รำลึกถึงหนังไซไฟขึ้นหิ้ง Dark City (1998) ...มีใครชอบหนังเรื่องนี้บ้างครับ

อยู่ดีก็คิดถึงหนังเรื่องนี้ หลังจากดู Knowing ผ่าน DVD อีกรอบ
แล้วจำได้ว่า Dark City เป็นหนังของ อเล็กส์ โพรยาส เรื่องเดียว
ที่ผมดูรอบเดียวแล้วไม่เคยดูซ้ำอีกเลย.. เลยลองไปหา DVD มา
ชมอีกรอบครับ เลยขอบ่นออกเป็นกระทู้นี้..



Dark City (1998)

เมื่อไม่นานมานี้ได้เอา Dark City กลับมาดูซ้ำอีกรอบ หลังจากไม่ได้ดูมานานเกือบ
7-8 ปี สาเหตุคงเพราะภาพในหัวเกี่ยวหับหนังมันเลือนรางมากๆ จำได้ว่ามันเป็นหนัง
ฟิล์มนัวร์บรรยากาศมืดๆ มีเหตุพิศวาสฆาตกรรม หญิงร้ายชายโฉด อะไรพวกนี้ ...แต่
ก็นึกไม่ออกว่าสรุปมันเป็นหนังฟิล์มนัวร์จริงๆหรือเปล่า ...นึกไม่ออกจริงๆ

ซึ่งมันดันเข้ากับคอนเซปต์ "ความทรงจำที่หายไป" ของหนังพอดีเลย

Dark City เป็นหนึ่งในงานแจ้งเกิดยุคแรกๆของ อเล็กส์ โพรยาส ซึ่งนี่น่าจะเป็นหนัง
ไซไฟสเกลใหญ่ไม่กี่เรื่องของเขาที่เขาเป็นคนคิดเรื่องขึ้นมาเอง (ไม่ได้สร้างมาจาก
นิยาย หรือการ์ตูน ..อีกเรื่องโพรยาสแกคิดเรื่องเองก็ Knowing) ซึ่งก็มาพร้อมกับ
ไอเดียล้ำๆเอื้อให้กับงานสร้าง CG ที่กำลังพัฒนาในยุคนั้น คือได้ใช้กันเต็มที่โชว์
พลังด้านงานภาพกันไปเลย

หนังเปิดเรื่องด้วยตัวเอก จอห์น เมอด็อค (รูฟัส ซีเวล) ที่ตื่นขึ้นมาโดยจำไม่ได้ว่า
ตนเองคือใคร รู้เพียงว่าเขากำลังถูกทั้งตำรวจที่ตามล่าเพราะคิดว่าเขาเป็นฆาตกร
ฆ่าคนตาย และกลุ่มชายในชุดสีดำที่มีพลังแปลกๆบางอย่าง.. ตัวเขาเองก็มีพลัง
แปลกๆด้วยเช่นกัน พลังนั้นคือความสามารถในการใช้พลังจิต สร้างและเปลี่ยน
แปลงสิ่งต่างๆได้ดังใจนึก และทุกๆเที่ยงคืน ทุกๆคนในเมืองจะหลับไหลไป และ
สิ่งต่างๆในเมืองก็จะถูกเปลี่ยนแปลง ปรับเปลี่ยน สร้างเป็นอีกสถานที่หนึ่งโดย
ที่ชาวเมืองไม่รู้ตัว.. มีเพียงจอห์นเท่านั้นที่ไม่หลับ และต้องค้นหาความจริงของ
เมืองพิศวงนี้ต่อไป..

..ซึ่งท้ายที่สุดเรื่องจะจบลงอย่างไร ใครยังไม่ได้ชมก็ขอให้หาดูกันเองเน้อ (ไม่สปอยล์)

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชอบ Dark City มากกว่างานเรื่องอื่นๆของโพรยาสคือ ไอเดียที่มีความ
เป็นไซไฟเต็มขั้น แต่ก็ถูกนำมาผสมกับงานภาพมืดๆหม่นๆ และสถาปัตยกรรมสไตส์
Art Deco ที่มาในโทนมืดตึ้บและเฉอะแฉะ (ใครนึกไม่ออกนึกถึงเกม Bioshock ครับ
นั่นแหละไซไฟ Art Deco แต่ผสม Steampunk ลงไปด้วย ไม่แน่ใจว่า Bioshock ได้
อิทธิพลอะไรไปจาก Dark City บ้างหรือเปล่านะครับ?) ที่สำคัญคือไม่ได้ทำเอาเท่ห์
เฉยๆ แต่ทุกอย่างถูกสร้างมาเพื่อรองรับกับไอเดียและเรื่องราวที่ค่อยๆเปิดเผยออกมา
ในหนังเรื่อยๆ ...เริ่มเรื่องมา คนดูอาจจะยังงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าสรุปหนังจะ
เล่าเรื่องอะไรกันแน่ (ฟะ) ..แต่เมื่อหนังค่อยๆเฉลยทุกอย่างมาทีละนิด มันก็สามารถ
อธิบายตัวเองได้ดีแบบไม่มีงง

ซึ่งหนังจะเล่นกับไอเดีย "ความทรงจำที่หายไป" ว่าเพราะเหตุใดบางคนจึงจำไม่ได้ว่า
ตนเองไปที่ชายหาดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่? เราพบรักกับภรรยาตั้งแต่ตอนไหน? รู้ที่อยู่ของ
สถานีรถไฟ แต่ไม่รู้ว่าเส้นทางต้องไปเป็นยังไง? ...หลายครั้งๆในหนังจะเห็นว่าความทรง
จำของตัวละครอื่นๆ จะมาแบบขาดๆหายๆ ไม่ปะติดปะต่อกัน ...และเมื่อมันมาผสมกับ
"สภาพสังคมที่มีผู้ควบคุมอยู่" มันก็ตู้ม! กลายเป็นไอเดียที่ล้ำสมัยและลงตัวมากๆ




หัวใจหลักของ Dark City ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนหรอกครับ นอกจากธีมหลักๆที่ว่าด้วยเรื่องของ
"การครอบครองเป็นเจ้าของ" เมื่อกลุ่มชายชุดดำในเรื่องทำตัวเหมือนพระเจ้า เปลี่ยนสิ่งต่างๆ
ในเมือง และวิถีชีวิตของชาวเมืองตามใจตัวเอง เหมือนกับกำลังเล่นเกม The Sims และเฝ้าดู
ว่ามนุษย์จะเป็นยังไง ในหลายๆฐานะ หลายๆอาชีพ รวมไปถึงหลายๆชีวิต ...แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่
เอาออกมาจากสมองไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่ามีแต่มนุษย์เท่านั้นที่มี...

ด้านนักแสดงนั้น เราจะได้เห็น คีเฟอร์ ซุทเทอร์แลนด์ พ่อแจ็ค บาวเออร์ ในบทที่แม้จะไม่ได้
บู๊แหลก แต่ก็ได้แสดงฝีมือได้เต็มที่ ..ส่วนพระเอกอย่าง รูฟัส ซีเวล ที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีผลงาน
เด่นๆเลย ทั้งๆที่ในหนังเรื่องนี้เขาแทบจะแบกหนังทั้งเรื่องได้อย่างผ่านฉลุย ..วิลเลียม เฮิร์ท
มาในบทตำรวจเท่ห์ๆตามสไตส์ และ เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่ ที่ความสวยโคตรๆของเธอนั้น
เป็นกำลังใจสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมดูหนังมืดๆเรื่องนี้ได้จนจบ XD

อีกส่วนเล็กๆที่ผมชอบคือ ชื่อไทย ของหนังครับ "เมืองเปลี่ยนสมอง มนุษย์ผิดคน"
ตั้งชื่อไทยออกมาได้ดีมากเลย เพราะสื่อถึงธีมหลักๆของเรื่องได้ดีมาก อยากให้
หนังสมัยนี้ได้ชื่อไทยดีๆแบบนี้เยอะๆจังเลย..

สรุปคือ Dark City เป็นหนังที่มีความเป็นต้นแบบในตัวสูง และเป็นแรงบัลดาลใจให้หนัง
การ์ตูน เกม แนวดิสโทเปียยุคหลังๆอีกบานครับ ...หากนึกไม่ออก โปรดพิสูจน์ด้วยตัวเอง..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่