ผมเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ชานเมืองมาตั้งแต่เกิดทั้งบ้านและที่ทำงาน ( ย่านพุทธมณฑล ) เป็นโชคที่ดีมากเพราะชีวิตชานเมืองนั้นไม่ได้แตกต่างกับต่างจังหวัดมากนัก การเดินทางสะดวกสบาย ยังมีสีเขียวให้มองทอดสายตาไปไกลๆ บางครั้งที่ต้องการจับจ่ายก็ได้เข้าห้างบ้างเป็นครั้งคราวแต่ก็ถือว่าน้อยมาก เพียงแค่ซื้อของที่ต้องการแล้วก็พอ
มาสามสี่ปีให้หลังมานี้ ความเจริญมันรุกคืบตามรางรถไฟฟ้า ผมยอมรับได้ครับ เพราะทุกอย่างมันย่อมเจริญและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ห้ามไม่ได้
เดี๋ยวนี้มีทั้ง Superstore มาเปิดเกือบครบทุกยี่ห้อ จะว่าไปมันก็สะดวกสบายสำหรับผู้คนที่ต้องการสินค้าพร้อมเดินตากแอร์ให้สบายตัว
ผมจะเดินทางไปติดต่องานหลายๆที่ เช่นย่านบางใหญ่ สมุทรปราการ การเดินทางนั้นถือว่าไม่เลวร้าย รถจะติดบ้างก็บางที แต่ที่สังเกตุคือ ไม่ว่ารถไฟฟ้าไปที่ไหนก็จะมีะธุรกิจอยู่สองสามแบบที่แห่ตามกันไป เช่น คอนโด บ้านจัดสรร แล้วก็ห้างสรรพสินค้า ล่าสุดมีห้างใหญ่มาเปิดตัวไม่ไกลจากบ้านผมนัก ในวันแรกที่เปิด รถติดยาวเหยียดไม่ขยับ...?? ตั้งแต่เกิดมาใช้ชีวิตแถวนี้ ไม่เคยเจอรถติดย่านนี้เลย อีกครั้งผมเดินทางไปแถวสมุทรปราการในวันที่ห้างอีกแห่งเปิดตัว...รถติดแหง่กขยับได้ทีละนิด มาอ๋อเพราะมีคนบอกว่ามันนี้ห้างเปิดวันแรก
ผมไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรนะครับ เข้าใจว่าเป็นธรรมดาและก็รู้ว่ามันจะติดอย่างนี้ไปอีกนานจนกว่าห้างจะเจ๊งนั่นแหล่ะ แต่บังเอิญเปิดทีวีมาเจอผู้บริหารห้างใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองไทย
เธอให้สัมภาษณ์ในรายการว่า "ขณะนี้มีโครงการจะขยายสาขาลงไปในภูเก็ตให้เป็น Pearl of South East Asia..และทำให้เป็หน้าเป็นตา เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย"
ผมจับใจความจากการให้สัมภาษณ์ทั้งหมดสรุปใจความได้ตามนั้น
ผมว่าประโยคที่พูดออกมานั้น เป็นวิสัยทัศน์ที่ ไร้หัวใจ ไร้ความรักเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง มันเป็นข้ออ้างกล่าวคำโกหกซึ่งๆหน้าว่าทำเพื่อประเทศไทย เนื้อแท้ทุกอย่างนั้นทำเพื่อตนเองและธุรกิจ ง่ายๆคือ "ทำเพื่อเงิน"เท่านั้น
ผมมองไม่เห็นว่าการมีห้างใหญโตนั้น จะเชิดหน้าชูตาประเทศไทยได้อย่างไร สิ่งที่ชาวโลกต้องการมาเที่ยวไม่ใช่มาดูห้างบ้านเรา และอยากบอกว่าไม่ว่าจะเดินห้างไหน จะตกแต่งออกแบบให้พิสดารอลังการยังงัย สินค้าภายในมันก็เหมือนกัน มีสินค้าแบรนด์เนมเหมือนกันหมด มีฟู้ดคอร์ทอาหารหน้าตาเหมือนกัน มีร้านอาหาร ร้านฟาสต์ฟู้ด ยี่ห้อเดิมๆมาเปิดเรียงรายให้เลือก มันก็ไม่ต่างกันกับที่อื่นๆ ตอนนี้ผมเห็นว่าห้างใหญ่แห่งนี้ มีแผนเปิดตัวไปทั่ว ยิ่งในกรุงเทพเห็นระยะห่างใจกลางเมืองไม่เกิน 5 กิโลเมตร มีห้างแบรนด์นี้อยู่ใกล้ๆกัน นี่ลามออกมาชานเมืองอีก
ปัญหาสำคัญเลยนะครับของการมีห้างคือ รถติด ห้างเปิดที่ไหนรถติดที่นั่น สิ่งที่ตามมาคือมลพิษทางอากาศ เสียง เมือ่ก่อนผมเห็นพวกผู้ปกครองนักเรียนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวไปรับลูกที่โรงเรียนแล้วก็รู้สึกแย่นะครับ รถ 1 คันสำหรับเด็ก 1 คน มีนักเรียนสัก 1000 คนที่ผู้ปกครองมารับก็มีรถ 1000 คันที่แออัดแย่งกันเข้าไปรับลูกในถนนหรือซอยแคบๆ ผมรู้สึกแย่กับวิธีคิดของคนเหล่านั้น แต่ก็เข้าใจได้ว่า ห่วงลูก และมันก็แค่ช่วงเวลาชั่วครั้งคราวตอนเช้ากับตอนเย็น แต่ห้างนี่สิ มีโอกาสทำให้รถติดสะสมได้ตอลดเวลาตั้งแต่เปิดจนปิด ผมรู้สึกว่าเลวร้ายกว่าการขับรถมารับลูกที่โรงเรียนหลายเท่า ห้างใหญ่หนึ่งแห่งใช้ปริมาณไฟฟ้าใกล้เคียงกับอำเภอในต่างจังหวัดทั้งอำเภอในหนึ่งวัน การใช้เครื่องปรับอากาศนั้นก็ปล่อยสารที่ทำลายชั้นบรรยากาศจำนวนมาก
ผมยังไม่ประโยชน์ของการมีห้างเยอะๆนั้นน่าภาคภูมิใจ มันเป็นความเลวร้ายที่พวกทุนนิยมแทรกซึมหลอกล่อให้เราหลงใหลไปตามการชี้นำว่าทันสมัย
ผมไม่ได้หวังว่าคนพวกนี้จะหยุดคิดแล้วหยุดโครงการแสนล้านเหล่านั้น เพราะผมกับคนพวกนี้คิดกันต่างขั้ว
นักธุรกิจบอกว่าการมี "ห้างล้อมเมือง" นั้นเป็นที่น่าภาคภูมิใจ
ผมมองว่า "ป่าล้อมเมือง" ต่างหากที่น่าภาคภูมิใจ และเหมาะสมที่จะเป็น Pearl Of South East Asia อย่างแท้จริง
ชีวิตวันนี้...ที่มีห้างล้อมเมือง
มาสามสี่ปีให้หลังมานี้ ความเจริญมันรุกคืบตามรางรถไฟฟ้า ผมยอมรับได้ครับ เพราะทุกอย่างมันย่อมเจริญและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ห้ามไม่ได้
เดี๋ยวนี้มีทั้ง Superstore มาเปิดเกือบครบทุกยี่ห้อ จะว่าไปมันก็สะดวกสบายสำหรับผู้คนที่ต้องการสินค้าพร้อมเดินตากแอร์ให้สบายตัว
ผมจะเดินทางไปติดต่องานหลายๆที่ เช่นย่านบางใหญ่ สมุทรปราการ การเดินทางนั้นถือว่าไม่เลวร้าย รถจะติดบ้างก็บางที แต่ที่สังเกตุคือ ไม่ว่ารถไฟฟ้าไปที่ไหนก็จะมีะธุรกิจอยู่สองสามแบบที่แห่ตามกันไป เช่น คอนโด บ้านจัดสรร แล้วก็ห้างสรรพสินค้า ล่าสุดมีห้างใหญ่มาเปิดตัวไม่ไกลจากบ้านผมนัก ในวันแรกที่เปิด รถติดยาวเหยียดไม่ขยับ...?? ตั้งแต่เกิดมาใช้ชีวิตแถวนี้ ไม่เคยเจอรถติดย่านนี้เลย อีกครั้งผมเดินทางไปแถวสมุทรปราการในวันที่ห้างอีกแห่งเปิดตัว...รถติดแหง่กขยับได้ทีละนิด มาอ๋อเพราะมีคนบอกว่ามันนี้ห้างเปิดวันแรก
ผมไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรนะครับ เข้าใจว่าเป็นธรรมดาและก็รู้ว่ามันจะติดอย่างนี้ไปอีกนานจนกว่าห้างจะเจ๊งนั่นแหล่ะ แต่บังเอิญเปิดทีวีมาเจอผู้บริหารห้างใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองไทย
เธอให้สัมภาษณ์ในรายการว่า "ขณะนี้มีโครงการจะขยายสาขาลงไปในภูเก็ตให้เป็น Pearl of South East Asia..และทำให้เป็หน้าเป็นตา เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย"
ผมจับใจความจากการให้สัมภาษณ์ทั้งหมดสรุปใจความได้ตามนั้น
ผมว่าประโยคที่พูดออกมานั้น เป็นวิสัยทัศน์ที่ ไร้หัวใจ ไร้ความรักเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง มันเป็นข้ออ้างกล่าวคำโกหกซึ่งๆหน้าว่าทำเพื่อประเทศไทย เนื้อแท้ทุกอย่างนั้นทำเพื่อตนเองและธุรกิจ ง่ายๆคือ "ทำเพื่อเงิน"เท่านั้น
ผมมองไม่เห็นว่าการมีห้างใหญโตนั้น จะเชิดหน้าชูตาประเทศไทยได้อย่างไร สิ่งที่ชาวโลกต้องการมาเที่ยวไม่ใช่มาดูห้างบ้านเรา และอยากบอกว่าไม่ว่าจะเดินห้างไหน จะตกแต่งออกแบบให้พิสดารอลังการยังงัย สินค้าภายในมันก็เหมือนกัน มีสินค้าแบรนด์เนมเหมือนกันหมด มีฟู้ดคอร์ทอาหารหน้าตาเหมือนกัน มีร้านอาหาร ร้านฟาสต์ฟู้ด ยี่ห้อเดิมๆมาเปิดเรียงรายให้เลือก มันก็ไม่ต่างกันกับที่อื่นๆ ตอนนี้ผมเห็นว่าห้างใหญ่แห่งนี้ มีแผนเปิดตัวไปทั่ว ยิ่งในกรุงเทพเห็นระยะห่างใจกลางเมืองไม่เกิน 5 กิโลเมตร มีห้างแบรนด์นี้อยู่ใกล้ๆกัน นี่ลามออกมาชานเมืองอีก
ปัญหาสำคัญเลยนะครับของการมีห้างคือ รถติด ห้างเปิดที่ไหนรถติดที่นั่น สิ่งที่ตามมาคือมลพิษทางอากาศ เสียง เมือ่ก่อนผมเห็นพวกผู้ปกครองนักเรียนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวไปรับลูกที่โรงเรียนแล้วก็รู้สึกแย่นะครับ รถ 1 คันสำหรับเด็ก 1 คน มีนักเรียนสัก 1000 คนที่ผู้ปกครองมารับก็มีรถ 1000 คันที่แออัดแย่งกันเข้าไปรับลูกในถนนหรือซอยแคบๆ ผมรู้สึกแย่กับวิธีคิดของคนเหล่านั้น แต่ก็เข้าใจได้ว่า ห่วงลูก และมันก็แค่ช่วงเวลาชั่วครั้งคราวตอนเช้ากับตอนเย็น แต่ห้างนี่สิ มีโอกาสทำให้รถติดสะสมได้ตอลดเวลาตั้งแต่เปิดจนปิด ผมรู้สึกว่าเลวร้ายกว่าการขับรถมารับลูกที่โรงเรียนหลายเท่า ห้างใหญ่หนึ่งแห่งใช้ปริมาณไฟฟ้าใกล้เคียงกับอำเภอในต่างจังหวัดทั้งอำเภอในหนึ่งวัน การใช้เครื่องปรับอากาศนั้นก็ปล่อยสารที่ทำลายชั้นบรรยากาศจำนวนมาก
ผมยังไม่ประโยชน์ของการมีห้างเยอะๆนั้นน่าภาคภูมิใจ มันเป็นความเลวร้ายที่พวกทุนนิยมแทรกซึมหลอกล่อให้เราหลงใหลไปตามการชี้นำว่าทันสมัย
ผมไม่ได้หวังว่าคนพวกนี้จะหยุดคิดแล้วหยุดโครงการแสนล้านเหล่านั้น เพราะผมกับคนพวกนี้คิดกันต่างขั้ว
นักธุรกิจบอกว่าการมี "ห้างล้อมเมือง" นั้นเป็นที่น่าภาคภูมิใจ
ผมมองว่า "ป่าล้อมเมือง" ต่างหากที่น่าภาคภูมิใจ และเหมาะสมที่จะเป็น Pearl Of South East Asia อย่างแท้จริง