เรียนท่าน รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุข
ท่าน ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ต้องขออภัยนะครับข้อความที่ผมเขียนนี้ อาจจะดูเหมือนเป็นคำบรรยาย แต่เป็นเรื่องที่ผมต้องการจะร้องเรียนท่านทั้ง2 ว่าบุคคลากรในหน่วยงานภายใต้สังกัดของกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติงานเช่นนี้(ตามรายละเอียดข้างล่าง)
ท่านจะต้องดำเนินการแก้ไขอย่างไรให้กับประชาชนตาดำๆอย่างพวกกระผม
ผมขอเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้นพร้อมตั้งคำถามต่อท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุขหน่อยนะครับว่า
ถ้ากรณีที่ผมจะเขียนบรรยายทั้งหมดต่อไปนี้ เกิดขึ้นกับลูกของท่าน ท่านจะรู้สึกอย่างไร ท่านช่วยตอบผมและตอบสังคมหน่อยนะครับ
ลูกชายผมรับราชการทหาร (ชั้นผู้น้อย)ชั้นประทวน อยู่ที่จังหวัดปัตตานี เวรวันหยุดราชการ กลับมาหาพ่อแม่ที่สมุทรปราการ
เมื่อคืนวันศุกร์ที่14 พ.ย.2557 ประมาณ 2 ทุ่มกว่า ขี่มอเตอร์ไซด์ ชนเกาะกลางถนนสลบคาที่ ณ บริเวณหน้าช้างเอรวัณ 3 เศียร (สำโรง-ปากน้ำ) ไม่มีแอลกอร์ฮอ แต่ไม่ค่อยคุ้นเส้นทางและตรงบริณนั้น วิ่งรถมาจากเส้นทางเดียว จู่ๆ ก็แบ่งเป็น 3 ช่อง คือ ช่องริมขวาเป็นทางตรง ช่องทางกลางเป็นขึ้นทางด่วนกาญจนา และช่องทางซ้ายเป็นทางคู่ขนาน หน้าช้าง 3 เศียร
ลูกชายผมขี่กลับจากไปส่งแฟนของน้องชายมา เพื่อจะกลับบ้าน ในตัวมีบัตรข้าราชการ รถปอเต็กตึ้ง นำส่งถึงโรงพยาบาลสมุทรปราการ ประมาณ 3 ทุ่ม
แม่รับโทรศัพท์จากคนข้างเตียงของลูก เพราะลูกชายผมขอให้เขาโทรหาแม่ให้ ตอนเวลาประมาณ 8 : 00 น.ของเช้าวันที่15 พ.ย. 2557
เจ็บปวดมากครับ ที่โรงพบาลแห่งนี้ และตัวผมเองก็ประสบกับตัวเองมาหลายครั้งหลายกรณี กับโรงพยาบาลแห่งนี้ ถ้าผมจะเขียน มันยาวครับ แต่ถ้าท่านต้องการข้อมูล ที่ผมยืนยันว่าเป็นข้อเท็จจริง ผมยินดีครับ เรียกผมมาให้ข้อมูลได้เลยครับ
มีเจ้าหน้าที่พยาบาล ที่ขาดจิตสำนึกในการเป็นพยาบาลวิชาชีพ ไม่มีการขวัญขวายที่จะตามหาญาติของคนไข้ ทั้งๆที่บัตรข้าราชการของลูก สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย
ผมอยากจะตั้งคำถามต่อสังคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผอ.นายแพทย์สัมพันธ์ คมฤทธฺิ์ ซึ่งเป็นผอ.โรงพยาบาลมุทรปราการ ว่า ถ้าหากลูกผมยังไม่ฟื้นขึ้นมาในเวลาเช้า ใครจะเป็นคนติดต่อให้ผมและภรรยาในฐานะเป็นพ่อเป็นแม่ ได้รับทราบ ว่าลูกผมนอนเจ็บอยู่ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลสมุทรปราการ
ผมรับไม่ได้จริงๆครับกับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสมุทรปราการแห่งนี้ แต่ไม่ทุกคนนะครับ
ลูกชายผมสลบถึงมือแพทย์พยาบาลตั้งแต่ประมาณ 3 ทุ่มของคืนวันที่14 พ.ย.2557 รุ่งเช้าของอีกวัน ประมาณ8 :00 น. แม่รับโทรศัพท์จากคนข้างเตียงของลูกว่าลูกเกิดอุบัติเหตุอยู่ห้องฉุกเฉิน
ผมขอถามอย่างตรงไปตรงมานะครับว่า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการแห่งนี้ มันไม่คิดที่จะทำอะไรเลยหรือครับตั้งแต่ 3 ทุ่มจนถึง 8 โมงเช้าของอีกวัน ถ้าบังเอิญผมโชคร้าย ลูกผมอาการโคม่า มันจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายผมครับ
การทำงานของเจ้าหน้าที่พยาบาลและแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีของลูกชายผม ผมฟันธงเลยครับว่า พวกคุณทำงานกันโดยขาด หลักจริยธรรมแพทย์และจรรยาบรรณแพทย์ อย่างชัดเจนครับ มันใช่หรือครับ กับการทำงานของบุคลากรที่ทำงานเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของมนุษย์ ทำงานกันแบบนี้
ผมขอฝากท่านรัฐมตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขท่านรัชตะ รัชตะนาวินและปลัดกระทรวงสาธารณสุขท่านณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ให้ติดตามเรื่องนี้ ไปยังโรงพยาบาลสมุทรปราการให้ผมด้วยนะครับ ว่า
มันสมเหตุสมผลแล้วหรือครับ กับการที่ลูกชายผม ซึ่งรับราชการทหารอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่สมุทรปราการ เกิดอุบัติเหตุเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยบาลสมุทรปราการแห่งนี้ ทั้งที่บัตรประจำตัวประชาชนและบัตรข้าราชการ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็เก็บใว้ให้ติดตัวลูกผมตลอด และที่สำคัญบ้านผมก็ไม่ได้อยู่ไกลจากโรงพยาบาลเลย ประมาณ 4 กิโลเมตร คืนเกิดเหตุลูกชายผมออกจากบ้านไปส่งแฟนของน้องชาย โดยไม่ได้นำโทรศัพท์ติดตัวไป ตัวผมทำงานอยู่ต่างจังหวัด แม่เขาอยู่ที่บ้านสมุทรปราการ ประสานกันทั้งคืน เพราะความเป็นห่วงลูก
พอรุ่งเช้าทราบข่าวจากคนข้างเตียงคนของลูก แทนที่จะเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล มันเกิดอะไรขึ้นกับจิดสำนึกของแพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลสมุทรปราการแห่งนี้ครับ ผมขอถามทั้ง 2 ท่านนะครับ ว่าถ้ากรณีนี้เกิดขึ้นกับลูกของท่าน และ เกิดขึ้นกับลูกของ ผอ.โรงพยาบาลสมุทรปราการ นายแพทย์สัมพันธ์ คมฤทธิ์ ท่านจะรู้สึกอย่างไร
และขอสอบถามอีกเรื่องนะครับ เรื่องพรบ.รถ
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 บัญญัติใว้เกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่าย เป็น 2 กรณีดังนี้
1. หากรักษาตัวที่โรงพยาบาลสามารถแจ้งความจำนงกับโรงพยาบาลในการใช้สิทธิพ.ร.บ.โดยมอบอำนาจให้ทางโรงพยาบาลเบิกค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นกับบริษัทประกันภัยได้เลย
2. หากไม่ได้รักษาตัวที่โรงพยาบาลแต่ผู้ประสบภัยสำรองจ่ายไปก่อนก็สามารถนำเอกสารไปตั้งเบิกกับบริษัทที่ทำประกันไว้ได้ภายใน 180 วันหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ
ในข้อที่1 ถ้าแปลความจากเจตนารมย์ของพรบ. การใช้คำว่า "โดยมอบอำนาจให้ทางโรงพยาบาลเบิกค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นกับบริษัทประกันภัยได้เลย"
ก็คือการที่ผู้ประสบเหตุหรือว่าคนไข้ มอบอำนาจให้ทางโรงพยาบาลไปดำเนินการเบิกค่ารักษาพยาาลที่เกิดขึ้นกับบริษัทประกันภัยได้เลย โดยที่คนไข้ไม่ต้องสำลองจ่าย ใช่หรือไม่
เพราะไม่มีข้อความไหนเลยที่บอกว่า ต้องให้คนไข้สำลองจ่ายก่อน แล้วไปทำเรื่องเบิกกับบริษัทประกันภัย
คำถามนะครับ กรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล ทำไมทางโรงพยาบาลต้องเรียกเก็บเงินจากคนไข้ให้สำลองจ่ายก่อน แล้วให้ไปทำเรื่องเบิกกับบริษัทประกันภัยทีหลัง
ประเด็นนี้มันขัดกับเจตนารมย์หรือวัตถุประสงค์ของพรบ.หรือไม่ ที่ว่า เป็นการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ และหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ก็สามารถที่จะรักษาได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ถ้าไม่มีเรื่องพรบ.นี้เข้ามา คนที่ประสบเหตุฏ้ไม่ต้องเดือดร้อน นี่หรือครับ เป็นการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ผู้ประสบหตุบางคนไม่มีเงินที่จะสำลองจ่ายเลย ต้องวิ่งไปหากู้เงินดอก ร้อยละ 20 ต่อเดือน มาสำลองจ่ายให้กับทางโรงพยาบาลก่อน แล้วกว่าจะวิ่งทำเรื่องเบิกคืนจากบริษัทประกันภัยได้ ต้องจัดหาเอกสานกันวุ่นวายไปหมด เอกสารไม่ครบก็เบิกไม่ได้ เงินกู้มาก็ต้องจ่ายดอกร้อยละ 20 ทุกเดือน นี่หรือครับพรบ.นี้ออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ คนไม่มีเงินสำลองจ่ายมีมากมายเหลือเกิน ที่เจอปัญหานี้ พวกท่านที่เป็นผู้บริหารระดับสูง ทำมองเห็นปัญหาเหล่านนีบ้างไหมครับ
ส่วนการเบิกตรงของข้าราชการก็เช่นกัน ถ้าเป็นกรณีอุบัติเหตุจากรถ ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยหรือ คนเป็นข้าราชการ ชั้นผู้น้อยมีอีกจำนวนไม่น้อยที่เงินเดือนแทบจะไม่พอกินในแต่ละเดือน แต่เมื่อเกิดเหตุกลับทำเรื่องเบิกตรงไม่ได้
ผมขอร้องให้ท่านทั้ง 2 ช่วยพิจารณาและหาคำตอบเรื่องราวทั้งหมดที่ผมร้องเรียนมาและตั้งเป็นประเด็นคำถามมา ให้แก่ผมและคนยากคนจนอีกมากมายที่ประสบกับปัญหาตามที่ผมอธิบายมาทั้งหมดด้วยนะครับ
การเขียนของผมมันอาจจะดูเหมือนวกไปวนมา ไม่ได้เรียบเรียงเป็นประเด็นตามที่ควร แต่ทั้งหมดทั้งปวงผมเชื่อวาคนที่มีหัวอกความเป็นพ่อคนทั้งหลาย คงไม่ได้แตกต่างไปจากความรู้สึกที่ผมได้เขียนมาทั้งหมดนี้เท่าใดนัก
เรื่องใดเป็นใดที่เกี่ยวกับพรบ. ถ้าท่านเห็นตรงกับผม ผมก็ขอฝากท่านทั้ง2 ให้นำไปพิจารณา หาทางแก้ไขได้หรือไม่
เรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและโปรดดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่อง จริยธรรมแพทย์ของโรงพยาบาลสมุทรปราการ ให้ผมด้วยครับ
ขอขอบคุณล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้ครับ
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
จริยธรรมแพทย์ อยู่ตรงไหน
ท่าน ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ต้องขออภัยนะครับข้อความที่ผมเขียนนี้ อาจจะดูเหมือนเป็นคำบรรยาย แต่เป็นเรื่องที่ผมต้องการจะร้องเรียนท่านทั้ง2 ว่าบุคคลากรในหน่วยงานภายใต้สังกัดของกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติงานเช่นนี้(ตามรายละเอียดข้างล่าง)
ท่านจะต้องดำเนินการแก้ไขอย่างไรให้กับประชาชนตาดำๆอย่างพวกกระผม
ผมขอเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้นพร้อมตั้งคำถามต่อท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุขหน่อยนะครับว่า
ถ้ากรณีที่ผมจะเขียนบรรยายทั้งหมดต่อไปนี้ เกิดขึ้นกับลูกของท่าน ท่านจะรู้สึกอย่างไร ท่านช่วยตอบผมและตอบสังคมหน่อยนะครับ
ลูกชายผมรับราชการทหาร (ชั้นผู้น้อย)ชั้นประทวน อยู่ที่จังหวัดปัตตานี เวรวันหยุดราชการ กลับมาหาพ่อแม่ที่สมุทรปราการ
เมื่อคืนวันศุกร์ที่14 พ.ย.2557 ประมาณ 2 ทุ่มกว่า ขี่มอเตอร์ไซด์ ชนเกาะกลางถนนสลบคาที่ ณ บริเวณหน้าช้างเอรวัณ 3 เศียร (สำโรง-ปากน้ำ) ไม่มีแอลกอร์ฮอ แต่ไม่ค่อยคุ้นเส้นทางและตรงบริณนั้น วิ่งรถมาจากเส้นทางเดียว จู่ๆ ก็แบ่งเป็น 3 ช่อง คือ ช่องริมขวาเป็นทางตรง ช่องทางกลางเป็นขึ้นทางด่วนกาญจนา และช่องทางซ้ายเป็นทางคู่ขนาน หน้าช้าง 3 เศียร
ลูกชายผมขี่กลับจากไปส่งแฟนของน้องชายมา เพื่อจะกลับบ้าน ในตัวมีบัตรข้าราชการ รถปอเต็กตึ้ง นำส่งถึงโรงพยาบาลสมุทรปราการ ประมาณ 3 ทุ่ม
แม่รับโทรศัพท์จากคนข้างเตียงของลูก เพราะลูกชายผมขอให้เขาโทรหาแม่ให้ ตอนเวลาประมาณ 8 : 00 น.ของเช้าวันที่15 พ.ย. 2557
เจ็บปวดมากครับ ที่โรงพบาลแห่งนี้ และตัวผมเองก็ประสบกับตัวเองมาหลายครั้งหลายกรณี กับโรงพยาบาลแห่งนี้ ถ้าผมจะเขียน มันยาวครับ แต่ถ้าท่านต้องการข้อมูล ที่ผมยืนยันว่าเป็นข้อเท็จจริง ผมยินดีครับ เรียกผมมาให้ข้อมูลได้เลยครับ
มีเจ้าหน้าที่พยาบาล ที่ขาดจิตสำนึกในการเป็นพยาบาลวิชาชีพ ไม่มีการขวัญขวายที่จะตามหาญาติของคนไข้ ทั้งๆที่บัตรข้าราชการของลูก สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย
ผมอยากจะตั้งคำถามต่อสังคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผอ.นายแพทย์สัมพันธ์ คมฤทธฺิ์ ซึ่งเป็นผอ.โรงพยาบาลมุทรปราการ ว่า ถ้าหากลูกผมยังไม่ฟื้นขึ้นมาในเวลาเช้า ใครจะเป็นคนติดต่อให้ผมและภรรยาในฐานะเป็นพ่อเป็นแม่ ได้รับทราบ ว่าลูกผมนอนเจ็บอยู่ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลสมุทรปราการ
ผมรับไม่ได้จริงๆครับกับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสมุทรปราการแห่งนี้ แต่ไม่ทุกคนนะครับ
ลูกชายผมสลบถึงมือแพทย์พยาบาลตั้งแต่ประมาณ 3 ทุ่มของคืนวันที่14 พ.ย.2557 รุ่งเช้าของอีกวัน ประมาณ8 :00 น. แม่รับโทรศัพท์จากคนข้างเตียงของลูกว่าลูกเกิดอุบัติเหตุอยู่ห้องฉุกเฉิน
ผมขอถามอย่างตรงไปตรงมานะครับว่า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการแห่งนี้ มันไม่คิดที่จะทำอะไรเลยหรือครับตั้งแต่ 3 ทุ่มจนถึง 8 โมงเช้าของอีกวัน ถ้าบังเอิญผมโชคร้าย ลูกผมอาการโคม่า มันจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายผมครับ
การทำงานของเจ้าหน้าที่พยาบาลและแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีของลูกชายผม ผมฟันธงเลยครับว่า พวกคุณทำงานกันโดยขาด หลักจริยธรรมแพทย์และจรรยาบรรณแพทย์ อย่างชัดเจนครับ มันใช่หรือครับ กับการทำงานของบุคลากรที่ทำงานเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของมนุษย์ ทำงานกันแบบนี้
ผมขอฝากท่านรัฐมตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขท่านรัชตะ รัชตะนาวินและปลัดกระทรวงสาธารณสุขท่านณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ให้ติดตามเรื่องนี้ ไปยังโรงพยาบาลสมุทรปราการให้ผมด้วยนะครับ ว่า
มันสมเหตุสมผลแล้วหรือครับ กับการที่ลูกชายผม ซึ่งรับราชการทหารอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่สมุทรปราการ เกิดอุบัติเหตุเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยบาลสมุทรปราการแห่งนี้ ทั้งที่บัตรประจำตัวประชาชนและบัตรข้าราชการ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็เก็บใว้ให้ติดตัวลูกผมตลอด และที่สำคัญบ้านผมก็ไม่ได้อยู่ไกลจากโรงพยาบาลเลย ประมาณ 4 กิโลเมตร คืนเกิดเหตุลูกชายผมออกจากบ้านไปส่งแฟนของน้องชาย โดยไม่ได้นำโทรศัพท์ติดตัวไป ตัวผมทำงานอยู่ต่างจังหวัด แม่เขาอยู่ที่บ้านสมุทรปราการ ประสานกันทั้งคืน เพราะความเป็นห่วงลูก
พอรุ่งเช้าทราบข่าวจากคนข้างเตียงคนของลูก แทนที่จะเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล มันเกิดอะไรขึ้นกับจิดสำนึกของแพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลสมุทรปราการแห่งนี้ครับ ผมขอถามทั้ง 2 ท่านนะครับ ว่าถ้ากรณีนี้เกิดขึ้นกับลูกของท่าน และ เกิดขึ้นกับลูกของ ผอ.โรงพยาบาลสมุทรปราการ นายแพทย์สัมพันธ์ คมฤทธิ์ ท่านจะรู้สึกอย่างไร
และขอสอบถามอีกเรื่องนะครับ เรื่องพรบ.รถ
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 บัญญัติใว้เกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่าย เป็น 2 กรณีดังนี้
1. หากรักษาตัวที่โรงพยาบาลสามารถแจ้งความจำนงกับโรงพยาบาลในการใช้สิทธิพ.ร.บ.โดยมอบอำนาจให้ทางโรงพยาบาลเบิกค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นกับบริษัทประกันภัยได้เลย
2. หากไม่ได้รักษาตัวที่โรงพยาบาลแต่ผู้ประสบภัยสำรองจ่ายไปก่อนก็สามารถนำเอกสารไปตั้งเบิกกับบริษัทที่ทำประกันไว้ได้ภายใน 180 วันหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ
ในข้อที่1 ถ้าแปลความจากเจตนารมย์ของพรบ. การใช้คำว่า "โดยมอบอำนาจให้ทางโรงพยาบาลเบิกค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นกับบริษัทประกันภัยได้เลย"
ก็คือการที่ผู้ประสบเหตุหรือว่าคนไข้ มอบอำนาจให้ทางโรงพยาบาลไปดำเนินการเบิกค่ารักษาพยาาลที่เกิดขึ้นกับบริษัทประกันภัยได้เลย โดยที่คนไข้ไม่ต้องสำลองจ่าย ใช่หรือไม่
เพราะไม่มีข้อความไหนเลยที่บอกว่า ต้องให้คนไข้สำลองจ่ายก่อน แล้วไปทำเรื่องเบิกกับบริษัทประกันภัย
คำถามนะครับ กรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล ทำไมทางโรงพยาบาลต้องเรียกเก็บเงินจากคนไข้ให้สำลองจ่ายก่อน แล้วให้ไปทำเรื่องเบิกกับบริษัทประกันภัยทีหลัง
ประเด็นนี้มันขัดกับเจตนารมย์หรือวัตถุประสงค์ของพรบ.หรือไม่ ที่ว่า เป็นการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ และหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ก็สามารถที่จะรักษาได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ถ้าไม่มีเรื่องพรบ.นี้เข้ามา คนที่ประสบเหตุฏ้ไม่ต้องเดือดร้อน นี่หรือครับ เป็นการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ผู้ประสบหตุบางคนไม่มีเงินที่จะสำลองจ่ายเลย ต้องวิ่งไปหากู้เงินดอก ร้อยละ 20 ต่อเดือน มาสำลองจ่ายให้กับทางโรงพยาบาลก่อน แล้วกว่าจะวิ่งทำเรื่องเบิกคืนจากบริษัทประกันภัยได้ ต้องจัดหาเอกสานกันวุ่นวายไปหมด เอกสารไม่ครบก็เบิกไม่ได้ เงินกู้มาก็ต้องจ่ายดอกร้อยละ 20 ทุกเดือน นี่หรือครับพรบ.นี้ออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ คนไม่มีเงินสำลองจ่ายมีมากมายเหลือเกิน ที่เจอปัญหานี้ พวกท่านที่เป็นผู้บริหารระดับสูง ทำมองเห็นปัญหาเหล่านนีบ้างไหมครับ
ส่วนการเบิกตรงของข้าราชการก็เช่นกัน ถ้าเป็นกรณีอุบัติเหตุจากรถ ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยหรือ คนเป็นข้าราชการ ชั้นผู้น้อยมีอีกจำนวนไม่น้อยที่เงินเดือนแทบจะไม่พอกินในแต่ละเดือน แต่เมื่อเกิดเหตุกลับทำเรื่องเบิกตรงไม่ได้
ผมขอร้องให้ท่านทั้ง 2 ช่วยพิจารณาและหาคำตอบเรื่องราวทั้งหมดที่ผมร้องเรียนมาและตั้งเป็นประเด็นคำถามมา ให้แก่ผมและคนยากคนจนอีกมากมายที่ประสบกับปัญหาตามที่ผมอธิบายมาทั้งหมดด้วยนะครับ
การเขียนของผมมันอาจจะดูเหมือนวกไปวนมา ไม่ได้เรียบเรียงเป็นประเด็นตามที่ควร แต่ทั้งหมดทั้งปวงผมเชื่อวาคนที่มีหัวอกความเป็นพ่อคนทั้งหลาย คงไม่ได้แตกต่างไปจากความรู้สึกที่ผมได้เขียนมาทั้งหมดนี้เท่าใดนัก
เรื่องใดเป็นใดที่เกี่ยวกับพรบ. ถ้าท่านเห็นตรงกับผม ผมก็ขอฝากท่านทั้ง2 ให้นำไปพิจารณา หาทางแก้ไขได้หรือไม่
เรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและโปรดดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่อง จริยธรรมแพทย์ของโรงพยาบาลสมุทรปราการ ให้ผมด้วยครับ
ขอขอบคุณล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้ครับ
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง