คือไม่มีไรมาก อยากระบาย
แบบว่าผมคนนึงที่เป็นคนชอบทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านเขา ซึ่งท่าเรียกกันตรงๆเลย ก็ผ่าเหล่า แหกคอกนี่ล่ะ
ตั้งแต่จำความได้ ผมมีนิสัยไม่ค่อยยุ่งสุงสิงกับใครมาก ไม่ค่อยมีเพื่อน ชอบเล่น-วาดรูปคนเดียว
โตมาก็ยังติดนิสัยแบบนั้นอยู่ เป็นเพราะว่า ผมทำอะไรไม่ค่อยเหมือนใครนี่ล่ะ อย่างเช่นเขียนหนังสือมือซ้าย(แค่นี้ก็แปลกแล้ว)
คนอื่นเลยชอบมองผมแปลกๆ
ทีนี้มันเลยกลายเป็นปัญหาของผมที่ไม่กล้าจะเข้าหาใคร เวลาปรกติก็จะเงียบๆแต่ท่าลองได้ให้แสดงออกหรือใช้ความคิดอะไรขึ้นมา
ผมก็มักจะทำหรือคิดอะไรที่มันสุดโต่งออกมา ทำและคิดที่คนอื่นเขาไม่คิดเหมือนกัน คนอื่นก็มักจะมองว่าผมบ้าบ้างล่ะ แหกกรอบบ้างล่ะ
ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดว่ามันแปลกตรงไหนนะ แค่คิดต่าง แต่ยังโชคดีที่มีเพื่อนๆพี่ๆเข้าใจผมอยู่บ้าง ไม่งั้นเครียดตาย(ปรกติก็เครียดอยู่แล้ว)
แล้วสิ่งนึงที่ผมเกลียดที่สุดคือมีคนมาบงการและดูถูกผม
คืออยากจะบอกว่าผมเลี้ยงตัวเองตั้งแต่อายุ14 เพราะผมไม่ชอบอยู่ในกฏ แม่ให้เรียนต่อม.ปลายก็ไม่ยอมเรียน
อยากออกมาหางานทำที่กรุงเทพ ก็เลยหนีออกจากบ้านมาอยู่กรุงเทพ ช่วงแรกๆก็อาศัยอยู่บ้านญาติบ้าง บ้านพ่อบ้าง
(ซึ่งพ่อผมอยู่กับแม่เลี้ยงทะเลาะกับ

ทุกวัน) พ่อให้เข้า รร.นายจ่าก็ไม่เรียน(พ่อเป็นทหาร) ก็ต้องหนีออกจากบ้าน เร่ร่อน นอนข้างถนนอยู่พักนึง
โชคดีที่มีคนเมตตา ชวนไปอยู่วัด(ย่านสะพานควาย) เลยได้เป็นเด็กวัด อาศัยข้าวและกุฎิหลวงพี่อยู่ ช่วงนั้นก็เริ่มทำงานเล็กๆน้อยๆ วันละ150
จนมีโอกาศได้ทำงานเป็นเด็กยกของ(เซทอัพ)ในกองถ่ายของเวริคพอยท์ซึ่งสมัยนั้นยังใช้สตูแถวปากเกร็ด แล้วก็ทำมาหลายอาชีพ
ทำมาเรื่อยๆ ทั้งเด็กเสริฟ
เคยมีคนพูดกับผม ดูถูกผม(รวมทั้งคนในบ้าน)ว่า จบแค่ ม.3 จะไปทำอะไรกิน ขับวินหรอ เด็กเสริฟหรอ
ซึ่งตอนนี้ผมก็ทำให้เขาเห็นแล้วว่า คนที่เขาดูถูกไว้เมื่อ12ปีก่อน ตอนนี้มันทำได้แล้ว
ตอนนี้ผมอายุ26 มีบ้าน+มีรถยนต์+ER ทำอาชีพเป็นEditor บ.เล็กๆแห่งหนึ่ง +ช่างภาพอิสระ+กิจการส่วนตัว(ร้านกาแฟ)
รายได้รวมๆเดือนนึงก็แสนหน่อยๆ(ซึ่งภาระก้เยอะเช่นกัน) เดี๋ยวนี้ผมกลับบ้านแม่ที่ ตจว ที
ก็มีทั้งคนอิจฉาและชื่นชมที่ผมสามารถลบคำสบประมาทเขาไว้ได้
******เพิ่มเติมนิดนึง ผมไม่ได้จบสายสามัญมาโดยตรง
แต่จบทางธรรมแล้วสอบเทียบสายสามัญแล้วเรียนอีกครึ่งเทอม
ผมเคยบวชเรียนตอน จบ ป.6 จากบวชภาคฤดูร้อนที่กำแพงเพชร
แล้วก็มาเรียนต่อที่วัดหัวคู้ว แถวลาดกระบัง เรียนนักธรรม-บาลี จนได้ ปธ.3
ท่าเอาง่ายๆ ท่าเรียกผมว่า มหา ก็ไม่แปลก
(ซึ่งเทียบเท่ากับวุติ ม.3ของทางโลก) ซึ่งพระที่บวชมาหลายพรรษาก่อนหน้าผม
ยังไม่เคยได้เปรียญธรรม3
ตอนผมบวชเรียน ผมก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนนะ ชอบหลับในห้องเรียน โดนพระอาจารย์
เขกหัวประจำ เพราะผมมีนิสัยที่ชอบแหกกรอบคนอื่นมาตั้งแต่เด็ก
เช่น ผมอ่านหนังสือไม่ออกจนเข้า ป.1 พออ่านออกแค่นั้นล่ะ
ผมชอบไปห้องสมุด เอาหนังสือของ ป2-3-4-5-6 มาอ่านล่วงหน้า
เวลาเรียนผมเลยไม่ตั้งใจเรียน เพราะคิดว่า ก็กูรู้แล้วอ่ะ
แล้วเถียงครูบ่อยเวลาสอนเพราะครูชอบสอบผิด
ตอนบวชเรียนก็เหมือนกัน คนอื่นเขาเรียนอยู่ที่ นธ.ตรี ปธ.1-2
ผมก็ชอบไปอ่านหนังสือของพวก นธ.โท-เอก ปธ. 4-5-6-7-8-9
แล้วนิสัยดื้อด้าน ผมก็เป็นมาตั้งแต่เด็ก โดนแม่ ยาย น้า ครู ตีเอา
ทั้งจับมัดกะต้นไม้ โดนทั้งสายไฟ ไม้แขวนเสื้อ เข็มขัด ก็ไม่เคยเข็ด จนเขาระอา
มาบวช ก็ดื้อจนพระพี่เลี้ยงตี ทั้งหวาย ทั้งหางกะเบน ก็ไม่เข็ดเช่นกัน
จนไม่มีใครเอาผมอยู่ ท่าเป็นคนอื่น เขาอาจจะตัดหาง แต่ผมมีดีตรงที่ว่า
ผมความจำดีและสร้างชื่อให้กับวัด
***เป็นสามเณรที่ได้ ป.ธ.3 ติด1ใน3ของจังหวัด สมุทรปราการ
***ท่องจำปาติโมกข์และพระไตรปิฎกได้ภายในเวลา2อาทิตย์
(ซึ่งพระที่บวชมา10พรรษารวมทั้งพระอาจารย์ยังต้องเปิดหนังสือ)
ท่าผมยังบวชต่อตอนนั้น ป่านนี้ผมอาจจะได้ ปธ.9
และได้เป็นนาคหลวงตอนบวชพระแล้วล่ะ แต่อาจจะเป็นที่ว่า
บุญมีแต่กรรมมาบัง พอมาอยู่ในเมือง สิ่งจอมปลอมต่างๆมันลวงตา
ทำให้ผมเกิดกิเลศ จนขอพระอาจารย์สึก ซึ่งแน่นอน สร้างชื่อให้กับวัดยังงี้
ใครจะให้สึก ไปที่วัดต้นสังกัด เขาก็ไม่ให้สึก เพราะเขาอยากให้เรียนต่อ
จนผมต้องหนีไปสึกกับต้นโพธิ์(เลียนแบบขุนแผนซะงั้น)

ถึงได้บ้าๆบอๆยังงี้ไง
แต่ความจริงแล้วในทางศาสนา ไม่ถือว่าผิด เพราะมีพระและเณรด้วยกันรับรู้
เพราะสมัยพระพุทธเจ้าก็ทำกันแบบนี้
------------------------------------------------------------------------
ก็นั่นล่ะ นิสัยดื้อด้าน แหกคอกของผม มันเป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เด็กละ
ซึ่งก็ไม่มีใครเอาผมอยู่ท่าผมจะทำอะไร เพราะผมจะทำก็เมื่ออยากทำ
ชีวิตจริง ยิ่งกว่าในนิยาย ชีวิตผู้ชายคนนึงกับนิสัย"แหกกรอบ"
แบบว่าผมคนนึงที่เป็นคนชอบทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านเขา ซึ่งท่าเรียกกันตรงๆเลย ก็ผ่าเหล่า แหกคอกนี่ล่ะ
ตั้งแต่จำความได้ ผมมีนิสัยไม่ค่อยยุ่งสุงสิงกับใครมาก ไม่ค่อยมีเพื่อน ชอบเล่น-วาดรูปคนเดียว
โตมาก็ยังติดนิสัยแบบนั้นอยู่ เป็นเพราะว่า ผมทำอะไรไม่ค่อยเหมือนใครนี่ล่ะ อย่างเช่นเขียนหนังสือมือซ้าย(แค่นี้ก็แปลกแล้ว)
คนอื่นเลยชอบมองผมแปลกๆ
ทีนี้มันเลยกลายเป็นปัญหาของผมที่ไม่กล้าจะเข้าหาใคร เวลาปรกติก็จะเงียบๆแต่ท่าลองได้ให้แสดงออกหรือใช้ความคิดอะไรขึ้นมา
ผมก็มักจะทำหรือคิดอะไรที่มันสุดโต่งออกมา ทำและคิดที่คนอื่นเขาไม่คิดเหมือนกัน คนอื่นก็มักจะมองว่าผมบ้าบ้างล่ะ แหกกรอบบ้างล่ะ
ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดว่ามันแปลกตรงไหนนะ แค่คิดต่าง แต่ยังโชคดีที่มีเพื่อนๆพี่ๆเข้าใจผมอยู่บ้าง ไม่งั้นเครียดตาย(ปรกติก็เครียดอยู่แล้ว)
แล้วสิ่งนึงที่ผมเกลียดที่สุดคือมีคนมาบงการและดูถูกผม
คืออยากจะบอกว่าผมเลี้ยงตัวเองตั้งแต่อายุ14 เพราะผมไม่ชอบอยู่ในกฏ แม่ให้เรียนต่อม.ปลายก็ไม่ยอมเรียน
อยากออกมาหางานทำที่กรุงเทพ ก็เลยหนีออกจากบ้านมาอยู่กรุงเทพ ช่วงแรกๆก็อาศัยอยู่บ้านญาติบ้าง บ้านพ่อบ้าง
(ซึ่งพ่อผมอยู่กับแม่เลี้ยงทะเลาะกับ
โชคดีที่มีคนเมตตา ชวนไปอยู่วัด(ย่านสะพานควาย) เลยได้เป็นเด็กวัด อาศัยข้าวและกุฎิหลวงพี่อยู่ ช่วงนั้นก็เริ่มทำงานเล็กๆน้อยๆ วันละ150
จนมีโอกาศได้ทำงานเป็นเด็กยกของ(เซทอัพ)ในกองถ่ายของเวริคพอยท์ซึ่งสมัยนั้นยังใช้สตูแถวปากเกร็ด แล้วก็ทำมาหลายอาชีพ
ทำมาเรื่อยๆ ทั้งเด็กเสริฟ
เคยมีคนพูดกับผม ดูถูกผม(รวมทั้งคนในบ้าน)ว่า จบแค่ ม.3 จะไปทำอะไรกิน ขับวินหรอ เด็กเสริฟหรอ
ซึ่งตอนนี้ผมก็ทำให้เขาเห็นแล้วว่า คนที่เขาดูถูกไว้เมื่อ12ปีก่อน ตอนนี้มันทำได้แล้ว
ตอนนี้ผมอายุ26 มีบ้าน+มีรถยนต์+ER ทำอาชีพเป็นEditor บ.เล็กๆแห่งหนึ่ง +ช่างภาพอิสระ+กิจการส่วนตัว(ร้านกาแฟ)
รายได้รวมๆเดือนนึงก็แสนหน่อยๆ(ซึ่งภาระก้เยอะเช่นกัน) เดี๋ยวนี้ผมกลับบ้านแม่ที่ ตจว ที
ก็มีทั้งคนอิจฉาและชื่นชมที่ผมสามารถลบคำสบประมาทเขาไว้ได้
******เพิ่มเติมนิดนึง ผมไม่ได้จบสายสามัญมาโดยตรง
แต่จบทางธรรมแล้วสอบเทียบสายสามัญแล้วเรียนอีกครึ่งเทอม
ผมเคยบวชเรียนตอน จบ ป.6 จากบวชภาคฤดูร้อนที่กำแพงเพชร
แล้วก็มาเรียนต่อที่วัดหัวคู้ว แถวลาดกระบัง เรียนนักธรรม-บาลี จนได้ ปธ.3
ท่าเอาง่ายๆ ท่าเรียกผมว่า มหา ก็ไม่แปลก
(ซึ่งเทียบเท่ากับวุติ ม.3ของทางโลก) ซึ่งพระที่บวชมาหลายพรรษาก่อนหน้าผม
ยังไม่เคยได้เปรียญธรรม3
ตอนผมบวชเรียน ผมก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนนะ ชอบหลับในห้องเรียน โดนพระอาจารย์
เขกหัวประจำ เพราะผมมีนิสัยที่ชอบแหกกรอบคนอื่นมาตั้งแต่เด็ก
เช่น ผมอ่านหนังสือไม่ออกจนเข้า ป.1 พออ่านออกแค่นั้นล่ะ
ผมชอบไปห้องสมุด เอาหนังสือของ ป2-3-4-5-6 มาอ่านล่วงหน้า
เวลาเรียนผมเลยไม่ตั้งใจเรียน เพราะคิดว่า ก็กูรู้แล้วอ่ะ
แล้วเถียงครูบ่อยเวลาสอนเพราะครูชอบสอบผิด
ตอนบวชเรียนก็เหมือนกัน คนอื่นเขาเรียนอยู่ที่ นธ.ตรี ปธ.1-2
ผมก็ชอบไปอ่านหนังสือของพวก นธ.โท-เอก ปธ. 4-5-6-7-8-9
แล้วนิสัยดื้อด้าน ผมก็เป็นมาตั้งแต่เด็ก โดนแม่ ยาย น้า ครู ตีเอา
ทั้งจับมัดกะต้นไม้ โดนทั้งสายไฟ ไม้แขวนเสื้อ เข็มขัด ก็ไม่เคยเข็ด จนเขาระอา
มาบวช ก็ดื้อจนพระพี่เลี้ยงตี ทั้งหวาย ทั้งหางกะเบน ก็ไม่เข็ดเช่นกัน
จนไม่มีใครเอาผมอยู่ ท่าเป็นคนอื่น เขาอาจจะตัดหาง แต่ผมมีดีตรงที่ว่า
ผมความจำดีและสร้างชื่อให้กับวัด
***เป็นสามเณรที่ได้ ป.ธ.3 ติด1ใน3ของจังหวัด สมุทรปราการ
***ท่องจำปาติโมกข์และพระไตรปิฎกได้ภายในเวลา2อาทิตย์
(ซึ่งพระที่บวชมา10พรรษารวมทั้งพระอาจารย์ยังต้องเปิดหนังสือ)
ท่าผมยังบวชต่อตอนนั้น ป่านนี้ผมอาจจะได้ ปธ.9
และได้เป็นนาคหลวงตอนบวชพระแล้วล่ะ แต่อาจจะเป็นที่ว่า
บุญมีแต่กรรมมาบัง พอมาอยู่ในเมือง สิ่งจอมปลอมต่างๆมันลวงตา
ทำให้ผมเกิดกิเลศ จนขอพระอาจารย์สึก ซึ่งแน่นอน สร้างชื่อให้กับวัดยังงี้
ใครจะให้สึก ไปที่วัดต้นสังกัด เขาก็ไม่ให้สึก เพราะเขาอยากให้เรียนต่อ
จนผมต้องหนีไปสึกกับต้นโพธิ์(เลียนแบบขุนแผนซะงั้น)
แต่ความจริงแล้วในทางศาสนา ไม่ถือว่าผิด เพราะมีพระและเณรด้วยกันรับรู้
เพราะสมัยพระพุทธเจ้าก็ทำกันแบบนี้
------------------------------------------------------------------------
ก็นั่นล่ะ นิสัยดื้อด้าน แหกคอกของผม มันเป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เด็กละ
ซึ่งก็ไม่มีใครเอาผมอยู่ท่าผมจะทำอะไร เพราะผมจะทำก็เมื่ออยากทำ