ่มบริการที่ครบวงจรมากขึ้นให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความเป็นผู้นำในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมของHEMRAJ อีกทั้งยังทำให้ WHA มีความพร้อมยิ่งขึ้นในการมาของ AEC รวมถึงการโยกย้ายเงินทุนเข้ามาลงทุนในไทยมาขึ้นของบริษัทต่างชาติ ในมุมมองของเรา การเข้าซื้อครั้งนี้จะทำให้ WHA อยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งมากขึ้นในการควบคุมห่วงโซ่มูลค่าและทิศทางธุรกิจของบริษัท เราอยู่ระหว่างการปรับประมาณการของ WHA