คุณสมบัติของเจ้านายในอุดมคติของลูกจ้างคนหนึ่ง

ที่ตั้งกระทู้นี้ก็เพื่อบอกเล่าเรื่องราว การทำงานของตัวเองในมุมมอง ลูกน้องกับเจ้านาย เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านมานานแล้ว ตอนเราอายุผ่านการใช้ น.ส.มาได้ไม่กี่ปี  หลังจากจบม.ต้น เรากับครอบครัวต้องผจญภาวะที่หนักหน่วงเนื่องจากเสียหัวหน้าครอบครัว ต้องขายบ้าน และอะไรมากมายที่พัดเข้ามาเหมือนพายุ พัดไปจนทุกอย่างราบคาบ เรามาเช่าห้องเล็กๆอยู่กัน และฉันก็ต้องหางานเลยทันที จำได้ว่าไปทำงานหลายอย่างมาก แต่เพราะความที่ไม่มีประสบการณ์ แม้การเป็นพนักงานเสริฟก็ทำพลาดจนโดนให้ออกตั้งแต่วันแรก ........... ป้ายประกาศในวันนั้นที่ติดหน้าร้านเปลี่ยนชีวิตเราทันที ในวันที่เราไม่รู้ว่าจะบอกแม่ยังไงว่าเรายังหางานทำไม่ได้เลย เงินก็ไม่มี ไม่อยากขอแม่มามากด้วย เพราะก็ยังหารายได้มาไม่ได้ แม่ก็มีภาระค่าใช้จ่ายเยอะด้วย ที่หน้าร้านเป็นป้าย"รับสมัครพนักงาน"
เป็นร้านเช่าวีซีดีเล็กๆ หน้าปากซอย เราไม่รอช้า ทำอะไรที่เป็นงานได้ก็ทำไปก่อนเถอะ ตอนแรกยอมรับนะว่าทำไปเพื่อให้แม่สบายใจ .....และพี่คนนึงที่อยู่ที่ร้านก็บอกว่าเจ้าของยังไม่มา ให้มาตอนเย็นอีกที เราเลยมาสมัครตอนเย็นพร้อมวุฒิ และเอกสาร สิ่งแรกที่เจอเลยนะเป็นภาพแรกที่เราเจอกับเจ้านาย  

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

"มาสมัครงานเหรอ จบไรมา ไม่เรียนต่อแล้วเหรอ " นี่คือคำถามแรกที่ถามเรา "เออ จะมาทำก็มาทำพรุ่งนี้เลยนะพี่มาเปิดร้าน ตอนเก้าโมงหน่ะ เลิกสี่ทุ่ม"
วันต่อมาเราก็นั่งมอไซด์มาหน้าปากซอย อ้าว....ร้านยังไม่เปิด เรารอตั้งแต่เก้าโมงยันจะสิบเอ็ดโมง เลยตัดสินใจโทรตู้สาธารณะไปที่เบอร์มือถือที่ให้มาเมื่อวาน คำตอบคือ"เออ kuลืม" แล้วก็ขี่มอไซด์มาในสภาพกรึ้มๆ
วันแรกบอกงานต้องทำแบบนี้นะ ปัด กวาดร้าน แล้วก็เวลาคนจะมาเช่าก็ทำแบบนี้ และตอนแรกๆเราจะเป็นโรคไม่ถูกโฉลกกับเจ้าหมาตัวยักษ์ ที่เวลาเราจะเข้าไปหลังร้านมันจะเห่าแยกเขี้ยวใส่ทันที จนเรากลัวอ่ะ กลัวได้ไม่กี่วันก็ต้องทำใจเพราะถ้าจะทำงานก็ต้องเจอมันทุกวัน ก็เลยพยายามใจดีสู้หมา

พอมารู้ว่าที่มันเป็นแบบนี้เพราะลูกมันตาย มันคิดว่าคนจะมาเอาลูกมันไปเลยเห่า ก็เลยไม่กลัวตอนหลังเขาเอาลูกหมามาเลี้ยงอีกตัว เลยอุ้มไอ้ลูกหมาตัวนี้เป็นตัวประกันเพราะมันคิดว่าลูก อุ้มจนมันยอม
ตอนที่เรากลัวมากอ่ะ พี่ อ. ก็มาช่วยกันหมาให้เราไปเอาไม้ถูพื้น  แถมบอกอีก kuไม่ได้มากั้นให้ยิ้มได้ทุกวันนะโว้ย...เราก็ทำงานจนผ่านไปสองเดือน จากที่โดนแม่เขาเอาไปเปรียบเทียบกับลูกจ้างคนเก่าว่าทำดีกว่าอย่างนู้นนี้เอาคนใหม่ ไม่ได้เรื่องมาทำไม ฝ่าฟันมาได้จนแม่เค้าเงียบไป ไม่ค่อยมายุ่งกับร้าน แค่มาเช็คงานหลังเลิกงานแค่นั้น

เรื่องที่1  "คำขอโทษ"
จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง พี่อ.หงุดหงิดอะไรมาไม่รู้ เดินเข้ามา ด่าเราปึงปัง แถมยังด่าเราไอ้โง่ ไอ้ฟายยย แล้วก็เขกหัวเรา จำได้เจ็บมาก แบบน้ำตาไหลเลย ผลคือเพราะไม่รู้ว่าเราทำผิดอะไร เราเลยไม่อยากถามตอนพี่ อ.หงุดหงิด ในใจตอนนั้นคือไม่ทำแม่มแล้ว เหตุผลอะไรก็ไม่บอก กลับบ้านเลย กลับบ้านก็มาขอโทษแม่เล่าให้แม่ฟัง หยุดไปได้หนึ่งวัน มอไซด์รับจ้างที่คอยส่งของที่ร้านอ่ะ แล้วเขารู้จักกับแม่มาตามถึงหน้าห้องเช่า
บอกพี่อ.ให้มาตาม บอกจะไปทำงานไม๊...แม่ออกไปเล่าให้ฟัง พี่แกโมโหเลยอ่ะ บอกไอ้ อ.มันทำแบบนี้ได้ไง บอกจะไปเอาเรื่อง แต่แม่ห้ามไว้
แล้วเขาก็คงไปคุยกันนั้นแหละว่าเพราะอะไร วันรุ่งขึ้นไปที่ร้านเห็นร้านล๊อคอยู่ ในใจคิดแล้วจะทำต่อไปทำดี แต่คิดไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงมอไซด์  พี่อ.นั้นเอง แกอ้ำอึ้งเดินเข้ามา สีหน้าแปลกๆ เหมือนไม่รู้จะพูดยังไง ถามเราว่า ไม่สบายเหรอหายไปหลายวัน สิ่งที่สองไม่ใช่คำต่อว่า แต่คือคำขอโทษ ....คำขอโทษจากปากเจ้านาย "ที่วันนั้นทำรุนแรงไปกับเอ็งอ่ะ ku ขอโทษด้วยละกัน " แค่คำขอโทษคำนั้นคำเดียวนั้นแหละ ทำใหเราน้ำตาซึมเลยนะ ความจริงเจ้านายไม่จำเป็นต้องมาขอโทษลูกน้องก็ได้  (แต่ความจริงหากคุณเป็นเจ้านาย การขอโทษแค่คำเดียวเมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิดต่อลูกน้องก็อาจทำให้สถานการณ์ดีขึ้น)

เรื่องที่2 "ลูกจ้างคือคนในครอบครัว"
หลังจากวันนั้นเราก็ไปทำงานกันตามปกติโดยไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก  พี่อ. และแม่เขา มาสอนงานเราจนคล่องแล้ว บางทีก็ช่วยพี่สะใภ้พี่อ. เด็ดพริกทำอาหาร บางทีก็ช่วยพี่อ. ทำของไปขายที่แผงในตลาด ทุกๆครั้งที่เรามีความจำเป็นต้องใช้เงิน หรือ ไปเรียนพี่อ.จะให้เราเบิกก่อน หรือ หยุดในวันที่เราจำเป็น บางทีก็จะซื้อของมาให้บ้าง ตอนมีงานปีใหม่ก็ช่วยกันจัดร้าน  และก็จะเห็นแกไปแดนซ์ หน้าวงหมอลำกับเพื่อนๆ แกไม่เคยมองตัวเองเป็นเจ้านาย อยู่กันแบบ พี่น้องมันสนุกแบบนี้นี่เอง จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง เราโดนเรื่องลิขสิทธิ์ที่ร้าน ก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก จำได้เครียดมากนั่งไปบนรถตำรวจ เขาบอกให้โทรหานายก็โทร แล้วพี่อ.ก็รีบมาที่ สน.ไปคุยๆกันกับตำรวจผลปรากฎค่าประกันก็หมื่นหนึ่ง
เราเดินคอตกกับบ้านกับพี่อ.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ พี่อ.หันมาถามเราที่เดินหน้าซีดๆว่า "ตกใจหล่ะสิ ระวังๆหน่อยละกัน[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พร้อมกับลูบหัวเรา ร้องไห้

เรื่องที่3 "แม้จะล้มก็ต้องส่งลูกน้องถึงฝั่ง"

ช่วงปีท้ายๆ หลังจากที่เราทำงานกับพี่อ. มีร้านวีซีดีร้านใหญ่ ร้านใหม่กิ๊กมาเปิดฝั่งตรงข้าม ราคาถูก เราจึงต้องปรับกลยุทธ์การเช่ากัน จากแผ่นละ30 ต้องลดลงมา20 และ 15
จากยอดที่เคยถึงพันกว่าบาทต่อวัน ตอนช่วงแรกๆทำงาน วันนี้บางวันกลับไม่ถึงสองร้อย ....ทนอยู่แบบนั้นกันสองดือน จนต้องตัดสินใจ ปิดร้านเหอะ ไม่ไหวแล้ว เพราะค่าลิขสิทธิ์ที่จ่ายๆก็อานมากแล้ว ในเมื่อรับสถานการณ์ไม่ไหว ก็จำใจต้องปิดร้าน วันที่จะปิดร้านแกมาพูดกับเราตั้งแต่เช้าจรดเย็น แกมาเดินขอโทษเรา  ขอโทษนะ ....kuยื้อไม่ไหวแล้วหว่ะ ให้อภัยkuด้วยนะ เดินมาพูดหลายรอบมาก เราไม่ได้โกรธไร พี่ อ.แกหรอก เพราะเราดูก็ไม่ไหวจริงๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นบอกแม่ยังไงดี พอสี่ทุ่มประตูร้านเลื่อนลงครึ่งนึง แกเดินถือเบียร์เข้ามา ขอโทษเราอีกครั้ง จะกลับแล้วเหรอ เออ ถ้ายังหางานไม่ได้มาช่วยkuย้ายของก่อนก็ได้ เย็นอ่ะ เดี๋ยวkuให้ค่าจ้าง .........เราตอบรับ อยากไปแบบสวยๆด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พยายามอดกลั้นแบบสุดๆแล้ว พอลอดประตูเหล็กออกมาได้แค่นั้นแหละ น้ำตามันพรูออกมาเลย ไม่ใช่เพราะว่าต้องตกงาน แต่การเริ่มใหม่กับเจ้านายดีๆ ที่รักเราแบบครอบครัว แบบพี่น้อง คงไม่มีอีกแล้ว ....
เพราะความที่ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ เพราะไม่อยากให้พี่ อ. ต้องกังวล เลยรีบหางานจนกระทั่งได้งานไม่ไกลจากที่เดิมมาก แต่พี่อ.ก็ยังให้มาช่วยจัดของให้หลังเลิกงาน แกบอกว่า"ดีแล้ว...หวังว่าเขาคงเลี้ยงแกรอดนะ " แถมยังพูดแซว ไม่ไปทำร้านเค้าเจ๊งอีกหล่ะ.... วันที่ได้เสื้อทำงาน แล้วเดินเข้าไปในร้านที่ปิดตัวไปแล้ว พี่อ.พูดขึ้นแค่ว่า ใส่ขึ้นนะ  แต่ก็เห็นรอยยิ้มของแกออกมา

บทสรุป คือที่เราเขียนมาอ่ะนะ อดีตเจ้านายเราอาจจะไม่ได้เป็นคนดีมากเท่าไหร่ คือจะบอกว่ถ้ามองภายนอกอาจทำตัวไม่สมเป็นคนที่จะคุมลูกน้องได้เลย แต่ในความจริงแล้วถึงเขาจะบริหารงานผิดพลาด หรือมีเหตุการณ์ที่ทำให้ร้านต้องปิดตัวลง เราอยากบอกเขาว่าเราไม่เคยโกรธเจ้านายคนนี้เลยที่เราต้องตกงาน เขาอาจจะไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าเขาสามารถบริหารลูกน้องได้ดีมาก การให้ความรัก ความผูกพันธ์ทำงานกันเป้นทีมเหมือนพี่เหมือนน้อง การที่รู้จักขอโทษลูกน้องเมื่อตัวเองทำผิด การรู้จักเป็นห่วงลูกน้อง รู้จักรับผิดชอบและแก้ไขสถานการณ์ให้ลูกน้อง นั้นคือ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

วันนี้เจ้านายอาจจะไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯ เราอาจจะไม่ได้ติดต่อกันอีกแล้ว หรือไม่ได้พบหน้ากันอีก เจ้านายอาจทำธุรกิจอยู่ที่บ้านเกิดกับครอบครัว หรืออาจจะมีลูกน้องใหม่ รู้จักเอาความผิดพลาดมาแก้ไขปรับปรุง แล้วรู้จักที่จะลุกทันทีเมื่อหกล้ม แค่อยากจะบอกเจ้านายว่าเราขอบคุณนะ ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างเลยที่ดีกับเรา เราดีใจมากที่ครั้งหนึ่งได้ร่วมงานกัน ไม่ว่าจะอยู่ต่างที่ ต่างทางของประเทศไทย แต่เจ้านายก็ยังทำให้เราคิดถึงได้เสมอ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่