ปี่กลองการปฏิรูป นำไปสู่พิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นอกจากด้านการเมืองแล้ว
การปฏิรูปพลังงาน ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เมื่อ พลังงานคือเส้นเลือดใหญ่ของ
เศรษฐกิจประเทศ สามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หล่อเลี้ยงประเทศ
เหมือนกับในหลายประเทศ จนพลังงานถูกมองว่า เป็นก้าวสำคัญของมหาอำนาจทาง
เศรษฐกิจในอนาคต ประเทศที่มีแหล่งพลังงานธรรมชาติ จะเป็นประเทศที่มีอำนาจต่อ
รองมากที่สุด
พูดถึงเรื่องพลังงานก็ไม่พ้นต้องพูดถึง การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ปตท.
ปัจจุบันแม้ ปตท.จะแปรรูปไปแล้ว แต่ยังคงมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ภายใต้การกำกับ
ดูแลของ กระทรวงพลังงาน มี กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกินกว่าร้อยละ 50
มีกรอบการทำงานโดยยึดหลักธรรมาภิบาลและสอดคล้องกับนโยบายพลังงานที่
กำหนดโดยรัฐบาลมาตลอด มีหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องกับพลังงานโดยตรงหลายหน่วยงาน
อาทิ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมธุรกิจพลังงาน
หรือคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เป็นต้น
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ปีที่แล้ว ปตท.มีรายได้ทั้งหมด กว่า 2 ล้านล้านบาท มีกำไร
กว่า 9 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้านพลังงานรายอื่นๆ
เฉลี่ย ปตท.มีรายได้สุทธิเพียงร้อยละ 3.28 ต่ำกว่าผลตอบแทนของบริษัทอื่นมาก โดย
คิดกำไรจากการเปรียบเทียบกับเงินลงทุนและการเสียภาษีทุกประเภท
ผลกำไรดังกล่าว ปตท.ได้ส่งคืนรัฐในรูปของภาษีเงินได้และเงินปันผล รวมแล้วกว่า
580,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรัฐวิสาหกิจอื่นแล้ว ถือว่า ปตท.ส่งรายได้ให้กับรัฐมาก
ที่สุด นอกจากนี้ได้นำกำไรไปให้ประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น ลงทุนสร้างความมั่นคงทาง
พลังงาน ชำระหนี้ระยะยาว ปันผลให้ผู้ถือหุ้น รวมทั้งคืนสู่สังคม อีกกว่า 87 โครงการ คิด
เป็นมูลค่าปีละประมาณ 2 พันล้านบาท
ทั้งยังจัดตั้งสถาบันการศึกษาในระดับต่างๆ การสร้างโรงเรียนวิทยาศาสตร์ เพื่อยกระดับ
ความรู้อีกเป็นเงินไม่น้อยกว่า 5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อ ปตท.เป็นบริษัทที่จด
ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงต้องมีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดภายใต้ พ.ร.บ.
บริษัทมหาชนจำกัด
อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งที่ ปตท.มีการลงทุนธุรกิจในต่างประเทศ ย่อมจะต้องมีความเสี่ยง
ในการลงทุนเป็นปกติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น ปัญหาทางการเมือง
ปัญหาสภาพเศรษฐกิจและการแข่งขันของแต่ละประเทศ ซึ่ง ปตท.มีการลงทุนในโครงการ
ขนาดใหญ่หลายโครงการที่ดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานและประสบความ
สำเร็จ เช่นที่พม่า ลาว กัมพูชา โมซัมบิก
ข้อใหญ่ใจความก็คือ การดำเนินธุรกิจน้ำมันของ ปตท. ไม่ใช่เพื่อการค้าหรือหวังผลกำไร
ตอบแทนด้านเดียว แต่ต้องดูถึงความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคต การสร้างให้องค์กรด้าน
พลังงานมีความยั่งยืนและเป็นธุรกิจระดับชาติเพื่อเข้าสู่การแข่งขัน การมองว่า ปตท.เป็นแค่
แหล่งผลประโยชน์ขนาดใหญ่ จึงเป็นมุมมองที่คับแคบไปหน่อย.
หมัดเหล็ก
http://www.thairath.co.th/content/463829
ทางเลือกปฏิรูปที่ไม่สูญเปล่า โดย หมัดเหล็ก ไทยรัฐออนไลน์ .... "ทวงคืนปตท. ???" .... sao..เหลือ..noi
การปฏิรูปพลังงาน ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เมื่อ พลังงานคือเส้นเลือดใหญ่ของ
เศรษฐกิจประเทศ สามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หล่อเลี้ยงประเทศ
เหมือนกับในหลายประเทศ จนพลังงานถูกมองว่า เป็นก้าวสำคัญของมหาอำนาจทาง
เศรษฐกิจในอนาคต ประเทศที่มีแหล่งพลังงานธรรมชาติ จะเป็นประเทศที่มีอำนาจต่อ
รองมากที่สุด
พูดถึงเรื่องพลังงานก็ไม่พ้นต้องพูดถึง การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ปตท.
ปัจจุบันแม้ ปตท.จะแปรรูปไปแล้ว แต่ยังคงมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ภายใต้การกำกับ
ดูแลของ กระทรวงพลังงาน มี กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกินกว่าร้อยละ 50
มีกรอบการทำงานโดยยึดหลักธรรมาภิบาลและสอดคล้องกับนโยบายพลังงานที่
กำหนดโดยรัฐบาลมาตลอด มีหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องกับพลังงานโดยตรงหลายหน่วยงาน
อาทิ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมธุรกิจพลังงาน
หรือคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เป็นต้น
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ปีที่แล้ว ปตท.มีรายได้ทั้งหมด กว่า 2 ล้านล้านบาท มีกำไร
กว่า 9 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้านพลังงานรายอื่นๆ
เฉลี่ย ปตท.มีรายได้สุทธิเพียงร้อยละ 3.28 ต่ำกว่าผลตอบแทนของบริษัทอื่นมาก โดย
คิดกำไรจากการเปรียบเทียบกับเงินลงทุนและการเสียภาษีทุกประเภท
ผลกำไรดังกล่าว ปตท.ได้ส่งคืนรัฐในรูปของภาษีเงินได้และเงินปันผล รวมแล้วกว่า
580,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรัฐวิสาหกิจอื่นแล้ว ถือว่า ปตท.ส่งรายได้ให้กับรัฐมาก
ที่สุด นอกจากนี้ได้นำกำไรไปให้ประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น ลงทุนสร้างความมั่นคงทาง
พลังงาน ชำระหนี้ระยะยาว ปันผลให้ผู้ถือหุ้น รวมทั้งคืนสู่สังคม อีกกว่า 87 โครงการ คิด
เป็นมูลค่าปีละประมาณ 2 พันล้านบาท
ทั้งยังจัดตั้งสถาบันการศึกษาในระดับต่างๆ การสร้างโรงเรียนวิทยาศาสตร์ เพื่อยกระดับ
ความรู้อีกเป็นเงินไม่น้อยกว่า 5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อ ปตท.เป็นบริษัทที่จด
ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงต้องมีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดภายใต้ พ.ร.บ.
บริษัทมหาชนจำกัด
อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งที่ ปตท.มีการลงทุนธุรกิจในต่างประเทศ ย่อมจะต้องมีความเสี่ยง
ในการลงทุนเป็นปกติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น ปัญหาทางการเมือง
ปัญหาสภาพเศรษฐกิจและการแข่งขันของแต่ละประเทศ ซึ่ง ปตท.มีการลงทุนในโครงการ
ขนาดใหญ่หลายโครงการที่ดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานและประสบความ
สำเร็จ เช่นที่พม่า ลาว กัมพูชา โมซัมบิก
ข้อใหญ่ใจความก็คือ การดำเนินธุรกิจน้ำมันของ ปตท. ไม่ใช่เพื่อการค้าหรือหวังผลกำไร
ตอบแทนด้านเดียว แต่ต้องดูถึงความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคต การสร้างให้องค์กรด้าน
พลังงานมีความยั่งยืนและเป็นธุรกิจระดับชาติเพื่อเข้าสู่การแข่งขัน การมองว่า ปตท.เป็นแค่
แหล่งผลประโยชน์ขนาดใหญ่ จึงเป็นมุมมองที่คับแคบไปหน่อย.
หมัดเหล็ก
http://www.thairath.co.th/content/463829